[ฝันเฟื่องเรื่องสั้น] เรื่องที่สี่ : มือปืน
9.8
เขียนโดย larceta
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.42 น.
2 ตอน
9 วิจารณ์
6,088 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557 19.55 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) เรื่องสั้นที่สุดในโลกของมือปืนผู้แม่นยำที่สุดในโลก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเรื่องที่สี่ เรื่องสั้นที่สุดในโลกของมือปืนผู้แม่นยำที่สุดในโลก ผมคือมือปืนที่แม่นยำที่สุดในโลก ผมหาได้โม้ไม่ ถ้าไม่เชื่อ คุณลองเดินห่างออกไปสัก 5,000 กิโลเมตรแล้วดีดเหรียญที่คุณคิดว่าเล็กที่สุดเท่าที่หาได้ขึ้นฟ้าดูสิ พนันได้เลย ก่อนที่เหรียญจะตกพื้น มันจะต้องโดนกระสุนยิงปืนของผมยิงทะลุตรงกลางแน่นอน ไม่เชื่อเหรอ โอเค งั้นตายซะ!
....ไม่สิ อย่าเพิ่งตาย ประครองสมองที่กำลังไหลอยู่นั่นไว้ก่อน ไว้ฟังเรื่องของผมจบแล้วค่อยตายนะ โปรดฟังอีกครั้ง ผมคือมือปืนที่แม่นยำที่สุดในโลก ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้น ไม่แปลกที่เลยที่ผมจะมีงานล้นมือตลอดเวลา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะสักแต่ทำงานลวกๆพอเสร็จๆไป ผมทำงานทุกชิ้นอย่างปราณีตเสมอ อีกทั้งทุกครั้งที่รับงาน ผมลั่นสัจจะวาจา ไม่รับเงินจนกว่างานจะปิดจ็อบ อาจได้มองได้ว่าเป็นความเสี่ยง แต่สำหรับผม เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ ผมไม่ได้เป็นมือปืนเพราะกระหายอยากในทรัพย์ศฤงคาร ความกระหายของผมมีเพียงหนึ่งเดียว ชัยชนะ และที่สำคัญ รับประกันเลยว่าจะไม่มีเป้าหมายคนไหนรอดจากผมไปได้ แล้ววันนี้ก็เป็นที่ดีอีกหนึ่งวันที่ผมจะได้โชว์ผลงานระดับมาสเตอร์พีชให้ได้ประจักษ์ ถ้ามองตามลำกล้องที่สามารถซูมเป้าหมายได้ 50 ล้านเท่าของผมไป ผู้ชายที่ยืนสูบบุหรี่ไกลลิบๆที่มุมตึกทางโน้น ผู้นำกลุ่มติดอาวุธที่กำลังจะก่อการปฏิวัติด้วยการนำมวลมหาประชาชนไปทำปิดล้อมตามสถานที่สำคัญๆของประเทศด้วยการทำแพลงกิ้ง นั่นแหละเป้าหมายของผม
ปัง! ผมมักเสียงขณะลั่นไก เพราะปืนของผมเป็นปืนเก็บเสียงพิเศษชนิดที่ยุงซึ่งกำลังหลับอยู่ปลายปืนยังไม่รู้ตัวเลยว่ากระสุนถูกยิงไปแล้ว และตอนนี้ กระสุนที่ปล่อยออกไปของผมก็เจาะเข้าขมับขวาทะลุกกหูซ้ายของเป้าหมายไปเรียบร้อยแล้ว
ร่างล้มครืน เนื้อสมองกับเลือดกระจายปนเปเหมือนภาพแอบแสต็กของปิกัสโซ่ ..ผมไม่รู้นะว่าปิกัสโซ่วาดภาพแนวนี้ไหม ถ้าไม่ ก็ให้สมมติเป็นใครก็ได้ที่คุณรู้จัก แต่ที่แน่นอนก็คือเมื่อภาพนี้ปรากฎ งานของผมก็ถือว่าเสร็จสิ้น ปลดกระสุน ถอดสโคป เก็บปืนลงกล่อง จากนั้นก็ไปหาอะไรที่บาร์ เหล่แซวสาวรวมถึงแตะนิดเตาะหน่อยพอเป็นกระสายให้เลือดสูบฉีด หรือหากโชคดีกว่านั้น ผมอาจได้สักคนหิ้วกลับโรงแรม ที่พัก หรืออาจจะหลังเคาร์เตอร์ของบาร์ก็ได้หากวันนั้นติดสัดหนัก แน่นอน ไม่มีใครว่าผม ลองว่าดูสิ สมองมันได้กลายเป็นภาพแอปแสต็กของฟานก็อกแน่ๆ ที่กล่าวมานั้นคือกิจกรรมปกติหลังจากเสร็จงานที่จะทำ หรือควรได้ทำ... ทว่าไม่ใช่กับครั้งนี้ เป้าหมายของผมยังไม่ตาย ทีแรกผมเองก็ไม่เชื่อจนต้องขยี้ตา แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังอยู่ หมอนั่นไม่ตายจริงๆ แถมไม่ใช่ไม่ตายเปล่า ทั้งๆที่สมองไหลย้อยเกลื่อนกลาด มันกลับยังลุกขึ้นได้แถมยังทำเรื่องที่เกือบทำให้ไรเฟิลสุดรักของผมร่วงหลุดมืออีกด้วย หมอนั่นเริ่มเต้นท่าไขว้มือในเพลง Asereje บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ได้เมา ถึงจะดื่มก่อนทำงานไปนิดหน่อยแต่ยืนยันได้ว่าผมยังมีสติครบถ้วน แล้วหมอนั่นก็เต้นท่า Asereje ได้ครบถ้วนทุกกระบวนพอๆกับสติที่ผมมีอยู่เลย อย่ากระนั้นเลย ถึงจะตกใจแต่ผมก็ไม่ลืมหน้าที่ จัดการยัดกระสุนไปอีกหนึ่งเม็ดที่ขั้วหัวใจ เลือดพุ่งโค้งเป็นสะพานโกลเด้นเกทขณะที่ร่างนั่นล้มลง
ทว่าพักเดียว มันก็ลุกขึ้นมาอีก แถมคราวนี้ยังมาในท่าเต้นควบม้า Gamnang Style อันโด่งดังอีกด้วย ผมยกน้ำขึ้นดื่ม สงบสติอารมณ์ จากนั้นก็ลั่นไกยิงไปอีก 888 นัดถ้วน
แต่ไม่ว่าหมอนั่นจะโดนยิงไปกี่ครั้ง มันก็ยังลุกขึ้นมาได้แล้วก็เต้นด้วยท่าใหม่ทุกครั้ง นับย้อนตั้งแต่ประวัติศาสตร์ดิสโก้ยุค 70 ยันจัสตินบีเบอร์ แถมบางคราวยังข้ามฝั่งมาถึงชาติเอเชียที่เจริญแล้วบางประเภทด้วย ...นี่มัน...บ้าอะไรกัน.... ผมนึกถึงมือเช้าที่ใช้เหล้าแทนนมสดในคอร์นเฟลก หรือนี้จะเป็นผลกระทบจากมัน แบบนั้นดูท่าต่อไปผมคงต้องใช้เบียร์แทนแล้วสิ ผมยิงหมอนั่นอีกหลายนัดจนขี้เกียจจะนับ เช่นกันกับที่หมอนั่นเต้นให้ผมดูจนขี้เกียจจะดู เต้นทั้งๆ ปอดทะลุ ม้ามกระจาย ใส้ทะลัก เลือดท่วมพุ่งทะลักแบบนั้นเลย หรือบางที... การที่หมอนั่นยังไม่ยอมตาย อาจเพราะเชื่อว่าตัวเองยังเต้นได้ก็ได้ ทั้งๆที่ท่าเต้นของหมอนั่น ดูเผินๆอาจจะสวยเข้าทีอยู่ แต่ถ้าดูดีๆแล้ว มีทั้งท่าไม่ครบ ท่าไม่เต็ม แล้วยังมีการมั่วหรือแอบเติมนั่นลดนี่อีกหลายอย่างแบบสุดๆ อย่างท่าโหนรถเมย์ในเพลงดังของคู่หู่ดูโอแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศนึงนั่น หมอนั่นไม่ได้เอียงตัวสุดตามสเต็ปเพลง แถมยังแกว่งแขนมั่วจังหวะสุดเลยด้วย ซากศพสุดทุเรศกับท่าทางสุดอุบาทย์ นี่มันปกอัลบัมของ Carnibal Corpse ชัดๆ ...ยิ่งเห็นก็ยิ่งขัดตา ผมวางปืนลงแล้วเก็บเข้ากล่อง ไม่มีประโยชน์อีกแล้วที่จะเปลืองกระสุนไปกับสิ่งที่ฆ่าไม่ได้ อย่างน้อยก็ด้วยกระสุนหรืออาวุธใดๆก็ตาม เพราะตัวตนของหมอนั่นดำรงอยู่ด้วยความภาคภูมิใจในท่าเต้นของตัวเอง เป็นจุดแข็งที่ค้ำชูชีวิตของเขาเอาไว้ ทว่า นั่นก็เป็นถือจุดอ่อนด้วยเช่นกัน
การมีชีวิตโดยการยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงสิ่งเดียวถือเป็นทั้งความปลอดภัยแล้วก็อันตราย หากสิ่งนั้นคงอยู่ได้นานตราบเท่าที่เรามีชีวิตก็ไม่ใช่ปัญหา แต่หากสิ่งนั้นเกิดล่มสลายไประหว่างที่เรามีชีวิตละก็ นั่นแหละ จุดจบของชีวิต เลยล่ะ เพราะเหตุผลนี้ หากผมทำให้มันรู้ตัวว่าท่าเต้นของมันไม่ได้สุดยอดอีกต่อไปแล้ว ทำให้มันรู้ว่าในโลกนี้ยังมีคนที่เต้นเก่งกว่ามัน หมอนั่นจะต้องหมดกำลังใจแล้วต้องยอมตายแน่ๆ นับแต่วันนั้น ภารกิจใหม่ของผมจึงเริ่มต้น ภารกิจที่ไร้ซึ่งเสียงปืนและการฆ่าฟัน ภารกิจที่ผมถีบชกตัวเองอยู่นานกว่าจะยอมให้หน้าของตัวเองหนาพอที่จะทำมัน ผมเริ่มฝึกเต้น ฝึกเต้นทุกท่าเต้นที่มีอยู่บนโลกนี้ ตั้งแต่ท่าระบำบูชาไฟของมนุษย์ยุคหินจนถึงท่าเต้นในอนาคต 100 ปีข้างหน้าโดยครูสอนเต้นที่บอกว่าตัวเองนั่งไทม์แมชชีนมาโลกอนาคต ผมซ้อมเต้นทุกท่าอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อจะเหนือมันให้ได้ ถึงวิธีการจะต่างกัน แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่า ไม่เคยมีเป้าหมายคนไหนรอดจากผมไปได้ เพราะอย่างนั้น จนกว่าจะฆ่ามันได้ ผมจะเต้นต่อไป ต่อไป และต่อไปๆ สำหรับผม เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ ทรัพย์ศฤงคารมิใช่เป็นความกระหายอยากของผม ความกระหายของผมมีเพียงหนึ่งเดียว ชัยชนะ เพราะอย่างนั้น จนกว่าจะบรรลุถึงสิ่งที่ต้องการ ผมจักเต้นต่อไป แม้นั่นอาจยาวนานกระทั่งถึงกาลวินาศของโลกนี้ก็ตาม-จบ-
....ไม่สิ อย่าเพิ่งตาย ประครองสมองที่กำลังไหลอยู่นั่นไว้ก่อน ไว้ฟังเรื่องของผมจบแล้วค่อยตายนะ โปรดฟังอีกครั้ง ผมคือมือปืนที่แม่นยำที่สุดในโลก ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้น ไม่แปลกที่เลยที่ผมจะมีงานล้นมือตลอดเวลา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะสักแต่ทำงานลวกๆพอเสร็จๆไป ผมทำงานทุกชิ้นอย่างปราณีตเสมอ อีกทั้งทุกครั้งที่รับงาน ผมลั่นสัจจะวาจา ไม่รับเงินจนกว่างานจะปิดจ็อบ อาจได้มองได้ว่าเป็นความเสี่ยง แต่สำหรับผม เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ ผมไม่ได้เป็นมือปืนเพราะกระหายอยากในทรัพย์ศฤงคาร ความกระหายของผมมีเพียงหนึ่งเดียว ชัยชนะ และที่สำคัญ รับประกันเลยว่าจะไม่มีเป้าหมายคนไหนรอดจากผมไปได้ แล้ววันนี้ก็เป็นที่ดีอีกหนึ่งวันที่ผมจะได้โชว์ผลงานระดับมาสเตอร์พีชให้ได้ประจักษ์ ถ้ามองตามลำกล้องที่สามารถซูมเป้าหมายได้ 50 ล้านเท่าของผมไป ผู้ชายที่ยืนสูบบุหรี่ไกลลิบๆที่มุมตึกทางโน้น ผู้นำกลุ่มติดอาวุธที่กำลังจะก่อการปฏิวัติด้วยการนำมวลมหาประชาชนไปทำปิดล้อมตามสถานที่สำคัญๆของประเทศด้วยการทำแพลงกิ้ง นั่นแหละเป้าหมายของผม
ปัง! ผมมักเสียงขณะลั่นไก เพราะปืนของผมเป็นปืนเก็บเสียงพิเศษชนิดที่ยุงซึ่งกำลังหลับอยู่ปลายปืนยังไม่รู้ตัวเลยว่ากระสุนถูกยิงไปแล้ว และตอนนี้ กระสุนที่ปล่อยออกไปของผมก็เจาะเข้าขมับขวาทะลุกกหูซ้ายของเป้าหมายไปเรียบร้อยแล้ว
ร่างล้มครืน เนื้อสมองกับเลือดกระจายปนเปเหมือนภาพแอบแสต็กของปิกัสโซ่ ..ผมไม่รู้นะว่าปิกัสโซ่วาดภาพแนวนี้ไหม ถ้าไม่ ก็ให้สมมติเป็นใครก็ได้ที่คุณรู้จัก แต่ที่แน่นอนก็คือเมื่อภาพนี้ปรากฎ งานของผมก็ถือว่าเสร็จสิ้น ปลดกระสุน ถอดสโคป เก็บปืนลงกล่อง จากนั้นก็ไปหาอะไรที่บาร์ เหล่แซวสาวรวมถึงแตะนิดเตาะหน่อยพอเป็นกระสายให้เลือดสูบฉีด หรือหากโชคดีกว่านั้น ผมอาจได้สักคนหิ้วกลับโรงแรม ที่พัก หรืออาจจะหลังเคาร์เตอร์ของบาร์ก็ได้หากวันนั้นติดสัดหนัก แน่นอน ไม่มีใครว่าผม ลองว่าดูสิ สมองมันได้กลายเป็นภาพแอปแสต็กของฟานก็อกแน่ๆ ที่กล่าวมานั้นคือกิจกรรมปกติหลังจากเสร็จงานที่จะทำ หรือควรได้ทำ... ทว่าไม่ใช่กับครั้งนี้ เป้าหมายของผมยังไม่ตาย ทีแรกผมเองก็ไม่เชื่อจนต้องขยี้ตา แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังอยู่ หมอนั่นไม่ตายจริงๆ แถมไม่ใช่ไม่ตายเปล่า ทั้งๆที่สมองไหลย้อยเกลื่อนกลาด มันกลับยังลุกขึ้นได้แถมยังทำเรื่องที่เกือบทำให้ไรเฟิลสุดรักของผมร่วงหลุดมืออีกด้วย หมอนั่นเริ่มเต้นท่าไขว้มือในเพลง Asereje บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ได้เมา ถึงจะดื่มก่อนทำงานไปนิดหน่อยแต่ยืนยันได้ว่าผมยังมีสติครบถ้วน แล้วหมอนั่นก็เต้นท่า Asereje ได้ครบถ้วนทุกกระบวนพอๆกับสติที่ผมมีอยู่เลย อย่ากระนั้นเลย ถึงจะตกใจแต่ผมก็ไม่ลืมหน้าที่ จัดการยัดกระสุนไปอีกหนึ่งเม็ดที่ขั้วหัวใจ เลือดพุ่งโค้งเป็นสะพานโกลเด้นเกทขณะที่ร่างนั่นล้มลง
ทว่าพักเดียว มันก็ลุกขึ้นมาอีก แถมคราวนี้ยังมาในท่าเต้นควบม้า Gamnang Style อันโด่งดังอีกด้วย ผมยกน้ำขึ้นดื่ม สงบสติอารมณ์ จากนั้นก็ลั่นไกยิงไปอีก 888 นัดถ้วน
แต่ไม่ว่าหมอนั่นจะโดนยิงไปกี่ครั้ง มันก็ยังลุกขึ้นมาได้แล้วก็เต้นด้วยท่าใหม่ทุกครั้ง นับย้อนตั้งแต่ประวัติศาสตร์ดิสโก้ยุค 70 ยันจัสตินบีเบอร์ แถมบางคราวยังข้ามฝั่งมาถึงชาติเอเชียที่เจริญแล้วบางประเภทด้วย ...นี่มัน...บ้าอะไรกัน.... ผมนึกถึงมือเช้าที่ใช้เหล้าแทนนมสดในคอร์นเฟลก หรือนี้จะเป็นผลกระทบจากมัน แบบนั้นดูท่าต่อไปผมคงต้องใช้เบียร์แทนแล้วสิ ผมยิงหมอนั่นอีกหลายนัดจนขี้เกียจจะนับ เช่นกันกับที่หมอนั่นเต้นให้ผมดูจนขี้เกียจจะดู เต้นทั้งๆ ปอดทะลุ ม้ามกระจาย ใส้ทะลัก เลือดท่วมพุ่งทะลักแบบนั้นเลย หรือบางที... การที่หมอนั่นยังไม่ยอมตาย อาจเพราะเชื่อว่าตัวเองยังเต้นได้ก็ได้ ทั้งๆที่ท่าเต้นของหมอนั่น ดูเผินๆอาจจะสวยเข้าทีอยู่ แต่ถ้าดูดีๆแล้ว มีทั้งท่าไม่ครบ ท่าไม่เต็ม แล้วยังมีการมั่วหรือแอบเติมนั่นลดนี่อีกหลายอย่างแบบสุดๆ อย่างท่าโหนรถเมย์ในเพลงดังของคู่หู่ดูโอแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศนึงนั่น หมอนั่นไม่ได้เอียงตัวสุดตามสเต็ปเพลง แถมยังแกว่งแขนมั่วจังหวะสุดเลยด้วย ซากศพสุดทุเรศกับท่าทางสุดอุบาทย์ นี่มันปกอัลบัมของ Carnibal Corpse ชัดๆ ...ยิ่งเห็นก็ยิ่งขัดตา ผมวางปืนลงแล้วเก็บเข้ากล่อง ไม่มีประโยชน์อีกแล้วที่จะเปลืองกระสุนไปกับสิ่งที่ฆ่าไม่ได้ อย่างน้อยก็ด้วยกระสุนหรืออาวุธใดๆก็ตาม เพราะตัวตนของหมอนั่นดำรงอยู่ด้วยความภาคภูมิใจในท่าเต้นของตัวเอง เป็นจุดแข็งที่ค้ำชูชีวิตของเขาเอาไว้ ทว่า นั่นก็เป็นถือจุดอ่อนด้วยเช่นกัน
การมีชีวิตโดยการยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงสิ่งเดียวถือเป็นทั้งความปลอดภัยแล้วก็อันตราย หากสิ่งนั้นคงอยู่ได้นานตราบเท่าที่เรามีชีวิตก็ไม่ใช่ปัญหา แต่หากสิ่งนั้นเกิดล่มสลายไประหว่างที่เรามีชีวิตละก็ นั่นแหละ จุดจบของชีวิต เลยล่ะ เพราะเหตุผลนี้ หากผมทำให้มันรู้ตัวว่าท่าเต้นของมันไม่ได้สุดยอดอีกต่อไปแล้ว ทำให้มันรู้ว่าในโลกนี้ยังมีคนที่เต้นเก่งกว่ามัน หมอนั่นจะต้องหมดกำลังใจแล้วต้องยอมตายแน่ๆ นับแต่วันนั้น ภารกิจใหม่ของผมจึงเริ่มต้น ภารกิจที่ไร้ซึ่งเสียงปืนและการฆ่าฟัน ภารกิจที่ผมถีบชกตัวเองอยู่นานกว่าจะยอมให้หน้าของตัวเองหนาพอที่จะทำมัน ผมเริ่มฝึกเต้น ฝึกเต้นทุกท่าเต้นที่มีอยู่บนโลกนี้ ตั้งแต่ท่าระบำบูชาไฟของมนุษย์ยุคหินจนถึงท่าเต้นในอนาคต 100 ปีข้างหน้าโดยครูสอนเต้นที่บอกว่าตัวเองนั่งไทม์แมชชีนมาโลกอนาคต ผมซ้อมเต้นทุกท่าอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อจะเหนือมันให้ได้ ถึงวิธีการจะต่างกัน แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่า ไม่เคยมีเป้าหมายคนไหนรอดจากผมไปได้ เพราะอย่างนั้น จนกว่าจะฆ่ามันได้ ผมจะเต้นต่อไป ต่อไป และต่อไปๆ สำหรับผม เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ ทรัพย์ศฤงคารมิใช่เป็นความกระหายอยากของผม ความกระหายของผมมีเพียงหนึ่งเดียว ชัยชนะ เพราะอย่างนั้น จนกว่าจะบรรลุถึงสิ่งที่ต้องการ ผมจักเต้นต่อไป แม้นั่นอาจยาวนานกระทั่งถึงกาลวินาศของโลกนี้ก็ตาม-จบ-
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ