Dragon tear ผจญภัยสุดขอบฟ้าฝ่าเซียนเทพ
เขียนโดย api3api
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.09 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556 22.22 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
15) บทสุดท้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเซียงหลันเหาะออกมาจากก้นเขาตามแรงดาบนางกำลังเห็นการต่อสู้ที่แสนน่ากลัว ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเทฆฟ้าผ่า พายุหมุนขนาดใหญ่เกิดขึ้นทุกพื้นที่ราวกับโลกจะสลาย
เหมยลี่กับเต้าซื่อผลัดกันรุกเมฆาอัคคีอย่างดุเดือด
"ข้าจะดูว่าพลองเหล็กนั่นจะรองรับพลังมหาศาลของต้ากงอ้วงได้แค่ใหน"
มารร้ายกระหน่ำฟันดาบมายังเต้าซื่อไม่ยั้ง ยังดีที่เหมยลี่พัดพายุสลัดออกมาได้
ทั้งสามหอบเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด
"หว่อหลงกุนเจ็บใจรึไงที่เพื่อนถูกฆ่า บ้าคลั่งขนาดนี้ระวังแม่นางคนนั้นแขนขาดเอานะ"
[ไม่กำจัดเจ้าก็ไม่สิ้นภัยข้าคงออมมือไม่ได้ เหมยลี่ต้องเข้าใจ]
เหมยลี่ยิ้มหลบอาการเจ็บปวดที่แขนสองข้างนางกำพัดแน่นเหมือนกลัวหลุดมือ
"เอาเลยพัดจ๋า แค่นี้ไม่เท่าไรหรอก"
ทางด้านเต้าซื่อสำรวจดูพลองเหล็กปรากฎว่าแบกรับพลังของต้ากงอ้วงไม่ไหวจึงเริ่มปริแตก
แต่ที่แน่นอนกว่านั้นความรู้สึกเริ่มพุ่งกลับมาที่อาวุธน้ำตามังกร
"เป็นอะไรไปดาบสุริยัน"
มารร้ายเริ่มรู้สึกผิดปกติ
[พลังของข้ากำลังหายไป คัมภีร์ถูกทำลายแล้ว]
"ว่ายังไงนะ"
มารร้ายกัดฟันกรอดวิ่งพุ่งเข้าหาเหมยลี่กับเต้าซื่อ
"พวกบ้าตายซะเถอะ"
พลังมหาศาลจากดาบถูกรีดออกมาในคราเดียวมันเป็นเพลิงขนาดมหึมา
เหมยลี่กับเต้าซื่อที่ไร้แรงต้านยืนตะลึงรอหายนะ แต่ทันใดนั้นแสงสว่างวงกลมขนาดใหญ่ก็คลุรอบตัวเมฆาอัคคี
"อะไรกันนี่ อี้ผิง เป็นไปไม่ได้"
มารร้ายตกใจระคนประหลาดใจที่เห็นอี้ผิงเดินเปิดเผยตัวออกมาพร้อมลูกแก้วหยั่งรู้
"ข้ารู้ว่าเจ้าต้องเล็งทำลายอาวุธข้าก่อนแน่ จึงให้หลินหลินแบ่งร่างไว้ตบตาเจ้า"
เมฆาอัคคีขยับตัวไม่ได้เนื่องจากหลินหลินหยุดเวลาเขาไว้จึงได้แต่มองดู
"ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธที่เจ้ากลัวมากที่สุดอยู่ที่นี่แล้ว " อี้ผิงดึงเซียงหลันมาต่อหน้า
"อย่าบอกนะว่านั่นคือ..."
[ใช่ข้าคือกระบี่ฆ่าเซียน]
สิ้นเสียงเซียงหลันก็แทงเมฆาอัคคีเข้าที่หัวใจ แต่เนื่องด้วย พลังของอาวุธกำลังสูญหาย
เมฆาอัคคีจึงเหลือแรงอาละวาดไม่ตายสนิท
เต้าซื่อมายืนขวางหน้ามารร้ายที่ไกล้ตายเขาถือพลองเหล็กที่มีวิญยานของต้ากงอ้วงอยู่ข้างใน
"ลาก่อนพี่ชายข้า"
เต้าซื่อแทงพลองเหล็กซ้ำรอยแผลของดาบ เมฆาอัคคีสิ้นใจทันที พลองเหล็กกับร่างของมารร้ายร่วงลงสู่ก้นเหวลึก
"ลาก่อนต้ากงอ้วง"
คำลาสั้นๆแต่แฝงด้วยความหมาย เมื่อจบเรื่องไม่นานเอ้อหลันก็ออกมาจากถ้ำโดยเฉินโจวประคองออกมา
ทุกคนกำลังล่ำลาส่งวิญญานอาวุธขึ้นสู่สวรรค์
[เหมยลี่ข้าต้องไปแล้วล่ะต่อไปรักษาสุขภาพด้วย ข้าสนุกมาก]
เหมยลี่พยักหน้ารับทราบพัดก็สลายเป็นแสงปลิวขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทางด้านอี้ผิงก็ร้องให้ฟูมฟายที่ลูกแก้วหายไป เต้าซื่อก็ดึงนางมากอดไว้
"ข้ารู้ที่เจ้าเสียใจคือเจ้าต้องกลับมาเป็นผู้ใหญ่อีกครั้ง แต่อย่าห่วงเลยข้าจะอยู่ข้างเจ้า"
ทั้งสองตกลงจะเดินทางด้วยกัน ทำเอาเซียงหลันน้ำตาซึม
"ข้ารู้ว่านั่นไม่ใช่ต้ากงอ้วงแต่ก็เสียใจนิดๆนะ"
เซียงหลันที่กลับเป็นเด็กพูดกับเอ้อหลันที่ยืนมองแสงสีทองสี่สายที่ลอยขึ้นฟ้า
เอ้อหลันยิ้มแห้งๆ นางแหงนหน้าขึ้นฟ้ามองดูแสงสีทองอีกครั้ง
"ลาก่อนต้ากงอ้วง"
นางหันหลังเดินไปหาเฉินโจวแต่ไม่วายหันมามองคู่เต้าซื่อกับอี้ผิงที่ยืนกอดกัน นางนั่งยองยองเอามือปาดน้ำตา
"ฮือ ฮือ ฮือ"
ภาพความหลัง ทั้งเรื่องชอบไม่ชอบมากมายผุดขึ้นมา นางร้องให้เป็นเวลานานให้กับมัน............................
'''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''
ผ่านไปห้าปี สงครามยังคงคุกกรุ่น แต่ชีวิตของชาวเมืองเริ่มดีขึ้นจากการ ประกาศรวมสามก๊กเป็นแผ่นดินใหญ่ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน สงครามลดลง แม้ไม่มาก ความสงบสุขเริ่มเข้ามาบ้าง
วันนี้ชาวเมืองแตกตื่นเนื่องจากการประลองยุทธของจอมยุทธชายหญิง
จอมยุทธชายตาบอดข้างหนึ่ง ยืนกอดอกมั่นอยู่บนประตู กับจอมยุทธหญิงใช้พัดที่ยืนบนประตูอีกฟาก
"ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่ได้รักเจ้า
และเจ้าก็ชนะข้าไม่ได้หรอก"
"ท่านรับปากข้าแล้วว่าจะรับรักข้าหากข้าชนะท่าน ต่อให้แพ้กี่ครั้งข้าก็ไม่ยอมถอยหรอก"
เฮ เสียงชาวเมืองเชียร์นางมากมาย วันนี้คงเป็นวันลำบากของจอมยุทธหนุ่มแน่แล้ว
ห่างไปหลายสิบลี้ที่หมู่บ้านเล็กๆได้มีคำล่ำลือถึงคนทรงเจ้าที่งดงาม วันนี้คนมาดูหมอมากมายจนแน่นขนัด
"ข้าเหนื่อยจังท่านพี่ รับหน้าแทนข้าด้วย"
"อะไรกันเจ้าจะไปใหน"
คนทรงยิ้มหวานก่อนจะสะพายกระบี่กับสัมภาระขึ้นหลัง
ผ่านมาอีกสองอาทิตย์ที่เขาเทียนซันบริเวณหน้าผาแห่งหนึ่ง มีก้อนหินศักการะที่มีเหล้ากับขนมวางอยู่โดยสตรีสองนาง
"วันนั้นเจ้าเห็นเหมือนข้าใช่ใหม"
"ใช่แล้ว พี่ท่านก็สังเกตุด้วย"
"ข้าเชื่อเช่นนั้นต่างหาก"
นางเอาเหล้าเทลงหน้าผาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง
ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีที่แล้วในถ้ำนั้นนางได้เลือกให้เจ้าแม่กวนอิมทำลายคัมภีร์และวิญานในอาวุธต้องกลับสู่สวรรค์วันนั้นเจ้าแม่กวนอิมได้กล่าวว่า
"มีวิญญานดวงนึงนอกเนือความคาดหมายของข้า เค้าจะไม่ได้กลับสวรรค์ หวังว่าคงตรงใจเจ้า"
นางหลับตานึกถึงอดีตแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยใบหน้าทีงดงามใจนางตอนนี้เปี่ยมด้วยความหวังแม้จะผ่านไปนานแค่ใน สองนางเดินจากเหวไปเวลาพลบค่ำกลับที่พัก
สาวน้อยมองดูแผ่นหลังของสาวเต็มวัยที่งดงาม
"เราจะได้เจอเขาอีกใหม"
คำถามนี้คนที่อยู่ข้างยิ้มสดใสแม้จะตอบได้ไม่เต็มปากแต่นางก็เลือกที่จะพูดคำที่ตรงกับใจ
"หากเขาไม่โง่จนเกินไปนัก"
แม้จะเป็นคำตอบที่คลุมเครือแต่ทั้งสองก็ยิ้มให้กับมัน
ผ่านมาอีกหลายปีแผ่นดินจีนสงบสุข จิ๋นซีฮ่องเต้รวมแผ่นดินจีนสำเร็จ
สงครามลดน้อยลงมาก ยุทธภพสงบสุขการค้าค้าขายนำมาซึ่งความเจริญ ผู้คนลืมเรื่อง คัมภีร์สวรรค์และอาวุธปิศาจไปสิ้น กาลเวลาเปลี่ยนไปใจคนเปลี่ยนตาม แม้วันนี้ไม่มีอาวุธปิศาจ ผู้คนยังเข่นฆ่ากันยังมีให้เห็นต่อไป
----------------จบบริบูรณ์-----------------
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ