วันแห่งความรัก
เขียนโดย กุหลาบราตรี
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 11.22 น.
แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 12.29 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) วันแห่งความรัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความยามเช้าที่แสนสดใสและเงียบท่ามกลางความว่างในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในช่วงปิดเทอมมานานหญิงสาวในชุดนักเรียนมายืนอยู่ที่ลานกว้างซึ่งมีโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งถูกเขียนไว้บนนั้นเพียงตัวเดียวที่ยังสะอาดไม่มีเศษใบไม้ล่วงหล่นลงมาบนโต๊ะและรอยปากกานั้นก็ยังคงอยู่
“นัท นัทเป็นอะไรวะเหม่อตลอดเลย” เพื่อนสาวคนหนึ่งที่มาด้วยถามด้วยความแปลกใจ
“เปล่า”
“แน่ใจนะ”
“อือ...แน่ใจ”
หญิงสาวเดินกลับจากโรงเรียนบนทางเดินที่ว่างเปล่าพร้อมกับกดส่งข้อความหาใครบางคนซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครตอบกลับมาเลยยิ่งทำให้เธอจ้องมองด้วยแววตาเศร้าหมองพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามยามเย็นแล้วรีบเดินกลับบ้านทันที
บ้านหลังเล็กซึ่งเป็นบ้านเช่าที่อยู่กับเพื่อนสนิทสิงคนเท่านั้นก็คือส้มที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก นัทเป็นเด็กเงียบและไม่ค่อยเชื่อใจใครทำให้ชีวิตรักของเธอไม่เรียบง่ายและไม่เหมือนคู่อื่นที่จะต้องสมหวังในตอนจบและบทเรียนในครั้งนั้นก็สอนให้เธอรู้ว่า “เมื่อมีเวลาจงพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป”
หลายปีก่อนหน้านี้...
“เฮ้ย! นัทผู้ชายคนนั้นจ้องมองแกตั้งนานแล้วนะฉันเห็นเขาแอบมองแกทุกวันเลยไม่ยอมใจอ่อนบ้างเหรอ” ส้มพูดหยอกเสียงใส
“ไม่ดีกว่า” ตอบเสียงอ่อย
ผู้ชายที่จ้องมองนัทตลอดเวลาคือมาร์คนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ฮอตพอสมควรเพิ่งย้ายมาใหม่ตั้งแต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อน แต่ผู้หญิงที่เขาแอบชอบไม่เคยเชื่อในความรักเพราะมีปมตั้งแต่เด็กเนื่องจากพ่อทิ้งแม่ไปแล้วแม่ของเธอก็ฆ่าตัวตายทำให้เธอกลายเป็นเด็กกำพร้าที่ตอนนี้อาศัยอยู่กับป้าข้างบ้าน
“นัทเราชื่อมาร์คนะ” ชายหนุ่มรีบแนะนำตัวก่อนเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องหน้านิ่งก็เริ่มใจแป้วขึ้นมา “เราเป็นเพื่อกันได้มั๊ย”
“อือ” ตอบพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร
หลังจากนั้นทั้งสองก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนถูกเพื่อนล้อแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะคบกันได้เลยจนกระทั่งอีกสามวันจะถึงวันวาเลนไทน์ นัทที่นั่งอ่านหนังสือที่ลานกว้างเริ่มปิดหนังสือแล้ววางไว้ข้างตังก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแก้เซ็งในช่วงพักเที่ยงที่อาจารย์ประชุมอยู่ในห้องพักครู
“นัทเธอเคยได้ยินตำนานของต้นไม้ที่หลังโรงเรียนป่ะ” มาร์คพูดขึ้นเสียงดัง
“แหม! มาร์คนายนี่ไม่รู้อะไรยะเพื่อนคนนี้เขาสนใจเรื่องความรักที่ไหนยะ” ส้มพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ฉันแค่เสียดายที่มันจะถูกโค่นทิ้งไปอุตส่าห์มีเรื่องเล่าว่าจะช่วยให้สมหวังในรักแท้เมื่อสองเดือนก่อนเคยมีคนมาสารภาพรักกันแล้วก็ได้เป็นแฟนกันจริงๆ ด้วยนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยความตื่นเต้น“ถ้าฉันจะนักเจอคนรักนะฉันจะมาเจอกันที่นั่นแหละ”
“นี่” ส้มเรียกพร้อมกับสะกิดคนที่กำลังเพ้อให้รู้ตัวทันที “ยัยน้องน้ำของนายมาแระ”
มาร์คและน้ำรุ่นน้องมอสามที่มาสารภาพรักกับชายหนุ่มแล้วได้เป็นแฟนกันจริงๆ จนหลายคนอิจฉาเดินเข้ามานั่งข้างแฟนหนุ่มแล้วแสดงความเป็นเจ้าของทันที
“พูดเรื่องอะไรกันอยู่คะ” ถามเสียงใส
“แหม! ใกล้วาเลนไทน์แล้วนี่เห็นนายชอบวาดภาพไม่ใช่เหรอแล้วอย่างนี้จะวาดภาพเป็นของขวัญน้องน้ำหรือเปล่า” นัทที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ฉันก็วาดส่งอาจารย์เท่านั้นเอง”
เพราะมาร์คมีแฟนแล้วสองสาวจึงไม่ค่อยสุงสิงด้วยเหมือนแต่ก่อนและวันนี้ภายในร้านหนังสือร้านประจำที่สองสาวชอบมานั่งอ่านเกือบทั้งวันในช่วงวันเสาร์อาทิตย์บ่อยๆ ก็เริ่มมีของขวัญวาเลนไทน์มาตั้งขายบางส่วนแล้วอีกทั้งกระดาษที่ใช้พับดาวหรือรูปต่างๆ พร้อมกับโหลแก้วที่คู่รักมักจะทำให้กันก็มีด้วย
วันต่อมาที่โรงเรียนซึ่งเป็นวันทีส้มไม่มาโรงเรียนเพราะป่วยเป็นไข้ทับระดูทำให้นัทต้องนั่งเรียนคนเดียวและกินข้าวคนเดียวแต่ที่แปลกคือมาร์คแยกจากแฟนสาวมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนทันทีพลางชวนคุยไปต่างๆ นานาอยู่นานจนถึงเวลาเข้าเรียน
“นัท...วันวาเลนไทน์อยากได้อะไรเหรอ” อยู่ๆ ก็ถามขึ้นมา
“ถามทำไม”
“เปล่า...แค่อยากรู้เฉยๆ”
“ไม่รู้ดิไม่อยากได้อะไรนี่” ตอบเสียงเรียบแล้วเดินเข้าห้องเรียนทันที
ช่วงเย็นที่โรงเรียนเลิกแล้วหญิงสาวที่นั่งอยู่ในห้องเรียนคนเดียวก็เดินออกมาแต่เมื่อเห็นมาร์คยืนอยู่หน้าห้องก็มองด้วยความแปลกใจเพราะความจริงน่าจะไปส่งแฟนที่บ้านซึ่งทำเป็นประจำแล้ว เธอเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับพูดทักทายเสียงดังเมื่อเห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนไปก็มองอยู่อย่างนั้น
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า”
“แล้วมายืนตรงนี้ทำไมไม่ไปส่งน้องน้ำเหรอ” ถามเสียงใส
“เขาอยากกลับพร้อมเพื่อน”
“มีอะไรก็บอกกันได้นะยังไงก็เป็นเพื่อนกัน” เพราะคำพูดนี้ยิ่งทำให้คนที่ได้ยินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วเดินจากไปทันทีจนคนที่ไม่รู้เรื่องมองตามด้วยความแปลกใจก่อนจะแยกไปอีกทาง
มาร์คหยุดเดินสักพักก่อนจะหันกลับมามองเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเดินแยกไปอีกทางก็ตัดสินรีบเดินกลับมาที่รถจักรยานซึ่งมักจะขี่มาโรงเรียนทุกวันทันที เขารีบขี่มันเร็วมากจนมาถึงที่หน้าอาคารซึ่งมีนัทเดินออกมาพอดีเธอมองด้วยความแปลกใจก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ อีกครั้ง
“กลับบ้านได้กันมั้ยทางบ้านเธอเปลี่ยวไม่ใช่เหรอนี่ก็เริ่มมืดแล้วนะอีกอย่างก็อยากไปเยี่ยมส้มด้วย”
นัทตัดสินใจกลับบ้านพร้อมมาร์คทันทีโดยที่ไม่พูดอะไรเลยเมื่อมาถึงบ้านก็ก็รีบบอกเรื่องที่น้องน้ำเห็นทั้งสองกลับบ้านพร้อมกันแล้วรีบให้ชายหนุ่มโทรไปอธิบายก่อนที่จะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้แต่อีกฝ่ายกลับเฉไฉแล้วรีบไปเยี่ยมส้มที่อยู่บ้านข้างๆ ซึ่งนอนซมเพราะพิษไข้อยู่
ในวันวาเลนไทน์ซึ่งทางโรงเรียนหยุดให้หนึ่งวันเพราะอาจารย์ต้องไปอบรมที่ต่างจังหวัดหลายคนและวันนี้มาร์คที่นั่งวาดภาพอยู่ในห้องชมรมก็ยังนั่งวาดอยู่อย่างนั้นไม่มีวี่แววว่าจะไปไหนได้เลย
ช่วงเย็นของวันเดียวกันคนที่ไม่มีแฟนอย่างนัทและส้มก็นั่งคุยกันตามประสาเพื่อนไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งตอนที่ชวนกันไปร้านหนังสือก็เห็นน้องน้ำเดินไปกับผู้ชายคนอื่นทั้งสองที่มองตามด้วยความแปลกใจรีบโทรบอกมาร์คเรื่องนี้ทันทีแต่ไม่มีใครรับสาย
“หรือว่าสองคนนั้นจะเลิกกันจริงๆ” ส้มพูดเสียงเบาแต่ก็พอที่นัทจะได้ยิน
“ทำไมอยู่ๆ ถึงเลิกกันได้ล่ะ”
“เห็นเพื่อนของยัยน้องน้ำเล่าว่าพักหลังมาร์คไม่ค่อยสนใจไม่มีเวลาให้ไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่เหมือนแต่ก่อน...เออ...แล้ววันที่ไอ้มาร์คมาส่งแกนั่นแหละยิ่งทำให้สองคนนั้นทะเลาะกันใหญ่เลย” ส้มเล่าพร้อมกับมองหน้าเพื่อนด้วยความเห็นใจ
“แต่ว่า...ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อยก็เป็นเพื่อนกันนี่”
“แกน่ะไม่ได้คิดแต่มาร์คมันอาจจะคิดก็ได้นะเห็นบอกว่าวันพรุ่งนี้จะย้ายไปเรียนที่เดิมแล้วนี่ฉันว่าเหตุผลที่เลิกกันคงเป็นเพราะเรื่องเรียนต่อนี่แหละ”
นัทมองไปนอกร้านด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่ไหนสักแห่งซึ่งไม่มีใครรู้และเมื่อเดินมาถึงที่หน้าโรงเรียนซึ่งประตูเปิดอยู่เล็กน้อยก็รีบเดินเข้าไปทันทีก่อนจะไปมองไปที่ห้องชมรมวาดภาพเมื่อเห็นว่ามีไฟเปิดอยู่จึงรีบวิ่งเข้าไปดูแต่กลับไม่มีใครอยู่ในห้อง
ภายในห้องที่มีสีและอุปกรณ์วาดภาพเต็มไปหมดหญิงสาวค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างระมัดระวังโดยไม่ให้ของที่ตกอยู่บนพื้นกระจัดกระจายไปมากกว่านี้เมื่อเดินมาถึงที่หน้ารูปซึ่งมีผ้าขาวปิดอยู่เธอจ้องมองอยู่สักพักก่อนจะดึงผ้าผืนนั้นออกมาก็พบกับภาพของตัวเองที่กำลังนั่งอ่านหนังสือและเครื่องบันทึกเสียงที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ
‘แหม! ใกล้วาเลนไทน์แล้วนี่เห็นนายชอบวาดภาพไม่ใช่เหรอแล้วอย่างนี้จะวาดภาพเป็นของขวัญน้องน้ำหรือเปล่า’
‘ฉันก็วาดส่งอาจารย์เท่านั้นเอง’
‘นัท...วันวาเลนไทน์อยากได้อะไรเหรอ’
‘ถามทำไม’
‘เปล่า...แค่อยากรู้เฉยๆ’
‘ไม่รู้ดิไม่อยากได้อะไรนี่’
อยู่ๆ คำพูดของเขาก็แวบเข้ามาในหัวจนคนที่ยืนถือเครื่องบันทึกเสียงอยู่กดฟังเสียงอย่างไม่รู้ตัวและมันก็ขึ้นมาเป็นเพลงที่เขาร้องเองมีเพียงเสียงกีต้าร์และเสียงร้องของเขาที่ดังอยู่ในตอนนี้
‘วันแห่งความรัก ฉันมีให้เธอทุกวัน
ไม่ว่าอาทิตย์ถึงจันทร์ ไม่ว่าจะวันไหนๆ
ดอกไม้ ช่วยรับไปจากฉันที ให้เธอคนที่แสนดี
หนึ่งปีไม่มีครั้งเดียว ไม่เกี่ยวจะเป็นวันไหนยังไงก็รักเธอ
เคยรู้ตัวเป็นคนปากแข็ง รักแล้วไม่แสดงออกมา
ความหลังคอยเตือนให้รู้ว่า อย่าทำเมื่อตอนเสียไป
คำว่ารักแค่เพียงหนึ่งคำ พูดซ้ำๆพูดมันให้ชิน
ทุกวันถ้าเธอได้ยิน กับคำว่าฉันรักเธอ
วันวาเลนไทน์มันก็คงเป็นวันไม่สำคัญอีกต่อไป
เป็นวันธรรมดามันก็คงเป็นวันไม่พิเศษสำหรับฉัน
วันแห่งความรัก ฉันมีให้เธอทุกวัน
ไม่ว่าอาทิตย์ถึงจันทร์ ไม่ว่าจะวันไหนๆ
ดอกไม้ ช่วยรับไปจากฉันที ให้เธอคนที่แสนดี
หนึ่งปีไม่มีครั้งเดียว ไม่เกี่ยวจะเป็นวันไหนยังไงก็รักเธอ
วันแห่งความรัก ฉันมีให้เธอทุกวัน
ไม่ว่าอาทิตย์ถึงจันทร์ ไม่ว่าจะวันไหนๆ
ดอกไม้ ช่วยรับไปจากฉันที ให้เธอคนที่แสนดี
หนึ่งปีไม่มีครั้งเดียว ไม่เกี่ยวจะเป็นวันไหนยังไงก็รักเธอ
ก็รัก ฉันมีให้เธอทุกวัน
ไม่ว่าอาทิตย์ถึงจันทร์ ไม่ว่าจะวันไหนๆ
ดอกไม้ ช่วยรับไปจากฉันที ให้เธอคนที่แสนดี
หนึ่งปีไม่มีครั้งเดียว ไม่เกี่ยวจะเป็นวันไหนยังไงก็รักเธอ’
เมื่อเสียงเพลงได้จบลงไปหญิงสาวก็นั่งลงบนเก้าอี้พลางมองภาพของตัวเองพร้อมกับน้ำใสๆ ที่ไหลออกจากตาอย่างรวดเร็วเป็นเวลาเดียวกันที่เสียงนั้นเริ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง
‘เธอจำได้ใช่มั๊ยเรื่องต้นไม่ที่มันมีตำนานมันเป็นเรื่องจริงนะแล้วฉันก็ยังรอเธออยู่ที่นั่นทุกสิ้นปีฉันจะมารอเธอที่นั่น ฉันรักเธอนะรักมาตลอดแล้วก็คงรักใครไม่ได้ฉันคิดว่าแบบนั้นจริงๆ และถ้ามันจะช่วยพิสูจน์ให้เธอได้รู้ว่าฉันรักเธอจริงๆ ฉันจะขอใช้เวลาทั้งหมดเพื่อรอเธอตลอดไป’
ตั้งแต่วันนั้นนัทก็ก็ตั้งใจเรียนจนจบและเปิดร้านดอกไม้กับส้มโดยไม่เคยกลับไปต้นไม้นั้นทุกสิ้นปีเลยทำให้ไม่รู้ว่าในตอนนี้มาร์คจะยังรอเธออยู่หรือไม่แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวที่ยังไม่ยอมบอกความรู้สึกของตัวเองให้เขารับรู้ก็ได้แต่เก็บมันไว้ในใจจนมาถึงวันนี้วันวาเลนไทน์ที่ส้มกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่ทนความเอาแต่ใจของเธอได้ตลอดเวลา
“นัทแกจะไม่มีแฟนจริงๆ เหรอ” ส้มถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่”
“แกเลิกคิดว่าผู้ชายบนโลกนี้เขาจะเลวทุกคนได้แล้วทุกคนมันก็มีทั้งด้านดีแล้วก็ด้านร้ายถ้าแกเลือกที่จะมองแต่ด้านร้ายของเขาแล้วเมื่อไหร่แกจะมองเห็นด้านดีของเขาวะ”
“หมายความว่ายังไง” ถามเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ
“มาร์คมันรักแกแต่แกรักมันหรือเปล่าไหนเคยบอกไงว่าเกลียดพ่อที่ทำร้ายแม่แต่ตอนนี้แกกำลังทำตัวเหมือนพ่อตัวเองนะเว้ย รู้ตัวมั้ยว่ากำลังร้ายคนอื่นเลิกอคติเถอะลองเปิดใจแล้วก็ไว้ใจคนอื่นบ้างบางทีมันอาจจะมีความสุขกว่าตอนที่อยู่คนเดียวอีกนะนี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วลองใช้หัวใจนำทางบ้างเถอะ” เพื่อนสาวแนะนำด้วยความหนักใจ
“แบบนั้นมันจะดีจริงๆ เหรอ”
“ดีสิถ้าแกรักใครสักคนแกจะรู้ทำไมถึงให้อภัยเขาได้ทุกครั้ง”
“ความจริงคนที่มีแฟนก็ทำให้คิดมากเนาะดูดิถ้าเป็นเมื่อก่อนแกไม่เคยพูดกับฉันแบบนี้เลย” นัทพูดหยอกเสียงใสเล่นเอาคนที่แนะนำถึงกับมองด้วยความหมั่นไส้
“เชอะ”
“โอ๋ๆๆๆ อย่างอนนะ” พูดง้อเพื่อนพร้อมกับชูนิ้วก้อยให้เป็นแนวว่าขอคืนดี
เนื่องจากเป็นวันวาเลนไทน์ทำให้ร้านดอกไม้ขายดีเป็นพิเศษและร้านก็ปิดเร็วกว่าทุกวันเพราะเจ้าของร้านคนหนึ่งต้องไปเดทส่วนอีกคนหนึ่งก็ตัดสินใจไปยืนรอใครบางคนที่ต้นไม้ที่มีตำนานเกี่ยวกับความรักหลังโรงเรียนที่มีแสงสว่างไปทั่วทำให้ดูไม่น่ากลัวมากนัก
“ที่มาเพราะคิดถึงใช่มั้ย” เสียงใครบางคนดังขึ้นจาก้านหลังทำให้คนที่ได้ยินรีบหันกลับไปดูทันที
“มาร์ค” พูดด้วยความตกใจ “ไหนบอกว่าจะยืนรอทุกสิ้นปีไงวันนี้ยังไม่สิ้นปีเลยไม่ใช่เหรอ”
“ก็ฉันรอเธอตั้งนานแล้วนะไม่ยอมมาสักทีก็เลยมารอทุกคืนเลยดีกว่านึกแล้วมาต้องมาวันวาเลนไทน์...แสดงว่าเธอรับรักฉันแล้วนะ” พูดรวบรัดตัดบทแล้วเดินดอกกุหลาบสีขาวให้ทันที
“ฉันยังไม่ได้พูดเลยว่ารับรักนาย”
“โห...รอมาตั้งนานยังไม่ใจอ่อนอีกเหรอ” พูดเสียงอ่อยคล้ายกับงอแงเหมือนเด็กๆ
“ถ้ารักแล้วฉันไม่ปล่อยนายไปไหนแล้วนะทนได้เหรอ”
“ไม่ต้องทนหรอกเราอยู่เพราะรักสรุปว่าเป็นเพื่อนกันนะ” เขาถามอย่างมีความหวัง
“เอ่อ...เป็นเพื่อนกันไปก่อนดีกว่า” เพราะคำตอบนี้ทำให้ชายหนุ่มนิ่วหน้าทันทีก่อนจะยิ้มตอบแล้วส่งให้ดอกกุหลาบสีขาวให้เหมือนเดิม มือเรียงขาวรับมาดูอย่างรวดเร็ว “พรุ่งนี้ค่อยเป็นแฟนกัน”
“จริงนะ เย้! มีแฟนแล้ว” เขาตะโกนเสียงดังพร้อมกับวิ่งรอบต้นไม้อยู่หลายรอบก่อนจะหยดวิ่งแล้วยืนจ้องหน้าหญิงสาวอย่างมีความสุข
นัทมองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาและนี่ก็เป็นรอยยิ้มที่เห็นได้เห็นอีกครั้งหลังจากที่จากไปนานหลายปีไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองจะกลับมารักกันได้อีกครั้ง และคงไม่มีใครคิดว่าทั้งสองจะรักกันได้นานและรอกันได้นานขนาดนี้แต่หากรักครั้งนี้พวกเขาเลือกจะเก็บไว้ในใจมานานและเมื่อมีคนหนึ่งพูดความรู้สึกและยังคงมั่นคงรอให้อีกฝ่ายเผยความในใจของตัวเองบ้างนั่นก็เป็นการรอที่ไม่เสียเปล่าเพราะหัวใจของพวกเขาตรงกันทำให้ทั้งสองกลับมาเจอกันและรักกันอีกครั้ง
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะอาจจะน้ำเน่าไปนิด
มีคำแนะนำอะไรก็คอมเม้นเต็มที่เลยนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ