มหัศจรรย์แห่งหนังสือ

8.7

เขียนโดย candle

วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 17.43 น.

  9 chapter
  34 วิจารณ์
  34.49K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557 16.01 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

9) "คือหนึ่ง"

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                
 
           คือหนึ่ง  ประตูค้นพบจินตนาการ  และการค้นพบตัวเอง
 
เมื่อฉันเปิดหนังสือเล่มนี้  ฉันพบประโยคหนึ่งโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางกระดาษขาวว่างเปล่า
          “ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อเป็นในสิ่งที่ฉันกำลังเป็นอยู่  มันคุ้มกันหรือเปล่า”
          
          ประโยคนี้ทำให้ฉันนึกย้อนถึงความฝันของตัวเองในวัยเด็ก...ฝันอยากเป็นอะไร...ครั้งหนึ่งในชีวิตคุณต้องเคยเจอคำถามนี้  ฉันล่ะ? ฉันเคยฝันอยากเป็นอะไรบ้างในช่วงชีวิตที่ผ่านมา  ฉันฝันอยากเป็นจิตตกร  ปฏิมากร  ด้วยรู้สึกว่ามือของฉันช่างควรค่าแก่การสร้างสรรค์งานศิลปะซะนี่กระไร (ฮะฮ่า  หลงตัวเอง)  เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่หลงใหลอยู่พักหนึ่ง  แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอาจริงเอาจังกับมันมากนักและนั่นแหละคือฉันเหมือนกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้  ฉันไม่เคยทุ่มเทกับอะไรสักอย่าง  ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความฝันที่ยังมาไม่ถึง  หรือไม่ฉันก็กลับคิดไปว่ามันยากเกินไปที่ฉันจะทำได้  ไม่อาจตัดสินใจเลือกได้เมื่อมาถึงทางแยกแห่งชีวิตที่สำคัญในทุกครั้งไป
 
          หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งของงานเขียน  ริชาร์ด บาก  ซึ่งแปลโดย วนุศ
 
          'คือหนึ่ง' คืนการค้นพบตัวตนอื่นในอีกมิติหนึ่งของตัวเราเอง (ในเรื่องนี้หมายถึงริชาร์ดกับเลสลี่)ตัวตนอื่นที่ดำเนินชีวิตคู่ขนานกันไป  เพียงแต่อยู่คนละกาละและเทศะ  ตัวตนอื่นที่มีทางเลือกในอีกแบบหนึ่งเป็นของตัวเองอาจจะผิดบ้างถูกบ้าง  ดำเนินชีวิตไปถามวิถีแห่งความเชื่อถือยึดมั่นของตัวเอง  ตัวตนอื่นอาจเลือกหนทางตรงกันข้ามหรือหนทางที่เราปฏิเสธจะก้าวเดิน  จะด้วยเหตุผลหรือด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างในการตัดสินใจ  แต่ทั้งหมดนั่นล้วนถือเป็นส่วนหนึ่งในตัวตนของเราทุกสิ่งเกี่ยวเนื่องเป็นหนึ่งเดียว
 
          อย่างในเรื่องนี้เขียนถึงชีวิตของริชาร์ดกับเลสลี่ในกาละและเทศะต่างๆ ที่พวกเขาไปพบเจอมา  แล้วเราล่ะจะเหมือนพวกเขาไหม  เราเองก็น่าจะมีตัวตนอื่นเช่นกัน  ตัวตนที่เลือกหนทางในอีกแบบหนึ่ง  บางทีชีวิตชั่วขณะที่เราเป็นอยู่นี้อาจเป็นแค่ตัวตนอื่นของเราเช่นกัน (งงไหมเล่า)ว่ากันว่าเรื่องนี้เป็นวิทยาศาสตร์ที่เป็นการพูดถึงโลกหลายใบโดยอาศัยทฤษฏีควอนตัม (ในทุกช่วงเวลาโลกใบนี้ที่เรารู้จัก  ได้แตกตัวออกเป็นโลกใบอื่นๆ จำนวนมากมายมหาศาล  เป็นโลกหลายๆ ใบที่แตกต่างกันที่อนาคตและอดีตเท่านั้น)
 
          เรื่องเริ่มขึ้นขณะที่ริชาร์ดกับเลสลี่กำลังเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัว  เพื่อไปสปริงฮิลล์ด้วยกันเพื่อร่วมประชุมกับนักเสาะค้นหาความคิดเฉียบคมทั้งในแง่วิทยาศาสตร์และจิตสำนึก  สงครามและสันติภาพและอนาคตของดาวพระเคราะห์ดวงหนึ่ง
 
          ...มีเสียงกระแทกเหมือนพุ่งชนลมเกิดประกายไฟสีเหลืองในห้องผู้โดยสาร  ลอสแองเจอลิสหายไปทั้งเมือง  ทั้งหมดอันตรธาน...ภายใต้แผนภาพด้านล่าง (ซึ่งหมายถึงมายาภาพที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงเส้นทางต่างๆ ที่มาบรรจบกัน ณ.ทางแยกหนึ่ง  การเลือกแบบต่างๆ ล้วนดำเนินไปพร้อมกัน  เรียกว่าเป็นช่วงชีวิตที่คู่ขนานกัน ‘Parellel Lifetimes’/จากผู้แปล)
 
          *พวกเขาเจอริชาร์ดหนุ่มและเลสลี่สาวขณะที่ทั้งคู่พบกันครั้งแรกในลิฟต์  แต่ต่างไม่รู้จักกัน  ไม่รู้ว่าในวันหนึ่งข้างหน้าอีกหลายปีพวกเขาจะเป็นคู่ชีวิตกัน  หรือในกาละนี้พวกเขาจะเป็นเพียงแค่เพื่อน  เป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้นเอง 
 
          *เจอเลสลี่ในวัยเด็กกับเปียโนของเธอ  เด็กสาวผู้ยากจนข้นแค้นกำลังตกอยู่ในระหว่างทางเลือกแห่งการตัดในใจว่าจะทำในสิ่งที่ตัวเองรัก  คือการเป็นนักดนตรีหรือการเป็นนางแบบของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในกรุงนิวยอร์ก
 
          “ถ้าเธอไม่ปล่อยให้สิ่งที่สำคัญสำหรับตัวเธอผ่านไป  ถ้ามันสำคัญมากจนเธอพร้อมจะต่อสู้อย่างหนักเพื่อมัน  รับรองได้ว่าเธอจะประสบความสำเร็จในที่สุด  อาจเป็นชีวิตที่ยากลำบาก  เพราะสิ่งที่ดีไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่ายๆ”
 
          “เธอต้องเดินตามทางของตัวเธอเอง”
 
          “จงค้นหาสิ่งที่เธอต้องการอย่างแท้จริง  และทำตามนั้น  อย่าปล่อยให้ชีวิตเดินไปอย่างผิดๆ ในเมื่อเธอตัดสินใจได้ตอนนี้เพื่อเดินไปตามหนทางที่เธอรัก”
 
           “ทุกๆ ทางแยกในชีวิตของเรา  และทุกๆ ครั้งที่เราตัดสินใจ  เราเป็นผู้ให้กำเนิดตัวตนทั้งหมดของเราเอง”
 
          “การโกหกด้วยเจตนาดีนั้นย่อมดีกว่าการนิ่งเงียบ  หรือไม่เอื้อนเอ่ยอะไรเลย”
 
          *ริชาร์ดพบตัวตนของเขาขณะเป็นทหารอากาศ  เป็นนักบินป้องกันการโจมตีของกองทัพอากาศ  ชายหนุ่มผู้ตกเป็นเหยื่อ   และภาคภูมิใจที่เป็นปลาตัวโตติดเบ็ดเครื่องบินและการถูกลากจูงไปตามเส้นทางสู่จุดจบของตัวเอง  กับคำสัญญาว่าจะทำตามคำสั่ง
 
          ...เมื่อคุณให้สัญญาว่าจะจงรักภักดีและให้ความเคารถต่อธงชาติ  เมื่อนั้นก็จะมีพวกเราและพวกมัน  พวกมันจะทำลายเราถ้าเราไม่คอยระวังไม่เฝ้าจับตา  ไม่โกรธและไม่ติดอาวุธเราทุกคนต้องปฏิบัติตามคำสั่งเพื่อปกป้องประเทศของเรา
 
          กระตุ้นความกระหายใคร่รู้ของเด็กผู้ชายด้วยเครื่องยนต์ที่เคลื่อนไหวได้  คัดที่ยอดเยี่ยมที่สุดมาไว้ที่เดียวกัน  ดึงพวกรักท้องทะเลไปไว้กับเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนิวเคียร์  ให้พวกที่อยากเป็นนักบินขับเครื่องบินที่บินเร็วที่สุด  ให้สวมหมวกเกราะโก้หรูพร้อมด้วยกะบังหมวก  มีชื่อพ่นไว้ข้างที่นั่งคนขับเครื่องบิน
 
          พวกเขาจะจูงคุณไป  คุณทำได้ดีหรือยัง  แกร่งพอหรือยัง  เยินยอคุณ  ตกแต่งคุณด้วยธงชาติ  ติดปีกให้คุณที่กระเป๋าเสื้อ  ติดยศไว้ที่บ่า  มอบเหรียญ  ผูกโบสีสดใสให้กับการที่คุณทำตามคำบอกของคนที่คอยจูงจมูกคุณ
 
          กองทัพไม่เคยสน  นายพลที่ออกคำสั่งไม่แคร์  คนๆ เดียวที่จะสนใจว่าคุณได้สังหารผู้คนที่คุณลงมือฆ่า  คือตัวคุณเอง  ตัวคุณและพวกเขาครอบครัวของเขา...
 
          *โรงหล่อแห่งความคิด
 
          “เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง  และมันสำคัญมากที่เราจะต้องยึดมั่นในสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เรารู้  และความจริงเราก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด”
 
          “การเปลี่ยนแปลกแม้เพียงเล็กน้อยในวันนี้  ย่อมนำมาซึ่งความแตกต่างอย่างมากมหาศาลในวันพรุ่ง  มีรางวัลใหญ่รออยู่สำหรับผู้ที่เลือกเดินบนเส้นทางอันขรุขระแต่สูงส่ง  ทว่าเขาคงต้องรอเป็นเวลานานหลายปีกว่าที่รางวัลนั้นจะเผยตัว  ทุกๆ ทางเลือกในโลกนี้ล้วนทำไปด้วยความมืดบอดเลินเล่อ  โลกรอบตัวเราไม่ได้ให้การรับประกันใดๆ เลย”
 
          “หนทางเดียวที่จะสามารถหลีกเลี่ยงทางเลือกอันน่าตระหนกทั้งปวงก็คือ  ละทิ้งจากสังคมเสียแล้วไปดำรงตนแบบฤาษีชีไพร  ทว่าแม้การกระทำเช่นนั้นก็ยังถือเป็นการตัดสินใจที่น่าพรั่นพรึงปานกัน”
 
          "บุคลิกนั้นมาจากการเดินตามสำนึกสูงสุดแห่งความถูกต้องของเราเอง  เป็นอุดมคติที่เราเชื่อมั่นศรัทธา  ทั้งๆ ที่ไม่ทราบแน่ว่ามันเป็นไปได้จริงหรือไม่  บนเส้นทางของเรานั้นสิ่งท้าทายอันหนึ่งก็คือ  การอยู่เหนือระบบอันเป็นแค่ซากไร้ชีวิต  ไม่ว่าเป็นสงคราม  ศาสนา  ประเทศชาติ  และการทำลายล้าง  เราต้องไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของมัน  และแสดงตัวตนสูงสุดของเราออกมาแทน  ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร”
 
          “ไม่มีใครช่วยแก้ปัญหาให้กับคนที่ไม่อยากให้ปัญหาตัวเองถูกแก้ได้”
 
          “เราจะไม่สามารถไปถึงชีวิตที่ดีกว่าได้  หากเราไม่เคยวาดภาพในจินตนาการเกี่ยวกับมัน  หรือไม่ยอมให้มันกล้ำกรายมาในห้วงนึกของเรา  ไม่ว่าเราจะพร้อมด้วยคุณสมบัติ  หรือมีความเหมาะสมมากเพียงใดก็ตาม”
 
          “การปล่อยให้สิ่งที่เราเชื่อต้องหลุดมือไปนั้นเป็นเรื่องแย่มาก...แต่จะแย่ยิ่งกว่าถ้าความคิดที่เรายึดมั่นมาตลอดนั้นกลับผันแปรเป็นอีกอย่างหนึ่งไป”
 
          “การแลกเปลี่ยนทัศนะคือความคิด  แล้วทางเลือกก็จะแสดงตัวออกมาเอง  จงใส่ใจในชั่วขณะนี้  ด้วยสิ่งที่คุณเห็นและสัมผัสนั้น  ครั้งหนึ่งเคยเป็นความคิดที่จับต้องไม่ได้มาก่อนกระทั่งถึงวันที่มีใครนำมันไปสานต่อ”
 
          “สิ่งเลวร้ายทั้งปวงหาใช่สิ่งที่แย่ที่สุดที่เกิดขึ้นกับเราไม่  ด้วยไม่มีอะไรที่แย่ที่สุดสำหรับเรา”
 
          “ชีวิตที่ง่ายดายมิได้ให้อะไรกับเรา  และท้ายที่สุดเราจะรู้ว่า  เราได้เรียนรู้อะไรมาบ้างและเราเติบโตขึ้นอย่างไร”
 
          “เรามีข้อแก้ตัวได้  เช่นเดียวกับที่เรามีสุขภาพดี  มีความรัก  มีอายุยืนยาว  มีความเข้าใจ  การเดินทาง  เงินตรา  และความสุข  เราวางชีวิตของเราเองด้วยอำนาจแห่งการเลือกของเรา  เราจะรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุดก็เมื่อเราเลือกทางหนึ่งทางใดโดยไม่ได้ผ่านการไตร่ตรอง  หรือเรามิได้เลือกเส้นทางนั้นๆ ด้วยตัวเราเอง”
 
          “เมื่อแรกเกิดเราทุกคนได้รูปสลักสี่เหลี่ยมมาอันหนึ่ง  พร้อมกับเครื่องมือเพื่อตอกแต่งมันให้เป็นงานประติมากรรมชิ้นเยี่ยม  เราอาจจะลากมันไปเฉยๆ โดยไม่ทำอะไร  หรือทุบมันให้เป็นแค่ก้อนกรวด  หรือจะปรับแต่งให้งดงาม  ชีวิตอื่นๆ ล้วนเป็นตัวอย่างให้เราได้เห็น  ผลงานแห่งชีวิตที่สมหวังและผิดหวัง  เป็นเครื่องชี้นำและเป็นคำเตือน
          เมื่อชีวิตใกล้สิ้นสุด  งานประติมากรรมของเราก็จวนจะเสร็จ  เราอาจจะขัดเกลาเช็ดถูผลงานที่เราได้บรรจงสร้างมาเป็นเวลาหลายปี  หรือเราอาจจะสานมันต่อไปให้ยิ่งใหญ่ที่สุด  แต่การจะทำเช่นนั้นได้นั้น  เราจักต้องพินิจที่อดีตอันเป็นผลพวงแห่งกาลเวลา”
 
          “เราสร้างภาวะแวดล้อมของเราเอง  และจะได้รับในสิ่งที่เราสมควรจะได้เป็นอย่างยิ่งเช่นนี้แล้ว  เราจะขุ่นเคืองต่อชีวิตที่เราสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองได้ไฉน  จะโทษใครหรือจะยกให้เป็นความดีของใครนอกจากตัวเราเอง  ใครล่ะจะเปลี่ยนแปลงมันได้ทุกเมื่อที่ต้องการนอกจากตัวเราเอง”
 
          “ความคิดที่มีพลังคือเสน่ห์อันสมบูรณ์  ขณะเดียวกันก็อาจไร้ค่าอย่างสิ้นเชิงถ้าเราไม่นำมันมาใช้”
 
          “ความคิดน่าจะตื่นเต้นก็เมื่อเรานำมาปฏิบัติจริง  ทันทีที่เราลองทำด้วยตัวเราเองปล่อยมันให้ห่างจากชายฝั่ง”
 
          “ไม่มีความวิบัติใดที่ไม่อาจผันแปรเป็นคำอวยพร  และไม่มีคำอวยพรใดๆ ที่ไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความวิบัติ”
 
          *ตัวตนในกระแสแห่งความเกลียดชังของริชาร์ด
 
          “จะเป็นอย่างไรหากปัญญาของเราหลงเชื่อคำเท็จ  ซึ่งสร้างขึ้นเองเพื่อไว้หลอกผู้อื่น”
 
          *ชายผู้ส่งมอบคัมภีร์หน้ากระดาษ  ฌอง-ปอล เลอ เคลิร์ก
 
          “อักขระเหล่าคือทางนำไปสู่สัจจะแก่ผู้ที่อ่าน  และเป็นพลังชีวิตแก่ผู้ที่รับฟัง”
 
          “ศาสนาที่ยิ่งใหญ่ล้วนเริ่มต้นด้วยแสงสว่างทั้งนั้น  ทว่ามีแต่หัวใจเท่านั้นที่จะยึดฉวยแสงสว่างไว้ได้  หาใช่หน้ากระดาษไม่”
 
          “ความรักและเสรีภาพ  คือการสิ้นสุดของความกลัวและการเป็นทาส”
 
          “ใครก็ตามที่ต้องการสัจจะและแสงสว่าง  เขาจะค้นพบมันได้ด้วยตนเอง”
           
          "ข้อแรกของทุนนิยมก็คือ  จงสร้างผู้บริโภค”
 
          *ดินแดนขณะที่โลกกำลังเยียวยาตนเอง
 
          “วิวัฒนาการสร้างอารยธรรมขึ้นมาเพื่อรับใช้โลกแต่ครั้นเวลาล่วงไปสิบศตวรรษ  ผู้รับใช้กลับเหิมเกริมเหนื่อวิวัฒนาการ  มันมิได้เป็นผู้เกื้อหนุนอีกต่อไป  แต่กลายเป็นผู้ทำลาย  มันไม่ได้ช่วยเยียวยา  กลับกอบโกยเอาแต่ประโยชน์  ดังนั้นวิวัฒนาการจึงถอดถอนของขวัญของมันคืนไป  ทำให้อารยธรรมสูญสิ้นและกอบกู้โลกไว้จากความฉลาดหลักแหลม  เพื่อส่งมอบความรักให้แทน”
 
          “วัฒนธรรมอันสูงส่งที่แสดงตัวออกมาในหลายๆ รูป  เป็นสังคมที่เราได้รับการประทานมานั้นท้ายที่สุดมันกลับตกลงไปในหลุมพราง  เพราะความละโมบและสายตาอันคับแคบของมันสิ่งนี้เองได้รุกทำลายป่าให้ราบลงเป็นทะเลทราย  สูบเอาวิญญาณของแผ่นดินไปหมด  เหลือเพียงหลุมระเบิดและขยะ  ทำให้อากาศและมหาสมุทรคละคลุ้งเปรอะเปื้อน  อบโลกไว้ด้วยรังสีและสารพิษ  มันได้ขุดเอาความสมบูรณ์มั่งคั่งไปจากผืนดิน  เพื่อประโยชน์แก่คนส่วนน้อย  ทิ้งงานมากมายไว้ให้แก่คนหมู่มาก  และกลายเป็นหลุมฝังศพแก่ผู้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน”
 
          “ความเป็นมนุษย์คือการเปล่งประกายของชีวิตคือแสงอันจรัสที่นำรักไปยังมิติใดๆ ความเป็นมนุษย์มิใช่ความหมายในเชิงกายภาพ  แต่คือเป้าหมายแห่งจิตวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่เราได้รับมอบมา  แต่เป็นสิ่งที่เกิดจากการกระทำของเรา”
 
          “ถ้าเธอรักใคร  แล้วรู้ว่าถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องเรียนรู้และเติบโต  เธอย่อมจะให้อิสระแก่เขา”
 
          “เคยไหมที่เธอรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับโลก  หนึ่งเดียวกับจักรวาล  และทุกๆ สิ่งที่เป็น  ทุกๆ สิ่งที่เธอเอาชนะได้ด้วยความรัก...สิ่งนั้นคือสัจจะ”
 
          ...แต่ในโลกทุกวันนี้มนุษยชาติกำลังหลงทาง  พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับความเกลียดชังและการแสวงหาอำนาจ  พวกเขาเอาเปรียบโลกเพื่อประโยชน์อันคับแคบของตนเอง  ทุกอย่างยังดำเนินต่อไปโดยไม่มีใครมองเห็นอรุณรุ่ง  ถึงแม้ดวงรวียังคงฉายแสงอยู่ที่นั่นอย่างสม่ำเสมอ  แต่ผู้คนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย
 
          “ปาฏิหาริย์ไม่ใช่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกได้เสมอไป  ความเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นจากฟั่นเชือกฟั่นแรกที่เริ่มบิดเกลียว”
 
          *พบตัวตนของริชาร์ดกับเลสลี่ในวัยชรา
 
          “หมั่นไตร่ตรองว่าอยากทำสิ่งนี้จริงๆ หรือเปล่า  มันไม่สำคัญหรอกว่าเราจะทำอะไร  สำคัญที่ว่าเราอยากทำมันจริงๆ หรือเปล่า”
 
          “ฉันภูมิใจในตัวเองไหม  ฉันทุ่มเททั้งชีวิตเพียงเพื่อมาเป็นคนคนนี้ที่ฉันกำลังเป็นอยู่  มันคุ้มค่ากันไหมกับสิ่งที่เสียไป”
 
          “อย่ามัวเสียเวลาคิดถึงอดีตที่เราไม่ได้ทำอยู่เลย  ทำไมไม่คิดถึงสิ่งที่เราน่าจะทำได้ล่ะ”
 
          **
 
          “รูปแบบเป็นเรื่องของจิต  แต่หนทางเป็นเรื่องของวิญญาณ  จงนำทางตัวเธอไปด้วยความรัก”
 
          การได้อ่านหนังสือเล่มนี้ช่วยให้เรามองเห็นแง่มุมของชีวิตในลักษณะต่างๆ ผ่านการเดินทางของริชาร์ด บาก กับ เลสลี่ ผู้เป็นภรรยา ณ.มิติแห่งกาละและเทศะดินแดนจินตนาการอันไร้ขอบเขต  ทุกอย่างกลายเป็นหนึ่งเดียวเพียงแต่อยู่คนละกาละและเทศะ  ทุกๆ เหตุการณ์มีโอกาสเป็นไปได้ภายใต้กาละและเทศะ  ได้เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน  ที่ไม่มีอดีต  ไม่มีอนาคต  มีแต่ขณะนี้  มีทางเลือกอย่างไม่รู้จบให้เลือกเดิน  ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกของริชาร์ดหนุ่มและเลสลี่สาวที่บางทีพวกเขาอาจเลือกหนทางที่แค่เป็นเพื่อนกัน  เลสลี่ในวัยเด็กที่เลือกหนทางแห่งความยากลำบากเพียงเพื่อจะได้เป็นนักดนตรีผู้มีชื่อเสียงแทนการเป็นนางแบบนักแสดงอย่างหนทางที่เลสลี่ณ.ขณะนี้เลือก  ริชาร์ดผู้เป็นนักบินแห่งกองทัพอากาศที่ตกอยู่ภายใต้คำสั่ง  และกาละที่ไม่มีสงครามการสู้รบเพราะพวกเขาแปรเปลี่ยนมันเป็นเกมส์กีฬา  หรือเมื่อคุณเจอผู้ส่งมอบคัมภีร์หน้ากระดาษคุณจะทำอย่างไรกับสิ่งที่คุณได้มา
 
          คุณจะส่งมอบให้กับโลกหรือเก็บมันไว้คนเดียว?
          คุณจะปกป้องหน้ากระดาษนี้ไหม?
          คุณยินยอมให้ใครแก้ไขอย่างไรก็ได้ในส่วนที่พวกเขาไม่เข้าใจไหม?
 
          ...มีหลักการหลายอย่างที่สำคัญกว่าชีวิต  แนวคิดบางอย่างมีคุณค่าสูงพอที่เราจะสละชีวิตเพื่อรักษามันไว้...นั่นคือจุดเริ่มของสงครามคัมภีร์หน้ากระดาษ
          ...มอบคัมภีร์ต่อโลกสิ  เพื่อจะได้มีศาสนาอันทรงพลัง  ศาสนาใหม่ขึ้นในโลก  มีสาวกและผู้ศรัทธา  มีพวกเราและพวกมัน  และฝ่ายหนึ่งเข่นฆ่าอีกฝ่ายหนึ่ง  ในช่วงเวลายาวนานนับศตวรรษผู้คนนับล้านจะล้มตายเพื่อถ้อยคำที่เราครอบครองอยู่ในมือ  และกินเวลาต่อไปอีกยาวนานหลายพันปีหลายล้านหลายสิบล้านปี  ทั้งหมดนี้ก็เพื่อ “หน้ากระดาษ”
 
          ในหนังสือเล่มนี้อธิบายไว้เพื่อความเข้าใจว่า...เมื่อเราบินสูงขึ้นเราจะมีทัศนวิสัยกว้าง  เราจะเห็นทุกทางเลือกทุกทางแยก  และทุกๆ ทางที่ตัดกัน  แต่ยิ่งเราบินต่ำลงเท่าใดเราก็จะยิ่งสูญเสียทัศนวิสัยไปมากเท่านั้น  และเมื่อเราลงจอด  ทัศนวิสัยของเราที่มองเห็นทางเลือกอื่นๆ ก็จะมลายหายไป  เราจะเห็นแต่ในรายละเอียดแต่ละชั่วโมงแต่ละนาทีของทางเลือกที่เราเลือก  ช่วงชีวิตที่เลือกได้ของเราสูญสิ้นไปแล้ว
 
          หรืออีกอย่างก็คือเหมือนกับโทรทัศน์ที่มีหลากหลายช่องกำลังออกอากาศอยู่  ทุกช่องดำเนินไปพร้อมๆ กัน  แม้เราไม่ได้ดูอยู่  แต่เมื่อเราเลือกดูช่องใดช่องหนึ่งเท่ากับกาละของเราโฟกัสอยู่ตรงส่วนนั้น  เราเลือกหนทางในกาละนั้นอย่างนี้เป็นต้น
 
          คือหนึ่งเป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งในจำนวนหลายๆ เล่มที่อยู่ในความทรงจำของฉัน  ในหนังสือเล่มนี้มีหลายสิ่งอย่างที่นำมาคิดมาใคร่ครวญเป็นประโยชน์สำหรับการดำเนินชีวิต  เราเคยเลือกหนทางที่ผิดพลาดบ้างไหมในชีวิต  เราเคยละทิ้งโอกาสบางโอกาสไปบ้างไหม  เราอาจไม่มีโอกาสไปพบตัวตนอื่นของเราเช่นริชาร์ดและเลสลี่เพื่อบอกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  เพื่อหยุดยั้งการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา  ที่ทำได้ก็เพียงแค่ทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง
 
          หวังว่าแง่คิดข้อคิดจากหนังสือเล่มนี้จะเป็นหนทางชี้นำแก่ใครสักคนที่อ่าน  พบเห็นถ้อยคำที่มีความหมายสำหรับตัวเองเช่นที่ฉันค้นพบจากมันค่ะ  มีความสุขกับการอ่านค่ะ
 
 by ผู้แบ่งปันจินตนาการ.

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา