รักสุดใจไอรุ่นพี่สุดน่ารัก(ป๊อปปี้-ฟาง)
เขียนโดย fernatty
วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.20 น.
แก้ไขเมื่อ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบกันไหม?
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นกันหัวใจดวงน้อยๆนี้ได้ยังไง
แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว มันเป็นเพราะพี่คนเดียวเลย....
เป็นเพราะพี่ที่ทำให้ฉันไม่สามารถมองใครได้อีกต่อไป
เพราะในสายตาของฉันมีแต่พี่คนเดียวรวมถึงหัวใจดวงนี้ด้วย
พี่ต้องรับผิดชอบ!
.
.
.
7:30
"งือออออออออ"ฉันบิดขี้เกียดหลังจากที่ตื่นมาเพียงไม่กีวินาที เช็ดคราบน้ำลายที่ไหลอยู่มุมปากแรงๆ
"กี่โมงแล้วเนี๊ย"ฉันพึมพำกับตัวเองก่อนจะเอามือที่เพิ่งเช็ดคราบน้ำลายเสร็จมาขยี้ตาตัวเองเบาๆ
7:33
"เห้ยยยยยยยยยย"ฉันร้องเสียงหลงตื่นเต็มตาเลยตอนนี้ทำไมไม่มีใครบอกฉันเลยว่านี่มัน7โมงว่าแล้ว! อ้าวลืมไปฉันอยู่คนเดียว ให้ตายเถอะไม่มีเวลามาพูดพร่ำทำเพลงแล้ว
วิ่งแปดร้อยเมตรเข้าห้องน้ำก่อนจะรีบหยิบแปรงสีฟันมาแปรงฟันตัวเองลวกๆ ตอนนี้อาบน้ำก็คงไม่ทัน ตายๆๆๆๆนี่เปิดเรียนภาคเรียนที่สองวันแรกด้วยนะ ฉันตบหัวตัวเองเบาๆกับความสะเพร่าของตัวเอง
ที่ต้องรีบขนาดนี้เพราะโรงเรียนฉันเข้าแถวยืนตรงเคารพธงชาติ7:50น่ะสิ แต่ยังดีที่บ้านฉันห่างจากรร.ไม่เท่าไหร่ แต่ยังไงก็ต้องรีบไว้ก่อนเพราะถ้าเข้าโรงเรียนสายโดนทำโทษแน่!
หลังจากแต่งตัวเสร็จฉันรีบวิ่งมาหน้ากระจกเพื่อเช็คสภาพตัวเองให้เรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกจากบ้าน ให้ตายสิคราบน้ำลายที่แห้งกรังยังติดอยูเลย ขี้ตาก็ออกไม่หมด ผมเพ่ายุ่งเหยิง กร๊าซซซซซซ ทำไมสภาพฉันเป็นแบบนี้ ชั่งเถอะค่อยไปทำตัวเองให้ดูดีที่โรงเรียนก็ได้ คิดได้อย่างนั้นก็รีบวิ่งไปที่รถทันที
โครมมมมมมมมม
ด้วยความที่รีบร้อนเกินทำให้ถอยรถไปชนกับรั้วประตูบ้านอย่างแรงจนมันพังลงมา
"ให้มันได้อย่างนี้สิ!"ฉันเปิดประตูรถลงมาดูรั้วบ้านตัวเองอย่างหัวเสีย ท้ายรถก็บุบลงไปแถมไฟรถหลังก็แตกอีก นี่มันชีวิตฉันจริงหรือป่าวเนี้ย หรือฝันอยู่ตื่นสิตื่น ยืนตบหน้าตัวเองจนแดงเถือกก่อนจะมั่นใจว่าไม่ได้ฝันแน่ๆ
"ไม่ไปแม่งแล้วโว้ยยยย"ฉันตะโกนขึ้นฟ้าอย่างไม่อายคนข้างบ้านที่ได้ยินเสียงโครมครามแล้วเดินออกมาดูอย่างอยากรู้อยากเห็น
"อ้าวไอหนู ทำไมรั้วบ้านเป็นงั้นหล่ะ"ป้าข้างบ้านทำหน้าสงสัยเกินหน้าเกินตา คือแบบเข้าใจป้ะว่าคืออารมณ์ไม่ดีอยู่อ่ะ หงุดหงิดมากเลยเข้าใจป้ะป้า แล้วป้ามาถามตอนนนี้จะไฝว้ใช่ป้ะดูอารมณ์ด้วยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ทำได้แค่พูดในใจก่อนจะยิ้มบางๆอย่างสุภาพสตรีและเดินอย่างนางสาวไทย(นี่ถ้าโบกมือเท้าสะเอวแล้วยิ้มอย่างคนรักเด็กได้คงทำไปแล้ว)เข้าบ้านไป
ทิ้งไว้แม่งอย่างงั้นแหละทั้งรั้วทั้งรถ!
หลังจากที่เข้าบ้านมาสงบสติอารมณ์ตัวเองได้สักพักก็กดโทรออกไปเบอร์ของเพื่อนสนิททันที
(ฮัลโหลลลลลลล ทำไมไม่มาโรงเรียน)เสียงของเพื่อนสนิทตัวแสบลากยานคางก่อนจะถามแบบเนือยๆคงเพิ่งตื่นจากการหลับในคาบสิท่า
"พอดีมันมีเรื่องนิดหน่อยฝากลาอาจารย์ด้วยล้ะกัน เออนี่จดเลคเชอร์มาให้ด้วยนะ"
(อืมมมมมมนี่แกคิดว่าฉันจะจดจริงๆหรอโถ่ว พูดมาได้)น้ำเสียงพูดอืดอาดยานคางนั่นมันน่ารำคาญเป็นบ้าถ้าฉันอยู่ใกล้ๆยัยนั่นตอนนี้คงจะเอาหนังสือฟาดหัวสักทีสองทีไปแล้วหล่ะ
"ฉันก็พูดไปงั้นแหละ ขี้เกียจอย่างแกคงนอนทั้งวันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ยังไงก็ลาให้ด้วยแค่นี้แหละ"ฉันบอกอย่างปัดรำคาญถึงคุยกับยัยเพื่อนตัวดีนานกว่านี้คงจะสติแตกบึ่งรถไปเพราะรำคาญเสียงยานคางก็เป็นได้
(เออออออออ....แค่....นี้....แห....)ฉันกดตัดสายทันทีความจริงน่าจะกดตัดสายตั้งแต่สองวินาทีแรกที่มันพูดยานคางแล้วนะแต่คิดไม่ทันไงไว้วันอื่นล้ะกัน
ความจริงฉันเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อนตน สุภาพเรียบร้อยมากเลยนะ(เหรอ) แต่วันนี้ที่ต้องอารมณ์เสียกว่าปกติเพราะว่าฉันไม่ได้ไปโรงเรียนน่ะสิ อย่านะ! อย่าคิดว่าฉันเป็นเด็กเรียนต้องไปรร.ทุกวันนนั่งหลังตรงหน้าตึงฟังครูพูดบรรยายน้ำลายไหลหรอกนะ ที่ไปรร.ทุกวันไม่เคยขาดมันเป็นเพราะว่าคนๆนึงต่างหาก ขี้เกียจเรียนแค่ไหนก็ไปโรงเรียนเพราะคนนนี้แหละ'พี่ป๊อปปี้'
ทางด้านโรงเรียน
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"
เสียงกรี๊ดปรอทแตกดังขึ้นหลังจากหนุ่มสุดฮอตเดินเข้าโรงเรียนมามันเป็นแบบนี้ทุกวันแหละครับผมควรจะชินได้แล้วกับเสียงหวีดร้องโหยหวนพวกนี้อ้าวไม่ใช่หรอกเหรอขอโทษครับๆ
"เฮ้ ไอป๊อปปี้เมื่อไหร่ความฮอตของแกมันจะลดลงบ้างนะ"เสียงเพื่อนของผมดังขึ้นหลังจากที่เดินมาถึงห้องเรียน
"เออนั่นดิ ทำไมพวกกูไม่มีสาวมาวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังตามกรี๊ดแบบนี้มั้งว้ะ"เพื่อนอีกคนพูดก่อนจะมองผมแบบหมันไส้
"หยุดพูดไปเบยพวกมึงอ่ะ มีแบบนี้ไม่ดีนักหรอกไอเขื่อนไอเคนตะ"ขอให้ภาษาวิบัติสักแปปนะครัช พวกมันลองมาเป็นผมสิจะรู้เลยว่ามันน่ารำคาญมากๆ ก้มลงมองใต้เกะเหมือนทุกวันแล้วก็ต้องแปลกใจบางอย่างมันหายไป นั่นก็คือข้าวกล่องสีหวานแหววที่จะมีคนเอามาให้ผมทุกๆวันตอนเช้า
"ทำไมไม่มีว้ะ"ผมพูดกับตัวเบาๆก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปมรูปโบว์คุคิอาโนเนะ
"เออ คิดเหมือนกูป้ะข้าวกล่องมึงหาย5555สงสัยเค้าเลิกสนใจมึงแล้วมั้ง"เพื่อนของผมรู้ดีเรื่องข้าวกล่อง วันแรกที่มีคนเอามาให้ผมสงสัยมากรวมถึงไอพวกนี้ก็สงสัยไม่แพ้กันจึงวางแผนกันว่าต้องมาให้เช้าที่สุด แล้ววันนั้นก็ได้ผลผมเห็นหน้าคนให้ข้าวกล่องในที่สุด ลองให้เพื่อนไปสืบดูถึงรู้ว่าอยู่ปีหนึ่งคณะนิเทศน์...ชื่อฟาง
"เดี๋ยวกูต่อยปากแตกหุบปากไปเลยมึงอ่ะ"ผมจิ๊ปากอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะนั่งเรียนไปเรื่อยๆในหัวก็ขบคิดอยู่ตัลหลอดว่าทำไมถึงไม่เอามาให้ หรือจะเลิกสนใจกันแล้วจริงๆ ให้ตายเถอะ!
ทางด้านรั้วพังรถบุบ
เฮ้อออออ ฉันนั่งถอนหายใจเป็นรอบที่ล้าน ฉันอุตส่าวางแผนมาตลอดในช่วงปิดเทอมว่าจะมาขอพี่เค้าเป็นแฟนในวันนี้ มันไม่ไวไฟไปหรอกใช่ไม๊ในเมื่อฉันแอบชอบเค้ามาตั้งแต่ป.1น่ะ ใครลองว่าฉันดิว่าไวไฟอ่ะจะเอาเศษรั้วไปขว้างหน้าบ้านเลยเพราะฉันไม่ใช่แก๊ส น้ำมัน บลาๆๆซะหน่อยจะได้ไวไฟอ่ะโด่ว แต่ก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งที่ทำให้มันมีเรื่องบ้าๆพวกนี้ทำไมรักถึงต้องมีอุปสรรค์..ฮรึก..ฮือซับน้ำตาเบาๆ
'อย่างยอมแพ้สิฟาง ยังมีโอกาสไม่ใช่หรอแค่ไปโรงเรียนตอนนี้แล้วก็สารภาพรักซะ'<สมองซีกซ้าย
'จะไปทำไมหล่ะ ในเมื่อบอกไปเค้าก็ไม่รับรักอยู่ดี'<สมองซีกขวา
'ไม่ลองจะรู้หรอ แอบชอบเค้ามาตั้งนานต้องกล้าๆหน่อยวัดใจกันไปเลย'<สมองซีกซ้าย
'เหอะ!วัดใจหรอแล้วถ้าผลออกมาไม่เป็นอย่างที่เธอคิดหล่ะคนที่เสียใจคือเธอนะ'<สมองซีกขวา
'เธอต้องไป'<สมองซีกซ้าย
'ไม่ไป'<สมองซีกขวา
'ไป'<สมองซีกซ้าย
'ไม่ไป'<สมองซีกขวา
'ไป'<สมองซีกซ้าย
"โว้ยยยยยพอแล้วววว ไอสมองสองก้อนแกก็อยู่ในหัวฉันทั้งคู่นั่นแหละจะเถียงกันทำไม"ฉันทึ้งหัวตัวเองแรงๆอย่างหงุดหงิด
ไหนๆก็ไหนๆแล้วให้มันรู้กันไปเลยโดนปฏิเสธก็เจ็บนิดหน่อยสักวันมันก็หายเองนั่นแหละ แต่ถ้าไม่บอกให้เค้ารู้ไปแล้วมัวแต่มาแอบชอบแบบนี้คนที่เจ็บก็คือเราที่ไม่ทำอะไรให้มันชัดแจ้งจนเค้าไปมีแฟนเรานี่แหละเจ็บสุด มันก็เจ็บทั้งสองอย่างนี่แหละ เอาว้ะบอกก็บอก
อย่าคิดว่าฉันจะออกจากบ้านสภาพนี้ขออาบน้ำก่อนเถอะ
ผ่านไป15นาที
หลังจาดขัดหวีฉยีวัน ผิดหรอ?เอาใหม่ หลังจากขัดสีฉวีวันเสร็จฉันก็เดินออกมาแต่งตัวเช็คสภาพเบ้าหน้าให้ดีที่สุด ฉีดน้ำหอมนิชๆให้หอมแต่พอตัวไม่มากเกินไปเออนี่แกรฉีดน้ำหอมอ่ะฉีดแบบพอประมาณนะอย่าฉีดเยอะเดี๋ยวมันฉุน
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินอย่าสง่าออกมาจากบ้าน ทำอย่างกับว่ามีพรมแดงสีสดปูเป็นทางยาวสองข้างทางมีคนยืนตบมือต้อนรับอย่างงั้นแหละ ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดเพ้อเจ้อนิดๆก่อนจะเดินไปที่รถของตัวเอง หันไปมองหลังรถอย่างเวทนา ฮึก...ลูกแม่เดี๋ยวหลังจากที่แม่บอกรักพ่อเสร็จแม่จะพาไปซ่อมนะลูกตอนนี้ผู้ชายสำคัญกว่า ยืนร่ำไห้แปปนึงให้พอซึ้งนิดหน่อยก็เดินขึ้นก่อนจะถอยรถออกจากบ้านอย่างระวัง และหันไปมองรั้วที่ล้มระเรระนาดแล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนออกไปเดี๋ยวบอกยามหน้าหมู่บ้านล้ะกัน
ณ โรงเรียน
ตอนนี้ฉันมายืนรออยู่ที่คณะของพี่ป๊อปปี้แล้วหล่ะ หลายๆคนทั้งหญิงชายต่างมองฉันอย่างกับตัวประหลาด ไม่ใช่อะไรหรอกที่มองก็เพราะว่าอยู่ๆเด็กนิเทศน์มายืนอยู่ในคณะนิติศาสตร์ทำไม
ยืนรอไปประมาณ10นาทีฉันก็เห็นกลุ่มพี่เค้าเดินมาทางนี้ มันก็ต้องเป็นเวลานี้อยู่แล้วหล่ะเป็นเวลาพักเที่ยงของคณะพี่เขาพอดี
"เห้ย นั่นใช่น้องข้าวกล่องป่าวว้ะ"พี่หน้ายาวๆร้องทักและหันไปบอกกับกลุ่มเพื่อน จนตอนนนี้ทั้งคนในกลุ่มทั้งหมดหันมามองที่ฉันคนเดียว บ้าจริงมองกันขนาดนี้เขิลเป็นนะ
"เอ่อ....คือขอคุย..กับพี่ป๊อปปี้หน่อยได้ไหมค๊ะ"ฉันบอกอย่างตะกุกตะกักตอนนนี้รู้สึกหน้าร้อนจนจะไหม้ ใจเต้นแรงจนรู้สึกเจ็บไปหมด
"มีอะไรหรอ"หลังจากที่ได้ยินชื่อตัวเองหนุ่มฮอตก็เดินออกมาจากกลุ่มเพื่อน และถามคนตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งๆ
ทางด้านความคิดของหนุ่มฮอต
ให้ตายเถอะนี่มันเด็กข้าวกล่องคนนั้นนี่ มาโรงเรียนก็มาแต่ทำไมไม่เอาข้าวกล่องมาให้ หรือนี่จะมาบอกกับผมว่าไม่เอาข้าวกล่องมาให้แล้วไม่มายุ่งวุ่นวายด้วยแล้วอย่างนั้นหรอ
ทางด้านความคิดของสาวฟางสุดสวย
ให้ตายเถอะทำไมพี่เค้าต้องทำหน้าโหดๆ คิ้วขมวดเค้าหากันอย่างนั้นด้วย มันนน่ากลัวมากเลยนะแล้วอย่างนี้จะกล้าบอกได้ยังไงกัน พระเจ้าช่วยลูกด้วยยยยยยยยยยยย
"เห้ยทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบบนั้นหล่ะ"ผมชะงักค้างที่ยืนมองหน้าผมอยู่ดีๆก็ทำหน้าอยากจะร้องไห้
"เอ่อ..คือ....พี่ค้ะ...คืออ"ฉันพูดตะกุกตะกักให้ตายสิ กล้าๆหน่อยสิฟางพี่เค้ายืนอยู่ตรงหน้าแกแล้วนะ
"หืม?"พี่ป๊อปปี้ทำหน้าสงสัย ให้ตายสิทำหน้าแบบนี้น่ารักเป็นบ้า
ชู้ดดดดดดดดดดดดดด ฉันหายใจเข้าลึกๆเรียกความกล้าของตัวเองกลับมา
"คือ.....ว่าฉัน...คือฉัน....โอ้ยยยยแม่งเอ้ย"ฉันตบปากตัวเองแรงๆแค่พูดว่าเป็นแฟนกันไหมแค่นี้ทำไมพูดไม่ได้ พูดออกมาเดี๋ยวนี้ไอปากบ้า
"น้อง....เป็นอะไรครับ"ผมนิ่งค้างที่น้องทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแล้วอยู่ๆก็ตบปากตัวเองซะงั้น หรือว่าน้องกำลังมาบอกผมว่าจะเลิกยุ่งกับผมแต่ปากดันไม่พูดเพราะรู้สึกผิดเลยตบปากตัวเองอย่างแรงงั้นเหรอ
"......"ฉันไม่ได้พูดอะไรไป เพียงยืนก้มหน้าแล้วเรียบเรียงประโยคที่จะพูดให้มันสวยหรูที่สุด
"พี่รู้แล้วครับ น้องจะบอกพี่ว่าน้องจะไม่เอาข้าวกล่องมาให้พี่อีกเหมือนวันนี้ที่น้องไม่เอามาใช่ไม๊ แล้วน้องก็จะเลิกยุ่งกับพี่อย่างงั้นเหรอครับ น้องจะบอกพี่แบบนี้ใช่ไม๊"ผมร่ายยาวออกไป คำถามพวกนี้ค้างอยู่ในใจผมตลอด ผมรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
"พี่......."ฉันอึ้งรับประทานที่พี่เค้าพูดพร้อมกับทำหน้าไม่เข้าใจและอยากรู้คำตอบเหลือเกิน คือฉันอยากจะบอกว่าไม่ใช่นะแต่ปากมันไม่พูดอยากจะเอากรรไกรมาตบปากตัวเองจริงๆ
"พี่เข้าใจหล่ะครับ เฮ้อ ยังไงพี่ก็ขอบคุณสำหรับข้าวกล่องที่น้องเอามาให้พี่ทุกวันนะครับ ขอบคุณที่คอยแอบดูพี่ตอนกลับบ้าน ขอบคุณที่คอยเป็นห่วง ขอบคุณสำหรับของวันวาเลนไทน์ขอบคุณของขวัญวันเกิด ขอบคุณครับ พี่ไปล้ะ"พี่เค้าพูดด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อยจนฉันอยากจะร้องไห้แล้วทำไมไมถึงรู้เรื่องนั้นน ฉันไม่เคยไปเล่าให้ใครฟังเลยนะทำไมถึงรู้ว่าฉันแอบดูพี่เค้าหล่ะมันน่าอับอายเป็นบ้า
"เดี่ยวสิ"
ฉันเรียกรั้งเอาไว้ไม่ให้เดินไปมากกว่านี้ คนตัวสูงชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมา ความจริงมีคนเลิกชอบผม ผมไม่เคยรู้สึกแย่เท่านี้มาก่อนเลยสำหรับคนอื่นดีซะอีกที่เลิกยุ่งกับผมเพราะผมคิดว่ามันน่ารำคาญ แต่สำหรับเด็กคนนี้ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าคนที่เลิกชอบผม ไม่ใช่คนที่ผมชอบ
"มันไม่ใช่แบบที่พี่คิดซะหน่อย"ฉันตะโกนบอกออกไปและเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆคนบริเวณรอบข้างต่างให้ความสนใจเป็นอย่างดี
"แล้ว?"ร่างสูงถามอย่างไม่เข้าใจ
"ที่ฉันจะมาบอกวันนี้ไม่ใช่จะบอกว่าเลิกยุ่งกับพี่ซะหน่อย"ฉันบอกและยิ้มบางๆหน้าเริ่มร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
"แล้วจะบอกอะไรพี่"ผมถาม
"ไม่ใช่จะบอกแต่มันเป็นคำถาม....ฉันจะถามว่า.....เป็นแฟนกันไหม"ตอนนี้ใจเต้นเหมือนจะระเบิดออกมาเลยหล่ะ มันเขิลจนอยากจะเอาหน้าไปมุดดินให้ตายสินี่ฉันพูดประโยคนั้นไปแล้วจริงๆหรอ
"ไปส่องกระจกซะนะ"น้ำเสียงเรียบๆเอ่ยออกมา ฉันเงยหน้ามองด้วยใจที่กระตุกวูบ นี่กำลังจะโดนปฏิเสธงั้นหรอ มันคงเป็นแบบนั้นจริงๆ
"พี่...ค้ะ"ฉันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงรู้สึกร้อนๆที่ขอบตาก่อนน้ำตาจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พยายามแล้วนะที่จะไม่ร้องไห้แต่มันเหมือนพี่เค้าเอากรรไกรมาตัดหัวใจของฉัน รู้อย่างงี้น่าจะเชื่อสมองซีกขวาดีกว่าไม่น่าเลย ไม่น่ามาสารภาพเลย ถ้าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นแบบนี้ไม่น่าเลยจริงๆ
"ฮึก...."มีเพียงแต่เสียงสะอื้นของฉันเท่านั้น ตอนนี้บริเวณรอบๆต่างหยุดชะงักดูเหตุการณ์กันหมดทุกคนได้ยินประโยคทั้งหมด น่าสมเพสดีไหมหล่ะมาขอผู้ชายเป็นแฟนก่อนแล้วโดนปฏิเสธหน้าไม่อายเลยจริงๆ
"........แล้วบอกคนๆนั้นว่าพี่ก็ชอบเขาเหมือนกัน"หลังจากที่เงียบไปนานพี่เขาก็พูดออกมา ฉันยืนนิ่งหัวสมองกำลังประมวลจะเรียบเรียงในสิ่งที่เขาพูด ไปส่งกระจกซะนะแล้วบอกคนๆนั้นว่าพี่ก็ชอบเขาเหมือนกัน
"ค..คน..บ้า..ฮึก"ฉันร้องไห้หนักเข้าไปอีก สะอื้นจนตัวโยนก่อนที่พี่เค้าจะเข้ามาสวมกอดจากด้านหน้าและลูบหัวไว้เบาๆ
"ไม่ร้องสิ รู้ไม๊เห็นน้องร้องไห้แล้วพี่รู้สึกผิดมากเลยนะ"ฉันพยายามกลั้นสะอื้นแต่มันกลั้นไม่ได้จริงๆ นี่ไม่ได้ฝัน นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไม๊ในที่สุดฉันก็สมหวัง
"นี่...ขอพี่คบแล้วอย่าทิ้งพี่นะ"พี่ป๊อปปี้พูดก่อนจะก้มลงประกบจูบเบาๆ
"แอบชอบมานานขนาดนี้...รักมากขนาดนี้ทิ้งไม่ลงหรอก"ฉันบอกหลังจากที่พี่เขาถอนจูบไป
"เวลาของการแอบชอบเราก็ไม่ได้ต่างกันเลยนะ"พี่ป๊อบปี้พูดเบาๆก่อนจะกอดฉันไว้
"หมายความว่ายังไงค้ะ"ฉันถามด้วยความไม่เข้าใจ หมายความว่ายังไงกัน?
"พี่ก็แอบชอบน้องมานานแล้วเหมือนกันชอบมาตั้งแต่ป.2 ส่วนน้องน่ะชอบพี่ตั้งแต่ป.1ใช่ไหมหล่ะ"ฉันอึ้งก่อนจะผละออกมาจากอ้อมกอด
"ถ้าอย่างนั้น เราก็แอบชอบกันมาตลอดงั้นหรอ"ฉันถามถ้าอย่างงั้นเราก็ชอบกันในเวลาเดียวกันน่ะสิ เพราะตอนที่ฉันชอบพี่เขาฉันอยู่ป.1พี่อยู่ป.2 พี่เขาชอบฉันตอนเขาอยู่ป.2ฉันอยู่ป.1
"ครับ รักมากๆเลยนะเด็กน้อยของพี่"ผมก้มลงจูบที่หน้าผากมนเบาๆ
"บ...บ้า...รักเหมือนกันนะคุณพี่ของเด็กน้อย"ฉันบอกก่อนจะหัวเราะให้กับความเลี่ยนๆนี่ ก่อนเราทั้งสองคนจะกอดกันแบบแนบแน่นนี่ถ้ารวมเป็นร่างเดียวกันได้คงทำไปแล้ว
ความรักบางทีเราก็ต้องเป็นฝ่ายตามหา อย่าบอกเลยว่าเดี๋ยวเนื้อคู่ก็มาเอง อันนั้นมาอาจจะจริงแต่มันไม่เสมอไป ในเมื่อเราคิดว่ามันใช่ก็จงจับมันไว้แน่นๆอย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป
THE END
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ