โบร๋วววววววว [nc 18++]
-
เขียนโดย claymask
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 21.58 น.
1 ตอน
5 วิจารณ์
4,172 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 22.04 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ-โบร๋ววววว-
1.
คืนนี้ไม่มีแสงจันทร์ ลมพัดกลิ่นหมาตายซากเข้าจมูกฉันโดยบังเอิญ น้ำลายฉันเผลอไหลออกมา อย่างไม่รู้สาเหตุรถสีดำคันใหญ่วิ่งผ่านถนน น้ำหนักของล้อบีบอัดให้ฝุ่นฟุ้งกระจายเพื่อนฉันหลายต่อหลายคน วิ่งไล่เห่ากันไปเป็นขบวน
เบื้องหน้าเราคือทรายและกรวด ส่วนเบื้องหลัง คือโรงงานใหญ่ในละแวกนี้ ซึ่งมีภูเขาหัวโล้นเป็นฉากหลัง
หมาแก่ตัวหนึ่งเคยบอกว่า ปู่เขาเล่าให้ฟังเมื่อก่อนนี้ ไม่มีถนน มีแต่เส้นทางภูเขายังเขียวสด ละแวกนี้เคยเป็นป่าทึบ อาหารสมบูรณ์พร้อม
"บึม" เสียงระเบิดอีกครั้งหลังเขา
เมื่อฉันเป็นเด็ก เคยตกใจด้วยความระแวดระวังภัย ร้องเสียงดังงี๊ดๆๆซุกตัวอยู่ใต้ขาของแม่
มาถึงบัดนี้ เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้น ฉันและเพื่อนๆ ก็แค่สะดุ้งเล็กๆ ขนฟูชี้บางตัวก็คำรามในลำคอ และหาเรื่องไล่กัดเพื่อนร่วมฝูง ปิดบังความกลัวในใจตัวเอง
ขนตามตัวฉันที่เคยเป็นสีขาวนวล ตอนนี้ดูขมุกขมัวเรื้อนสีชมพูสด ตรงไหล่ คงจะลามในอีกไม่ช้า ตอนยังสาว มีแต่ตัวผู้ไล่ตามดมตูดฉัน
ลูกออกมาแล้ว สองคอก หายเกลี้ยงหลังจากที่พวกมันอยากรู้ว่าในโรงงานนั้น มีอะไรกินบ้างนี่ก็สามปีเข้าไปแล้ว ทั้งลูก และเพื่อนหลายคนไม่เคยได้กลับออกมาหมาแก่ เคยเตือนครั้งนึง ตอนที่ฉันทำจมูกฟุตฟิต กลิ่นอาหารเย้ายวน ล่องลอย รอดมาตามช่องเล็กๆของประตูโรงงาน
"อย่าเชียวนะ อีนวล"
หมาแก่คำรามแยกเขี้ยว งับคอฉันค้างไว้ฉันหันไปกัดตอบโต้ ด้วยความโมโหหิวแต่ก็สู้แรงหมาแก่ตัวผู้ไม่ไหว......
กลิ่นหมาตายซากยังคงดึงดูด ฉันสูดดมด้วยความทรมานกระเพาะฉันเดินไปดูมาหลายครั้งแล้ว น้ำลายหยดไปที่พื้นทรายหลายหยดอยู่ฝูงหมายังคงรุมทึ้งกินซากหมาตัวนั้น อย่างเอร็ดอร่อย เป็นอาหารมื้อแรกในช่วงหลายวันฉันเดินเข้าไปร่วมวงที่ซากนั้น ดมๆ เลียๆ และเริ่มลองลิ้มรส'ขอโทษนะ หมาแก่' ฉันนึกในใจพร้อมกัดกระชากเนื้อขาชิ้นพอดีคำให้หลุดจากตัว
ฉับพลัน หมาหนุ่มพ่วงพี ขนสีดำมะเมื่อม กัดแย่งชิ้นเนื้อนั้นคำรามขู่เสียงดังฉันร้อง เอ๋งๆ ลั่นเมื่อ หมาตัวอื่นงับไปที่ขาฉัน
"แกบอกเองนะ ว่ากินไม่ลง แกบอกเองนี่ ว่ายอมอดตายดีกว่ากินพวกเดียวกัน"
2.
ฉันถูกขับออกมาจากจุดนั้นเดินเขย่งขาก้าวไปช้าๆ จนมาถึงริมห้วย กลิ่นขยะเน่าเหม็น ท่อบำบัดน้ำเสียปล่อยมาจากโรงงานต้นกำเนิดของห้วยนั้น ลึกเข้าไปถึงเขาหัวโล้น ซึ่งมีโรงงานกั้นอยู่ ราวกับสัตว์โบราณใหญ่โตขวางประตูทวาร
หมาแก่เคยบอกว่า หลังเขานั้น น่าจะมีป่าที่สมบูรณ์หลงเหลืออยู่ แม้จะน้อยนิดก็ตามทีเทพแห่งป่า ยังคงทำหน้าที่ปกป้อง คุ้มครอง สัตว์ ต้นไม้ และสายน้ำ อย่างเต็มความสามารถ
ฉันเดินไปจนถึง พงอ้อ ริมห้วย กลิ่นเน่าเหม็นค่อยๆจางลง น้ำไหลแรงขึ้นจมูกฉันได้กลิ่นอาหาร ห่างไปไม่ไกลนักหูฉันได้ยินเสียง การขยับไหว ในพงอ้อฉันเคลื่อนเข้าไปใกล้ขึ้นจนเห็น ผ้า หรือ อาจจะเป็นเสื้อ สีขาวปูวางไว้บนพื้นมนุษย์ผู้หญิง นอนอ้าขาอยู่ข้างล่างมนุษย์ผู้ชาย ขึ้นคร่อมอยู่ด้านบน ขยับตัวเป็นจังหวะ สำรอกเสียงออกมาจากลำคอ ดูพึงพอใจ
ถุงกับข้าววางอยู่ไกลตัวทั้งคู่ ฉันค่อยๆเดิน เอาเท้ายึดถุงไว้ แล้วเอาปากกัดดึง ฉีกถุงจนเป็นรูน้ำจากถุง ไหลเปื้อนพื้น มีรสชาติที่อร่อยในความคิดของฉัน
ฉันเลียกินอย่างมูมมาม แล้วจึงกินเนื้อที่อยู่ข้างในถุงติดกระดูกเล็กๆไม่ใช่เนื้อหมา แต่เป็นเนื้อหมู ฉันจำรสชาติได้ แม้จะผ่านมานานพอดู
ฉันกัดกระดูกอย่างลืมตัว จนเสียงนั่น ทำให้ มนุษย์คู่นั้นหยุดการเคลื่อนไหว หันมองมาที่ฉัน
มนุษย์ผู้ชายทำท่าจะไล่ตะเพิด ดูหัวเสียที่ฉันแย่งอาหารไป 'ปล่อยมันเถอะค่ะ น่าสงสารออก กับข้าวนี่ก็แค่ข้ออ้างของพวกเราเท่านั้น ไม่ได้จะกินเองเสียหน่อย'
ฉันยังคงแทะกระดูกอย่างตะกรุมตะกราม ทำท่าจะขยับหนีทุกเมื่อสายตาฉันยังคงจับจ้องมองการเคลื่อนไหวของมนุษย์ทั้งคู่
'อยากดูนัก ก็ดูให้พอ'
สิ้นเสียงนั้นของมนุษย์ผู้ชาย เขาจับมนุษย์ผู้หญิง คุกเข่า หันหน้ามาที่ฉันโดยที่ตัวของมนุษย์ผู้ชาย อ้อมไปด้านหลัง
ฉันสำนึกรู้โดยทันที เพราะมันเป็นท่าที่ฉันเองก็คุ้นชิน
ปากฉันยังคงกัดกินกระดูก เพื่อวันนี้ และพรุ่งนี้ร่างกายของมนุษย์ทั้งสอง เคลื่อนผ่านกาลเวลา ที่ไม่ต้องการฤดูเช่นสุนัขอย่างฉันเพื่อวันนี้ และพรุ่งนี้?
คำถามในใจฉันก็ถูกปัดกระเจิงด้วย เสียงจากฝ่ามือ มนุษย์ผู้ชาย ตบฉาดเข้าที่สะโพก มนุษย์ผู้หญิง'ร้องสิ ร้องให้เหมือนหมาเลย'
ฉันจ้องมองเข้าไปที่ดวงตาของมนุษย์ผู้หญิงหน้าตาเธอคงเหมือนตอนที่ฉันกัดแทะกระดูกในถุง อย่างเอร็ดอร่อย
'โบร๋วววววววววววววววววววววววววว'
เสียงของมนุษย์ผู้หญิง กังวาลไปทั่วพงอ้อฉันสะดุ้งและผงะหนี รสหวานของน้ำซุปในถุงยังติดอยู่ที่ลิ้น
.......
ลมจากเนินสูง ไล้ขนตามตัวฉันจนลู่ตามแรงฉันนั่งเลียแผลที่โคนขา เลือดออกมานิดนึง มีรสเค็มๆหวานๆ
"เธออยู่ที่นี่รึ"
เสียงของ หมาตัวผู้ทักทายฉัน ที่หลังเนิน
"ใช่ เธอมาจากไหนรึ" ฉันเอ่ยถามพร้อมหันไปมอง
เขาค่อยๆเดินขึ้นเนินมาอย่างแช่มช้าตัวเขาสูงใหญ่ ปากยาวยื่น หูแหลมตั้ง เค้าหน้าดูฉลาดและหม่นหมองขนเขาสีเทาเข้ม พริ้วสะบัดไปกับสายลม
"หลังเขานั้น" เขาตอบพร้อมเอาลิ้นสากๆของเขาก้มลงเลียมาตรงแผลที่โคนขาฉัน
"เขาว่ามีเทพพิทักษ์ป่าอยู่ที่หลังเขานั้น จริงหรือ"
"นิทานหลอกหมา ซะมากกว่า"
"นายชื่ออะไร"
"ใหญ่................ พี่คนโตน่ะ"
"นายมาทำอะไรที่นี่"
"หาพวก"
"ที่นี่แต่ก่อนมีหมาเยอะนะ แต่พอโรงงานมาเปิด จำนวนหมาก็ลดลงไปทุกที อาหารก็หายากขึ้น"
"ไม่สำคัญหรอก" ใหญ่ตอบเสียงเรียบเดินอ้อมไปด้านหลังฉัน ทำจมูกฟุตฟิต ดุนฉันให้ลุกขึ้น
"ใหญ่ มันยังไม่ใช่ฤดูของพวกเราไม่ใช่หรือ"
"ติดนิสัยไม่ดีของ มนุษย์มาน่ะ" ใหญ่ตอบเสียงสั่น
ใหญ่เอาขาหน้าทั้งคู่ของเขา พาดมาที่ด้านหน้าของฉันขาหลังเขาทานน้ำหนักอย่างแข็งแกร่งแก่นกายของเขา สอดเข้าไปที่ร่องฉัน มันดูคับแน่นจนแทบแตกปริ
ไม่ช้านานฉันก็รับรู้ได้ถึงแรงอัดฉีดภายในร่างกายของฉัน
ลมพัดเอื่อย เสียงแมลงบางจำพวก ส่งเสียงคลอเบาๆ ใหญ่ไล่งับ ผีเสื้อกลางคืนเล่น เมื่อจับได้ เขาก็ปล่อยมันให้บินเรี่ยพื้น แล้วใหญ่ก็ไล่งับมันใหม่อีกครั้ง
ฉันเหยียดขาหน้า แอ่นหลัง ยืดคอขึ้น
"โบร๋วววววววววววววววววววววววววววววว"
อยู่ดีๆฉันก็หอนอย่างไม่มีสาเหตุ
3.
หลายวันผ่าน ใหญ่ไม่เคยปรากฏตัวให้ฉันได้เห็นตั้งแต่วันนั้นอาหารมื้อสุดท้าย ที่ฉันจำได้ก็คือ น้ำกับกระดูกหมูไม่นับน้ำเปล่าแก้หิวที่ริมห้วย
ฉันเคยเดินเลียบๆเคียงๆ ไปแถวๆที่ทิ้งขยะของโรงงานแต่ไม่มีอาหารเลยแม้แต่น้อย มีแต่พวกเศษเหล็ก ถุงพลาสติก ไม้ และโลหะสีเงินวันนี้ฉันตัดสินใจเดินไปที่นั่นอีกครั้ง มันอยู่ไม่ไกลจากริมห้วยมากนัก
กลิ่นเน่าเหม็นยิ่งคละคลุ้งเมื่อใกล้โรงงานเจือกลิ่นที่คุ้นเคย เหมือนจะเคยดมมาก่อนมนุษย์ผู้หญิงคนเดิม กับ น้ำในถุงและกระดูกหมูฉันไม่แน่ใจว่าจำกลิ่นไหนได้ก่อนกัน
มนุษย์ผู้หญิงหันมามองฉันแล้วยิ้มพร้อมกับ แกะอาหารในถุงวางมันไว้ที่พื้น'มากินเถอะ ของเหลือเยอะช่วงนี้' ฉันจับสัมผัสของความการุณได้ หางฉันกระดิก รีบรี่เข้าไปยังอาหารอันโอชะ
มือบอบบางลูบไล้ที่ลำตัวฉัน เมื่อฉันกินเสร็จ ฉันเอาหัวซุก คลอเคลีย เป็นการเอาใจ มนุษย์ผู้หญิงคนนั้น มันเป็นสัญชาติญาณที่ปลูกฝังฉันมาตั้งแต่จำความได้'ต้องไปแล้วละ เอาไว้เจอกันใหม่นะ คราวหลังบอกเพื่อนๆมากินด้วยกันซิ'
มนุษย์ผู้หญิงค่อยๆเดินกลับไปที่โรงงานหางของฉันยังกระดิกอยู่ พร้อมอาการหอบหายใจแรง
.......รุ่งเช้าของอีกวัน ฉันบอกข่าวดีแด่เพื่อนร่วมพันธุ์เรารวมกลุ่มเดินกันมาหลายตัวฉันสังเกตว่า มีตัวใหม่ๆมาเพิ่มประมาณ ห้าตัวที่ฉันไม่เคยเห็น
ที่ทิ้งขยะดูว่างปล่าวไม่มีร่องรอยของอาหาร เพื่อนในกลุ่มของฉันหัวเสีย เอ็ดตะโรเสียงดัง
หมาสาวตัวหนึ่งโผล่มาหลังที่ทิ้งขยะ ในปากคาบถุงอาหารไว้เพียบฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน แต่กลิ่นเธอคุ้นจมูกอยู่
'เธอเอาอาหารมาจากไหน' ฉันถาม
'จากในนั้น' หมาสาวบอก หัวหันไปตรงทิศทางของโรงงาน
'เธอเข้าไปแล้วก็ออกมาได้งั้นหรือ'
'ใช่ ฉันเข้าไป แล้วก็ออกมา'
เสียงหมาในกลุ่มเห่ากัดกันแย่งชิ้นกระดูกอันใหญ่ หมาสาวเข้าไปร่วมวงแย่งกินอาหารนั้นด้วยฉันมองไกลไปที่ช่องเล็กๆ ของประตูโรงงาน ทำไมลูกฉันยังไม่ออกมา?
4.
กลิ่นอาหารที่ไม่คุ้นเคย และดูจะไม่หอมเหมือนที่เคยดม ผ่านช่องเล็กๆนั้นฉันตัดสินใจเดิน ลอดช่องไป
'ตุ้บ'
ของแข็งบางอย่างกระหน่ำเข้ามาที่หัวของฉัน การตัดสินใจเรื่องทิศทางของฉันเริ่มสับสนมนุษย์ใส่ชุดดำ เอาถุงครอบร่างฉัน ในถุงนั้นมีกลิ่นประหลาดฉันง่วงเหลือเกิน
........เสียงหมาร้องอย่างน่าเวทนา ปลุกฉันให้ตื่นฉันอยู่ในกรงเล็กและแคบ ตัวฉันสั่นกลัว เสียงร้อง งี๊ดๆๆๆ ผ่านออกจากปากฉันเมื่อมองไปเห็นมนุษย์ชุดดำ เล็งยิงไปที่ หมาที่น่าเวทนาตัวนั้น
กระสุนฝังเข้าไปที่สีข้าง กระสุนสีเงิน
'เอาล่ะ คราวนี้ อยากดูการเคลื่อนไหว ของหมานะ เอาตัวที่จับมาเมื่อเดือนที่แล้วซิ'
ประตูกลเปิด หมาตัวใหญ่พ่วงพี เดินออกมาอย่างหวาดกลัว มันพยายามวิ่งออกมาจากพื้นที่นั้นแต่มันวิ่งชนกระจกใส จนปากเป็นแผล
"ปัง"
'วิ่งไปรอบๆซิ เจ้าหมาหน้าโง่ อย่าเอาแต่วิ่งชนกระจก'
มนุษย์ชุดดำ ยิงปืนขู่
หมาตัวใหญ่ วิ่งรอบตู้กระจก มนุษย์ชุดดำอยู่ที่สูง เล็งยิงจากเบื้องบน ซึ่งตู้ไม่ได้ปิดฝาไว้
'ปัง'
หมาตัวใหญ่ชะงัก เลือดทะลักออกมาเป็นลิ่มๆ สิ้นใจตาย
'บอกที่แลบให้เช็ค อัตราความเร็วกระสุน แรงปะทะ การทะลุทะลวงนะ คิดว่า กระสุนเงินรุ่นนี้ คงออกวางจำหน่ายได้แล้ว ฝ่ายการตลาดเตรียมตัวได้เลย'
ฉันมองไปรอบๆ บางกรงว่างปล่าวบางกรงก็มีหมาที่คุ้นหน้าอยู่ แต่ไม่มีลูกฉัน
มนุษย์ชุดดำ ถอดชุดออก ฉันจำหน้าเขาได้เขาเป็นมนุษย์ผู้ชายคนนั้น ที่พงอ้อ
ฉันมองเขาแล้วเห่าเขาค่อยๆเดินมาหยุดที่กรงฉัน มองมาที่ฉัน แววตาเหมือนสัตว์ร้าย
'ไอ้ตัวนี้มันอยากลองกระสุนว่ะ ไหนๆก็ไหนๆ สงเคราะห์มันหน่อยวะ'
เขาดูจะจำฉันไม่ได้เอาเสียเลยเขาเล็งปืนประทับ ในขณะที่ฉันยังอยู่ในกรงแคบๆ เสียงหมาในห้องนั้น บ้างเห่า บ้างครางกันระงม
"ปัง"
กระสุนปืนยิงขึ้นเพดานห้องเขาถูกทำให้ยิงพลาดใหญ่กระโจนไม่รู้ทิศทาง งับเอาที่คอของ มนุษย์ผู้ชาย
แผลที่คอเหวอะหวะ มนุษย์ผู้ชายร้อง คร่อก ในลำคอ กระตุกนิดหน่อยแล้วก็นิ่งใหญ่ใช้ฟันที่แข็งแกร่ง เปิดกรงให้มวลหมู่หมาทั้งหลายในห้อง
"ไปเถอะ" ใหญ่คายเศษเนื้อเล็กๆ ในปากออก
ใช้ปากดุนหลังฉันให้ออกจากห้อง
5.
โรงงานระเบิด สนั่นใหญ่เดินออกมา พร้อมหมาตัวใหม่ที่ฉันไม่เคยเห็นหน้าสิบกว่าตัวมีอยู่ตัวหนึ่งที่ฉันคุ้นกลิ่นเป็นหมาหนุ่ม
หมาสาวที่เจอตรงที่ทิ้งขยะ เดินมาเลียหมาหนุ่มราวกับรู้จักกันมานานฉันพึ่งสังเกตุ หมาทุกตัวที่เดินตาม ใหญ่ออกมา มีรอยแผลที่คอ ไม่เว้นกระทั่งหมาสาวเพียงแต่รอยที่คอหมาสาวเริ่มจากลง
"ฉันบอกแล้วไง ว่ามาหาพวก"ใหญ่พูดเสียงเรียบ
"นายทำให้มนุษย์กลายเป็นหมา"
"แม่น"
"เขาผลิตกระสุนเงินนั้น เพื่อฆ่าพวกนาย"
"เรียกว่า มันจะล้างเผ่าพันธุ์ผมจะดีกว่า"
"ทำไมนายต้องกัด มนุษย์ผู้หญิงคนนั้นด้วย เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย เป็นแค่คนทำอาหาร"
"ติดนิสัยไม่ดี ของมนุษย์มาน่ะ "
"ตอนแรกฉันคิดว่านายเป็น ผู้พิทักษ์ป่าเสียอีก"
"อยากไปเห็นหรือ ว่าหลังเขานั้นเป็นป่าทึบจริงหรือไม่"
"ใช่ ฉันคิดว่าลูกฉันอยู่ที่นั่น"
.....
ฉันกับใหญ่ มุ่งไปทางเขาหัวโล้น ผ่านช่องทางลับใกล้โรงงาน ใช้เวลาหลายชั่วโมงพักกินน้ำตามห้วย เมื่อหิวและเหนื่อย
"นี่ไงถึงแล้ว" ใหญ่บอกต้นไม้หลากชนิด สวยงาม ปลูกจัดเรียงเป็นที่เป็นทางหากแต่ไม่มีแม้สัมผัสเพียงเสี้ยว ของ จิตวิญญาณป่าถนนตัดมาถึงแล้ว และรีสอร์ตหรู ก็ตามมาติดๆ
"นี่ไง เทพผู้พิทักษ์ป่า เหมือนที่คิดไว้ไหม" ใหญ่ถามฉันและมองไปที่รูปปั้น
รูปปั้นสีขาว เป็น มนุษย์ผู้ชายแก่ๆ ใส่แว่นถือไม้เท้าดูท่าทางใจดี
"เขาเป็นใครน่ะ" ฉันถามใหญ่
"ผู้พันแซนด์เลอร์"
"นายรู้เริ่อง มนุษย์ดีจังนะ"
"อย่างน้อยผมก็เคยเป็นมาก่อนน่ะ แต่ก็นานมาแล้ว"
ฉันเดินจนทั่วบริเวณ ไม่มีสัตว์ใหญ่อาศัยอยู่ในละแวกนี้เลยมีแต่แมลงวันที่ตอมอาหารจากขยะ เมื่อเราทั้งคู่ ไปคุ้ยอาหารแถวนั้นก็โดนมนุษย์ไล่ตะเพิด
"กลับกันเถอะใหญ่"
"ได้"
เราทั้งสอง เดินคู่กัน จวบจนพลบค่ำใหญ่พยายามจะ เอา ฉันเมื่อผ่านเขาหัวโล้นฉันขัดขืนอย่างจริงจัง จนเขาเลิกล้มความคิดนั้นไป
......
คืนนี้จันทร์สว่าง ดวงกลมโตฉันชวนใหญ่ไปวิ่งเล่นที่เนินแต่ใหญ่ปฏิเสธ และบอกว่าเขาจะเตร็ดเตร่อยู่แถวริมถนนนี้
เวลาผ่านไปชั่วครู่ รถเก๋งสีดำคันใหญ่ก็วิ่งมาจอดริมถนนมนุษย์ผู้ชาย เดินลงมาจากรถมองไปที่โรงงาน ซึ่งมอดไหม้จนมีเศษขี้เถ้าปลิวกระจาย
'ถือเป็นคู่แข่งทางการค้าที่น่ากลัวจริงๆ ความจริงก็อยากสู้กันอย่างแฟร์ๆล่ะนะ ไม่อยากใช้วิธีนี้เลย แต่พวกนายดันใช้วิธี ดัมพ์ราคาเองนี่หว่า'
มนุษย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร
'บอกกลุ่มเครือบริษัทของเรานะ มาในรูปแบบช่วยปลูกป่า รักษ์ต้นน้ำอะไรทำนองนี้วัตถุดิบที่ภูเขายังมีเยอะอยู่ ใช่ๆ ต้นทุนต่ำ แต่ขายราคาเดิมนะ จัดการคู่แข่งเรียบร้อยแล้ว บอกนายด้วย'
มนุษย์ผู้ชายเดินมาหยุดตรงหน้า ใหญ่
เขานั่งลง ลูบหัวใหญ่ พร้อมบอกทำนองว่า ทำได้ดีมากฉันเหลือบไปเห็นใหญ่กระดิกหาง
มนุษย์ผู้ชายสวมปลอกคอให้ใหญ่ แล้วจูงไปขึ้นรถ ใหญ่เดินตามอย่างว่าง่ายก่อนใหญ่จะก้าวขึ้นรถเขาหันมา เกร็งคอชูขึ้นแล้ว หอน
กลิ่นไม้และเหล็กไหม้ ลอยมาตามลม ทับซ้อนกับกลิ่นสาปของหมาฉันขนลุกซู่ ที่เสียงฝูงหมาทั่วบริเวณนั้น หอนตามเสียงของใหญ่
"โบร๋ววววววววววววววววววววววว"
1.
คืนนี้ไม่มีแสงจันทร์ ลมพัดกลิ่นหมาตายซากเข้าจมูกฉันโดยบังเอิญ น้ำลายฉันเผลอไหลออกมา อย่างไม่รู้สาเหตุรถสีดำคันใหญ่วิ่งผ่านถนน น้ำหนักของล้อบีบอัดให้ฝุ่นฟุ้งกระจายเพื่อนฉันหลายต่อหลายคน วิ่งไล่เห่ากันไปเป็นขบวน
เบื้องหน้าเราคือทรายและกรวด ส่วนเบื้องหลัง คือโรงงานใหญ่ในละแวกนี้ ซึ่งมีภูเขาหัวโล้นเป็นฉากหลัง
หมาแก่ตัวหนึ่งเคยบอกว่า ปู่เขาเล่าให้ฟังเมื่อก่อนนี้ ไม่มีถนน มีแต่เส้นทางภูเขายังเขียวสด ละแวกนี้เคยเป็นป่าทึบ อาหารสมบูรณ์พร้อม
"บึม" เสียงระเบิดอีกครั้งหลังเขา
เมื่อฉันเป็นเด็ก เคยตกใจด้วยความระแวดระวังภัย ร้องเสียงดังงี๊ดๆๆซุกตัวอยู่ใต้ขาของแม่
มาถึงบัดนี้ เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้น ฉันและเพื่อนๆ ก็แค่สะดุ้งเล็กๆ ขนฟูชี้บางตัวก็คำรามในลำคอ และหาเรื่องไล่กัดเพื่อนร่วมฝูง ปิดบังความกลัวในใจตัวเอง
ขนตามตัวฉันที่เคยเป็นสีขาวนวล ตอนนี้ดูขมุกขมัวเรื้อนสีชมพูสด ตรงไหล่ คงจะลามในอีกไม่ช้า ตอนยังสาว มีแต่ตัวผู้ไล่ตามดมตูดฉัน
ลูกออกมาแล้ว สองคอก หายเกลี้ยงหลังจากที่พวกมันอยากรู้ว่าในโรงงานนั้น มีอะไรกินบ้างนี่ก็สามปีเข้าไปแล้ว ทั้งลูก และเพื่อนหลายคนไม่เคยได้กลับออกมาหมาแก่ เคยเตือนครั้งนึง ตอนที่ฉันทำจมูกฟุตฟิต กลิ่นอาหารเย้ายวน ล่องลอย รอดมาตามช่องเล็กๆของประตูโรงงาน
"อย่าเชียวนะ อีนวล"
หมาแก่คำรามแยกเขี้ยว งับคอฉันค้างไว้ฉันหันไปกัดตอบโต้ ด้วยความโมโหหิวแต่ก็สู้แรงหมาแก่ตัวผู้ไม่ไหว......
กลิ่นหมาตายซากยังคงดึงดูด ฉันสูดดมด้วยความทรมานกระเพาะฉันเดินไปดูมาหลายครั้งแล้ว น้ำลายหยดไปที่พื้นทรายหลายหยดอยู่ฝูงหมายังคงรุมทึ้งกินซากหมาตัวนั้น อย่างเอร็ดอร่อย เป็นอาหารมื้อแรกในช่วงหลายวันฉันเดินเข้าไปร่วมวงที่ซากนั้น ดมๆ เลียๆ และเริ่มลองลิ้มรส'ขอโทษนะ หมาแก่' ฉันนึกในใจพร้อมกัดกระชากเนื้อขาชิ้นพอดีคำให้หลุดจากตัว
ฉับพลัน หมาหนุ่มพ่วงพี ขนสีดำมะเมื่อม กัดแย่งชิ้นเนื้อนั้นคำรามขู่เสียงดังฉันร้อง เอ๋งๆ ลั่นเมื่อ หมาตัวอื่นงับไปที่ขาฉัน
"แกบอกเองนะ ว่ากินไม่ลง แกบอกเองนี่ ว่ายอมอดตายดีกว่ากินพวกเดียวกัน"
2.
ฉันถูกขับออกมาจากจุดนั้นเดินเขย่งขาก้าวไปช้าๆ จนมาถึงริมห้วย กลิ่นขยะเน่าเหม็น ท่อบำบัดน้ำเสียปล่อยมาจากโรงงานต้นกำเนิดของห้วยนั้น ลึกเข้าไปถึงเขาหัวโล้น ซึ่งมีโรงงานกั้นอยู่ ราวกับสัตว์โบราณใหญ่โตขวางประตูทวาร
หมาแก่เคยบอกว่า หลังเขานั้น น่าจะมีป่าที่สมบูรณ์หลงเหลืออยู่ แม้จะน้อยนิดก็ตามทีเทพแห่งป่า ยังคงทำหน้าที่ปกป้อง คุ้มครอง สัตว์ ต้นไม้ และสายน้ำ อย่างเต็มความสามารถ
ฉันเดินไปจนถึง พงอ้อ ริมห้วย กลิ่นเน่าเหม็นค่อยๆจางลง น้ำไหลแรงขึ้นจมูกฉันได้กลิ่นอาหาร ห่างไปไม่ไกลนักหูฉันได้ยินเสียง การขยับไหว ในพงอ้อฉันเคลื่อนเข้าไปใกล้ขึ้นจนเห็น ผ้า หรือ อาจจะเป็นเสื้อ สีขาวปูวางไว้บนพื้นมนุษย์ผู้หญิง นอนอ้าขาอยู่ข้างล่างมนุษย์ผู้ชาย ขึ้นคร่อมอยู่ด้านบน ขยับตัวเป็นจังหวะ สำรอกเสียงออกมาจากลำคอ ดูพึงพอใจ
ถุงกับข้าววางอยู่ไกลตัวทั้งคู่ ฉันค่อยๆเดิน เอาเท้ายึดถุงไว้ แล้วเอาปากกัดดึง ฉีกถุงจนเป็นรูน้ำจากถุง ไหลเปื้อนพื้น มีรสชาติที่อร่อยในความคิดของฉัน
ฉันเลียกินอย่างมูมมาม แล้วจึงกินเนื้อที่อยู่ข้างในถุงติดกระดูกเล็กๆไม่ใช่เนื้อหมา แต่เป็นเนื้อหมู ฉันจำรสชาติได้ แม้จะผ่านมานานพอดู
ฉันกัดกระดูกอย่างลืมตัว จนเสียงนั่น ทำให้ มนุษย์คู่นั้นหยุดการเคลื่อนไหว หันมองมาที่ฉัน
มนุษย์ผู้ชายทำท่าจะไล่ตะเพิด ดูหัวเสียที่ฉันแย่งอาหารไป 'ปล่อยมันเถอะค่ะ น่าสงสารออก กับข้าวนี่ก็แค่ข้ออ้างของพวกเราเท่านั้น ไม่ได้จะกินเองเสียหน่อย'
ฉันยังคงแทะกระดูกอย่างตะกรุมตะกราม ทำท่าจะขยับหนีทุกเมื่อสายตาฉันยังคงจับจ้องมองการเคลื่อนไหวของมนุษย์ทั้งคู่
'อยากดูนัก ก็ดูให้พอ'
สิ้นเสียงนั้นของมนุษย์ผู้ชาย เขาจับมนุษย์ผู้หญิง คุกเข่า หันหน้ามาที่ฉันโดยที่ตัวของมนุษย์ผู้ชาย อ้อมไปด้านหลัง
ฉันสำนึกรู้โดยทันที เพราะมันเป็นท่าที่ฉันเองก็คุ้นชิน
ปากฉันยังคงกัดกินกระดูก เพื่อวันนี้ และพรุ่งนี้ร่างกายของมนุษย์ทั้งสอง เคลื่อนผ่านกาลเวลา ที่ไม่ต้องการฤดูเช่นสุนัขอย่างฉันเพื่อวันนี้ และพรุ่งนี้?
คำถามในใจฉันก็ถูกปัดกระเจิงด้วย เสียงจากฝ่ามือ มนุษย์ผู้ชาย ตบฉาดเข้าที่สะโพก มนุษย์ผู้หญิง'ร้องสิ ร้องให้เหมือนหมาเลย'
ฉันจ้องมองเข้าไปที่ดวงตาของมนุษย์ผู้หญิงหน้าตาเธอคงเหมือนตอนที่ฉันกัดแทะกระดูกในถุง อย่างเอร็ดอร่อย
'โบร๋วววววววววววววววววววววววววว'
เสียงของมนุษย์ผู้หญิง กังวาลไปทั่วพงอ้อฉันสะดุ้งและผงะหนี รสหวานของน้ำซุปในถุงยังติดอยู่ที่ลิ้น
.......
ลมจากเนินสูง ไล้ขนตามตัวฉันจนลู่ตามแรงฉันนั่งเลียแผลที่โคนขา เลือดออกมานิดนึง มีรสเค็มๆหวานๆ
"เธออยู่ที่นี่รึ"
เสียงของ หมาตัวผู้ทักทายฉัน ที่หลังเนิน
"ใช่ เธอมาจากไหนรึ" ฉันเอ่ยถามพร้อมหันไปมอง
เขาค่อยๆเดินขึ้นเนินมาอย่างแช่มช้าตัวเขาสูงใหญ่ ปากยาวยื่น หูแหลมตั้ง เค้าหน้าดูฉลาดและหม่นหมองขนเขาสีเทาเข้ม พริ้วสะบัดไปกับสายลม
"หลังเขานั้น" เขาตอบพร้อมเอาลิ้นสากๆของเขาก้มลงเลียมาตรงแผลที่โคนขาฉัน
"เขาว่ามีเทพพิทักษ์ป่าอยู่ที่หลังเขานั้น จริงหรือ"
"นิทานหลอกหมา ซะมากกว่า"
"นายชื่ออะไร"
"ใหญ่................ พี่คนโตน่ะ"
"นายมาทำอะไรที่นี่"
"หาพวก"
"ที่นี่แต่ก่อนมีหมาเยอะนะ แต่พอโรงงานมาเปิด จำนวนหมาก็ลดลงไปทุกที อาหารก็หายากขึ้น"
"ไม่สำคัญหรอก" ใหญ่ตอบเสียงเรียบเดินอ้อมไปด้านหลังฉัน ทำจมูกฟุตฟิต ดุนฉันให้ลุกขึ้น
"ใหญ่ มันยังไม่ใช่ฤดูของพวกเราไม่ใช่หรือ"
"ติดนิสัยไม่ดีของ มนุษย์มาน่ะ" ใหญ่ตอบเสียงสั่น
ใหญ่เอาขาหน้าทั้งคู่ของเขา พาดมาที่ด้านหน้าของฉันขาหลังเขาทานน้ำหนักอย่างแข็งแกร่งแก่นกายของเขา สอดเข้าไปที่ร่องฉัน มันดูคับแน่นจนแทบแตกปริ
ไม่ช้านานฉันก็รับรู้ได้ถึงแรงอัดฉีดภายในร่างกายของฉัน
ลมพัดเอื่อย เสียงแมลงบางจำพวก ส่งเสียงคลอเบาๆ ใหญ่ไล่งับ ผีเสื้อกลางคืนเล่น เมื่อจับได้ เขาก็ปล่อยมันให้บินเรี่ยพื้น แล้วใหญ่ก็ไล่งับมันใหม่อีกครั้ง
ฉันเหยียดขาหน้า แอ่นหลัง ยืดคอขึ้น
"โบร๋วววววววววววววววววววววววววววววว"
อยู่ดีๆฉันก็หอนอย่างไม่มีสาเหตุ
3.
หลายวันผ่าน ใหญ่ไม่เคยปรากฏตัวให้ฉันได้เห็นตั้งแต่วันนั้นอาหารมื้อสุดท้าย ที่ฉันจำได้ก็คือ น้ำกับกระดูกหมูไม่นับน้ำเปล่าแก้หิวที่ริมห้วย
ฉันเคยเดินเลียบๆเคียงๆ ไปแถวๆที่ทิ้งขยะของโรงงานแต่ไม่มีอาหารเลยแม้แต่น้อย มีแต่พวกเศษเหล็ก ถุงพลาสติก ไม้ และโลหะสีเงินวันนี้ฉันตัดสินใจเดินไปที่นั่นอีกครั้ง มันอยู่ไม่ไกลจากริมห้วยมากนัก
กลิ่นเน่าเหม็นยิ่งคละคลุ้งเมื่อใกล้โรงงานเจือกลิ่นที่คุ้นเคย เหมือนจะเคยดมมาก่อนมนุษย์ผู้หญิงคนเดิม กับ น้ำในถุงและกระดูกหมูฉันไม่แน่ใจว่าจำกลิ่นไหนได้ก่อนกัน
มนุษย์ผู้หญิงหันมามองฉันแล้วยิ้มพร้อมกับ แกะอาหารในถุงวางมันไว้ที่พื้น'มากินเถอะ ของเหลือเยอะช่วงนี้' ฉันจับสัมผัสของความการุณได้ หางฉันกระดิก รีบรี่เข้าไปยังอาหารอันโอชะ
มือบอบบางลูบไล้ที่ลำตัวฉัน เมื่อฉันกินเสร็จ ฉันเอาหัวซุก คลอเคลีย เป็นการเอาใจ มนุษย์ผู้หญิงคนนั้น มันเป็นสัญชาติญาณที่ปลูกฝังฉันมาตั้งแต่จำความได้'ต้องไปแล้วละ เอาไว้เจอกันใหม่นะ คราวหลังบอกเพื่อนๆมากินด้วยกันซิ'
มนุษย์ผู้หญิงค่อยๆเดินกลับไปที่โรงงานหางของฉันยังกระดิกอยู่ พร้อมอาการหอบหายใจแรง
.......รุ่งเช้าของอีกวัน ฉันบอกข่าวดีแด่เพื่อนร่วมพันธุ์เรารวมกลุ่มเดินกันมาหลายตัวฉันสังเกตว่า มีตัวใหม่ๆมาเพิ่มประมาณ ห้าตัวที่ฉันไม่เคยเห็น
ที่ทิ้งขยะดูว่างปล่าวไม่มีร่องรอยของอาหาร เพื่อนในกลุ่มของฉันหัวเสีย เอ็ดตะโรเสียงดัง
หมาสาวตัวหนึ่งโผล่มาหลังที่ทิ้งขยะ ในปากคาบถุงอาหารไว้เพียบฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน แต่กลิ่นเธอคุ้นจมูกอยู่
'เธอเอาอาหารมาจากไหน' ฉันถาม
'จากในนั้น' หมาสาวบอก หัวหันไปตรงทิศทางของโรงงาน
'เธอเข้าไปแล้วก็ออกมาได้งั้นหรือ'
'ใช่ ฉันเข้าไป แล้วก็ออกมา'
เสียงหมาในกลุ่มเห่ากัดกันแย่งชิ้นกระดูกอันใหญ่ หมาสาวเข้าไปร่วมวงแย่งกินอาหารนั้นด้วยฉันมองไกลไปที่ช่องเล็กๆ ของประตูโรงงาน ทำไมลูกฉันยังไม่ออกมา?
4.
กลิ่นอาหารที่ไม่คุ้นเคย และดูจะไม่หอมเหมือนที่เคยดม ผ่านช่องเล็กๆนั้นฉันตัดสินใจเดิน ลอดช่องไป
'ตุ้บ'
ของแข็งบางอย่างกระหน่ำเข้ามาที่หัวของฉัน การตัดสินใจเรื่องทิศทางของฉันเริ่มสับสนมนุษย์ใส่ชุดดำ เอาถุงครอบร่างฉัน ในถุงนั้นมีกลิ่นประหลาดฉันง่วงเหลือเกิน
........เสียงหมาร้องอย่างน่าเวทนา ปลุกฉันให้ตื่นฉันอยู่ในกรงเล็กและแคบ ตัวฉันสั่นกลัว เสียงร้อง งี๊ดๆๆๆ ผ่านออกจากปากฉันเมื่อมองไปเห็นมนุษย์ชุดดำ เล็งยิงไปที่ หมาที่น่าเวทนาตัวนั้น
กระสุนฝังเข้าไปที่สีข้าง กระสุนสีเงิน
'เอาล่ะ คราวนี้ อยากดูการเคลื่อนไหว ของหมานะ เอาตัวที่จับมาเมื่อเดือนที่แล้วซิ'
ประตูกลเปิด หมาตัวใหญ่พ่วงพี เดินออกมาอย่างหวาดกลัว มันพยายามวิ่งออกมาจากพื้นที่นั้นแต่มันวิ่งชนกระจกใส จนปากเป็นแผล
"ปัง"
'วิ่งไปรอบๆซิ เจ้าหมาหน้าโง่ อย่าเอาแต่วิ่งชนกระจก'
มนุษย์ชุดดำ ยิงปืนขู่
หมาตัวใหญ่ วิ่งรอบตู้กระจก มนุษย์ชุดดำอยู่ที่สูง เล็งยิงจากเบื้องบน ซึ่งตู้ไม่ได้ปิดฝาไว้
'ปัง'
หมาตัวใหญ่ชะงัก เลือดทะลักออกมาเป็นลิ่มๆ สิ้นใจตาย
'บอกที่แลบให้เช็ค อัตราความเร็วกระสุน แรงปะทะ การทะลุทะลวงนะ คิดว่า กระสุนเงินรุ่นนี้ คงออกวางจำหน่ายได้แล้ว ฝ่ายการตลาดเตรียมตัวได้เลย'
ฉันมองไปรอบๆ บางกรงว่างปล่าวบางกรงก็มีหมาที่คุ้นหน้าอยู่ แต่ไม่มีลูกฉัน
มนุษย์ชุดดำ ถอดชุดออก ฉันจำหน้าเขาได้เขาเป็นมนุษย์ผู้ชายคนนั้น ที่พงอ้อ
ฉันมองเขาแล้วเห่าเขาค่อยๆเดินมาหยุดที่กรงฉัน มองมาที่ฉัน แววตาเหมือนสัตว์ร้าย
'ไอ้ตัวนี้มันอยากลองกระสุนว่ะ ไหนๆก็ไหนๆ สงเคราะห์มันหน่อยวะ'
เขาดูจะจำฉันไม่ได้เอาเสียเลยเขาเล็งปืนประทับ ในขณะที่ฉันยังอยู่ในกรงแคบๆ เสียงหมาในห้องนั้น บ้างเห่า บ้างครางกันระงม
"ปัง"
กระสุนปืนยิงขึ้นเพดานห้องเขาถูกทำให้ยิงพลาดใหญ่กระโจนไม่รู้ทิศทาง งับเอาที่คอของ มนุษย์ผู้ชาย
แผลที่คอเหวอะหวะ มนุษย์ผู้ชายร้อง คร่อก ในลำคอ กระตุกนิดหน่อยแล้วก็นิ่งใหญ่ใช้ฟันที่แข็งแกร่ง เปิดกรงให้มวลหมู่หมาทั้งหลายในห้อง
"ไปเถอะ" ใหญ่คายเศษเนื้อเล็กๆ ในปากออก
ใช้ปากดุนหลังฉันให้ออกจากห้อง
5.
โรงงานระเบิด สนั่นใหญ่เดินออกมา พร้อมหมาตัวใหม่ที่ฉันไม่เคยเห็นหน้าสิบกว่าตัวมีอยู่ตัวหนึ่งที่ฉันคุ้นกลิ่นเป็นหมาหนุ่ม
หมาสาวที่เจอตรงที่ทิ้งขยะ เดินมาเลียหมาหนุ่มราวกับรู้จักกันมานานฉันพึ่งสังเกตุ หมาทุกตัวที่เดินตาม ใหญ่ออกมา มีรอยแผลที่คอ ไม่เว้นกระทั่งหมาสาวเพียงแต่รอยที่คอหมาสาวเริ่มจากลง
"ฉันบอกแล้วไง ว่ามาหาพวก"ใหญ่พูดเสียงเรียบ
"นายทำให้มนุษย์กลายเป็นหมา"
"แม่น"
"เขาผลิตกระสุนเงินนั้น เพื่อฆ่าพวกนาย"
"เรียกว่า มันจะล้างเผ่าพันธุ์ผมจะดีกว่า"
"ทำไมนายต้องกัด มนุษย์ผู้หญิงคนนั้นด้วย เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย เป็นแค่คนทำอาหาร"
"ติดนิสัยไม่ดี ของมนุษย์มาน่ะ "
"ตอนแรกฉันคิดว่านายเป็น ผู้พิทักษ์ป่าเสียอีก"
"อยากไปเห็นหรือ ว่าหลังเขานั้นเป็นป่าทึบจริงหรือไม่"
"ใช่ ฉันคิดว่าลูกฉันอยู่ที่นั่น"
.....
ฉันกับใหญ่ มุ่งไปทางเขาหัวโล้น ผ่านช่องทางลับใกล้โรงงาน ใช้เวลาหลายชั่วโมงพักกินน้ำตามห้วย เมื่อหิวและเหนื่อย
"นี่ไงถึงแล้ว" ใหญ่บอกต้นไม้หลากชนิด สวยงาม ปลูกจัดเรียงเป็นที่เป็นทางหากแต่ไม่มีแม้สัมผัสเพียงเสี้ยว ของ จิตวิญญาณป่าถนนตัดมาถึงแล้ว และรีสอร์ตหรู ก็ตามมาติดๆ
"นี่ไง เทพผู้พิทักษ์ป่า เหมือนที่คิดไว้ไหม" ใหญ่ถามฉันและมองไปที่รูปปั้น
รูปปั้นสีขาว เป็น มนุษย์ผู้ชายแก่ๆ ใส่แว่นถือไม้เท้าดูท่าทางใจดี
"เขาเป็นใครน่ะ" ฉันถามใหญ่
"ผู้พันแซนด์เลอร์"
"นายรู้เริ่อง มนุษย์ดีจังนะ"
"อย่างน้อยผมก็เคยเป็นมาก่อนน่ะ แต่ก็นานมาแล้ว"
ฉันเดินจนทั่วบริเวณ ไม่มีสัตว์ใหญ่อาศัยอยู่ในละแวกนี้เลยมีแต่แมลงวันที่ตอมอาหารจากขยะ เมื่อเราทั้งคู่ ไปคุ้ยอาหารแถวนั้นก็โดนมนุษย์ไล่ตะเพิด
"กลับกันเถอะใหญ่"
"ได้"
เราทั้งสอง เดินคู่กัน จวบจนพลบค่ำใหญ่พยายามจะ เอา ฉันเมื่อผ่านเขาหัวโล้นฉันขัดขืนอย่างจริงจัง จนเขาเลิกล้มความคิดนั้นไป
......
คืนนี้จันทร์สว่าง ดวงกลมโตฉันชวนใหญ่ไปวิ่งเล่นที่เนินแต่ใหญ่ปฏิเสธ และบอกว่าเขาจะเตร็ดเตร่อยู่แถวริมถนนนี้
เวลาผ่านไปชั่วครู่ รถเก๋งสีดำคันใหญ่ก็วิ่งมาจอดริมถนนมนุษย์ผู้ชาย เดินลงมาจากรถมองไปที่โรงงาน ซึ่งมอดไหม้จนมีเศษขี้เถ้าปลิวกระจาย
'ถือเป็นคู่แข่งทางการค้าที่น่ากลัวจริงๆ ความจริงก็อยากสู้กันอย่างแฟร์ๆล่ะนะ ไม่อยากใช้วิธีนี้เลย แต่พวกนายดันใช้วิธี ดัมพ์ราคาเองนี่หว่า'
มนุษย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร
'บอกกลุ่มเครือบริษัทของเรานะ มาในรูปแบบช่วยปลูกป่า รักษ์ต้นน้ำอะไรทำนองนี้วัตถุดิบที่ภูเขายังมีเยอะอยู่ ใช่ๆ ต้นทุนต่ำ แต่ขายราคาเดิมนะ จัดการคู่แข่งเรียบร้อยแล้ว บอกนายด้วย'
มนุษย์ผู้ชายเดินมาหยุดตรงหน้า ใหญ่
เขานั่งลง ลูบหัวใหญ่ พร้อมบอกทำนองว่า ทำได้ดีมากฉันเหลือบไปเห็นใหญ่กระดิกหาง
มนุษย์ผู้ชายสวมปลอกคอให้ใหญ่ แล้วจูงไปขึ้นรถ ใหญ่เดินตามอย่างว่าง่ายก่อนใหญ่จะก้าวขึ้นรถเขาหันมา เกร็งคอชูขึ้นแล้ว หอน
กลิ่นไม้และเหล็กไหม้ ลอยมาตามลม ทับซ้อนกับกลิ่นสาปของหมาฉันขนลุกซู่ ที่เสียงฝูงหมาทั่วบริเวณนั้น หอนตามเสียงของใหญ่
"โบร๋ววววววววววววววววววววววว"
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ