เรื่องเล่าจากความมืด

9.0

เขียนโดย AraTemp

วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.06 น.

  10 ตอน
  6 วิจารณ์
  20.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557 22.11 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) ซันไบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

     มีนักธุรกิจหนุ่มผู้หนึ่งที่บังเอิญได้เข้าไปอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ.....

“หือ ที่นี่มัน ที่ไหนกัน? โอ้ยยย!! ทำไมขาของเราถึงเป็นอย่างนี้ไปได้”

เมื่อนักธุรกิจหนุ่มตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนั้นนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล สภาพของเขาในตอนนี้ดูจะปกติดีแทบทั้งหมด ยกเว้นก็เพียงแต่ขาขวาของเขาเท่านั้น ที่ตอนนี้อยู่ในสภาพที่ต้องใส่เฝือกเอาไว้

เขานอนนิ่งมองขาของตน ในสมองก็พยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมานอนอยู่ในโรงพยาบาลในสภาพแบบนี้ แต่ถึงจะพยายามคิดเท่าไร เขาก็นึกไม่ออกอยู่ดี ยิ่งนึกก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก นักธุรกิจหนุ่มจึงเลิกที่จะคิดและหันมาสนใจอย่างอื่นแทน เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง

“คงเป็นห้องรวมสินะ ถึงได้มีเตียงตั้ง 4 เตียง ว่าแต่ไม่มีผู้ป่วยอื่นเลยหรือยังไงนะ?”

“อ๊ะ! นั้นไง ยืนอยู่ตรงนั้นกันนี่เอง”

เมื่อเขามองไปยังมุมห้องที่อยู่ติดกับประตูทางเข้า เขาก็พบว่ามีผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่

“คือว่าขอโทษนะครับ... ขอโทษนะครับคุณ” อะไรกันเรียกขนาดนี้ไม่สนใจกันเลยคนพวกนี้

“สภาพอากาศแบบนั้นไปเดินป่าเดินเขาอีกนะ คุณน่ะ”

“เออ... คุณคือคุณหมอเหรอครับ”

หนุ่มนักธุรกิจหันไปถามอีกฝ่ายขณะที่ทางนั้นกำลังเดินตรงมายังเตียงของเขา

“ใช่ครับ ผมเป็นหมอที่ดูแลคุณ”

“เออ ไม่ทราบว่าเมื่อกี้คุณหมอบอกว่าผมไปทำอะไรมานะครับ แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลในสภาพอย่างนี้ได้ละครับ”

เมื่อถามจบนักธุรกิจหนุ่มก็ได้แต่มองหน้าของคุณหมอ โดยหวังว่าจะได้คำตอบจากคำถามที่ถามไป

“คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ก็เมื่อวันก่อนมีคนเข้าไปพบคุณนอนหมดสติอยู่ในป่าตรงบริเวณใกล้ๆ กับตีนเขา จากนั้นจึงนำคุณส่งโรงพยาบาล คาดว่าคุณคงลื่นเพราะฝนตกจึงทำให้คุณตกลงมาขาหักและหมดสติไป ถือว่าโชคดีมากนะที่มีคนไปพบคุณเข้าไม่อย่างนั้นคุณอาจจะตายไปแล้วก็ได้”  

“ยังไงซะ คืนนี้ก็คงต้องขอดูอาการก่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วพรุ่งนี้เย็นก็กลับบ้านได้แล้ว”

“งั้นเหรอครับ ขอบคุณมากครับคุณหมอ”

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากคุณหมอแล้ว ก็ทำให้นักธุรกิจหนุ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่แล้วเมื่อเขามองไปยังคนไข้กลุ่มนั้นก็กลับเห็นสายตาที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตรเสียเลย

ขณะที่นักธุรกิจหนุ่มกำลังจะหันไปถามเกี่ยวกับเรื่องของคนไข้กลุ่มนั้น คุณหมอก็ไม่อยู่เสียแล้ว เหลือไว้เพียงแต่คนไข้กลุ่มนั้นที่ยังคงเอาแต่จ้องมองมาที่เขา หากลองพยายามฟังดีๆ ก็จะได้ยินเสียงคุยกันเบาๆ ของคนไข้กลุ่มนั้น แต่ถึงกระนั้นก็ฟังไม่ออกอยู่ดีว่าคนพวกนั้นกำลังพูดอะไรกันอยู่

 

ในคืนนั้น

“ไม่ไหว เจ็บแผลจนนอนไม่หลับเลย.... เอ๊ะ! อะไรกัน? คนพวกนั้นยังคุยกันอยู่อีกเหรอ ดึกขนาดนี้แล้วเนี่ยนะ”

เสียงกระซิบพูดคุยกันของคนไข้กลุ่มนั้น ถึงจะเบาแค่ไหนก็ตามแต่มันก็ยังทำให้ชายหนุ่มได้ยินอยู่ดี แต่เขายังคงฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดีว่าคนพวกนั้นกำลังคุยอะไรกัน อีกทั้งสายตาที่จ้องมองมานั้นก็ด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

“อย่า...ปล่อย...หนี...ได้”

“หือ คุยอะไรกันน่ะ คนพวกนั้น”

“อย่าให้...ไปได้”

นักธุรกิจหนุ่มลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง เขาพยายามมองลอดผ่านช่องของผ้าม่านที่ไว้สำหรับกั้นเตียงของคนไข้เพื่อมองไปยังประตูห้องซึ่งพอจะเห็นร่างของคนยืนอยู่ แต่ก็ยังมองไม่ชัดอยู่ดี

ขณะที่นักธุรกิจหนุ่มกำลังจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง สายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับเงาคนที่อยู่หลังผ้าม่านอีกด้านหนึ่ง เมื่อพยายามมองดีๆ เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าเงาเหล่านั้นคือเงาของคนไข้ที่จับกลุ่มคุยกันนั้นเอง

เงาของคนพวกนั้นยังคงยืนอยู่อย่างนั้นไม่ยอมไปไหน ทำให้นักธุรกิจหนุ่มเริ่มกลัวขึ้นมา เขาพยายามดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดและนอนหันไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับเงาเหล่านั้น เขาพยายามหลับตาทำเป็นไม่สนใจจนในที่สุดก็เผลอหลับไป

เย็นวันต่อมา

หลังจากที่ดูอาการ หมอก็ได้อนุญาตให้นักธุรกิจหนุ่มกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ เย็นวันนั้นเขาจึงได้ออกจากโรงพยาบาล และเมื่อเขามายืนรอรถอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล

“คนพวกนั้นดูแปลกจริงๆ น่าขนลุกชะมัดเลย”

“หือ? อะไรน่ะ คนพวกนั้น ไปยืนทำอะไรแปลกๆ อยู่บนดาดฟ้ากันนะ หรือว่าพวกเขาจะมาส่งเรา คงยินดีกับเราแน่ๆ เลยที่เราได้ออกจากโรงพยาบาล”

“บางทีคนพวกนั้นอาจจะแค่ไม่กล้าแสดงออกตรงๆ ก็ได้ จริงๆ แล้วอาจจะเป็นคนดีก็ได้นะ”

เมื่อรถแท๊กซี่มารับ นักธุรกิจหนุ่มก็ขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง พลางพูดคุยกับคนขับไปด้วย

“เพิ่งออกจากโรงพยาบาลวันนี้เหรอครับ” คนขับแท๊กซี่ถามนักธุรกิจหนุ่ม

“ใช่ครับ เมื่อกี้นี้ก็มีพวกคนไข้ที่อยู่ห้องเดียวกันมาส่งด้วยนะครับ ถึงจะทำท่าทางแปลกๆ ก็เถอะ”

“ท่าทางแปลกๆ เหรอครับ”

“ใช่ครับ ท่าทางแปลกๆ คล้ายกับพวกเขากำลังโบกมือยังไงยังงั้นเลย ก็เลยดูแปลกๆ นะ”

เมื่อได้ยินหนุ่มนักธุรกิจเล่ามา คนขับรถจึงหันไปมองที่กระจกส่องหลัง เพื่อมองไปยังดาดฟ้าของโรงพยาบาล ทันทีที่ได้เห็นสีหน้าของคนขับก็ซีดลงในทันที มือคนขับสั่นจนเห็นได้ชัด

ท่าทางแปลกๆ ของคนขับทำให้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าคนขับเป็นอะไรทำไมถึงได้มีอาการแปลกๆ แบบนั้น ขณะที่กำลังจะอ้าปากถามออกไป คนขับรถก็พูดขึ้นมาเสียงดังลั่น

“ลงไปจากรถเดียวนี้” คนขับรถแท็กซี่ส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางของเขาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าเลย

“ฮะ อะไรนะครับ” นักธุรกิจหนุ่มได้ยินที่คนขับพูดเสียงดังฟังชัด แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเพราะอะไร ทำไมจู่ๆ ต้องให้เขาลงจากรถด้วย

คนขับรถแท๊กซี่เหยียบเบรกทันที เมื่อรถจอดสนิท คนขับก็บอกให้เขารีบลงไปจากรถเดียวนี้

“รีบๆ ลงไปได้แล้ว ไปสิเร็วๆ เข้า คุณน่ะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้อีกแล้ว คุณถูกสาปแล้ว”

“หือ? หมายความว่ายังไง” นักธุรกิจหนุ่มถามออกมาด้วยความสงสัย แต่ไม่ทันเสียแล้ว

ทันใดนั้นเองก็มีรถบรรทุกพุ่งเข้ามาชนกับรถแท๊กซี่อย่างจัง

ปี๊ดดดดดดด!!!!! เสียงแตรดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ

ตูมมมมมมม มม!!!!

“หึหึหึหึ แกจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปกับพวกเรา”

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา