7 ลี้ลับ

8.7

เขียนโดย AraTemp

วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 13.32 น.

  9 บท
  5 วิจารณ์
  15.75K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557 17.26 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

5) ตัดคอคนชั่ว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เวลา 03.44 น.

                มิไรเปิดประตูห้องวิทยาศาสตร์ออกมาหลังจากที่ได้ยินเสียงแปลกๆดังที่ระเบียงทางเดิน เขาหันมองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่เห็นอะไร แม้กระทั่งเสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้ก็เงียบหายไปแล้ว เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีจึงกลับเข้าไปในห้องและหยิบกระเป๋าที่สามาถคาดเอวได้มาคาดเอาไว้ก่อนจะเดินไปตามระเบียงทางเดิน

                มิไรเป็นคนที่มีความเชื่อในเรื่องของเครื่องรางต่างๆ เขาจึงมักพกติดตัวอยู่ตลอด แต่ก็มักถูกคนอื่นมองว่าเป็นตัวประหลาด เขาจึงไม่ค่อยพูดค่อยจา จนกระทั่งได้มาเจอกับคามุยและคนอื่นๆ ทำให้เขาเปิดใจให้กับเพื่อนกลุ่มนี้

                เมื่อเดินไปตามระเบียงทางเดินเรื่อยๆเขาก็เห็นรอยเลือดที่มีลักษณะเหมือนับนิ้วมือลากไปตามทางเดิน รอยนั้นให้ความรู้สึกขนลุกเป็นอย่างมาก แต่มิไรก็ยังคงเดินตามรอยนั้นต่อไปจนมาถึงบันไดที่ขึ้นไปยังดาดฟ้า เขาตกใจจนไฟฉายที่ถืออยู่ตกลงมากระแทกลงกับพื้น สิ่งที่เขาเห็นคือเลือดที่ไหลเป็นทางยาวลงมาจากบันไดขั้นบนสุด เขารีบคว้าไฟฉายขึ้นมาก่อนจะรีบวิ่งออกมาให้ไกลจากตรงนั้น เมื่อเริ่มตั้งสติได้อีกครั้งมิไรก็หันกลับไปมองยังทางที่วิ่งมาอีกครั้ง ใจยังคงเต้นแรงไม่ยอมหยุด เขาเปิดกระเป๋าที่คาดเอวไว้และล้วงมือเข้าไปหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋า นั้นก็คือโอะมะโมะริ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเครื่องรางที่ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไปได้ จากนั้นมิไรจึงเดินกลับไปยังห้องวิทยาศาสตร์ แต่กลับกลายเป็นว่าเดินเท่าไรก็ไม่ถึงซักที มือของเขากำเครื่องรางเอาไว้แน่นก่อนจะนึกถึงบทสวดและท่องออกมาจากนั้นก็เริ่มเดินอีกครั้ง พอรู้สึกตัวอีกทีมิไรก็มาหยุดอยู่ตรงประตูหน้าห้องวิทยาศาสตร์ เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องแต่ก็ไม่เห็นใครนอนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ตอนนี้ทุกคนหายไปหมด เขาคิดว่าเพื่อนๆคนตื่นขึ้นมาพอไม่เห็นเขาจึงพากันออกตามหาแน่เลย เมื่อคิดได้อย่างนั้นมิไรจึงหันกลับไปยังประตูห้องอีกครั้ง แต่เขาสังเกตไปเห็นหุ่นจำลองร่างกายของมนุษย์ที่ตั้งอยู่หลังห้องกำลังมองมาที่เขา มิไรที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติค่อยๆก้าวเดินอย่างช้าๆทีละก้าวๆ เช่นเดียวกันกับหุ่นจำลองที่ตอนนี้ก็ค่อยๆขยับตัวหันมาทางมิไรเช่นกัน เขาเริ่มรู้สึกไม่ดีเอามากๆในตอนนี้ สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจตรงไปที่ประตูห้องก่อนวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อวิ่งออกมาจากห้องวิทยาศาสตร์แล้วเสียงฝีเท้าที่วิ่งของเขากับทำให้เขาประหลาดใจเมื่อเสียงเท้าที่ได้ยินนั้นมามากกว่าหนึ่งคนแน่นอน เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตามมาจากข้างหลังก็ทำให้หน้าของเขาซีด ถึงจะกลัวแต่ก็ต้องหันกลับไปมอง ซึ่งสิ่งที่ได้เห็นนั้นคือสิ่งที่เขาไม่อยากจะให้เป็นมากที่สุด หุ่นจองลองวิ่งไล่ตามมิไรอย่างรวดเร็วโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตามเลยแม้แต่น้อย มิไรจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูโดยที่เอาตัวพิงไว้กับประตูเพื่อกันไม่ให้หุ่นจำลองเข้ามาได้ แต่หุ่นจำลองนั้นกลับวิ่งผ่านไปไม่แม้แต่จะหยุดเลยด้วยซ้ำ เมื่อมิไรเห็นอย่างนั้นก็สบายใจขึ้นจึงหันหลังพิงประตูก่อนจะค่อยๆนั่งลงกับพื้น ถึงห้องน้ำจะเป็นที่ๆไม่อยากเข้ามาซักเท่าไรนัก แต่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือกอย่างนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ มิไรได้แต่นั่งถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกถึงเพื่อนๆว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนกันจะเป็นยังไงกันบ้าง แล้วเลือดที่พื้นกับตรงบันไดเป็นของใครกันแน่ ตรงลงแล้วเมื่อกี้เป็นผีจริงๆใช่ไหม ความคิดต่างๆตอนนี้ตีกันมั่วไปหมดจนเขาไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ระหว่างที่นั่งคิดไปเรื่อยเขาก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลมาจากในห้องน้ำห้องใดห้องหนึ่ง เขาค่อยลุกขึ้นช้าๆเพื่อไม่ให้เกิดเสียง เขาค่อยๆก้มลงมองช่องใต้ประตูแต่ก็ไม่เห็นอะไร เขาจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องน้ำทีละห้อง ห้องที่ 1 เปิดไปก็ไม่เจออะไร ห้องที่ 2 ก็ไม่มีอะไรอีกเช่นกัน ห้องที่ 3 เองก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน เหลือเพียงห้องสุดท้ายห้องที่ 4 เสียงน้ำที่ไหลจนถึงตอนนี้ก็ยังคงได้ยิน ทำให้มิไรมั่นใจว่าห้องน้ำห้องนี้จะต้องมีอะไรแน่นอน เขาค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ก่อนที่จะเอาหูแนบกับประตูเพื่อฟังเสียงให้แน่ใจ แต่แล้วเสียงน้ำก็เงียบหายไป เขาจึงถอยห่างมาจากประตูอีกครั้ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าเอื้อมมือไปค่อยๆเปิดประตูออกอย่างช้าๆ อีกมือหนึ่งก็เตรียมไฟฉายส่อง เมื่อประตูถูกเปิดออกแสงไฟฉายก็ส่องเข้าไปแต่ก็ไม่พบอะไรอยู่ในนั้น มิไรจึงเดินเข้าไปดูเพื่อความแน่ใจ เขามองดูภายในห้องน้ำจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไร แต่พอหันหลังกลับไปประตูห้องน้ำกลับปิดเข้ามากระแทกหน้าของเขาเข้าเต็มๆ มือของมิไรยกขึ้นกุมหน้าบริเวณที่กระแทกกับประตู ก่อนจะได้ยินเสียงแปลกๆดังออกมาจากข้างหลัง เขาหันกลับไปมองยังโถส้วมซึ่งตอนนี้มีมือประหลาดที่ขาวซีดยื่นออกมาจากในนั้น มิไรได้แต่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกพยายามจะเปิดประตูแต่ก็เปิดไม่ออก

                “เปิดสิ เปิดๆๆๆๆ ทำไมเปิดไม่ออกเนี่ย”

                ขณะที่วุ่นอยู่กับประตูที่เปิดไม่ออก เขาก็รู้สึกว่าตัวเขาถูกดึงไปข้างหลังทำให้เขาเสียหลักนั่งลงไปบนโถส้วม เขาพยายามจะยกตัวขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จเนื่องจากมือนั้นยังคงดึงเอาไว้ไม่ปล่อย ทั้งสองฝ่ายต่างก็ออกแรงดึงกันทั้งคู่ มิไรที่ตอนนี้เริ่มไม่มีแรงต้านแล้วเริ่มถูกดึงลงไปในโถสวมทำให้เขาเจ็บจนร้องออกมา

                “ไอ้มือบ้าปล่อยฉันสิ มันเจ็บนะโว้ย บอกให้ปล่อยไง ใครก็ได้ช่วยด้วย”

                มิไรที่เริ่มหมดแรงต่อต้านและไม่รู้จะทำยังไง จึงใช้แรงที่เหลืออยู่พยายามคว้าทุกสิ่งเท่าที่จะคว้าได้ จนข้อศอกของเขาไปโดนกับที่กดน้ำของโถส้วมเข้า เขาจึงกดลงเพื่อให้โถส้วมดูดน้ำและมือนั้นลงไป ซึ่งมันก็ได้ผลมือนั้นปล่อยออกจากมิไรและค่อยๆถูกดูดกลับลงไป เขารีบลุกขึ้นจากโถส้วมก่อนจะเปิดประตูแล้ววิ่งออกจากห้องน้ำมาสู่ระเบียงทางเดินอีกครั้ง เขามองซ้ายมองขวาก่อนจะเดินไปตามระเบียงทางเดินเพื่อกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ พอก้าวเท้าเดินเครื่องรางก็ตกลงมาที่พื้น มิไรก้มลงไปมองเขารู้สึกว่าเครื่องรางเหล่านี้ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหมิไรจึงตัดสินใจปลดกระเป๋าออกแล้วทิ้งลงพื้นอย่างไม่สนใจใยดี เขาเดินมาเกือบจะถึงห้องวิทยาศาสตร์ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเขาได้ยินเสียง เสียงที่น่ากลัวน่าขนลุกกำลังใกล้เข้ามา เสียงที่ฟังแล้วแสบแก้วหูอย่างบอกไม่ถูก

                “ครืนๆ ครืนๆ คนเลวต้องถูกตัดคอ คนเลวต้องถูกตัดคอ”

                มิไรมองไปยังต้นเสียงที่มีแต่ความมืด มีแต่เพียงเสียงเท่านั้นที่ดังออกมาจากความมิดนั้น และดูเหมือนเสียงนั้นจะยิ่งดังและชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อย เขารู้สึกใจคอไม่ค่อยดีแต่ร่างกายก็แข็งไปหมดจนไม่สามารถขยับตัวได้ดั่งใจ แต่แล้วในที่สุดร่างกายของเขาก็สามารถขยับได้ดั่งใจเมื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้นั้นทำให้เขากลัวอย่างสุดชีวิต มันคือปีศาจ ปีศาจที่มีรูปร่างหน้าตาหน้าเกลียดหน้ากลัวโดยในมือถือดาบเล่มยาวโดยปล่อยให้ปลายดาบลากพื้นจนเกิดเสียง

                มิไรที่ตอนนี้เริ่มออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เขาได้แต่วิ่งไปเรื่อยๆ แต่เสียงของปีศาจที่พูดอยู่เพียงประโยคเดียว คนเลวต้องถูกตัดคอ ยังคงตามหลอกหลอนเขาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาพยายามจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง แต่แล้วขอบประตูกลับกลายเป็นใบมีดที่คมปิดไปต่อหน้าต่อตาของเขา หากเมื่อกี้เขาก้าวเท้าเข้าไปแม้แต่เพียงก้าวเดียวเขาคงตายไปแล้วแน่ๆ เขาถอยห่างจากประตูก่อนจะวิ่งต่อไปข้างหน้า จนสุดท้ายเขาก็ดันวิ่งเข้ามาเจอกับทางตันเนื่องจากไม่เคยชินกับสถานที่ เมื่อหันหลังกลับไปก็สายไปเสียแล้ว ขณะนี้ปีศาจตนนั้นยืนอยู่ตรงทางเดินข้างหน้าแล้ว ไม่มีทางให้เขาหนีไปไหนได้อีกแล้ว

                “แกเป็นตัวอะไรกันแน่ แล้วแกตามฉันมาทำไม”

                “คนเลวต้องถูกตัวคอ แกเป็นคนเลวจึงต้องถูกตัดคอ”

                “ฉันไปทำอะไร แกถึงตัดสินว่าฉันเป็นคนเลวอย่างนี้”

                “หึหึ ยังไม่สำนึกสินะ ข้าเป็นวิญญาณของดาบเล่มนี้ ซึ่งมีหน้าที่ประหารคนชั่ว และแกก็เป็นคนเรียกข้ามาเพื่อตัดคอของแกเอง”

                “ไม่จริง หมายความว่ายังไงฉันไปเรียกแกออกมาได้ยังไง ฉันทำอะไรผิด”

                “แกโยนเครื่องรางทิ้ง แกบังอาจไม่ให้ความเคารพ แกจึงต้องถูกตัดคอซะ”

                เมื่อได้ยินที่ปีศาจตนนี้พูดออกมา มิไรก็ถึงกับเข่าอ่อนและรู้สึกผิดในสิ่งที่ตนทำลงไป เขาไม่คิดว่าการกระทำและความคิดของเขาจะทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ถึงหนีไปก็คงไม่มีประโยชน์เราไม่ดีเองที่ไม่เคารพและยังโยนเครื่องรางเหล่านั้นทิ้งอีก เราควรจะให้ความสำคัญมากกว่านี้

                “ลาก่อนทุกคน”

                ดาบในมือของปีศาจฟันเข้าที่ต้นคอของมิไรอย่างเร็วจนไม่รู้สึกแม้กระทั่งความเจ็บปวดหรือทรมานใดๆ

                “ตุบ” เสียงของศีรษะของมิไรตกลงสู่พื้น เหลือไว้เพียงร่างที่ไร้ศีรษะที่ตอนนี้มีเลือดพุ่งออกมาไม่หยุด

                เมื่อปีศาจตนนั้นได้ศีรษะของมิไร มันก็หายไปอย่างไร้ร่องลอย

                เวลา 04.05 น. มิไร ไรกะ เสียชีวิต

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา