เรื่องเล่าจากความมืด
9.0
เขียนโดย AraTemp
วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.06 น.
10 ตอน
6 วิจารณ์
20.77K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557 22.11 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
5) ชั้นถัดไป
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ครอบครัวหนึ่งพากันไปซื้อของขวัญให้กับลูกชายเนื่องในวันเกิด ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“ฮือออออออออ” เสียงจากเด็กชายกำลังร้องไห้งอแงด้วยความเสียใจ
“ขอโทษนะ พ่อมีงานด่วนเข้ามาจริงๆ เดียวให้แม่ซื้อของขวัญให้แทนละกันนะ” พ่อของเด็กชายพยายามพูดปลอบลูกชายของตน
“จริงนะครับ” ลูกชายที่ได้ยินเรื่องของขวัญจึงได้หยุดร้องไห้ในทันที
“งานของคุณพ่อเขาสำคัญกว่าเราสองคนน่ะ เดียวแม่จะพาลูกไปฉลองกันสองคนละกันนะ” แม่ของเด็กชายพูดแทรกขึ้นมา เป็นเชิงประชดสามีของตนเอง
“เธอพูดแบบนี้กับลูกได้ยังไงกัน” พ่อของเด็กชายหันไปพูดกับภรรยาของตนด้วยความโมโหกับคำพูดเสียดสีที่อีกฝ่ายพูดออกมาต่อหน้าลูกชายของตน
สองสามีภรรยายืนทะเลาะกันอยู่ครู่หนึ่งต่างฝ่ายก็ต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน จนกระทั่งเสียงลิฟท์ดังขึ้นมา
“กริ๊งงง ครืนนนน”
“เดี๋ยวพ่อต้องไปแล้ว ไว้เจอกันนะ ลูก บายๆ” พ่อของเด็กชายสงบสติก่อนที่จะหันมาพูดกับลูกชายของเขา
ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกมา ชายหนุ่มจึงหยุดทะเลาะกับภรรยาของตนเอง ก่อนจะหันไปมองหน้าลูกชายของตนแล้วโบกมือให้เพื่อเป็นการบอกลา จากนั้นจึงหันหน้าเดินตรงเข้าไปในลิฟท์ทันที เพียงไม่นานประตูลิฟท์ก็เคลื่อนตัวปิดจนสนิทอีกครั้ง
“ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกันนะ ทำไมถึงไม่เคยเข้าใจกันเลย เคยคิดบ้างไหมว่าที่เหนื่อยทำงานอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อใคร ขอฉันได้อยู่คนเดียวซะบ้างเถอะ” ชายหนุ่มได้แต่บ่นพึมพำด้วยความน้อยใจ
“รับทราบแล้วค่ะ ตามที่คุณลูกค้าต้องการเลยค่ะ” จู่ๆ พนักงานกดลิฟท์ก็พูดขึ้นมา
“เป็นพนักงานที่ดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลยนะ” ชายหนุ่มส่งสายตามองพนักงานกดลิฟท์จากทางข้างหลัง ก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ
ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็หันไปมองยังด้านบนของประตูลิฟท์ เขาสังเกตเห็นว่าไฟที่แสดงเลขชั้นกลับไม่ทำงาน ทำให้ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าถึงชั้นไหนแล้ว
“ชั้น B3 ค่ะ” เสียงของพนักงานกดลิฟท์ประกาศเพื่อแจ้งให้กับคนในลิฟท์ทราบเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นนั้นๆ แล้ว
“ชั้น B3 เหรอ” ชายหนุ่มได้แต่ยืนสงสัยเนื่องจากห้างแห่งนี้มีถึงแค่ชั้น B2 เท่านั้น
“ขอโทษนะครับ คือว่าเมื่อไรจะถึงชั้นหนึ่งครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย ทันใดนั้นเองประตูลิฟท์ก็เปิดออกพอดี
“เอ๊ะ ชั้นนี้มันอะไรกัน”
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ภาพที่เขาเห็นกับมีเพียงความมืดเท่านั้น จะมีก็แต่แสงสว่างจากลิฟท์ที่ส่องออกมา บรรยากาศหนาวเย็นอย่างบอกไม่ถูก บรรยากาสภายนอกลิฟท์กลับดูน่าขนลุกเหลือเกิน
“เอ่อ…เดียวก่อนครับ…” ชายหนุ่มพยายามส่งเสียงเรียก แต่ไม่มีใครหันกลับมาเลยแม้แต่คนเดียว
คนในลิฟท์ค่อยๆ เดินออกจากลิฟท์ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เหลือเพียงแค่ชายหนุ่มกับพนักงานกดลิฟท์เพียงลำพังสองคนเท่านั้น
“ชั้นนั้นมันยังไงกันแน่นะ ทำไมมันถึงได้มืดไปหมดแบบนั้นล่ะ” ขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิดสงสัยอยู่นั้นเสียงลิฟท์ก็ดังขึ้นเมื่อมาถึงชั้นที่ถูกกดเอาไว้
“กริ๊งงงง ครืนนนน”
“ชั้น B13 ค่ะ” พนักงานกดลิฟท์แจ้งให้ทราบเมื่อประตูลิฟท์เลื่อนเปิดออกอีกครั้ง
“B13 เหรอ” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ถาม ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาลืมคำพูดในทันที เนื่องจากความตกใจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว
คราวนี้ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าดูน่าสยดสยองยิ่งกว่าชั้นก่อนหน้าหลายสิบเท่าเลยก็ว่าได้ ภายนอกไม่ได้มืดสนิทเสียทีเดียว แต่ถึงแม้จะมีแสงไฟก็เป็นแสงไฟสีแดงสดจนดูเหมือนกับสีของเลือดเลยทีเดียว บรรยากาศภายนอกร้อนจนทำให้เหงื่อซึมไปทั่วทั้งตัว
ชายหนุ่มได้แต่ยืนมองด้วยความหวาดกลัวตัวเขาค่อยๆ เริ่มสั่นเบาๆ และทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าของดังขึ้นมาจากข้างนอก ดังขึ้นๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ชายหนุ่มพยายามมองออกไป เพื่อมองหาเจ้าของเสียงฝีเท้า มันดังขึ้นเรื่อยๆ จนเขารู้สึกว่ามันต้องอยู่ใกล้มากๆ และไม่นานนักเขาก็เริ่มเห็นเงารางๆ กำลังมุ่งตรงมาทางลิฟท์อย่างรวดเร็ว
เมื่อเงานั้นเข้ามาใกล้มากแล้ว ชายหนุ่มจึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งที่เขาเห็นนั้นทำให้เขาถึงกับถอยหลังไปชิดติดกับผนังของตัวลิฟท์ เขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ
สิ่งที่พุ่งตรงมานั้นคือ ร่างของคนที่เกือบจะมีสภาพเหมือนกับคนปกติทั่วไป แต่กลับแตกต่างกันตรงที่ร่างทั้งร่างนั้นเต็มไปด้วยเลือดสดๆ ที่ไหลออกมาจากบาดแผลขนาดใหญ่ที่บริเวณใบหน้า
ร่างนั้นยังคงวิ่งเข้ามาใกล้ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มตกใจกลัวมากขึ้นจนถึงกับทำอะไรไม่ถูก
“กริ๊งงงง ครืนนนน”
เหมือนคราวนี้ประตูลิฟท์จะช่วยเขาไว้ได้ทัน หากปิดช้ากว่านี้อีกเพียงวินาทีเดียว ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นจะต้องเข้ามาได้ทันก่อนลิฟท์ปิดอย่างแน่นอน ชายหนุ่มรู้สึกอยากขอบคุณเหลือเกิน เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพยายามหายใจให้เป็นปกติเพื่อขับไล่ความกลัวออกไป เขาค่อยๆ ตั้งสติอีกครั้งหนึ่ง
“เฮ้ยๆ มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย!! เมื่อกี้มันอะไรกัน น่ากลัวชะมัด!!!”
“เมื่อกี้เธอก็เห็นเหมือนกันใช่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามกับพนักงานกดลิฟท์
“เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอบมาสิ เฮ้ย” ชายหนุ่มลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินเข้าไปใกล้พนักงานกดลิฟท์
“พอกันที!!! พาฉันกลับขึ้นไปเดียวนี้เลยนะ เฮ้ย!! ได้ยินไหม!!” ชายหนุ่มเริ่มโมโหจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เขาเดินเข้าไปใกล้พนักงานกดลิฟท์ จากนั้นจึงยื่นมือไปหวังจะคว้าตัวเธอ
แต่ยังไม่ทันที่มือของชายหนุ่มจะแตะโดนตัวของพนักงานกดลิฟท์ ร่างของเธอก็ล้มลงไปกระแทกกับพื้น ทำให้ชายหนุ่มชักมือกับทันทีด้วยความตกใจ
เมื่อเขาก้มลงไปมองยังร่างนั้น กลับพบว่าร่างนั้นเป็นเพียงแค่หุ่นขนาดเท่ากับคนที่สวมเสื้อผ้าของพนักงานและมีวิกผมสวมเอาไว้เท่านั้น
ชายหนุ่มถึงกับชะงักทำอะไรไม่ถูก เขาหน้าซีดและหายใจหอบออกมาด้วยความกลัว ตัวของเขาสั่นไม่ยอมหยุดเหมือนกับคนคลั่งยังไงยังงั้น เขาเดินไปยังแผงปุ่มกดพยายามกดปุ่มรัวๆ
จนในที่สุด ประตูลิฟท์ก็เปิดออกอีกครั้ง ภายนอกดูสว่างตา มีแสงไฟและเสียงเพลงดังขึ้นมาเบาๆ ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติเหมือนกับชั้นก่อนๆ
“ถึงแล้วสินะ รอดแล้วเรา” ชายหนุ่มรู้สึกดีใจจนเผลอตัววิ่งออกจากลิฟท์อย่างรวดเร็ว เขาเดินตรงออกมาให้ห่างจากลิฟท์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองสักนิดเดียว
“อย่ามาล้อเล่นนะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เมื่อชายหนุ่มออกมาห่างพอที่จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ตัวเขาก็เริ่มผ่อนคลายลง
“ทำไมไม่เห็นมีใครอยู่เลย” ชายหนุ่มเริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เขามองสำรวจไปรอบๆ แต่กลับไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว
“ตึงตือตือตึง”
เสียงเพลงของห้างสรรพสินค้ายังคงดังอยู่เรื่อยๆ แต่ตอนนี้ไฟกับค่อยๆ ดับลงเรื่อยๆ เหมือนกับความมืดที่กำลังไล่ต้อนแสงสว่างให้จนมุม ชายหนุ่มเริ่มทำอะไรไม่ถูกเพราะมั่วแต่กำลังตกใจ
“ขอบคุณทุกท่านที่มาใช้บริการค่ะ ขณะนี้ทางห้างกำลังจะปิดแล้วค่ะ” เสียงประชาสัมพันธ์ดังมาจากลำโพงของห้าง เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทุกคนทราบ
ชายหนุ่มได้แต่ยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ไฟที่ค่อยๆ ดับลงจนหมดทำให้ทุกอย่างรอบตัวเขาเกือบจะมืดสนิท แต่ยังพอมีแสงสว่างส่องมาจากข้างหลังของเขา ซึ่งแสงนั้นก็คือแสงไฟจากลิฟท์ที่เขาเพิ่งวิ่งออกมานั่นเอง
เมื่อชายหนุ่มกำลังหันหน้ากลับไป เขาก็พบว่าประตูลิฟท์กำลังจะปิดแล้ว แสงสว่างที่ลอดออกมาเริ่มเหลือน้อยลงทุกที ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าตอนนี้ภายในลิฟท์นั้นกลับมีพนักงานกดลิฟท์ที่ก่อนหน้านี้ตอนที่ล้มลงไปเป็นแค่หุ่นเท่านั้น ทว่าตอนนี้มันกลับมายืนอยู่ตรงตำแหน่งประจำอีกครั้งหนึ่ง
“ต้องการเวลาอยู่คนเดียว กรุณารออยู่ที่นี่สักครู่นะคะ” เสียงจากพนักงานกดลิฟท์กำลังพูดกับชายหนุ่มที่ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก จนสุดท้ายประตูลิฟท์ก็ปิดลง เหลือแต่เพียงเสียงร้องครวญของชายหนุ่มที่ดังเข้าไปถึงในลิฟท์เท่านั้น
ครอบครัวหนึ่งพากันไปซื้อของขวัญให้กับลูกชายเนื่องในวันเกิด ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“ฮือออออออออ” เสียงจากเด็กชายกำลังร้องไห้งอแงด้วยความเสียใจ
“ขอโทษนะ พ่อมีงานด่วนเข้ามาจริงๆ เดียวให้แม่ซื้อของขวัญให้แทนละกันนะ” พ่อของเด็กชายพยายามพูดปลอบลูกชายของตน
“จริงนะครับ” ลูกชายที่ได้ยินเรื่องของขวัญจึงได้หยุดร้องไห้ในทันที
“งานของคุณพ่อเขาสำคัญกว่าเราสองคนน่ะ เดียวแม่จะพาลูกไปฉลองกันสองคนละกันนะ” แม่ของเด็กชายพูดแทรกขึ้นมา เป็นเชิงประชดสามีของตนเอง
“เธอพูดแบบนี้กับลูกได้ยังไงกัน” พ่อของเด็กชายหันไปพูดกับภรรยาของตนด้วยความโมโหกับคำพูดเสียดสีที่อีกฝ่ายพูดออกมาต่อหน้าลูกชายของตน
สองสามีภรรยายืนทะเลาะกันอยู่ครู่หนึ่งต่างฝ่ายก็ต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน จนกระทั่งเสียงลิฟท์ดังขึ้นมา
“กริ๊งงง ครืนนนน”
“เดี๋ยวพ่อต้องไปแล้ว ไว้เจอกันนะ ลูก บายๆ” พ่อของเด็กชายสงบสติก่อนที่จะหันมาพูดกับลูกชายของเขา
ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกมา ชายหนุ่มจึงหยุดทะเลาะกับภรรยาของตนเอง ก่อนจะหันไปมองหน้าลูกชายของตนแล้วโบกมือให้เพื่อเป็นการบอกลา จากนั้นจึงหันหน้าเดินตรงเข้าไปในลิฟท์ทันที เพียงไม่นานประตูลิฟท์ก็เคลื่อนตัวปิดจนสนิทอีกครั้ง
“ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกันนะ ทำไมถึงไม่เคยเข้าใจกันเลย เคยคิดบ้างไหมว่าที่เหนื่อยทำงานอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อใคร ขอฉันได้อยู่คนเดียวซะบ้างเถอะ” ชายหนุ่มได้แต่บ่นพึมพำด้วยความน้อยใจ
“รับทราบแล้วค่ะ ตามที่คุณลูกค้าต้องการเลยค่ะ” จู่ๆ พนักงานกดลิฟท์ก็พูดขึ้นมา
“เป็นพนักงานที่ดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลยนะ” ชายหนุ่มส่งสายตามองพนักงานกดลิฟท์จากทางข้างหลัง ก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ
ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็หันไปมองยังด้านบนของประตูลิฟท์ เขาสังเกตเห็นว่าไฟที่แสดงเลขชั้นกลับไม่ทำงาน ทำให้ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าถึงชั้นไหนแล้ว
“ชั้น B3 ค่ะ” เสียงของพนักงานกดลิฟท์ประกาศเพื่อแจ้งให้กับคนในลิฟท์ทราบเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นนั้นๆ แล้ว
“ชั้น B3 เหรอ” ชายหนุ่มได้แต่ยืนสงสัยเนื่องจากห้างแห่งนี้มีถึงแค่ชั้น B2 เท่านั้น
“ขอโทษนะครับ คือว่าเมื่อไรจะถึงชั้นหนึ่งครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย ทันใดนั้นเองประตูลิฟท์ก็เปิดออกพอดี
“เอ๊ะ ชั้นนี้มันอะไรกัน”
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ภาพที่เขาเห็นกับมีเพียงความมืดเท่านั้น จะมีก็แต่แสงสว่างจากลิฟท์ที่ส่องออกมา บรรยากาศหนาวเย็นอย่างบอกไม่ถูก บรรยากาสภายนอกลิฟท์กลับดูน่าขนลุกเหลือเกิน
“เอ่อ…เดียวก่อนครับ…” ชายหนุ่มพยายามส่งเสียงเรียก แต่ไม่มีใครหันกลับมาเลยแม้แต่คนเดียว
คนในลิฟท์ค่อยๆ เดินออกจากลิฟท์ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เหลือเพียงแค่ชายหนุ่มกับพนักงานกดลิฟท์เพียงลำพังสองคนเท่านั้น
“ชั้นนั้นมันยังไงกันแน่นะ ทำไมมันถึงได้มืดไปหมดแบบนั้นล่ะ” ขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิดสงสัยอยู่นั้นเสียงลิฟท์ก็ดังขึ้นเมื่อมาถึงชั้นที่ถูกกดเอาไว้
“กริ๊งงงง ครืนนนน”
“ชั้น B13 ค่ะ” พนักงานกดลิฟท์แจ้งให้ทราบเมื่อประตูลิฟท์เลื่อนเปิดออกอีกครั้ง
“B13 เหรอ” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ถาม ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาลืมคำพูดในทันที เนื่องจากความตกใจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว
คราวนี้ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าดูน่าสยดสยองยิ่งกว่าชั้นก่อนหน้าหลายสิบเท่าเลยก็ว่าได้ ภายนอกไม่ได้มืดสนิทเสียทีเดียว แต่ถึงแม้จะมีแสงไฟก็เป็นแสงไฟสีแดงสดจนดูเหมือนกับสีของเลือดเลยทีเดียว บรรยากาศภายนอกร้อนจนทำให้เหงื่อซึมไปทั่วทั้งตัว
ชายหนุ่มได้แต่ยืนมองด้วยความหวาดกลัวตัวเขาค่อยๆ เริ่มสั่นเบาๆ และทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าของดังขึ้นมาจากข้างนอก ดังขึ้นๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ชายหนุ่มพยายามมองออกไป เพื่อมองหาเจ้าของเสียงฝีเท้า มันดังขึ้นเรื่อยๆ จนเขารู้สึกว่ามันต้องอยู่ใกล้มากๆ และไม่นานนักเขาก็เริ่มเห็นเงารางๆ กำลังมุ่งตรงมาทางลิฟท์อย่างรวดเร็ว
เมื่อเงานั้นเข้ามาใกล้มากแล้ว ชายหนุ่มจึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งที่เขาเห็นนั้นทำให้เขาถึงกับถอยหลังไปชิดติดกับผนังของตัวลิฟท์ เขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ
สิ่งที่พุ่งตรงมานั้นคือ ร่างของคนที่เกือบจะมีสภาพเหมือนกับคนปกติทั่วไป แต่กลับแตกต่างกันตรงที่ร่างทั้งร่างนั้นเต็มไปด้วยเลือดสดๆ ที่ไหลออกมาจากบาดแผลขนาดใหญ่ที่บริเวณใบหน้า
ร่างนั้นยังคงวิ่งเข้ามาใกล้ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มตกใจกลัวมากขึ้นจนถึงกับทำอะไรไม่ถูก
“กริ๊งงงง ครืนนนน”
เหมือนคราวนี้ประตูลิฟท์จะช่วยเขาไว้ได้ทัน หากปิดช้ากว่านี้อีกเพียงวินาทีเดียว ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นจะต้องเข้ามาได้ทันก่อนลิฟท์ปิดอย่างแน่นอน ชายหนุ่มรู้สึกอยากขอบคุณเหลือเกิน เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพยายามหายใจให้เป็นปกติเพื่อขับไล่ความกลัวออกไป เขาค่อยๆ ตั้งสติอีกครั้งหนึ่ง
“เฮ้ยๆ มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย!! เมื่อกี้มันอะไรกัน น่ากลัวชะมัด!!!”
“เมื่อกี้เธอก็เห็นเหมือนกันใช่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามกับพนักงานกดลิฟท์
“เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอบมาสิ เฮ้ย” ชายหนุ่มลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินเข้าไปใกล้พนักงานกดลิฟท์
“พอกันที!!! พาฉันกลับขึ้นไปเดียวนี้เลยนะ เฮ้ย!! ได้ยินไหม!!” ชายหนุ่มเริ่มโมโหจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เขาเดินเข้าไปใกล้พนักงานกดลิฟท์ จากนั้นจึงยื่นมือไปหวังจะคว้าตัวเธอ
แต่ยังไม่ทันที่มือของชายหนุ่มจะแตะโดนตัวของพนักงานกดลิฟท์ ร่างของเธอก็ล้มลงไปกระแทกกับพื้น ทำให้ชายหนุ่มชักมือกับทันทีด้วยความตกใจ
เมื่อเขาก้มลงไปมองยังร่างนั้น กลับพบว่าร่างนั้นเป็นเพียงแค่หุ่นขนาดเท่ากับคนที่สวมเสื้อผ้าของพนักงานและมีวิกผมสวมเอาไว้เท่านั้น
ชายหนุ่มถึงกับชะงักทำอะไรไม่ถูก เขาหน้าซีดและหายใจหอบออกมาด้วยความกลัว ตัวของเขาสั่นไม่ยอมหยุดเหมือนกับคนคลั่งยังไงยังงั้น เขาเดินไปยังแผงปุ่มกดพยายามกดปุ่มรัวๆ
จนในที่สุด ประตูลิฟท์ก็เปิดออกอีกครั้ง ภายนอกดูสว่างตา มีแสงไฟและเสียงเพลงดังขึ้นมาเบาๆ ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติเหมือนกับชั้นก่อนๆ
“ถึงแล้วสินะ รอดแล้วเรา” ชายหนุ่มรู้สึกดีใจจนเผลอตัววิ่งออกจากลิฟท์อย่างรวดเร็ว เขาเดินตรงออกมาให้ห่างจากลิฟท์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองสักนิดเดียว
“อย่ามาล้อเล่นนะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เมื่อชายหนุ่มออกมาห่างพอที่จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ตัวเขาก็เริ่มผ่อนคลายลง
“ทำไมไม่เห็นมีใครอยู่เลย” ชายหนุ่มเริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เขามองสำรวจไปรอบๆ แต่กลับไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว
“ตึงตือตือตึง”
เสียงเพลงของห้างสรรพสินค้ายังคงดังอยู่เรื่อยๆ แต่ตอนนี้ไฟกับค่อยๆ ดับลงเรื่อยๆ เหมือนกับความมืดที่กำลังไล่ต้อนแสงสว่างให้จนมุม ชายหนุ่มเริ่มทำอะไรไม่ถูกเพราะมั่วแต่กำลังตกใจ
“ขอบคุณทุกท่านที่มาใช้บริการค่ะ ขณะนี้ทางห้างกำลังจะปิดแล้วค่ะ” เสียงประชาสัมพันธ์ดังมาจากลำโพงของห้าง เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทุกคนทราบ
ชายหนุ่มได้แต่ยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ไฟที่ค่อยๆ ดับลงจนหมดทำให้ทุกอย่างรอบตัวเขาเกือบจะมืดสนิท แต่ยังพอมีแสงสว่างส่องมาจากข้างหลังของเขา ซึ่งแสงนั้นก็คือแสงไฟจากลิฟท์ที่เขาเพิ่งวิ่งออกมานั่นเอง
เมื่อชายหนุ่มกำลังหันหน้ากลับไป เขาก็พบว่าประตูลิฟท์กำลังจะปิดแล้ว แสงสว่างที่ลอดออกมาเริ่มเหลือน้อยลงทุกที ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าตอนนี้ภายในลิฟท์นั้นกลับมีพนักงานกดลิฟท์ที่ก่อนหน้านี้ตอนที่ล้มลงไปเป็นแค่หุ่นเท่านั้น ทว่าตอนนี้มันกลับมายืนอยู่ตรงตำแหน่งประจำอีกครั้งหนึ่ง
“ต้องการเวลาอยู่คนเดียว กรุณารออยู่ที่นี่สักครู่นะคะ” เสียงจากพนักงานกดลิฟท์กำลังพูดกับชายหนุ่มที่ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก จนสุดท้ายประตูลิฟท์ก็ปิดลง เหลือแต่เพียงเสียงร้องครวญของชายหนุ่มที่ดังเข้าไปถึงในลิฟท์เท่านั้น
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ