Break The Nazca : ปล้นอัจฉริยะ ข้าไม่ใช่ " คิระ "

-

เขียนโดย Wonderboyz

วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 22.38 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  3,701 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 23.16 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ณ ประเทศญี่ปุ่น ย่านชินจูกุ เวลา 21.20 น. เกิดการปล้นธนาคารขึ้น ซึ่งกลุ่มคนที่มาปล้นนั้นใส่

หน้ากาก "หมี" แถมเรียกกลุ่มของตนว่า "Teddy Bears"

"ยกมือขึ้น...!ถ้า ยังอยากกลับบ้านไปซบอกเมียอยู่...!ฮึๆๆ"Big Teddy หัวหน้ากลุ่มพูดพร้อม

กับยิงปืนขู่คนในธนาคาร

"ส่งของมีค่ามาให้หมด..!เร็วเข้า..!"สมาชิกหนึ่งในกลุ่ม Teddy ตะโกนบอกคนในธนาคาร

พร้อมกับเล็งปืนไปหาพนักงานของธนาคาร

ในขณะนั้นเอง เสียงประกาศตามสายของธนาคารก็ดังขึ้น แต่ผู้ที่พูดในเสียงประกาศตามสายกลับ

เป็นชายลึกลับ ชายคนดังกล่าวพูดด้วยน้ำเสียงสนุกสนานแฝงความเย็นชาขึ้นมาว่า

"สมาชิกกลุ่ม"Teddy Bears"โปรดทราบ ขณะนี้พวกนายโดนรุกฆาตแล้ว..."พอเสียงประกาศ

จบลง หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม"Teddy Bears"คนหนึ่ง ก็พูดด้วยนำเสียงท้าทายขึ้นว่า

"แกเป็นใครว่ะ...!แน่จริงก็ออกมาสิ..!"พอชายผู้นี้พูดจบก็ สาดกระสุนขึ้นไปบนเพดาน

แต่ทว่า ชายผู้นั้นก็ลั่นไกด์ใส่ศีรษะตนเอง ทำให้สมาชิกเหล่า"Teddy Bears"ตกตะลึงกับภาพ

ที่เห็น Big Teddy จึงรีบไปที่ห้องเก็บเงิน พอเปิดประตูเข้ามาดูก็พบว่า เงินในห้องเก็บเงินของ

ธนาคารได้หายไปเหลือไว้แต่เพียงเศษเงิน 10 เยน กับกระดาษที่มีข้อความเขียนไว้ เมื่อ Big

Teddy เปิดอ่านข้อความซึ่งข้อความเขียนไว้ว่า "ฉันขอรับเงินไปล่ะนะคุณหมี ตอนนี้นายแพ้

แล้ว...จาก Nazca" Big Teddy อ่านข้อความจบก็ หันปากกระบอกปืนไปหาสมาชิกในกลุ่ม

และลั่นใส่สมาชิกทุกคนในกลุ่ม แล้วจึงยิงตัวตายตาม....

ในห้องโถงมืดห้องหนึ่ง ซึ่งมีแต่แสงไฟจากจอมอนิเตอร์ของกล้องวงจรปิดจากธนาคาร ส่องสว่าง

อยู่จุดเดียวของห้อง ในความมืดชายหนุ่มผู้นั่งอยู่หลังจอมอนิเตอร์กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูน

Death Note เล่ม 1 อยู่ ก็พูดด้วยน้ำเสียงสนุกสนานขึ้นมาว่า

“อื้ม....เรื่องพึ่งเริ่มต้นเองเหรอ...แต่เอาเถอะยังไงชั้นก็ไม่ใช่คิระแล้วกัน...”ชายหนุ่มพูดจบก็

อ่านการ์ตูนต่อ

วันต่อมา เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามายังร้านขายของหวานที่ชื่อ“Sweet Candy

Chocolate”แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า

“ฮานะ...อรุณสวัสดิ์นะ...ขอกาแฟ กับไอศกรีมช็อคโกแลตนะ..”เด็กหนุ่มบอกฮานะพร้อมกับ

อ่านการ์ตูน Death Note ฮานะจึงตอบด้วยน้ำเสียงหวานๆเหมือนดังขนมหวานว่า

“เธอนี่สั่งเหมือนเดิมทุกอย่างเลยนะ..ยูตะ..ไม่เบื่อมั้งเหรอ..?”ยูตะ ซึ่งเป็นชื่อของเด็กหนุ่ม ก็

ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาแฝงความหวานไปว่า

“ไม่เบื่อหรอก...เพราะเจ้าของร้านออกจากหน้าหวาน แถมเสียงหวานยังงี้..”ยูตะพูดจบก็หันมา

ยิ้มให้ฮานะ แล้วก็หันกลับไปอ่านการ์ตูนต่อ พอของที่สั่งมาถึง ยูตะไม่รอช้ารีบหยิบน้ำตาลก้อน

ใส่ลงไปในกาแฟหลายต่อหลายก้อน จนฮานะห้ามขึ้นว่า

“พอได้แล้ว ยูตะ เดี๋ยวก็กินไม่ได้กันพอดี..”ยูตะได้ยินดังนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงตลกเล็กๆขึ้นว่า

“ฮ่ะๆ..ไม่เป็นไรหรอกน้ำตาลเป็นของโปรดของ L และก็ของฉันด้วย..เธอพูดยังงี้เป็นห่วงฉัน

เหรอ..”ฮานะได้ฟังยูตะพูด ก็รู้สึกเขินอายจนหน้าแดง ยูตะไม่รอช้ารีบทานไอศกรีมก่อนจนหมด

แล้วหันไปถามฮานะว่า

“เธอได้ยินข่าวเรื่อง กลุ่ม Teddy Bears ปล้นธนาคารเมื่อคืนไหม..?”ฮานะจึงตอบด้วยน้ำเสียง

กลัวนิดๆว่า “อื้ม...แต่ ทำไมพวกนั้นถึงฆ่ากันเองก็ไม่รู้สิ..”ยูตะได้ยินดังนั้นจึงรีบ บอกฮานะว่า

“ฉันขอตัวก่อนนะ...”แล้วยูตะก็วางเงินไว้บนโต๊ะ พร้อมกับเดินออกไปนอกร้าน ฮานะเห็นดังนั้นก็

พูดด้วยน้ำเสียงหวานเช่นเคยขึ้นว่า

“เป็นอะไรของเขานะ...ชอบทำตัวแปลกๆอยู่เรื่อยเลย...ฮ่ะๆๆ...”ฮานะพูดจบก็ยกจานไปทำ

ความสะอาด

ในขณะเดียวกัน ยูตะซึ่งกำลังเดินกลับจากร้านของฮานะ ก็มีอันธพาลคนหนึ่งเดินมาชนใส่ยูตะจน

ช็อคโกแลตที่ซื้อมาระหว่างทางตก แล้วก็ไม่ขอโทษซะด้วย ยูตะจึงโกรธมาก... เลยตะโกนด้วย

ความโกรธขึ้นว่า

“ไอ้สวะสังคม...ตายซะเถอะแก..!”แล้วยูตะก็ต่อยอันธพาลคนดังกล่าวซะเติมแรงพร้อมกับล็อค

แขนอันธพาลคนดังกล่าว ณ เวลานั้นเองตำรวจนายหนึ่ง ผ่านมาแถวนี้เห็นพอดีจึงเข้าไปห้าม

นายตำรวจคนดังกล่าวจึงถามยูตะขึ้นว่า

“ทำไมถึงไปทำร้ายเขาล่ะ...”ยูตะจึงตอบด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองขึ้นว่า “เจ้านั้นมาชนผม จน

ช็อคโกแลตผมหล่น แล้วก็ไม่ขอโทษผมซักคำ...”นายตำรวจได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขึ้นมา พร้อมกับ

พูดด้วยน้ำเสียงตลกนิดๆขึ้นมาว่า

“นายนี่...เด็กจังเลยนะ...ปล่อยเขาไปเถอะ แล้ว...เดี๋ยวไปซื้อช็อคโกแลตกัน”นายตำรวจบอกยู

ตะพร้อมกับยิ้มให้ยูตะ ยูตะจึงค่อยๆหายโกรธอันธพาลคนที่ชนตัวเอง แล้วก็ไปซื้อช็อคโกแลตกับ

นายตำรวจคนดังกล่าว ระหว่างทางยูตะถามนายตำรวจด้วยน้ำเสียงคุ้นเคยขึ้นว่า

“คุณตำรวจชื่ออะไรเหรอครับ..?”นายตำรวจจึงแนะนำตัวขึ้น“ฉันชื่อ..โซอิจิ โจจิ..แล้วนาย

ล่ะ..?”ยูตะจึงแนะนำตัวกลับว่า“ผมชื่อ นิโนบุยะ ยูตะ ครับ”ยูตะแนะนำตัวจบ ยูตะก็เอาการ์ตูน

Death Note ขึ้นมาอ่านต่อ

เมื่อโซอิจิเห็นยูตะอ่านการ์ตูน Death Note จึงถามยูตะขึ้นมาว่า“โตขึ้นอยากเป็นอะไรล่ะ..นิโน

บุยะคุง.?”ยูตะได้ยินคำถามก็รีบตอบทันทีว่า“ผมอยากเป็น นักสืบครับ”โซอิจิได้ฟังคำตอบนั้นก็

ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า“ฮ่ะๆๆ...ก็เลยชอบอ่านการ์ตูนแนวสืบสวนเนี่ยเหรอ..?”ยูตะ

ได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมกับตอบไปว่า

“ก็ใช่นะสิครับ...ถ้าผมไม่อยากเป็นนักสืบ ผมคงไม่อ่านแนวนี้หรอกครับ..ฮ่ะๆ”โซอิจิจึงพูดขึ้นมา

อีกว่า

“ฮ่ะๆๆๆ...นายนี่เข้าใจกวนประสาทนะ ปากกล้าพอสมควร สมแล้วที่อยากเป็นนักสืบน่ะ...ฮ่ะๆๆๆ”

เมื่อถึงร้านขายช็อคโกแลต ยูตะก็เข้าไปซื้อจนซื้อเสร็จ โซอิจิจึงถามยูตะขึ้นมาว่า“ให้ฉันไปส่ง

ไหม..?”ยูตะจึงตอบด้วยน้ำเสียงเกรงใจขึ้นมาว่า“ไม่เป็นไรหรอกครับ..ผมรบกวนคุณมากพอแล้ว

ล่ะครับ แล้วเจอกันนะครับ..”ยูตะโบกมือพร้อมกับยิ้มให้กับโซอิจิ
 

ค่ำวันเดียวกัน เวลา 23.48 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ธนาคารกำลังจะปิด และทุกครั้งจะมียามค่อยเดิน

ตรวจห้องเก็บเงินอยู่เสมอ แต่พอวันนี้ยามไปเดินตรวจห้องเก็บเงิน ก็พบว่าเงินได้หายไปอย่างไร้

ร่องรอย กลับพบกระดาษข้อความ ซึ่งมีข้อความอยู่ข้างในว่า“เงินส่วนนี้ฉันขอรับไว้ล่ะกันนะ...

 

จาก Nazca...”ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชื่อที่ปรากฎอยู่ในกระดาษข้อความในวันเกิดเหตุปล้นธนาคาร

ทำให้ทางกรมตำรวจมาเสาะหาหลักฐาน แต่กลับไม่พบหลักฐานอะไรเลย จนกลายเป็นข่าวใหญ่


 วันต่อมา การปล้นของ Nazca โดยไร้ร่องรอยกลายเป็นข่าวใหญ่ ซึ่งวันนี้ยูตะก็มาที่

ร้าน“Sweet

 

Candy Chocolate”ตามเคย ระหว่างทานไอศกรีมอยู่นั้น ฮานะก็ถามยูตะขึ้นว่า

“นี่...ยูตะ นายรู้เรื่องการปล้นที่เกิดขึ้นเมื่อคืนรึยัง..?”ยูตะที่ไอศกรีมยังเติมปากอยู่ก็ตอบทั้งอย่าง

นั้นว่า“อื้ม...อู้แอ้ว...อำไอเหออ..?[อื้ม...รู้แล้ว...ทำไมเหรอ..?]”ฮานะเห็นยูตะพูดทั้งที่ยัง

ไอศกรีมอยู่ในปากอยู่จึงบอกยูตะด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงแฝงความตลกนิดๆขึ้นว่า

“ทานให้หมดก่อน..แล้วค่อยพูด...รู้ไหม..ฮ่ะๆ”ยูตะจึงพูดขึ้นมาอีกว่า“รู้แล้วน่า...ยายขนม

หวาน”ฮานะได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเขินอายขึ้นว่า

“มะ..ไม่ต้องมาหวานเลยนะ...เดี๋ยวไม่ให้ทานน้ำตาลก้อนแล้ว..”

ยูตะจึงรีบพูดออกไปว่า

“อ่า...ไม่นะ..ฮานะ ฉันขอโทษ...”ฮานะเห็นดังนั้นก็ยิ้ม พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงตลกเล็กๆขึ้น

ว่า“ฮ่ะๆ..ฉันล้อเล่นน่ะ....”ยูตะเห็นฮานะยิ้มอย่างนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแฝงความเศร้าขึ้นว่า

“ฉันเห็นฮานะยิ้มได้ฉันก็พอใจแล้ว...เพราะฉันไม่เหลือใครที่จะยิ้มให้ฉันดูอีกแล้ว”

ฮานะได้ยินดังนั้น ก็คิดถึงอดีตที่ยูตะมีน้องสาวชื่อยูกิ ซึ่งหายตัวไปตอนพ่อแม่ของยูตะเสีย ใน

ขณะนั้นเอง

โซอิจิที่ผ่านมาแถวนี้พอดี ก็เข้ามาในร้านของฮานะพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงคาดไว้แล้วว่า

“ฉันนึกแล้ว..ว่า นายต้องอยู่ที่นี่ นิโนบุยะคุง”ยูตะได้ยินดังนั้นก็หันไปหาโซอิจิ แล้วทักขึ้นว่า

“อ่าว...คุณโซอิจิ สวัสดีครับ...”ยูตะทักเสร็จก็ดื่มกาแฟที่ใส่น้ำตาลหลายสิบก้อน พร้อมกับอ่าน

การ์ตูน Death Note ต่อ ฮานะจึงถามโซอิจิตามมารยาทของพนักงานร้านว่า

“จะรับอะไรไหมค่ะ..?”โซอิจิก็ตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงขึ้นว่า“เอ่อ...เอาเป็นกาแฟ ล่ะกัน”พอโซอิ

จิพูดจบ ฮานะก็รีบไปชงกาแฟทันที ยูตะจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแฝงความมั่นใจขึ้นว่า

“คุณโซอิจิครับ...ผมขอลองไปทีสถานนีของคุณได้ไหมครับ..?”โซอิจิจึงพูดด้วยน้ำเสียงตลก

นิดๆขึ้นว่า

“ก็ไปสิ...ไม่ได้มีใครห้ามซะหน่อย..”ยูตะจึงพูดกวนประสาทขึ้นมาอีกว่า

“นั้นสินะ...งั้นผมจะไปตอนตี2 จะมีใครเปิดประตูให้ผมไหมเอ่ย..”โซอิจิได้ยินดังนั้นก็หัวเราะขึ้น

มาแล้วพูดขึ้นว่า“ฮ่าๆๆ...!ยังคงปากกล้า เหมือนเคยนะ..นิโนบุยะคุง”เมื่อ กาแฟเสร็จ ฮานะก็นำ

มาเสริฟให้กับโซอิจิ

โซอิจิไม่รอช้า พอกาแฟมาก็รีบยกจิบจนหมด ก็พูดขึ้นมาว่า“พร้อมจะไปกันรึยัง..?นิโนบุยะคุง”ยู

ตะจึงรีบตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า“ผมพร้อมตั้งแต่ไหน แต่ไรแล้วล่ะครับ เนอะฮานะ”ยูตะ

พูดจบก็ยิ้มให้ฮานะ ฮานะพูดด้วยน้ำเสียงไม่รู้เรื่องขึ้นมาว่า“ฮึ...ฉันเกี่ยวไรด้วยล่ะ..?”ยูตะจึงรีบ

พูดขึ้นว่า“ช่างมันเถอะ...งั้นฉันไปก่อนนะ...”

ยูตะพูดจบก็เดินออกไปนั่งบนรถตำรวจของโซอิจิ โซอิจิไม่รอช้ารีบวางเงินค่ากาแฟ แล้วออกไป

ที่รถ พร้อมกับขับตรงไปยังสถานีทันที ระหว่างทางโซอิจิถามยูตะขึ้นมาว่า“นายคิดยังไงมาสถาน

นีล่ะ..?”ยูตะจึงตอบอย่างเย็นชาไปว่า“ผมจะมาศึกษาคดีน่ะครับ”โซอิจิได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้าง พอ

ถึงสถานนีตำรวจ ยูตะก็ตรงตามโซอิจิเข้าไปในสถานนีโดยทันที เมื่อเข้ามา ยูตะก็รีบวิ่งไปที่ห้อง

เก็บแฟ้มคดีทันที ยูตะยกแฟ้มคดีแล้วคดี เล่าขึ้นมาอ่านอย่างรวดเร็วแต่ตั้งใจ จนหมดตู้แฟ้มภาย

ในเวลาอันสั้น ยูตะก็ยังไม่หยุด รีบวิ่งไปในห้องทำงานของโซอิจิ พร้อมกับสังเกตบอร์ดคดีที่เดิน

ผ่าน และการทำงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อมาถึงห้องของโซอิจิ ยูตะก็รีบมานั่งที่โต๊ะเอกสารของโซอิ

จิ จนโซอิจิถามว่า“เฮ้...นิโนบุยะคุง ใจเย็นๆก็ได้”โซอิจิพูดจบก็ยิ้มขึ้นมาไม่หยุด ยูตะที่เอาแต่

นั่งค้นแฟ้มคดีต่างๆที่เกิดขึ้นภายในเมือง จนไปพบแฟ้มหนึ่ง ซึ่งเป็นแฟ้มคดี เมื่อ 10 ปีก่อน ใน

แฟ้มคดีบันทึกไว้ว่า “คดีจลาจลกลางย่านชินจูกู มีผู้เสียชีวิต 28 ราย บาดเจ็บ 10 ราย” ยูตะจึง

หลั่งน้ำตาออกมา โซอิจิจึงถามด้วยความเป็นห่วงขึ้นมาว่า “เฮ้...เกิดอะไรขึ้นเหรอ.นิโนบุยะ

คุง...”ยูตะเช็ดน้ำตาแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนขึ้นว่า

“ในคดีนี้ 2 คนในผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็น พ่อกับแม่ของผมเอง และน้องสาวของผมก็หายตัวไปใน

คดีนี้ด้วย...”โซอิจิที่เห็นสีหน้าจริงจังแฝงความเศร้าของยูตะแล้วก็เลยพูดขึ้นว่า

“ไม่เป็นไรหรอกนะ..นิโนบุยะคุง เพราะใครๆก็มีอดีตอันเลวร้ายด้วยกันทั้งนั้น ฉันก็มี...”โซอิจิจึง

พูดต่อไปอีกว่า

“แต่ถ้า เราคิดว่ามันเป็นแค่อดีต และคิดว่าเรายังมีวันพรุ่งนี้ก็จงสู้ต่อไป…!”ยูตะฟังคำที่โซอิจิพูดก็

บอกโซอิจิไปว่า “ผมต้องกลับก่อนนะครับ...แล้วเจอกันนะครับ..”ยูตะพูดจบก็เดินออกไปจาก

ห้องของโซอิจิ แล้วพึมพำขึ้นมาว่า “ถึงเวลาแล้วล่ะ…”
 


ในคืนนั้นเอง Nazca โทรไปนัดอาชญากรทุกคนในชินจูกูมางานเลี้ยงบนดาดฟ้าตึกๆหนึ่งใจ

กลางเมืองชินจูกู ซึ่ง Nazca บอกเหล่าอาชญากรว่า ถ้ามางานเลี้ยงหลังเลิกงานจะเอาเงินแจก

ให้คนละ หนึ่งล้านเยน อาชญากรส่วนมากในเมืองจึงมากัน พองานเลี้ยงใกล้จะเริ่มอาชญากรคน

หนึ่งก็พูดขึ้นว่า

“สุดยอดเลยว่ะ...เจ้า Nazca อะไรนั้น...มันจะแจกตังค์พวกเราคนละล้านเยนเลยนะ แกว่าสุด

ยอดไหม..?”อาชญษกรอีกคนหนึ่งจึงตอบไปว่า

“นั้นสิๆ..”พองานเลี้ยงเริ่มอาชญากรทุกคนขึ้นมาบนดาดฟ้าตึกที่มีงานเลี้ยง เมื่อเหล่าอาชญากร

ขึ้นมาก็พบกับกองเงินที่วางอยู่รอบๆ ก็ถึงกับอึ้ง Nazca ซึ่งวันนี้ก็ใส่หน้ากากมา เพื่อจะได้ไม่มี

ใครเห็นหน้า ก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า “เต็มที่กันเลยนะ..!!” พอต่างคนต่างฉลอง Nazca

ที่กำลังนั่งอ่านหนังอ่านการ์ตูน Death Note อยู่ที่โต๊ะทำงานมุมตึก ก็เริ่มกดระเบิด ทำให้ระเบิด

ที่ซ่อนอยู่ในกองเงินทำงาน จนเกิดระเบิดขึ้นในที่สุด ค่ำคืนนั้นทุกคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์

ระเบิดที่ออกข่าวในค่ำคืนนั้น
 


พอรุ่งเช้า ยูตะก็หายตัวไปอย่างลึกลับทิ้งไว้ แต่จดหมายที่เขียนให้กับฮานะ และโซอิจิเท่านั้น ซึ่ง

เนื้อหาในจดหมายมีอยู่ว่า “ลาก่อนนะ...ทุกคนผมคงต้องเดินทางไกล หรือผมอาจจะไม่กลับมา

อีกแล้วขอให้ฮานะและคุณโซอิจิดูแลสุขภาพนะครับ ผมรักฮานะ และคุณโซอิจินะครับ รัก...นิโน

บุยะ ยูตะ...”
 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา