7 ลี้ลับ

8.7

เขียนโดย AraTemp

วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 13.32 น.

  9 บท
  5 วิจารณ์
  15.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557 17.26 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

6) ฉันและนาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เวลา 04.00 น.

                คุเรนลืมตาตื่นขึ้นมา เขาลุกขึ้นมานั่งก่อนจะมองไปยังเพื่อนคนอื่นๆที่ตอนนี้มีเพียงคามุย ริรุ และริองที่ดูเหมือนจะหลับไม่รุ้สึกตัวอะไร แต่เมื่อหันมองไปตรงที่คิซารากินอน เขาก็เห็นเพียงเงาดำๆเท่านั้น เช่นเดียวกับโองะ ที่ถึงแม้วาจะพยายามมองเท่าไรก็มองเห็นเพียงแค่เงาสีดำนอนอยู่ เมื่อหันมองไปยังมิไรก็ยิ่งทำให้เขาตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเงาที่นอนอยู่นั้นกลับไม่มีศีรษะมีเพียงแค่ต้นคอลงไปจนถึงปลายเท้าเท่านั้น คุเรนลุกขึ้นในทันทีและพยายามควานหาไฟฉายของตน ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดอยู่ที่เงาของคนที่ยืนอยู่ตรงประตู เขาจึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปที่ประตู เมื่อเปิดตูออกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขายิ้มออกมาก่อนจะบอกกับคุเรน

                “สวัสดี ฉันอีกคนหนึ่ง นายอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็ได้ว่าฉันเป็นใครหรือเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆฉันกับนายเราเหมือนกัน หึหึ นายจะช่วยตายทีได้ไหม”

                เมื่ออีกฝ่ายพูดจบมีดเล่มหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามายังตัวของคุเรน แต่โลคดีที่คุเรนถอยหลบได้ทัน เมื่อเขาตั้งสติได้จึงหันไปมองเพื่อนๆหวังจะขอความช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนจะไม่มีความหมายอะไรที่จะทำอย่างนั้น เพราะตอนนี้มีเงาดำมากมายล้อมรอบตัวเพื่อนๆของเขา คุเรนที่ตอนนี้ก็อยากช่วยเพื่อนเหมือนกันแต่ปัญหาของตนที่อยู่ตรงหน้าก็ดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยให้เขาทำอะไรได้ตามใจชอบเช่นกัน

                อีกฝ่ายยังคงยิ้มอยู่เหมือนเดิม ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่คุเรน คุเรนที่กระโดดหลบได้จึงรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งออกไปทางประตู เขาพยายามคิดอย่างรอบคอบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่างๆเมื่อกี้นี้ และเขาก็ต้องหยุดวิ่งเมื่อเขานึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง เขาคิดว่ามันต้องใช่แน่ๆ เมื่อกี้ร่างของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาเหมือนกับเขาไม่มีผิด ทั้งรูปร่างน้ำเสียงก็เหมือนกัน นั้นจะต้องเป็นด๊อตเปลแกงเกอร์แน่ๆ ว่ากันว่าเป็นร่างจิตของเราที่ถูกแบ่งแยกออกมา หากพบเจอก็จะต้องตายในไม่ช้า มีทางเดียวที่จะรอดคือต้องฆ่าร่างแยกของตัวเองเท่านั้น ถึงเรื่องนี้จะยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดแต่ก็เคยมีคนพบพบเห็นร่างแยกของคนอื่นในสถานที่และเวลาที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เช่นกัน หากข้อสมมุติฐานของเราถูกต้องแปลว่าเราจะต้องจัดการกับด๊อตเปลแกงเกอร์ของเราเองสินะ งั้นแล้วทำไมอีกฝ่ายถึงมาหาเราถึงนี้กันในเมื่อหากถูกเราฆ่าจะก็หายไปไม่ใช่หรือไง ระหว่างที่คุเรนกำลังยืนใช้ความคิดอยู่นั้น แสงสะท้อนจากใบมีดทำให้เข้ารู้ตัวในทันที่ว่าถูกเจอตัวเข้าเสียแล้ว เขาจึงหันมาตั้งหลักและมองไปยังร่างแยกของตนเองที่ตอนนี้กำลังเดินข้ามาใกล้

                “ถามหน่อยสิ ทำไมนายจะต้องฆ่าฉันด้วย นายมีเหตุผลอะไรกันแน่”

                “ทำไมฉันจะต้องฆ่านายงั้นเหรอ เหตุผลนั้นง่ายมาก ก็เพื่อที่ฉันจะได้เป็นตัวจริงเพียงร่างเดียวยังไงล่ะ ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าจะเจอนายเมื่อไร จะถูกฆ่าตอนไหนก็ไม่รู้ แต่หากฉันฆ่านายซะ ฉันก็จะไม่ต้องกลัวอีกต่อไป ฮ่าๆๆๆ ฉันฉลาดใช่ไหม”

“ใช่ นายฉลาดมากสมแล้วที่เป็นตัวฉัน แต่นายก็คงจะรู้ว่าฉันก็คงไม่ยอมตายง่ายๆเหมือนกับนายนั้นแหละ จริงไหม เรามาตกลงกันดีกว่า เราสองคนจะกับไปใช้ชีวิตของใครของมันจะไม่มีใครมาฆ่าใคร ตกลงหรือเปล่า”

“นั้นสินะ เป็นควาคิดที่ดีจริงๆ ...แต่ช่างน่าเสียดายที่ฉันไม่เห็นด้วย”

อีกฝ่ายพุ่งเข้าหาคุเรน โดยที่คุเรนไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งสองคนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น คุเรนพยายามลุกขึ้นแต่ก็ถูกดึงขาเอาไว้ เขาจึงใช้ขาอีกข้างเตะเข้าไปที่หน้าของอีกฝ่ายจนยอมปล่อยมือ เมื่อลุกขึ้นมาได้แล้วคุเรนก็หันหลังเตรียมวิ่ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายสะกัดขาเอาไว้ก่อนที่จะถูกมีดเสียบเข้าไปที่น่องขาข้างซ้าย

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ขาฉัน”

“หึหึ เสียงร้องของตัวฉันอีกคน ช่างไพเราะเสียจริงๆ ร้องออกมาอีก ร้องให้มันดังๆเลย เร็วๆเข้าสิ”

ร่างแยกของคุเรนที่ตอนนี้ลุกขึ้นมาได้แล้วก็เอาแต่ยืนหัวเราะด้วยความสะใจ เมื่อเห็นว่าคุเรนไม่สามาถขยับหนีไปไหนได้

“หน่อยยยย แกนะแก”

คุเรนตัดสินใจใช้มือทั้งสองข้างดึงมืดที่เสียบอยู่ที่ขาออก ซึ่งทำให้อีกฝ่ายคาดไม่ถึง เมื่อคุเรนดึงมีดออกมาได้ เขาจึงค่อยๆลุกขึ้นถึงแม้ว่าขาจะยังเจ็บและมีเลือดไหลไม่หยุด แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีอาวุธอยู่ในมือ

“ตกลงจะไม่ยอมรับข้อเสนอของฉันใช่ไหม ตอบมาเดียวนี้”

“ฮ่าๆ แค่มีอาวุธอยู่ในมือคิดว่าจะทำอะไรได้ ดูสภาพของนายตอนนี้สิ แค่ยืนให้ตรงยังแทบจะทำไม่ได้เลย ฉันให้นายเสียเลือดจนหมดแรงแล้วค่อยฆ่าก็ยังได้”

“นั้นฉันถือว่าเป็นคำตอบ นายเลือกแล้วนะ”

คุเรนตัดสินใจพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย มือขวาของเขาพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ได้ทัน

“นายมันอ่านง่ายเกินไปนะ คิดจะใช้มีดแทงมาตรงๆแบบนี้ได้ยังไงกัน”

“หึหึ นายนั้นแหละที่พลาด”

ฉึก มีดถูกเสียบเข้าไปยังบริเวณซี่โครงข้างขวาของอีกฝ่าย จนมีเลือดไหลซึมออกมา

“บ้าน่า มีดอยู่มือซ้ายงั้นเหรอ แล้วมือขวาแกถืออะไร”

อีกฝ่ายถอยห่างออกมาก่อนที่จะเอามือกดไปยังบาดแผลของตน และสังเกตของที่อยู่ในมือขวาของคุเรน

“ไฟฉายงั้นเหรอ หลอกกันได้นะ”

“นายพลาดเองตั้งหากที่ไม่คิดให้รอบคอบ”

“คงจะจริงของนาย แต่ฉันคงไม่ยอมตายคนเดียวหรอก หากฉันจะต้องตายจริงๆก็ขอให้นายตายด้วยกันเหมือน”

ร่างแยกของคุเรน ดึงมีดออกอย่างไม่ลังเล ถึงจะมีอาการเจ็บปวดแสดงออกมาให้เห็นอยู่บ้าง แต่เหมือนจะไม่สำคัญอะไรแล้ว เพราะตอนนี้เลือดออกเยอะมากซึ่งก็คงรู้ดีว่ายังไงก็ไม่รอดแน่นอน คุเรนที่เห็นยังงั้นจึงคิดหนีเพื่อถ่วงเวลาให้อีกฝ่ายเสียเลือดจนหมดแรงไปเอง แต่ขาที่เจ็บอยู่ทำให้เขาลังเลว่าแผนนี้จะได้ผลหรือเปล่า เขาค่อยๆถอยหลังห่างออกมาเรื่อยๆอย่างช้าๆ สายตาก็กวาดมองไปรอบๆในหัวก็พยายามคิดถึงวิธีที่จะทำให้รอดไปจากสถานการณ์ตรงหน้านี้ได้ อาวุธเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่ตอนนี้ก็คือไฟฉายเท่านั้น ระหว่างที่คิดอยู่นั้นเขาก็นึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เคยอ่านเจอในหนังสือ และไม่แน่ใจว่าจะได้ผลหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่มีเวลามากพอที่จะคิดหรือทำอย่างอื่นแล้วเช่นกัน

คุเรนค่อยๆหลับตาลงพยายามทำสมาธิให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่ออีกฝ่ายเห็นท่าทีที่แปลกไปของคุเรน จึงรอดูท่าทีไปก่อนเพื่อความแน่ใจ ไม่นานคุเรนก็ลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะค่อยๆเปลี่ยนลักษณะการหายใจของตนเอง จิตที่พุ่งออกมาทำให้ร่างแยกของคุเรนตกใจจนต้องพุ่งเข้าใส่หวังจะใช้มีดแทงคุเรน ทันใดนั้นคุเรนก็หายไปจากตรงหน้าของร่างแยกอย่างรวดเร็ว คุเรนกระโดดข้ามศีรษะของร่างแยกตัวของเขาลอยอยู่สูงจากพื้นจนเกือบจะถึงเพดาน เมื่อขาลงมาแตะถึงพื้นเขาก็อยู่ข้างหลังของร่างแยกเรียบร้อยก่อนที่จะใช้ไฟฉายที่อยู่ในมือฟาดลงไปเต็มแรงที่ศีรษะของอีกฝ่ายจนล้มลงไปกองกับพื้น

“นายทำได้ยังไงกันเมื่อกี้นี้”

“เมื่อกี้น่ะเหรอ นั้นเค้าเรียกกันว่า โทโนโดอิปโป เป็นวิธีการเลียนแบบการหายใจของสัตว์เพื่อให้ร่างกายของเราเปีนยเสมือนกับสัตว์ชนิดนั้นยังไงล่ะ ฉันก็ไม่คิดหรอกว่ามันจะได้ผลจริงๆ”

คุเรนเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะเตะมีดที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายทิ้งไปให้ห่างๆ

“ฉันว่านายพอแค่นี้เถอะ ตอนนี้ยังพอจะรักษาบาดแผลของนายทัน”

“นายใจดีจริงๆ แต่นายคงลืมอะไรไปละมั้ง เพื่อนๆของนายตอนนี้คิดว่าพวกนั้นจะเป็นยังไงกันบ้าง เงาดำที่ล้อมรอบอยู่นั้น คงไม่ได้มาดีแน่ๆ”

“บ้าจริง ลืมไปซะสนิทเลย นายรออยู่นี้นะอย่าหนีไปไหน ฉันจะรีบกลับมาช่วย เข้าใจหรือเปล่า”

แม้ว่าจะยังเจ็บแผลที่ขาอยู่ แต่คุเรนก็ยังพยายามที่จะวิ่งกลับไปยังห้องวิทยาศาสตร์อีกครั้งเพื่อกลับไปดูเพื่อนๆของเขาว่ายังปลอดภัยกันดีอยู่หรือเปล่า เขาพยายามอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้แล้วเดินต่อไปจนมาถึงห้องวิทยาศาสตร์ แต่เขาไม่สามารถเปิดประตูได้ เขาพยายามตะโกนเรียกชื่อเพื่อนทุกคน แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมา เขาพยายามมองผ่านหน้าต่างของประตูซึ่งภายในห้องมีแต่ความมืดมิด อีกทั้งยังมีเหมือนหมอกสีดำอยู่ภายในห้องเต็มไปหมด เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหยิบเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาจากห้องเรียนห้องข้างๆ ก่อนจะฟาดไปที่ประตูห้องวิทยาศาสตร์ แต่เก้าอี้และตัวคุเรนเองกับถูกดีดกระเด็นออกมาจนกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจัง เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามีลูกไฟวิญญาณลอยอยู่ตรงหน้า เขาพยายามจะลุกขึ้นให้ได้แต่ด้วยขาที่ยังเจ็บอยู่และหลังที่ถูกกระแทกเมื่อกี้ทำให้เขาไม่สามรถขยับตัวหนีไปไหนได้ ลูกไฟวิญญาณลอยเข้ามาใกล้คุเรนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าของคุเรน ลูกไฟวิญญาณนนั้นค่อยๆปรากฏใบหน้าซึ่งคล้ายกับใบหน้าของคนทั่วๆไปเพียงแต่เป็นใบหน้าที่น่ากลัวเหลือเกิน คุเรนใช่แขนซ้ายปัดลูกไฟวิญญาณนั้นให้ออกไป แต่กลายเป็นว่าแขนซ้ายของเขาถูกไฟจากลูกไฟวิญญาณเผาจนเหลือแต่กระดูกเท่านั้น คุเรนที่ได้แต่มองแขนซ้ายของตนที่เหลือเพียงกระดูกก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง

“แขนฉัน แขนของฉันไม่ๆๆๆๆ ไม่จริงใช่ไหม”

ลูกไฟวิญญาณคอยๆขยับเข้ามาใกล้คุเรนเรื่อยๆ

“บ้าจริง ใครก็ได้ช่วยด้วย ไม่นะ ไม่”

ทันใดนั้น ควันสีขาวจำนวนมากก็ถูกพ้นใส่ลูกไฟวิญญาณ ก่อนจะดึงตัวคุเรนให้ถอยห่างออกมา

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

“ทำไมถึงช่วยฉันเอาไว้ ฉันคิดว่านายอยากให้ฉันตายซะอีก”

“ก็จริงที่ฉันอยากให้นายตาย แต่ฉันปล่อยให้นายตายตอนนี้ไม่ได้”

คุเรนมองร่างแยกของตนเอง ก่อนจะถูกอีกฝ่ายสั่งให้วิ่ง เมื่อตั้งหลักได้คุเรนก็พยายามวิ่งตามไปติดๆถึงแม้ว่าขาจะยังเจ็บอยู่และแขนซ้ายที่ตอนนี้เหลือเพียงกระดูกเท่านั้น แต่อย่างน้อยเขาก้ยังมีชีวิตอยู่ต้องเอาตัวรอดให้ได้ก่อน ทั้งสองคนวิ่งมาหยุดอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร โดยเข้าไปหลบอยู่ในห้องเรียนห้องหนึ่ง ทั้งสองคนนั่งพักหายใจกันอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้น ไม่คิดด้วยซ้ำว่านี้จะเป็นเรื่องจริง พวกเขาแค่อยากหาอะไรทำช่วงปิดเทอมเท่านั้น ไม่ได้อยากจะเอาชีวิตมาทิ้งแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกเจ็บใจเอามากๆ

คุเรนพยายามที่จะลุกขึ้นยืน เมื่อยืนได้แล้วเขาก็เดินตรงไปที่ประตูห้อง

“นั้นนายจะไปไหน”

“ไปช่วยเพื่อนๆของฉันน่ะสิ ฉันไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็นยังไงบ้าง”

“ป่านนี้พวกนั้นคงไม่รอดแล้วแหละน่า”

“ไม่ได้ ฉันต้องไปดูให้เห็นกับตาให้ได้”

“ก็ได้ๆ งั้นฉันจะไปกับนายด้วย นายจะได้ไม่หนีฉันไปไหน”

เมื่อตกลงกันได้แล้ว คุเรนกับร่างแยกของเขา ก็เดินกลับขึ้นไปยังชั้น 3 ของอาคาร ทั้งคู่เดินตรงไปยังห้องวิทยาศาสตร์ ซึ่งตอนนี้ทางเดินไม่มีวี่แววของปีศาจหรือวิญญาณ ทั้งคู่จึงเดินไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงหน้าห้อง คุเรนเปิดประตูห้องได้อย่างง่ายดาย แต่แล้วทั้งสองคนที่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกมือขนาดใหญ่ตรงเข้ามาคว้าตัวทั้งสองคนเอาไว้แน่น เจ้าของมือขนาดใหญ่นี้มีรูปร่างที่ใหญ่มากหน้าตาก็น่ากลัวและดุดันมีเขี้ยวและเขางอกออกมา คุเรนรู้ได้ทันทีว่านั้นคือยักษ์อย่างแน่นอน เขามองไปรอบๆห้องซึ่งตอนนี้ไม่เห็นเพื่อนของเขาเลยซักคนเดียว ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรต่อ เขาและร่างแยกก็ถูกมือขนาดใหญ่ของยักษ์บีบจนแน่น แน่นจนไม่สามารถที่จะร้องออกมาได้ จนสุดท้ายร่างของทั้งสองคนก็ถูกบีบจนเละคามือของยักษ์ตนนั้น

เวลา 04.28 น. ซังโจว คุเรน เสียชีวิต

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา