กามเทพน้อยสื่อรัก ตอน วุ่นรักคุณอา
เขียนโดย ณัทนที
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 00.39 น.
แก้ไขเมื่อ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 02.00 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) เมื่อเด็กน้อยไปฉีดวัคซีน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“คุณณภนต์ค่ะ ฉันพิมพ์กานต์นะคะ”
“มีอะไร ลูกนัทเป็นอะไรรึป่าว”
“พรุ่งนี้ฉันจะพาลูกนัทไปฉีดวัคซีน แล้วก็ตรวจสุขภาพค่ะ เลยโทรมาบอกคุณ”
“กี่โมงล่ะ”
“สิบโมงค่ะ”
“อืม พรุ่งนี้ผมว่างพอดีเดี๋ยวผมไปด้วยแล้วกันนะ”
“คะ?”
“ผมจะไปด้วยไง คุณนี่ทำไมไม่เข้าใจที่ผมพูดหรอ”
“อ๋อ เข้าใจค่ะ” (ทำไมต้องทำเสียงดุด้วยเนี้ย)
“แค่นี้นะ ผมต้องทำงาน”
“ค่ะ”
“พรุ่งนี้คุณอาสุดหล่อของหนูจะไปส่งเราที่โรงพยาบาลด้วยนะลูกนัท ดีใจมั้ยเอ่ย” พิมพ์กานต์พูดกับเด็กน้อยในอ้อมแขนที่กำลังหลับปุ๋ย
สายวันต่อมา
“ปริ๊น ๆ” เสียงแตรรถของณภนต์ดังอยู่หน้าร้านพิมพ์กานต์
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว” พิมพ์กานต์ส่งเสียงมาแต่ไกล
ณภนต์เดินมารับตะกร้าของใช้ของลูกนัทไปวางไว้เบาะหลัง แล้วเดินมาเปิดประตูรถให้พิมพ์กานต์ ตาลกับตองพนักงานร้านเบเกอร์รี่แอบมองอยู่ก็พากันอมยิ้ม
“คุณทานอะไรมารึยังค่ะ” พิมพ์กานต์ถามเมื่อณภนต์ขับรถออกจากหน้าร้าน
“กินกาแฟมาแล้ว”
“งั้นคุณทานนี่ด้วยซิ ฉันทำมาเผื่อ อาหารเช้าจำเป็นต่อร่างกายคนเรามากนะคะ ยิ่งวันนี้ต้องรอลูกนัทตรวจร่างกายน่าจะนานถึงบ่าย เดี๋ยวคุณจะหิวนะ” พิมพ์กานต์พูดพร้อมส่งกล่องแซนวิชให้ณภนต์
“อืมมมม” ณภนต์ตอบรับแต่ก็ยังขับรถไปเฉย ๆ ไม่หยิบแซนวิชสักที พิมพ์กานต์จึงหยิบแซนวิชออกมาแล้วจ่อไปที่ปากของณภนต์
“เอ้า อ้ามมมมมมค่ะ คุณอา”
“นี่คุณ ผมกินเองได้น่า” ณภนต์ตกใจ (อะไรกันผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้สนิทกันมาป้อนได้ไง)
“อ้าว ก็ฉันเห็นคุณขับรถอยู่ไม่หยิบสักทีฉันเลยช่วยไง เร็วซิคุณกิน ๆ ๆ” พิมพ์กานต์ตอบมือก็ยังจ่อแซนวิชไว้ที่ปากของณภนต์
ณภนต์ขี้เกียจเถียงกับม่าม๊าของลูกนัท เพราะเถียงไปเขาก็ไม่ชนะ แถมยังต้องฟังเสียงเซ้าซี้ ของผู้หญิงคนนี้อีก จึงกินแซนวิชที่พิมพ์กานต์ป้อน
(อร่อยดีแฮะ) ณภนต์คิดเมื่อกินแซนวิชคำแรก
“อร่อยใช่มั้ยล่ะ” พิมพ์กานต์พูดยิ้ม ๆ
“ก็ดี” ณภนต์ตอบหน้านิ่ง ไม่อยากให้พิมพ์กานต์ได้ใจ
(ชิ อร่อยจะตายบอกว่าก็ดี ลิ้นไม่รับรู้รสรึไงนะคุณอา) พิมพ์กานต์คิดในใจแต่มือก็ยังป้อนแซนวิชให้ณภนต์อยู่อย่างต่อเนื่อง จนหมดกล่อง
โรงพยาบาล
พิมพ์กานต์อุ้มลูกนัทเดินนำหน้าโดยมีณภนต์เดินถือตะกร้าของใช้ตามหลังมา ดูไปเหมือนพ่อแม่มือใหม่ คนเดินตามหน้าตาดูหงิก ๆ เพราะเสียงร้องของเด็กน้อยแถวนั้นกวนใจเขา
“คุณนั่งรอตรงนี้ก็ได้เดี๋ยวฉันจะไปส่งใบนัดก่อน”
“ได้”
ณภนต์นั่งรอที่เจ้าอี้ตัวยาวหน้าเคาน์เตอร์ ส่วนพิมพ์กานต์เดินไปส่งบัตรนัดโดยอุ้มลูกนัทไปด้วย แล้วก็คุยอะไรสักอย่างกับพยาบาล ณภนต์มองดูการกระทำของพิมพ์กานต์ เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ก็เก่งเหมือนกันนะ เป็นเจ้าของร้านตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังต้องดูแลเด็กเล็ก ๆ แบบลูกนัททั้งที่ลูกนัทก็ไม่ใช่ลูกของเธอเลย
“เรียบร้อย เดี๋ยวแค่รอคุณพยาบาลเรียก” พิมพ์กานต์พูดพร้อมรอยยิ้ม และเดินมานั่งข้างณภนต์
“ลูกนัททำไมหลับนานจัง” ณภนต์มองดูลูกนัทที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของพิมพ์กานต์
“แบบนี้แหละค่ะ เด็กก็ต้องนอนเยอะ ๆ ซิ รึคุณอยากให้แกตื่นล่ะ”
“ไม่เอาล่ะ ตื่นมาเดี๋ยวก็ร้องไห้อีก”
พูดไม่ทันขาดคำ เด็กน้อยก็ส่งเสียงร้องออกมา ณภนต์ตกใจหน้าซีด เพราะไม่เคยเห็นเด็กร้องไห้และไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
“นั่นไง คุณนี่นะอยากให้แกตื่น แกตื่นมาตามคำขอคุณเลย” พิมพ์กานต์แซวเมื่อเห็นณภนต์หน้าเสีย เธออุ้มลูกนัทโยกไปมาเบา ๆ สักพักเด็กน้อยก็หยุดร้อง แต่ไม่หลับนอนลืมตาแป๋วมองพิมพ์กานต์ทีณภนต์ที พิมพ์กานต์ก็ยิ้มเล่นกับเด็กน้อยและชวนให้ณภนต์เล่นด้วย ณภนต์ลองส่งนิ้วชี้ให้ลูกนัท ลูกนัทกำไว้แน่และส่งยิ้มทำเสียงอ้อแอ้ ๆ มาให้ณภนต์ ณภนต์ยิ้มกว้าง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกว่าเด็กเล็ก ๆ น่ารัก
(เด็กก็น่ารักดีเหมือนกันนะ ถ้าไม่ร้องไห้) ณภนต์คิด
(ยิ้มแล้ว ๆ คุณอาสุดหล่อยิ้มแล้วหล่อเข้าไปอีกนะเนี้ย) พิมพ์กานต์คิดแล้วยิ้มตามสองอาหลาน
เมื่อถึงเวลาต้องฉีดยา ม่าม๊าพิมพ์กานต์ก็ร้องไห้ไปกับลูกนัทด้วย ณภนต์จึงต้องเป็นคนอุ้มลูกนัทเอง ทั้งเสียงร้องของเด็กทั้งเสียงร้องของแม่ทำเอาณภนต์ปวดหัว แต่ก็สงสารลูกนัทคงจะเจ็บน่าดูร้องไห้จ้าเลย เมื่อผ่านพ้นวิกฤติเด็กและม๊าร้องไห้ไปแล้ว หมอก็บอกว่าเด็กอาจมีไข้เล็กน้อย ให้ดูแลด้วยหมาจะให้ยาเผื่อไว้ แล้วคุณอา คุณม๊าและลูกนัทก็ออกจากโรงพยาบาลในเวลาบ่ายโมงกว่า ณภนต์จึงตัดสินใจว่าจะแวะทานข้าวก่อนแล้วค่อยไปส่งพิมพ์กานต์กับลูกนัทที่ร้าน ณภนต์จึงแวะร้านอาหารที่มีห้องปรับอากาศข้างโรงพยาบาล เพราะอากาศร้อน พิมพ์กานต์เอาผ้ามาผูกลูกนัทไว้กับตัวเพื่อกันตกแล้วป้อนนมให้ลูกนัทหลับก่อน ลูกนัทดูงอแงผิดปกติ พิมพ์กานต์จึงสันนิษฐานว่าลูกนัทต้องป่วยแน่ ๆ เมื่อทานอาหารกันเสร็จณภนต์มาส่งที่ร้านและแวะเข้ามานั่งกินกาแฟก่อน เขาว่างจึงหยิบเอากล้องถ่ายรูปมาด้วย เพื่อเก็บภาพบรรยากาศในร้าน
“ฉันว่าลูกนัทต้องเป็นไข้แน่เลยคุณ” พิมพ์กานต์พูดขึ้นขณะที่พาลูกนัทไปนอนที่เปล
“พาไปหาหมอมั้ย” ณภนต์ถามด้วยความเป็นหว่งหลาน
“คุณหมอให้ยามาแล้วค่ะ เดี๋ยวลูกนัทตื่นมากินนมฉันจะให้แกกินยา” พิมพ์กานต์บอกแต่ก็ยังมีสีหน้ากังวล
“งั้นเดี๋ยวคืนนี้ผมมาอยู่เป็นเพื่อน เผื่อลูกนัทเป็นอะไรมากจะได้พาไปหาหมอได้” ณภนต์บอกด้วยความเป็นห่วงหลาน
“รบกวนคุณป่าว ๆ ลูกนัทคงไม่เป็นไรหรอกค่ะ” พิมพ์กานต์ไม่อยากรบกวน และอีกอย่างหนึ่งคือ ห้องนอนเธอมีเพียงห้องเดียว
“ไม่เป็นไร คุณไม่มีรถแถมยังอยู่กันกับลูกนัทแค่สองคน เกิดเป็นไรมาจะแย่นะ”
“เอางั้นก็ได้ แต่คุณจะนอนตรงไหนล่ะ”
“อ้าว ก็นอนที่ห้องนอนซิคุณ ถามแปลก”
“ชั้นบนมีห้องนอนแค่ห้องเดียว”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมนอนได้”
“งั้นคุณนอนพื้นนะ”
“ได้ซิ ไม่มีปัญหา”
แล้วณภนต์ก็เดินถ่ายรูปบรรยากาศในร้านไปเรื่อย ๆ ไม่ได้สนใจพิมพ์กานต์ที่ยืนหน้าบึ้งอยู่
(นี่ฉันไม่เคยนอนกับผู้ชายที่ไม่ใช่ญาติฉันเลยนะ ทำไมคุณอาสุดหล่อไม่เข้าใจบ้างเนี้ย รึว่าขาไม่คิดอะไรจริง ๆ แล้วเขาจะเจ้าชู้มือไวเหมือนพี่ชายมั้ยเนี้ย) พิมพ์กานต์คิดไปต่าง ๆ นานา
วันนี้ณภนต์อยู่ที่ร้านกับพิมพ์กานต์และลูกนัททั้งวัน นอกจากเขาจะถ่ายรูปแล้ว หน้าที่หลักของณภนต์คือ ดูแลลูกนัท พิมกานต์สอนอุ้ม สอนป้อนนม สอนเปลี่ยนผ้าอ้อม และให้ณภนต์ไกวเปล ส่วนทุกคนในร้านก็ยุ่งมาก เพราะช่วงเช้าพิมพ์กานต์ไม่อยู่มีคนมาสั่งขนมไว้เยอะ ช่วงเย็นลูกค้าก็เยอะกว่าปกติ ทำให้ไม่มีใครว่างเลย เด็กน้อยลูกนัทก็เหมือนจะเข้ากับคุณอาได้ดี มีร้องงอแงนิดหน่อยแต่พอคุณอาอุ้มโยกไปมา เล่นด้วย ก็เงียบไป ณภนต์ไม่คิดว่าตนจะดูแลเด็กได้เพราะเขาเกลียดเด็กมาก แต่อาจจะเป็นเพราะสายใยความเป็นอาหลานกันด้วยรึป่าวก็ไม่แน่ใจที่ทำให้เขารู้สึกเอ็นดูลูกนัทเป็นพิเศษ จนถึงเวลาปิดร้านเก็บของเสร็จทั้งหมดก็สามทุ่มกว่า วันนี้ลูกนัทคึกคักไม่ยอมหลับเล่นกับคุณอา จนพิมพ์กานต์ต้องเอ่ยเตือนสองอาหลาน
“เล่นอะไรกันค่ะ นี่สามทุ่มแล้วนะทำไมลูกนัทยังหลับอีกล่ะลูก”
“เล่นกับอาสนุกใช่มั้ยไอ้ตัวเล็ก” ณพนต์พูดกับลูกนัททีนอนอ้อแอ้ ๆ เหมือนเป็นการตอบ
“คุณไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ ดึกแล้วเดี๋ยวจะได้พาลูกนัทเข้านอน” พิมพ์กานต์บอกณภนต์
“คุณไปอาบก่อนซิ เดี๋ยวผมอาบทีหลัง” ณภนต์พูดแต่ไม่หันมองพิมพ์กานต์ ยังเล่นกับลูกนัทอยู่
“ฉันอาบเสร็จแล้ว เหลือแต่คุณนั่นแหละ”
“อ้าวหรอ” ณภนต์หันมามองพิมพ์กานต์ที่อยู่ในชุดนอนขายาว เสื้อแขนยาวเข้าชุด แล้วก็เดินไปหยิบเป้ ขึ้นไปอาบน้ำข้างบนก่อนจะไปยังมีการหันมาบอกลูกนัทว่า
“เดี๋ยวอามานะ อย่าเพิ่งหลับล่ะ”
พิมพ์กานต์อุ้มลูกนัทเดินตามขึ้นไปข้างบน แล้วแยกเข้าห้องนอนไป เธอจัดที่นอนให้คุณอาไว้หน้าตู้เสื้อผ้าข้างเตียง แล้วก็กล่อมลูกนัทนอน เด็กน้อยที่ดูเหมือนจะป่วยเมื่อตอนบ่ายหายไปซะแล้ว เหลือแต่เด็กน้อยที่แข็งแรงนอนอยู่ในอ้อมแขนของพิมพ์กานต์
(หนูนี่ก็แข็งแรงใช่ได้เลยนะเนี้ย สมแล้วที่เป็นลูกแม่ฟ้า ไม่รู้ป่านนี้ไปตามหาพ่อหนูถึงไหน ไม่ส่งข่าวคราวมาเลย) พิมพ์กานต์คิดพร้อมกับโยกตัวหนูน้อยไปมาเป็นการกล่อม ไม่นานลูกนัทก็หลับไป เธอวางลูกนัทไว้กลางเตียง และนอนลงข้าง ๆ ห่มผ้าให้เด็กน้อยอย่างระมัดระวังและหลับไปพร้อมกัน
เมื่อณภนต์เข้ามาในห้องนอนก็เห็นคุณม๊า คุณหลานหลับสนิทบนเตียง และเห็นที่นอนปูอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า จึงจัดแจงที่นอนก่อนล้มตัวลงนอน ณภนต์ก็เดินมาราตรีสวัสดิ์หลานตัวน้อยของเขาก่อน โดยการก้มลงมาหอมที่แก้มของลูกนัท ไม่รู้ว่าเพราะกลิ่นหอมของเด็กอ่อน หรือกลิ่นของคุณม๊าที่นอนข้าง ๆ ทำเอาณภนต์ไม่อยากลุกมาจากตรงนั้น
“ฝันดีนะหลานอา” ก่อนที่จะมองเลยไปทางคุณม๊าแล้วยิ้มออกมาเบา ๆ ก่อนจะลงมานอนที่นอนที่จัดไว้
(หมดไปอีกหนึ่งวันแล้วนะ พี่ดลจะรู้มั้ยเนี้ยว่าลูกพี่น่ารักขนาดไหน) ณภนต์คิด
แล้วณภนต์จะรู้มั้ยว่าตนเองเริ่มมีความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นมา
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ