กามเทพน้อยสื่อรัก ตอน วุ่นรักคุณอา
เขียนโดย ณัทนที
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 00.39 น.
แก้ไขเมื่อ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 02.00 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) คุณอาสุดหล่อ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ไอ้ภนต์ ฉันฝากแกไปดูแลลูกฉันด้วยนะ ค่าใช้จ่ายฉันจะโอนให้ทุกเดือน ฉันส่งแผนที่ไปให้แกแล้วเด็กอยู่กะเจ้าของร้านที่ชื่อพิมพ์กานต์ โอเคนะ ฉันไปก่อน”
เมื่อกดอ่านข้อความแล้ว ณภนต์แทบจะขว้างมือถือทิ้งเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของตน พยายามโทรหาก็ติดต่อไม่ได้ แล้วอะไรให้เขาไปดูแลเด็ก นี่พี่ดลก็รู้ว่าเขาเกลียดเด็กมากขนาดไหน แล้วเด็กคนนี้เป็นลูกของพี่ดลอีก เขายิ่งงงเข้าไปใหญ่
ณภนต์ เป็นช่างภาพหนุ่มผมยาว หน้าตาจัดว่าหล่อเทียบกับนายแบบได้เลย แต่เขาเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบความวุ่นวาย เขาจึงเลือกเป็นช่างภาพถ่ายภาพวิว ภาพอาหาร ภาพสิ่งของมากกว่าภาพคน เรื่องรายได้ก็พอมี ด้วยเขามีหุ้นในโรงแรมธุรกิจของที่บ้านด้วย เรื่องเงินจึงไม่ขัดสน ชีวิตของณภนต์จึงเรียบง่าย และแสนสบาย แต่ความวุ่นวายกำลังจะเกิดขึ้นกับเขาเมื่อต้องไปดูแลลูกของพี่ชายนี่แหละ
..............................................................
“ยินดีต้อนรับค่ะ” เสียงพนักงานต้อนรับของร้านพิมพ์กานต์เอ่ยต้อนรับลูกค้าคนใหม่
ณภนต์ก้มหัวให้เป็นการทักทายแล้วมองสำรวจไปทั่ว ๆ ร้าน เพื่อมองหาที่นั่งแล้วเขาก็ได้ที่นั่งตรงริมหน้าต่าง เขาเลือกหันหน้าเข้าหาเคาน์เตอร์ เพราะเขาสังเกตเห็นเปลเด็กสีฟ้าตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน แต่ในนั้นไม่เห็นมีเด็กเลย
“รับอะไรดีค่ะ” พนักงานส่งเมนูให้พร้อมรอยยิ้ม
“เอ่อ...ขอกาแฟร้อนแก้วนึง”
“ไม่รับขนมด้วยหรอค่ะ ร้านเราขนมอร่อยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นชีสเค้ก บัตเตอร์เค้ก แยมโรล ช็อคบอล เมล่อนปัง ทานกับกาแฟช่วงสาย ๆ แบบนี้เข้ากันดีนะคะ” พนักงานเริ่มแนะนำลูกค้าด้วยใบหน้าสดใส
“ไม่ครับ ผมไม่ค่อยชอบของหวาน” ณภนต์บอกปัด และเขาก็ไม่ชอบคนพูดมากอยากยุติการสนทนากับพนักงานเสียงแจ๋นคนนี้เต็มที
“แบบไม่หวานก็มีนะคะ พวกของทานเล่น คุกกี้กาแฟ พายกรอบรสบาร์บีคิว รึจะเป็นสลัดผักร้านเราก็มีนะคะ ช่วงสาย ๆ แบบนี้กำลังดีเลยค่ะ” พนักงานยังไม่ละความพยายาม
“เฮ้อ งั้นเอาคุกกี้กาแฟด้วยนะ แค่นี้ไม่ต้องแนะนำผมอีกนะ ผมอยากนั่งเงียบ ๆ” ณภนต์ตอบด้วยเสียงเรียบ
“รอสัครู่นะคะ”
5 นาทีผ่านไป
“ได้แล้วค่ะ กาแฟร้อนกับคุกกี้กาแฟ ต้องการอะไรเพิ่มก็บอกได้นะคะ” พนักงานคนเดิมยกของมาเสิร์ฟ
“ขอบคุณ แล้วผมขออยู่เงียบ ๆ ถ้าคุณจะไม่มาถามผมอีกจะขอบคุณมาก” ณภนต์ตอบด้วยเสียงเรียบ
“ค่ะ” พนักงานหน้าเสียก่อนเดินออกมา
ในขณะที่ณภนต์กำลังจิบกาแฟด้วยความสงบอยู่นั้นก็มีเสียงดังเหมือนของตกมาจากด้านบน และตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวาย ทำลายความสงบของเขาไปหมด
“โอ้ย ตายแล้ววววววววว” พิมพ์กานต์ร้องออกมาด้วยความตกใจ ด้วยความซุ่มซ่ามของเธอที่เดินสะดุดผ้าอ้อมของลูกนัทบนพื้น ทำให้ตะกร้านมของลูกนัทหล่นข้าวของกระจัดกระจาย ดีที่เธอใช้ผ้ามัดลูกนัทติดกับตัวเธอไว้ไม่งั้นเด็กน้อยต้องได้รับบาดเจ็บแน่ ๆ
“พี่กานต์เป็นอะไรรึป่าวค่ะ” เสียงตาลลูกน้องคนสนิทของร้านดังมา
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่แค่สะดุดนะ เดี๋ยวพี่ลงไป”
“แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” ลูกนัทตกใจตื่นแล้วก็ร้องไห้ไม่หยุด ไม่ว่าพิมพ์กานต์จะโยกตัว เอ่นมให้กิน ลูกนัหก็ไม่รับสักอย่างยังคงร้องไห้ต่อไป
“เป็นอะไรนะลูกนัท ทำไมวันนี้หนูดื้อกับม๊าจังเลย ร้องไห้ทำไมค่ะลูก” พิมพ์กานต์พูดกับเด็กน้อยขณะที่เดินลงมาจากชั้นบน
(เด็กมันคงจะตอบหรอกนะแม่คุณ อ้าปากร้องอย่างเดียวแบบนี้) ณภนต์คิดในใจ พร้อมกับอารมณ์เสียกับเสียงเด็กร้อง หนวกหูเขาเสียจริง นี่จะใช่ลูกของพี่ชายตนรึเปล่า เด็กอะไรร้องไห้เสียงดังจริง ๆ แล้วนี่เขาจะดูแลเด็กคนนี้ได้ยังไง แต่ดูท่าผู้หญิงที่อุ้มอยู่ก็น่าจะดูแลเด็กได้ดีนะ แม้จะดูซุ่มซ่าม เงอะงะไปหน่อยก็เถอะ แล้วนี่เขาจะบอกยังไงดีล่ะว่าเขาเป็นอาของเด็กน้อย
“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เสียงดัง” เจ้าของร้านพูดกับลูกค้าในร้านด้วยรอยยิ้ม
ลูกค้าในร้านสามสี่คนต่างก็ยิ้มรับและไม่ได้โกธรอะไรเพราะรู้ดีเรื่องความโก๊ะของเจ้าของร้าน และรู้ว่าที่ร้านมีเด็กเล็กเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ เสียงดังบ้างไม่เป็นไรเมื่อเทียบกับขนมอร่อย ๆ ของร้าน แต่ลูกค้าหน้าใหม่อย่างณภนต์คงยังไม่ชิน เพราะตอนนี้คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น
ณภนต์เข้ามาในร้านตอนประมาณสิบโมง และตอนนี้เวลาก็ผ่านไปสามชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ในร้านเหลือลูกค้าเพียงเขาคนเดียว และเด็กน้อยลูกนัทก้สงบนิ่งอยู่ในเปลที่มีพนักงานคนหนึ่งไกวอยู่ ส่วนเจ้าของร้านก็นั่งขีดเขียนอะไรไม่รู้อยู่ตรงเคาน์เตอร์ เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปเพื่อพูดคุยเรื่องหลานตัวน้อย
“รับอะไรเพิ่มดีค่ะ” พิมพ์กานต์เงยหน้าจากสมุดที่เธอเขียนอยู่ขึ้นมาพูดกับลูกค้าหนุ่มด้วยรอยอยิ้ม
(โห ร้านเรามีลูกค้าหล่อแบบนี้มานั่งด้วยหรอเนี้ย ไม่ทันสังเกตเสียดายจัง) พิมพ์กานต์คิดในใจ
“เอ่อ...”ณภนต์ไม่รู้จะเริ่มยังไง
(เอ๊ะ...รึเขาจะขอเบอร์เรา) พิมพ์กานต์คิดในใจแล้วก็อมยิ้มก่อนที่จะได้พูดอะไร ลูกค้าสุดหล่อของเธอก็พูดขึ้นมา
“ผมชื่อณภนต์ พี่ชายของผมชื่อณดล คนที่เป็นพ่อของเด็กคนนั้นน่ะ” ณภนต์บอกพร้อมชี้ไปทู่กนัท
“ค่ะ....” พิมพ์กานต์งง รอยยิ้มเจื่อนไปจากใบหน้า
“พี่ผมบอกให้ผมมาดูแลลูกของเขา” ณภนต์บอกด้วยเสียงเรียบ หน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
“แล้วยังไงค่ะ” พิมพ์กานต์ยังคงงงอยู่
“ก็มาดูแลไง คุณจะเอาเท่าไหร่ค่าเลี้ยงดูหลานผมน่ะ” ณภนต์เริ่มโมโหที่ผู้หญิงตรงหน้ายังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดสักที
“เอ่อ นี่คุณเลี้ยงเด็กน่ะมันใช่แต่เงินไม่ได้หรอกนะ แล้วคุณจะเอาเงินมาให้ฉันเพื่ออะไร แล้วลูกนัทล่ะคุณจะเอาไปเลี้ยงเองหรอ คุณเลี้ยงเด็กเป็น?” พิมพ์กานต์เริ่มโมโหบ้าง
(เออจริงด้วย ลืมคิดไปเลยว่าจะเลี้ยงเด็กยังไงว่ะ) ณภนต์คิดในใจ
“ผมยังไม่รู้ แต่พ่อเด็กให้เงินผมมาให้เป็นค่าเลี้ยงดูแล้วก็บอกให้ผมดูแลเด็กนิ ผมอาจจะจ้างพี่เลี้ยงเด็กสักคนก็ได้มั้ง” ณภนต์ตอบไปเท่าที่คิดออก
“เฮ้อ งั้นเอางี้มั้ย ใหลูกนัทอยู่กับฉันที่นี่ ฉันจะดูแลให้ ยังไงฉันก็เป็นม่าม๊าของลูกนัท ฟ้าฝากลูกนัทไว้กับฉัน ส่วนคุณอยากจะมาเยี่ยมหลานเมื่อไหร่ก็มาได้” พิมพ์กานต์บอกอย่างใจเย็น เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้คงไม่ได้วางแผนในการเลี้ยงเด็กมาแน่ ๆ และเธอเองก็ไม่ต้องการให้ลูกนัทอยู่ห่างจากเธอด้วย เพราะเธอทั้งรักและผูกพันกับเด็กคนนี้มาก
“แต่ผมเป็นอานะ ผมมีสิทธิ์ที่จะดูแลเด็กคนนี้นะ” ณภนต์เหมือนจะไม่ยอม
“ทราบค่ะคุณอา แต่คุณดูแลเด็กไม่เป็นคุณจะทำยังไง เอางี้เราแลกเบอร์โทรกันแล้วมีอะไรฉันก็จะโทรหาคุณ และคุณก็สามารถโทรมาคุยกับลูกนัทได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ ดีมั้ยค่ะ” พิมพ์กานต์พูดด้วยรอยยิ้ม นี่คือข้อตกลงที่ดีที่สุดแล้ว
“ก็ได้ แต่ผมขอสำรวจความเป็นอยู่ของหลานผมหน่อยได้มั้ย ผมอยากรู้ว่าหลานผมอยู่ยังไง” ณภนต์ยอมรับข้อตกลง เพราะเขาเองก็ไม่อยากวุ่นวายหาพี่เลี้ยงเด็ก ไหนจะที่อยู่ของหลานเขาอีก พ่อกับแม่เขาก็ไปเที่ยวต่างประเทศยังไม่กลับ ติดต่อพี่ดลก็ไม่ได้ เอางี้ไปก่อนแล้วกัน ไม่ใช่เขาไม่รักหลานนะ แต่นี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้หลานเขา ผู้หญิงคนนี้ก็ดูรักเด็กดีไม่น่าจะมีอะไร
“ได้เลยค่ะ เชิญทางนี้เลยเดี๋ยวฉันจะพาคุณไปดูข้างบนค่ะ” พิมพ์กานต์ยิ้มกว้าง แล้วเดินนำณภนต์ไปด้านบน
ชั้นบนมีห้องนอนหนึ่งห้อง และห้องน้ำแยกจากห้องนอน ภายในห้องนอนมีเตียงขนาดกลางและตู้เสื้อผ้า ชั้นหนังสือ ตะกร้าของเด็กอ่อนใบใหญ่สามสี่ใบ มีโต๊ะตั้งอยู่ตรงริมหน้าต่างก่อนหน้านี้มันคงเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ แต่ตอนนี้มันแปลสภาพเป็นโต๊ะวางนม กระติกน้ำร้อน เครื่องนึ่งขวดนมไปเรียบร้อย และบนโต๊ะก็มีกรอบรูป ในรูปเป็นรูปผู้หญิงสองคนนั่งข้างกันใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มดูสดใส ณภนต์คงจ้องนานไปหน่อย จนพิมพ์กานต์สังเกตเห็น
“นั่นนภาหรือฟ้าค่ะ แม่ของลูกนัท สวยใช่มั้ยค่ะ” พิมพ์กานต์พูดอย่างชื่นชม
“ก็สวยดี” ณภนต์ตอบตามจริง นภาเป็นผู้หญิงที่สวยและตรงสเป็คพี่ชายเขามาก
“เป็นไงค่ะ ห้องนี้เป็นไงบ้างค่ะ” พิมพ์กานต์ถามหลังจากที่พาณภนต์สำรวจห้องเสร็จ
“ก็ดีนะ แต่ไม่มีระเบียงเลย อากาศจะถ่ายเทสะดวกหรอ” ณภนต์สงสัย เขาคิดว่าห้องนี้เล็กเกินไปสำหรับเขา แล้วยิ่งมีเด็กเล็ก ๆ อยู่ด้วยอีก
“อยู่ได้สบายตอนกลางวันแดดออกฉันก็เปิดหน้าต่างระบายอากาศนะ ฉันตัวเล็ก ลูกนัทก็ตัวเล็ก แต่คุณน่ะตัวโตเกินไปคุณเลยรู้สึกอึดอัด” พิมพ์กานต์พูดไปตามซื่อ
“อ้าว คุณว่าผมนิ” ณภนต์มีเคือง
“ป่าวค่ะ แค่คุณตัวโต 5555”
“โอเค เดี๋ยวเราแลกเบอร์ติดต่อกัน ผมต้องไปทำงานก่อนไว้จะโทรมาเช็ค” ณภนต์พูดเสียงเรียบ เขาไม่ค่อยชอบให้ใครมาหัวเราะใส่ จึงรีบตัดบท
“ได้ค่ะ”
หลังจากแลกเบอร์โทรกันแล้ว ณภนต์ก็ขอตัวกลับ เป็นเวลาเดี๋ยวกับที่ลูกนัทตื่นพอดี พิมพ์กานต์จึงอุ้มลูกนัทมาส่งคุณอาคนใหม่ที่หน้าร้าน ณภนต์จึงมีโอกาสได้เห็นหน้าหลานของเขาชัด ๆ
“ไว้ผมจะโทรมานะ” ณภนต์บอกพิมพ์กานต์
“ค่ะ บ๊ายบายนะคะคุณอา ลูกนัทบ๊ายบายคุณอาเร็ว” พิมพ์กานต์ตอบพร้อมกับยกแขนน้อย ๆ ของลูกนัทโบกไปมาให้คุณอาคนใหม่ ลูกนัทชอบใจหัวเราะใหญ่
ณภนต์ยิ้มมุมปากให้ทั้งสองก่อนเดินไปที่รถ
(ยิ้มเป็นด้วยนะคุณอาสุดหล่อ นึกว่าจะทำหน้าบึ้งคิ้วขมวดเป้นอย่างเดียว) พิมพ์กานต์คิดก่อนที่จะหันหลังเดินกลับเข้าร้าน
“เหมือนพ่อแม่ลูกเลยเนอะแก คุณแม่กะคุณลูกมาส่งคุณพ่อไปทำงาน” ตาลพนักงานร้านพูดกับตองน้องสาวที่กำลังชงกาแฟอยู่
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ