7 ลี้ลับ

8.7

เขียนโดย AraTemp

วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 13.32 น.

  9 บท
  5 วิจารณ์
  15.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557 17.26 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) ตกจากท้องฟ้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เวลา 03.13 น.
                คิซารากิสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาลืมตาขึ้นมองไปยังเพื่อนๆที่ตอนนี้ยังคงหลับอยู่ และมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือที่ใส่อยู่เป็นประจำ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากพื้นเดินไปยังหน้าต่างห้อง เขาเปิดผ้าม่านออกเล็กน้อยเพื่อมองออกไปยังข้างนอก ภายนอกนั้นมืดสนิทไม่มีแม้กระทั่งแสงไฟใดๆ เขาจึงมองขึ้นไปยังท้องฟ้าซึ่งทำให้สายตาของเขาต้องไปสะดุดลงอยู่ที่พระจันทร์ สีของพระจันทร์ตอนนี้เป็นสีม่วงดำมองแล้วช่างให้ความรู้สึกที่น่าขนลุกจริงๆ คิซารากิจึงปิดผ้าม่านและเดินกลับไปตรงที่ตัวเองนอนก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเดินไปถึงเขากลับไปพบเพื่อนนอนอยู่ตรงนั้นเลยซักคน
                “หายไปไหนกันเนี่ย เลิกเล่นน่าทุกคนออกมาเดียวนี้”
                ไม่ว่าคิซารากิจะเรียกเท่าไรก็ไม่มีใครออกมา คิซารากิจึงตัดสินใจเปิดประตูออกไปเดินหาที่อื่น ตอนนี้เค้าอยากให้เพื่อนๆแกล้งเขาจริงๆเพราะตอนนี้เขารู้สึกไม่ดีเอาซะเลยมีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไป บรรยากาศชวนขนลุกทั้งความมืดที่ล้อมตัวเขาอยู่ ในมือมีเพียงไฟฉายกระบอกเดียวที่เป็นแสงส่องทางให้กับเขาได้ เขาเดินหาจนทั่วทุกห้องของชั้น 3 แต่ก็ไม่เจอใครเลย เขาจึงตัดสินใจลงไปหาที่ชั้น 2 เมื่อเดินลงบันไดมา เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ คิซารากิจึงรีบเดินไปยังต้นเสียงนั้น จากเสียงหัวเราะที่ได้ยินเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงของเปียนโน เขาจึงมุ่งตรงไปยังห้องดนตรีทันที ยิ่งเดินเข้าไปใกล้มากเสียงเพลงก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขามาถึงหน้าห้องดนตรีจู่ๆเสียงเพลงก็เงียบหายไป คิซารากิจึงตัดสินใจเปิดประตูออกแล้วสอ่งไฟฉายเข้าไปข้างใน บริเวณเปียนโนไม่มีผู้ใดอยู่เลย เขาจึงเดินเข้าไปข้างในห้องอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาสำรวจไปรอบๆห้องจนมาสะดุดตาอยู่ที่กรอบภาพวาดที่ถูกติดอยู่กับผนังของห้อง เขาจึงส่องไปไฟฉายไปที่นั้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ ซึ่งภาพวาดนั้นเป็นภาพของศิลปินชื่อดังบีโธเฟน ทำให้นึกได้ว่าเพลงที่ได้ยินเมื่อกี่ก็เป็นเพลงของบีโธเฟนเช่นกัน เมื่อสำรวจจนแน่ใจแล้วว่าภายในห้องไม่มีใครอยู่แน่นอนขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้อง เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ เขาหันหลังกลับไปมองภายในห้องอีกครั้ง แต่ก็ไม่เจออะไร เสียงหัวเราะยังคงหัวเราะต่อไปไม่หยุด เขาเริ่มลังเลแล้วว่าเรื่องผีเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอกเด็กกันแน่ เขาจึงเดินเข้าไปเพื่อหาที่มาของเสียงหัวเราะ แต่แล้วทันใดนั้นเสียงเปียนโนก็เกิดดังขึ้นมา ทำให้เขาตกใจต้องเดินถอยออกมา เสียงเพลงยังคงบรรเลงต่อไปทั้งๆที่ไม่มีใครเล่นซึ่งรวมกับเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงถอยไปยังประตูห้องแต่ทันใดนั้นประตูห้องก็เลื่อนปิดเอง ทำให้เขาสะดุ้งด้วยความตกใจรีบหันกลับมาเปิดประตูแต่เปิดเท่าไรก็เปิดไม่ออกเขาจะตะโกนร้องออกมาอย่างสุดเสียง
                “เปิดเซ่ เปิดไอ้ประตูบ้า เปิดเดียวนี้นะ เลิกแกล้งกันได้แล้วพวกนาย ฉันไม่สนุกด้วยหรอกนะ ฉันขอพนันว่าถ้าฉันออกไปได้ฉันจะจัดการทุกคนเลย”
                ทันทีที่พูดจบ เสียงเปียนโนเสียงหัวเราะก็พลันเงียบสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหลือเพียงความมืดภายในห้องกับแสงสว่างจากไฟฉายเท่านั้น คิซารากิหันหลังชนกับประตูแล้วส่องไฟไปทั่วห้อง ขณะที่กำลังส่องไฟไปเรื่อยๆเขากับสะกิดใจขึ้นมาจนต้องหันไปส่องที่ๆหนึ่งอีกครั้ง แล้วมันก็ทำให้เข้าต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อกรอบภาพวาดของบีโธเฟนหายไปจากที่ๆมันควรจะอยู่แต่ตอนนี้มันกลับหายไป
                “จะจัดการใครเหรอ เจ้าหนู”
                “ใครนั้นเสียงของใคร ออกมานะ โองะ มิไร พวกนายเหรอ”
                “มานี้สิ ฉันอยู่นี้ ฉันนั่งอยู่ที่เปียนโนไง”
                คิซารากิ รีบหันไฟฉายไปยังเปียนโนทันที แต่ก็ไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้นเสียงเรียกก็ยังคงเรียกต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะกลัวแต่เขาก็ยังเดินเข้าไปใกล้ๆเปียนโนตัวนั้น คิซารากิพยายามส่องไฟฉายไปตรงๆแต่มือของเขาสั่นเกินกว่าจะควบคุมให้มันนิ่งๆได้ เมื่อเดินมาใกล้มากแล้วเสียงที่เรียกก็พลันเงียบหายไป
                “อะไรกันเนี่ยก็ไม่เห็นมีอะไรเลย นึกว่าจะมีอะไรโผล่มาซะอีก”
                เมื่อพูดจบจู่ๆไฟฉายของเขาก็ดับลง ด้วยความตกใจเขาพยายามเปิดไฟฉายเปิดแล้วเปิดอีกแต่ก็ไม่ยอมติดซักที เมื่อเขาหันขึ้นมามองอีกทีก็พบว่ากรอบภาพวาดบีโธเฟนตอนนี้มาอยู่บนเปียนโนข้างหน้า ด้วยความตกใจทำให้เขาสะดุดล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น แต่สายตายังคงจ้องมองไปยังกรอบภาพนั้น มือก็พยายามเปิดไฟฉายซึ่งจู่ๆมันก็ติดขึ้น เขาจึงส่องไปยังกรอบภาพวาดนั้นทันที และสิ่งที่ได้เห็นก็ยิ่งทำให้เขาตกใจกลัวมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อกรอบภาพวาดนั้นกำลังยิ้มให้กับเขาก่อนจะพูดออกมา
                “กลัวหรือไงละเจ้าหนู มาเล่นเปียนโนแทนฉันทีสิ”
                “ว๊ากกกกกกกกกก อะไรเนี่ยยยยยยยย”
                เมื่อเริ่มตั้งสติได้คิซารากิจึงรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งไปยังประตูห้องซึ่งตอนนี้มันสามารถเปิดออกได้อย่างง่ายดาย เมื่อออกมาจากห้องเขาก็รีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตและไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองอีก เขาวิ่งมาหยุดตรงบันไดพอดีพยายามหายใจให้เป็นปกติแต่ร่างกายก็ยังคงสั่นไม่ยอมหยุด
                “เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน ของจริงเหรอเนี่ย มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นคนอื่นๆหายไปไหนกันหมด ไม่ไหวแล้วต้องรีบหนีไปจากที่นี้”
                ระหว่างที่ยืนพักหายใจและสงบสติอารมณ์ คิซารากิก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เขาจึงหันไปมองตรงทางเดินในใจก็ได้แต่คิดว่ากรอบภาพวาดยังไงก็ไม่มีขาคงเดินมาเองไม่ได้หรอกมั้ง อาจจะเป็นเพื่อนคนอื่นคนใดซักคนหนึ่ง เขาพยายามรวบรวมความกล้าอีกครั้งและลองเสี่ยงออกไปยังทางเดินที่วิ่งมาเมื่อกี้ เขาเห็นเงาดำๆกำลังใกล้เข้ามา เป็นเงาที่ดูแล้วยังไงก็ไม่ใช่คนแน่นอน ถึงจะส่องไฟไปยังไงก็มองไม่ชัดอยู่ดีว่าสิ่งนั้นคืออะไร เขาจึงตัดสินใจตะโกนออกไป
                “นั้นใคร หยุดอยู่ตรงนั้นนะ แกเป็นคนหรือเปล่า ตอบฉันมาเดียวนี้”
                “หึหึ แล้วแกคิดว่าฉันเป็นอะไร เจ้าหนู มาพนันกับฉันดีไหม ถ้าแกทายถูกฉันจะยอมปล่อยแกไป แต่ถ้าแกทายผิด หึหึ แกก็จะได้รู้ว่าฉันเป็นตัวอะไรกันแน่”
                คิซารากิไม่มีทางเรื่องมากนักและเขาเองก็เป็นคนที่ชอบเสี่ยงดวงชอบการพนัน ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่หนี
                “เอาสิได้เลย แกจะให้ฉันทายอะไรก็ว่ามาเลย ฉันพร้อมแล้ว”
                “ใจกล้าไม่เบาเจ้าหนู งั้นเรามาพนันกันง่ายๆ ข้าจะดีดเหรียญขึ้นไปจากนั้นก็จะปล่อยให้มันตกลงมา เจ้าจะต้องทายว่าเหรียญนั้นออกหน้าอะไร ง่ายดีใช่ไหม”
                “อืม ฉันเข้าใจแล้ว งั้นฉันเลือกหัว”
                เมื่อได้ยินคำตอบจากคิซารากิแล้ว เงาดำนั้นก็ดีดเหรียญกระเด็นออกมาตกอยู่ตรงหน้าของคิซารากิ แต่เหรียญนั้นกลับไปยอมล้มลงมันกับตั้งตรงไม่ออกหน้าใดๆ คิซารากิได้แต่ยืนอึ้งกับสิ่งที่เห็นจนไม่ทันสังเกตว่าเงาดำนั้นมาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว จนกระทั่งได้ยินเสียงพูดออกมา
                “เสียใจด้วยนะ ที่เหรียญนี้ไม่ได้ออกหัว แกพลาดเสียแล้ว”
                “บ้า...นี้มันไม่จริงใช่ไหม แบบนี้มันโกงกันเห็นๆฉันไม่ยอมรับเด็ดขาด”
                “ไม่ยอมรับก็เรื่องของแกเจ้าหนู ข้าจะบอกอะไรให้ ข้าเป็นปีศาจข้าไม่จำเป็นที่จะต้องยุติธรรมซักหน่อย ขอรับไปเลยละกันชีวิตของเจ้า หึหึ”
                เมื่อคิซารากิรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกฆ่าจึงรีบหันหลังและวิ่งในทันที ขณะที่มองไปข้างหน้าทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มกลับหัวกันไปหมด เขาตกลงไปกระแทกกับเพดานที่ตอนนี้กลายมาเป็นพื้นแทนเสียแล้ว
                “หนีไปก็เปล่าประโยชน์ ข้าสามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับด้านกลับหัวได้ดั่งที่ต้องการ ไม่มีใครหนีข้าได้พ้นหรอก”
                คิซารากิพยายามวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เขาวิ่งลงไปยังชั้น 3 เนื่องจากคิดว่าหากตึกกลับด้านไปหมดชั้น 3 จะต้องอยู่ติดกับพื้นมากที่สุดแล้วเขาก็จะออกไปจากที่นี้ได้ เงาของปีศาจยังคงตามมาเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบ เมื่อมาถึงชั้น 3 เขาจึงตัดสินใจเปิดหน้าต่างออก
                “คิดดีแล้วเหรอ เจ้าหนู ที่จะทำอย่างงั้น”
                “แน่นอน ฉันไม่ยอมตายง่ายๆหรอก เมื่อฉันกระโดดออกไปจากหน้าต่างนี้ ฉันก็จะลงไปอยู่กับพื้น แล้วแกก็จะตามฉันมาไม่ได้ ลาขาดเจ้าปีศาจ”
                เมื่อพูดจบคิซารากิก็กระโดดออกไปจากหน้าต่าง แต่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับด้านกันไปหมดไม่เพียงเฉพาะแค่โรงเรียนเท่านั้น แต่ท้องฟ้าพื้นดินก็กลับด้านทั้งหมด ตอนนี้เขากระโดดออกมาแต่ไม่ได้สัมผัสพื้นดินกลับกลายเป็นท้องฟ้าที่ตอนนี้เขากำลังลอยอยู่กลางท้องฟ้าแทน เมื่อตั้งสติได้เขาจึงเอื้อมมือไปจับราวเหล็กกั้นของชั้นดาดฟ้าเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ทันใดนั้นประตูชั้นดาดฟ้าก็เปิดออก เจ้าปีศาจเดินออกมาพร้อมกับใบหน้าที่มีความสุข
                “ข้าบอกเจ้าแล้ว แต่เจ้าไม่ฟังข้าเอง ลาก่อนนะเจ้าหนู”
                เมื่อจบประโยค เจ้าปีศาจก็หายมาอยู่ตรงหน้าของคิซารากิ ด้วยความตกใจกับใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวของปีศาจตนนี้ทำให้เขาเผลอปล่อยมือออกจากราวเหล็กแต่ตกลงสู่ท้องฟ้า เขาได้แต่จ้องมองเจ้าปีศาจและก้มลงมองพื้น ทันใดนั้นทุกอย่างก็กลับสู่ทิศทางที่ควรจะเป็นของมัน เขาหันหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่นอนนี้ยังคงมืดสนิทเหมือนกับดวงจันทร์สีม่วงดำที่เห็นก่อนหน้านี้ เขารู้ได้ทันทีว่าตอนนี้เขากำลังจะตกลงสู่พื้นดิน สิ่งสุดท้ายที่ได้ยินมีเพียงเสียงหัวเราะของเจ้าปีศาจที่กำลังมีความสุข เพียงวูบเดียวร่างของคิซารากิก็ตกลงมากระแทกกับพื้นดินด้วยความสูงที่มากกว่าตึก 5 ชั้น เหลือเพียงสภาพที่กลายเป็นกองเลือดขนาดใหญ่ที่มีเพียงเศษชิ้นส่วนของร่างกายกระจัดกระจายเต็มพื้นสนามของโรงเรียนเท่านั้น
                เวลา 03.30น. มุตซึริ คิซารากิ เสียชีวิต

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา