ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
-
เขียนโดย fear
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 20.31 น.
1 บท
2 วิจารณ์
3,716 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 20.42 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) FAULT
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เสียงหัวเราะดังระงมมาจากทางเดินมีนักเรียนยืมล้อมวงเป็นจำนวนมากราวกับว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นซะอย่างงั้นเมื่อมองเลยไปจะพบหญิงสาวที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ที่พื้นตัวสั่นเทาราวกับกำลังโกรธถึงขีดสุดแต่กระนั้นเสียงหัวเราะก็ยังดังขึ้นเป็นระยะไม่มีใครสนใจที่ช่วยเด็กสาวสักคนมิหนำซ้ำยังช่วยกันซ้ำเติมอีกจนกระทั่งทุกคนได้ยินเสียง “นี่พวกเธอ ทำอะไรกัน” เจ้าของเสียงนั้นคือเสียงของอาจารย์วาส ที่คอยสอดส่องนักเรียนในชั้นตลอดเวลา เมื่อทุกคนได้ยินเสียงก็พากันวิ่งหนีหายไปในกลีบเมฆ อาจารย์ปรี่เข้าไปประคองลีเซียนักเรียนดีเด่นสามปีซ้อนมีบุคลิกภาพหน้าตาเป็นเลิศอีกทั้งยังมีความสามารถทางด้านดนตรีการแสดงเธอถูกทาบทามจากสถานีโทรทัศน์ชื่อดังและกำลังจะมีผลงานการแสดงเร็วๆนี้ คุณสมบัติเธอช่างมากมายแต่นั่นล้วนไม่ได้ทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนแบบคนทั่วไปเธอไม่มีแม้กระทั่งเพื่อนสนิท ความสมบูรณ์แบบของเธอนั้นทำให้เธอถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดทุกคนแบ่งแยกเธอออกจากสังคมของเขาแม้ว่าเธอจะพยายามทำดีแค่ไหนเธอก็ไม่เคยได้ดีสักครั้งเธอถูกกลั่นแกล้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับทุกคนสร้างคุกให้กับเธอและผลักไสเธอออกจากสังคมของพวกเขา
ทุกๆวันที่ลีเซียมาโรงเรียนตอนเช้าเธอมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องดนตรีสถานที่ปราศจากบุคคลที่จงเกลียดจงชังเธอ ลีเซียเป็นนักเรียนดีเด่นและมีความสามารถจึงได้รับอนุญาตให้มาซ้อมเปียโนในห้องนี้เธอจึงเลี่ยงที่จะไม่ไปเข้าแถว ในแต่ละวันเธอพยายามหนีหน้าจากทุกทุกคน ยามเที่ยงเธอก็เอาแต่อยู่ในห้องคอมไม่ลงไปทานอาหารที่โรงอาหารสักวัน พอตกเย็นเธอก็รีบตรงกับบ้าน..........ทำไมนะชีวิตเด็กสาวมัธยมปลายวัยร่าเริงแจ่มใสที่ควรจะสนุกสนานกับเพื่อนฝูงแต่กลับกันเธอไม่มีเพื่อนสักคนไม่มีใครที่อยากปกป้องเธออยู่ข้างเธอเพราะก็กลัวว่าจะพลอยโดนแกล้งไปด้วยเธอชั่งน่าสงสารเหลือเกินนะสาวน้อย
และเช้าวันนี้ก็เป็นเหมือนทุกทุกเช้า ที่เธอหมกตัวอยู่ในห้องดนตรีแต่วันนี้เธอตัดสินใจจะทำบางอย่างที่แปลกออกไปเธอเดินตรงไปที่ระเบียงและนั่งทิ้งขาลงบนขอบหน้าต่างเธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเธอก็ตัดสินใจทำบางอย่างในขณะนั้นเองประตูห้องดนตรีก็เปิดออก ด้วยความตกใจลีเซียรีบเขยิบไปหลังผ้าม่านเธอหวาดระแวงเกรงว่าคนที่เข้ามาจะมาพบเข้าว่าเธอกำลังทำอะไร คนที่เข้ามานั้นก็คือแพมแพมเด็กสาวรักสวยรักงามชอบกัดจิกลีเซียเป็นชีวิตจิตใจเธอเดินตรงไปนั่งเก้าอี้จัดแจงวางอุปกรณ์แต่งหน้าเธอคิดว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นเธอก็บรรจงแต่งหน้าใส่หูฟังฮัมเพลงอย่างสบายใจและเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆลีเซียก็ตกลงมาจากระเบียงคนที่อยู่ข้างล่างกรูเข้ามารุมล่างของเธอเสียงกรี้ดดังระงมจนทำให้แพมแพมที่กำลังฟังเพลงอย่างสบายวางอุปกรณ์แต่งหน้าลงแล้วตรงไปยังระเบียงเธอชะโงกลงไปดูต้นตอของเสียงทำให้พบว่า ลีเซียนอนกองอยู่ที่พื้นข้างล่าง แล้วก็มีนักเรียนตะโกนขึ้นมาว่า “นั่นมันแพมแพม!!!!!!”
“ยัยฆาตกร” พร้อมกลับชี้หน้าเธอทื่ยืนงุนงงอยู่ที่ระเบียง
แพมแพมหน้าถอดสีและพูดกลับไปว่า “ฉันไม่รู้เรื่องฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” เธอกระวนกระวายเธอไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่ามีคนอยู่ในห้องแล้วคราวนี้เธอจะทำอย่างไรดีล่ะ...............................
ร่างของลีเซียถูกส่งไปที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดกับโรงเรียนเธอถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน แพมแพมได้แต่ภาวนาว่าลีเซียจะฟื้นขึ้นมาเพราะเธอเป็นเพียงคนเดียวที่จะสามารถบอกความจริงได้
หลังจากเกิดเหตุการณ์เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็มีตำรวจเข้ามาสอบปากคำนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนให้การว่าเห็นแพมแพมชะโงกหน้าออกมาจากระเบียงหลังจากที่ลีเซียตกลงและยังให้ข้อมูลอีกว่าแพมแพมชอบหาเรื่องแกล้งลีเซียเป็นประจำ ตำรวจจึงมุ่งเป้าไปที่แพมแพม ตำรวจเรียกแพมแพมไปสอบปากคำแต่เธอปฏิเสธทุกอย่างที่ตำรวจซักถามเธอเอาแต่พูดซ้ำไปซ้ำมาว่า “หนูไม่รู้เรื่องหนูไม่ได้ทำ” หลังจากที่ตำรวจได้สอบปากคำเธอแล้วแต่เธอกลับปฏิเสธทุกอย่าง สารวัตรพอร์ชผู้รับผิดชอบคดีนี้จึงเข้าไปสอบสวนเอง เขาถามแพมแพมว่า “เธออยู่ในห้องวันนั้นตอนที่ลีเซียตกลงมาเธอจะไม่รู้เรื่องได้ยังไง”
“ก็หนูบอกว่าไม่ได้ทำไง”
“ถ้าเธอไม่ได้ทำแล้วใครจะทำ ?ในเมื่อห้องนั้นมีแค่เธอกับลีเซีย”
“หนูไม่รู้หนูไม่ทำหนูไม่รู้หนู้ไม่รู้ไม่รู้ไม่รู้” แพมแพมเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเธอส่ายหัวก้มหน้าตัวสั่นเทา
“แต่มีพยานเห็นเธอและใครๆก็บอกว่าเธอไม่ชอบลีเซียเธอมักจะหาเรื่องลีเซียเป็นประจำ”
เธอเงยหน้าขึ้นใบหน้าเธอเต็มไปด้วยน้ำตาเธอพูดว่า “หนูยอมรับว่าหนูไม่ชอบยัยนั่นแต่หนูไม่เคยคิดจะไปฆ่ายัยนั่นหรือทำร้ายอะไรยัยนั่นสักนิด” ในตอนนี้เธอรู้ดีว่าต่อให้เธอพูดอะไรออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อเธอเป็นอย่างแน่ไม่มีใครคิดที่จะเข้าข้างเธอหรือรับฟังเธอด้วยซ้ำทำไมในตอนที่เธอกำลังทุกข์กลับไม่มีใครที่จะอยู่ข้างเธอสักคนมันชั่งโดดเดี่ยวเธอกัดฟันร้องไห้ในสมองก็วนเวียนไปด้วยความคิดตัดพ้อกับชีวิตต่างๆนานา
สารวัตรพอร์ชกำลังสับสนกับคำพูดของพยานและการให้ปากคำของแพมแพมเขาครุ่นคิดว่าถ้าแพมแพมไม่ได้ทำแล้วใครจะเป็นคนผลักลีเซียหรือจริงๆแล้วเธอจะทำแต่เธอปิดบังอะไรอยู่แต่เขาก็คิดอีกว่าถ้าเธอทำด้วยประสบการณ์ในการสอบปากคำของเขาป่านนี้ผู้ต้องหาน่าจะรับสารภาพได้แล้วอีกทั้งแพมแพมก็เป็นแค่เพียงเด็กมอปลายไม่น่าจะมีความรู้เรื่องกฎหมายอะไรมากนัก
สารวัตรพอร์ชเริ่มสงสัยอะไรบางอย่างเขาเดินสำรวจรอบโรงเรียนสอบถามจากนักเรียนคนอื่นๆถึงกิจวัตรประจำวันของลีเซียว่าเธอมักจะไปที่ไหนทำอะไรตอนไหนสนิทกับใครบ้างเขาได้ข้อมูลมาว่าเธอไม่มีเพื่อนสนิทตอนเที่ยงเธอมักอยู่ในห้องคอมเธอจะใช้คอมเครื่องที่ ๑๙ เครื่องประจำของเธอ เธอไม่ลงไปทานข้าวเที่ยงสักวัน
เธอไม่ลงไปเข้าแถว ข้อมูลที่ได้มาสร้างความประหลาดใจแก่สารวัตรพอร์ชเป็นอย่างมากเขากำลังคิดว่าลีเซียเป็นคนประเภทไหนทำไมเธอทำตัวเหมือนไม่มีตัวตนในโรงเรียนไม่เหมือนกับเด็กมอปลายทั่วไปเลยสักนิด เธอก็หน้าตาสละสลวยเรียนดีดนตรีเด่นทำไมคนที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ถึงได้ไม่มีใครสุงสิงด้วยสักคน ที่แรกที่สารวัตรพอร์ชตัดสินใจไปตรวจสอบก็คือห้องดนตรีเขาเดินวนแล้ววนเล่าแต่สิ่งที่เขาพบมีเพียงแค่อุปกรณ์แต่งหน้าของแพมแพมเท่านั้น เขาจึงฉุกคิดได้ว่าที่ที่สองที่ลีเซียมักจะอยู่ก็คือห้องคอมพิวเตอร์เขารีบมุ่งไปที่ห้องคอมพิวเตอร์เขาปรี่ไปที่คอมพิวเตอร์หมายเลข ๑๙ ที่ลีเซียใช้เป็นประจำเขากดดูข้อมูลในคอมแต่ก็พบกับความว่างเปล่าเขาจึงเข้าดูประวัติการใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งเขาก็พบข้อความแปลกๆในประวัติการค้นหา “การลบกลิ่นบุหรี่” “การซื้อบุหรี่” “วิธีการสั่งซื้อบุหรี่” วิธีการลบกลิ่นบุหรี่ในช่องปาก” บิงโก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! “นี่สินะที่เธอไปนั่งที่ระเบียง”
หลังจากนั้นเขาจึงย้อนกลับไปที่เกิดเหตุอีกครั้งเขาค้นอะไรบางอย่างอยู่นานแล้วเขาก็พบชิ้นส่วนที่เขาตามหาอยู่ นั่นก็คือบุหรี่มวลที่ลีเซียทำตกลงมาเขาเองเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้วเขาตัดสินใจที่จะเก็บข้อมูลที่เขาเพิ่งจะไปพบเข้าไว้กับตัวเพราะเขาพึ่งได้รับข่าวจากทางโรงพยาบาลว่าลีเซียฟื้นแล้วเขาจึงนัดสอบปากคำทันที สารวัตรพอร์ชรีบบอกแพมแพมว่าลีเซียฟื้นแล้วแพมแพมดูจะดีใจมากสีหน้าของเธอดูมีความสุขที่ลีเซียปลอดภัยไม่เหมือนคนที่จะเป็นฆาตกรสักนิด สารวัตรพอรช์ได้จัดให้ทั้งคู่สอบปากคำพร้อมกัน คำถามแรกที่สารวัตรพอร์ชถามก็คือ “ใครผลักเธอลงมา”
ลีเซียชี้ไปที่แพมแพม สารวัตรพอร์ชงุนงง แพมแพมลุกขึ้นด่าทอลีเซียทันที”เธอพูดยังงี้ได้ยังไงนังบ้าทำไมเธอมากล่าวหาฉันยังงี้!”
สารวัตรพอร์ชรวบตัวแพมแพมไว้ทันทีเพราะเกรงว่าจะไปทำร้ายลีเซีย แต่สารวัตรพอร์ชก็ยังรู้สึกแปลกแปลกกับท่าทางของลีเซียที่ดูกระวนกระวายทั้งทั้งที่เธอเป็นเหยื่อแต่ดูกังวลราวกับเป็นผู้ต้องหา เขาจึงแอบวางโทรศัพท์แล้วขอตัวออกไปเตรียมคำรับสารภาพ แล้วแพมแพมก็เปิดฉากตะคอกใส่ลีเซียว่า “เธอจะจับฉันยัดไปในคุกทั้งๆที่ฉันไม่ผิดไม่ได้นะนังบ้า!!!!!”
“แล้วยังไง”
“ทำไมเธอทำแบบนี้ทำไมไม่พูดความจริงว่าใครผลักเธอ”
“ฉันบอกไม่ได้หรอก”
“ ทำไม”
“เพราะไม่ได้มีใครผลักฉัน”
“กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!แล้วทำไมมึงพูดว่ากูทำอีบ้ามึงมันบ้ามึงจะโยนความผิดให้กูหรอมึงอยากให้กูติดคุกมากใช่ไหมมึงมันเลวจริงๆ”
“แล้วทำไมล่ะในเมื่อเธอก็บังคับให้ฉันอยู่ในคุกที่เธอสร้างมาตลอด ลองไปอยู่ดูบ้างเธอจะได้รู้ยังไงล่ะว่าทุกๆวันของฉันมันเลวร้ายแค่ไหนไอ้คุกที่เธอสร้างให้ฉันทั้งๆที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ฉันกลับต้องทนอยู่ในคุกที่ไม่มีแม้แต่เพื่อนแม้แต่คนที่เข้าข้าง แม่ฉันด่าฉันว่าโง่เพราะฉันปล่อยให้เธอแกล้งฉันมาตลอด แม้กระทั่งแม่ฉันยังสมน้ำหน้าฉันสะใจเธอไหมล่ะ”
แพมแพมทรุดตัวลงความรู้สึกผิดเกาะกุมในหัวใจของเธอเธอเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เธอทำมันเลวร้ายแค่ไหนเธอน้ำตาไหลยิ่งกว่าตอนที่เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผลักลีเซียซะอีกเธอไม่เคยรู้เลยว่าความสนุกสนานของเธอในแต่ละวันจะสร้างความทุกข์กับใครขนาดนี้
สารวัตรพอร์ชเดินเข้ามาเขาได้ยินที่ทั้งสองคนพูดกันหมดแล้วแต่เขายังไม่พูดอะไรเขาเดินไปดึงตัวแพมแพมพร้อมกับจับข้อมือทั้งสองข้าง แพมแพมพูดขึ้นมาว่า “ฉันขอโทษฉันขอโทษจริงฉันสมควรแล้ว”
ลีเซียเงยหน้าขึ้นเธอรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่ได้ยินเธอไม่คาดคิดว่าจะได้ยินมาแต่นี่คือคำพูดที่เธอหวังจะฟังตลอดมาเธอหวังแค่นี้จริงๆแล้วเธอก็ฉุกคิดขึ้นว่าเธอเกือบทำลายชีวิตคนๆนึงแล้วหรือเนี่ยอารมณ์ชั่ววูบของเธอมีผลกระทบกับชีวิตใครต่อใครได้มากขนาดนี้ เธอจึงตัดสินใจกลับคำให้การเธอจึงบอกสารวัตรพอร์ชว่าแพมแพมไม่ได้ผลักเธอลงมา เธอต่างหากที่ตกลงมาเองสารวัตรพอร์ชเองที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากโทรศัพท์แล้วก็พยักหน้าตอบรับด้วยความคลายกังวลและเขาเองก็รู้ว่าเธอไปทำอะไรที่ระเบียงแต่เขาก็เลือกที่จะเก็บเป็นความลับไว้กับตัวเขาเพราะเขารู้ว่าจะสร้างความเสียหายกับลีเซียมากแค่ไหน
แพมแพมวิ่งเข้าไปกอดเข่าลีเซียเขาขอบคุณเธอทั้งน้ำตาเขาพร่ำบอกขอโทษเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า.........................สารวัตรพอร์ชที่ยืนดูอยู่ก็พึมพำกับตัวเองว่า “คนเราจะเห็นค่าของใครก็ยามลำบากหรือจะรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองก็ต่อเมื่อตัวเองโดนกระทำแบบนั้นบ้างบางทีกว่าจะคิดได้มันก็สร้างความเสียหายไปเท่าไหร่แล้ว”
ทุกๆวันที่ลีเซียมาโรงเรียนตอนเช้าเธอมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องดนตรีสถานที่ปราศจากบุคคลที่จงเกลียดจงชังเธอ ลีเซียเป็นนักเรียนดีเด่นและมีความสามารถจึงได้รับอนุญาตให้มาซ้อมเปียโนในห้องนี้เธอจึงเลี่ยงที่จะไม่ไปเข้าแถว ในแต่ละวันเธอพยายามหนีหน้าจากทุกทุกคน ยามเที่ยงเธอก็เอาแต่อยู่ในห้องคอมไม่ลงไปทานอาหารที่โรงอาหารสักวัน พอตกเย็นเธอก็รีบตรงกับบ้าน..........ทำไมนะชีวิตเด็กสาวมัธยมปลายวัยร่าเริงแจ่มใสที่ควรจะสนุกสนานกับเพื่อนฝูงแต่กลับกันเธอไม่มีเพื่อนสักคนไม่มีใครที่อยากปกป้องเธออยู่ข้างเธอเพราะก็กลัวว่าจะพลอยโดนแกล้งไปด้วยเธอชั่งน่าสงสารเหลือเกินนะสาวน้อย
และเช้าวันนี้ก็เป็นเหมือนทุกทุกเช้า ที่เธอหมกตัวอยู่ในห้องดนตรีแต่วันนี้เธอตัดสินใจจะทำบางอย่างที่แปลกออกไปเธอเดินตรงไปที่ระเบียงและนั่งทิ้งขาลงบนขอบหน้าต่างเธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเธอก็ตัดสินใจทำบางอย่างในขณะนั้นเองประตูห้องดนตรีก็เปิดออก ด้วยความตกใจลีเซียรีบเขยิบไปหลังผ้าม่านเธอหวาดระแวงเกรงว่าคนที่เข้ามาจะมาพบเข้าว่าเธอกำลังทำอะไร คนที่เข้ามานั้นก็คือแพมแพมเด็กสาวรักสวยรักงามชอบกัดจิกลีเซียเป็นชีวิตจิตใจเธอเดินตรงไปนั่งเก้าอี้จัดแจงวางอุปกรณ์แต่งหน้าเธอคิดว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นเธอก็บรรจงแต่งหน้าใส่หูฟังฮัมเพลงอย่างสบายใจและเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆลีเซียก็ตกลงมาจากระเบียงคนที่อยู่ข้างล่างกรูเข้ามารุมล่างของเธอเสียงกรี้ดดังระงมจนทำให้แพมแพมที่กำลังฟังเพลงอย่างสบายวางอุปกรณ์แต่งหน้าลงแล้วตรงไปยังระเบียงเธอชะโงกลงไปดูต้นตอของเสียงทำให้พบว่า ลีเซียนอนกองอยู่ที่พื้นข้างล่าง แล้วก็มีนักเรียนตะโกนขึ้นมาว่า “นั่นมันแพมแพม!!!!!!”
“ยัยฆาตกร” พร้อมกลับชี้หน้าเธอทื่ยืนงุนงงอยู่ที่ระเบียง
แพมแพมหน้าถอดสีและพูดกลับไปว่า “ฉันไม่รู้เรื่องฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” เธอกระวนกระวายเธอไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่ามีคนอยู่ในห้องแล้วคราวนี้เธอจะทำอย่างไรดีล่ะ...............................
ร่างของลีเซียถูกส่งไปที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดกับโรงเรียนเธอถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน แพมแพมได้แต่ภาวนาว่าลีเซียจะฟื้นขึ้นมาเพราะเธอเป็นเพียงคนเดียวที่จะสามารถบอกความจริงได้
หลังจากเกิดเหตุการณ์เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็มีตำรวจเข้ามาสอบปากคำนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนให้การว่าเห็นแพมแพมชะโงกหน้าออกมาจากระเบียงหลังจากที่ลีเซียตกลงและยังให้ข้อมูลอีกว่าแพมแพมชอบหาเรื่องแกล้งลีเซียเป็นประจำ ตำรวจจึงมุ่งเป้าไปที่แพมแพม ตำรวจเรียกแพมแพมไปสอบปากคำแต่เธอปฏิเสธทุกอย่างที่ตำรวจซักถามเธอเอาแต่พูดซ้ำไปซ้ำมาว่า “หนูไม่รู้เรื่องหนูไม่ได้ทำ” หลังจากที่ตำรวจได้สอบปากคำเธอแล้วแต่เธอกลับปฏิเสธทุกอย่าง สารวัตรพอร์ชผู้รับผิดชอบคดีนี้จึงเข้าไปสอบสวนเอง เขาถามแพมแพมว่า “เธออยู่ในห้องวันนั้นตอนที่ลีเซียตกลงมาเธอจะไม่รู้เรื่องได้ยังไง”
“ก็หนูบอกว่าไม่ได้ทำไง”
“ถ้าเธอไม่ได้ทำแล้วใครจะทำ ?ในเมื่อห้องนั้นมีแค่เธอกับลีเซีย”
“หนูไม่รู้หนูไม่ทำหนูไม่รู้หนู้ไม่รู้ไม่รู้ไม่รู้” แพมแพมเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเธอส่ายหัวก้มหน้าตัวสั่นเทา
“แต่มีพยานเห็นเธอและใครๆก็บอกว่าเธอไม่ชอบลีเซียเธอมักจะหาเรื่องลีเซียเป็นประจำ”
เธอเงยหน้าขึ้นใบหน้าเธอเต็มไปด้วยน้ำตาเธอพูดว่า “หนูยอมรับว่าหนูไม่ชอบยัยนั่นแต่หนูไม่เคยคิดจะไปฆ่ายัยนั่นหรือทำร้ายอะไรยัยนั่นสักนิด” ในตอนนี้เธอรู้ดีว่าต่อให้เธอพูดอะไรออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อเธอเป็นอย่างแน่ไม่มีใครคิดที่จะเข้าข้างเธอหรือรับฟังเธอด้วยซ้ำทำไมในตอนที่เธอกำลังทุกข์กลับไม่มีใครที่จะอยู่ข้างเธอสักคนมันชั่งโดดเดี่ยวเธอกัดฟันร้องไห้ในสมองก็วนเวียนไปด้วยความคิดตัดพ้อกับชีวิตต่างๆนานา
สารวัตรพอร์ชกำลังสับสนกับคำพูดของพยานและการให้ปากคำของแพมแพมเขาครุ่นคิดว่าถ้าแพมแพมไม่ได้ทำแล้วใครจะเป็นคนผลักลีเซียหรือจริงๆแล้วเธอจะทำแต่เธอปิดบังอะไรอยู่แต่เขาก็คิดอีกว่าถ้าเธอทำด้วยประสบการณ์ในการสอบปากคำของเขาป่านนี้ผู้ต้องหาน่าจะรับสารภาพได้แล้วอีกทั้งแพมแพมก็เป็นแค่เพียงเด็กมอปลายไม่น่าจะมีความรู้เรื่องกฎหมายอะไรมากนัก
สารวัตรพอร์ชเริ่มสงสัยอะไรบางอย่างเขาเดินสำรวจรอบโรงเรียนสอบถามจากนักเรียนคนอื่นๆถึงกิจวัตรประจำวันของลีเซียว่าเธอมักจะไปที่ไหนทำอะไรตอนไหนสนิทกับใครบ้างเขาได้ข้อมูลมาว่าเธอไม่มีเพื่อนสนิทตอนเที่ยงเธอมักอยู่ในห้องคอมเธอจะใช้คอมเครื่องที่ ๑๙ เครื่องประจำของเธอ เธอไม่ลงไปทานข้าวเที่ยงสักวัน
เธอไม่ลงไปเข้าแถว ข้อมูลที่ได้มาสร้างความประหลาดใจแก่สารวัตรพอร์ชเป็นอย่างมากเขากำลังคิดว่าลีเซียเป็นคนประเภทไหนทำไมเธอทำตัวเหมือนไม่มีตัวตนในโรงเรียนไม่เหมือนกับเด็กมอปลายทั่วไปเลยสักนิด เธอก็หน้าตาสละสลวยเรียนดีดนตรีเด่นทำไมคนที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ถึงได้ไม่มีใครสุงสิงด้วยสักคน ที่แรกที่สารวัตรพอร์ชตัดสินใจไปตรวจสอบก็คือห้องดนตรีเขาเดินวนแล้ววนเล่าแต่สิ่งที่เขาพบมีเพียงแค่อุปกรณ์แต่งหน้าของแพมแพมเท่านั้น เขาจึงฉุกคิดได้ว่าที่ที่สองที่ลีเซียมักจะอยู่ก็คือห้องคอมพิวเตอร์เขารีบมุ่งไปที่ห้องคอมพิวเตอร์เขาปรี่ไปที่คอมพิวเตอร์หมายเลข ๑๙ ที่ลีเซียใช้เป็นประจำเขากดดูข้อมูลในคอมแต่ก็พบกับความว่างเปล่าเขาจึงเข้าดูประวัติการใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งเขาก็พบข้อความแปลกๆในประวัติการค้นหา “การลบกลิ่นบุหรี่” “การซื้อบุหรี่” “วิธีการสั่งซื้อบุหรี่” วิธีการลบกลิ่นบุหรี่ในช่องปาก” บิงโก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! “นี่สินะที่เธอไปนั่งที่ระเบียง”
หลังจากนั้นเขาจึงย้อนกลับไปที่เกิดเหตุอีกครั้งเขาค้นอะไรบางอย่างอยู่นานแล้วเขาก็พบชิ้นส่วนที่เขาตามหาอยู่ นั่นก็คือบุหรี่มวลที่ลีเซียทำตกลงมาเขาเองเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้วเขาตัดสินใจที่จะเก็บข้อมูลที่เขาเพิ่งจะไปพบเข้าไว้กับตัวเพราะเขาพึ่งได้รับข่าวจากทางโรงพยาบาลว่าลีเซียฟื้นแล้วเขาจึงนัดสอบปากคำทันที สารวัตรพอร์ชรีบบอกแพมแพมว่าลีเซียฟื้นแล้วแพมแพมดูจะดีใจมากสีหน้าของเธอดูมีความสุขที่ลีเซียปลอดภัยไม่เหมือนคนที่จะเป็นฆาตกรสักนิด สารวัตรพอรช์ได้จัดให้ทั้งคู่สอบปากคำพร้อมกัน คำถามแรกที่สารวัตรพอร์ชถามก็คือ “ใครผลักเธอลงมา”
ลีเซียชี้ไปที่แพมแพม สารวัตรพอร์ชงุนงง แพมแพมลุกขึ้นด่าทอลีเซียทันที”เธอพูดยังงี้ได้ยังไงนังบ้าทำไมเธอมากล่าวหาฉันยังงี้!”
สารวัตรพอร์ชรวบตัวแพมแพมไว้ทันทีเพราะเกรงว่าจะไปทำร้ายลีเซีย แต่สารวัตรพอร์ชก็ยังรู้สึกแปลกแปลกกับท่าทางของลีเซียที่ดูกระวนกระวายทั้งทั้งที่เธอเป็นเหยื่อแต่ดูกังวลราวกับเป็นผู้ต้องหา เขาจึงแอบวางโทรศัพท์แล้วขอตัวออกไปเตรียมคำรับสารภาพ แล้วแพมแพมก็เปิดฉากตะคอกใส่ลีเซียว่า “เธอจะจับฉันยัดไปในคุกทั้งๆที่ฉันไม่ผิดไม่ได้นะนังบ้า!!!!!”
“แล้วยังไง”
“ทำไมเธอทำแบบนี้ทำไมไม่พูดความจริงว่าใครผลักเธอ”
“ฉันบอกไม่ได้หรอก”
“ ทำไม”
“เพราะไม่ได้มีใครผลักฉัน”
“กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!แล้วทำไมมึงพูดว่ากูทำอีบ้ามึงมันบ้ามึงจะโยนความผิดให้กูหรอมึงอยากให้กูติดคุกมากใช่ไหมมึงมันเลวจริงๆ”
“แล้วทำไมล่ะในเมื่อเธอก็บังคับให้ฉันอยู่ในคุกที่เธอสร้างมาตลอด ลองไปอยู่ดูบ้างเธอจะได้รู้ยังไงล่ะว่าทุกๆวันของฉันมันเลวร้ายแค่ไหนไอ้คุกที่เธอสร้างให้ฉันทั้งๆที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ฉันกลับต้องทนอยู่ในคุกที่ไม่มีแม้แต่เพื่อนแม้แต่คนที่เข้าข้าง แม่ฉันด่าฉันว่าโง่เพราะฉันปล่อยให้เธอแกล้งฉันมาตลอด แม้กระทั่งแม่ฉันยังสมน้ำหน้าฉันสะใจเธอไหมล่ะ”
แพมแพมทรุดตัวลงความรู้สึกผิดเกาะกุมในหัวใจของเธอเธอเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เธอทำมันเลวร้ายแค่ไหนเธอน้ำตาไหลยิ่งกว่าตอนที่เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผลักลีเซียซะอีกเธอไม่เคยรู้เลยว่าความสนุกสนานของเธอในแต่ละวันจะสร้างความทุกข์กับใครขนาดนี้
สารวัตรพอร์ชเดินเข้ามาเขาได้ยินที่ทั้งสองคนพูดกันหมดแล้วแต่เขายังไม่พูดอะไรเขาเดินไปดึงตัวแพมแพมพร้อมกับจับข้อมือทั้งสองข้าง แพมแพมพูดขึ้นมาว่า “ฉันขอโทษฉันขอโทษจริงฉันสมควรแล้ว”
ลีเซียเงยหน้าขึ้นเธอรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่ได้ยินเธอไม่คาดคิดว่าจะได้ยินมาแต่นี่คือคำพูดที่เธอหวังจะฟังตลอดมาเธอหวังแค่นี้จริงๆแล้วเธอก็ฉุกคิดขึ้นว่าเธอเกือบทำลายชีวิตคนๆนึงแล้วหรือเนี่ยอารมณ์ชั่ววูบของเธอมีผลกระทบกับชีวิตใครต่อใครได้มากขนาดนี้ เธอจึงตัดสินใจกลับคำให้การเธอจึงบอกสารวัตรพอร์ชว่าแพมแพมไม่ได้ผลักเธอลงมา เธอต่างหากที่ตกลงมาเองสารวัตรพอร์ชเองที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากโทรศัพท์แล้วก็พยักหน้าตอบรับด้วยความคลายกังวลและเขาเองก็รู้ว่าเธอไปทำอะไรที่ระเบียงแต่เขาก็เลือกที่จะเก็บเป็นความลับไว้กับตัวเขาเพราะเขารู้ว่าจะสร้างความเสียหายกับลีเซียมากแค่ไหน
แพมแพมวิ่งเข้าไปกอดเข่าลีเซียเขาขอบคุณเธอทั้งน้ำตาเขาพร่ำบอกขอโทษเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า.........................สารวัตรพอร์ชที่ยืนดูอยู่ก็พึมพำกับตัวเองว่า “คนเราจะเห็นค่าของใครก็ยามลำบากหรือจะรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองก็ต่อเมื่อตัวเองโดนกระทำแบบนั้นบ้างบางทีกว่าจะคิดได้มันก็สร้างความเสียหายไปเท่าไหร่แล้ว”
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ