ABnormal

7.0

เขียนโดย api3api

วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 21.06 น.

  9 บท
  3 วิจารณ์
  13.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556 23.00 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

9) น้ำตาของสาวน้อย [บทส่งท้าย]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
วันเปิดเทอม พวกเธอเล่าคิดถึงวันนี้เป็นแบบใหน การปฐมนิเทศน์อันแสนน่าเบื่อ วันแรกที่ไม่มีการเรียนการสอน เพื่อนที่ไม่ได้พบกันนาน
 
 
 
ส่วนฉันกลับมาพบกลับความรู้สึกแบบเดิมๆอีกครั้ง
 
 
 
จนมาถึงตอนนี้ ฉันรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าที่เคยเป็นที่อยู่ของฉันเมื่อก่อน ฉันมองเห็นตัวฉันเมื่อก่อนที่ง่วนกับการเขียนบันทึกตรงมุมห้องโดยไม่สนใจใคร ไม่มีใครสนใจฉัน และฉันจะหันหลังให้มัน
 
 
 
"ทำใมไม่มาหาฉัน"
 
เด็กมืดมนคนนั้นพูดคุยกับฉัน ฉันเดินไปที่ตรงนั้นใต้โต้ะมีกระดาษเขียนเล่นมากมาย เป็นของเด็กคนนั้นเขียนขึ้นมาทั้งหมด ฉันนั่งอ่านมันทีละแผ่นอย่างตั้งใจ
 
เด็กคนนั้นมองฉันเหมือนโกรธแค้นที่ฉันลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของเธอ
 
 
 
เด็กสาวผมยาวที่อยู่กับความทุกข์ของตัวเองไม่มีอีกแล้ว
 
 
 
"เธอไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะยิ้มได้อย่างฉัน"
 
เด็กคนนั้นส่ายหน้าแต่ใบหน้าเธอเริ่มมีรอยยิ้ม
 
 
 
ฉันเดินจากที่ตรงนั้น แต่ฉันลืมสังเกตุว่า นายเอกนั่งมองฉันอยู่ก่อนแล้ว
 
 
 
"ไม่มีอะไรจะจดบันทึกอีกเหรอ"
 
เขาพูดจายียวนเหมือนเคย
 
 
 
"อื้อไม่มีแล้ว วิชาการเขียนบันทึกเราเรียนจบไปแล้ว"
 
 
 
เอกได้ฟังแล้วยิ้ม เขาหัวเราะเบาๆ
 
 
 
"เดี๋ยวฉันไปล่ะ ฉันอยากเดินชมโรงเรียนสักหน่อย"
 
 
 
ฉันเดินออกจากห้องไป แต่ได้ยินเสียงเอกตะโกนไล่หลัง
 
 
 
"ระวังนะ ที่โรงเพราะชำหมาดุมาก"
 
 
 
ตานี่กวนจริงๆ หมอนี่คงคิดว่าสองที่ผ่านมาฉันเขียนแต่บันทึกไม่เดินไปใหนเลยรึไง ตลกจิง
 
"หึ หึ" ฉันหัวเราะเบาๆฉันเลยเอามือป้องปาก แล้วคิดในใจว่าแปลกๆเหมือนกันแฮะ
 
ฉันเดินรอบโรงเรียน แต่ไม่มีเจอสิ่งที่ฉันต้องการจะเจอ
 
 
 
วันเรียนวันที่สองฉันเดินไปที่ห้องของเธอ ก็ไม่เจอ พอถามพวกเพื่อนของเธอก็ทำหน้าลำบากใจ
 
 
 
"นี่เธอไม่เห็นจริงๆหรือแกล้ง เธอก็นั่งอยู่ตรงนั้นไง
 
 
 
ฉันมองตามมือที่เธอชี้ก็เห็นเขา
 
 
 
กานสุดา 
 
 
 
กานสุดาที่เปลี่ยนไป
 
 
 
เด็กสาวผมสั้นย้อมสี ท่าทางเหมือนคนติดยาผอมไปมาก 
 
ฉันได้เห็นถึงกับน้ำตาร่วง  ตอนนี้ทั้งห้องขยับโต๊ะหนีเธอแต่ฉันเดินฝ่าเข้าไปหาเธอ เธอจ้องหน้าฉันแบบกร่างๆจนฉันเดินไปถึงตัวเธอ
 
"กานสุดา นั่นเธอแน่เหรอ"
 
ฉันถามเพื่อความแน่ใจ เพราะเธอเปลี่ยนไปมากจนความสวยแทบไม่เหลือเค้า
 
 
 
"มาริสาเหรอ ตอนนี้ฉันไม่อยากเจอเธอหรือใครทั้งนั้น"
 
หันหน้าออกนอกหน้าต่าง
 
 
 
"เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน"
 
 
 
"ออกไป"
 
กานสุดาตะโกนเสียงดังจนคนทั้งห้องหันมามองอย่างกลัวๆ
 
 
 
คนในห้องพยายามเข้ามาเพื่อช่วยฉันแต่ฉันขยับไหล่ออก
 
 
 
"ฉันจะมาอีก จะมาอีกแน่ๆจนกว่ากานสุดาคนนั้นจะกลับมา"
 
 
 
ฉันวิ่งออกมาแล้วมาร้องให้หลังโรงยิมเก่าที่เคยมาพบกานสุดา
 
 
 
แต่ที่นี่ฉันได้พบสมุดบันทึกของฉันที่เคยเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า
 
ฉ่านเริ่มอ่านมันตั้งแต่แรกทีละตัวทีละบรรทัด
 
 
 
น้ำตาฉันไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ข้างในสมุดบันทึกนี่มีแต่กานสุดาเต็มไปหมด
 
ไม่ใช่เด็กขี้ยานั่นแน่นอน 
 
ฉันมองไปรอบๆที่นี่ ที่นี่มีแต่ก้นบุหรี่เต็มไปหมด และดูดีๆและคิดดีๆ
 
 
 
ที่นี่คือรังของกานสุดานั่นเอง วันนี้ไม่มีการสอนฉันจึงนั่งอยู่ที่นี่
 
 
 
เธอต้องมาแน่ ฉันนั่งรออยู่นาน จนในที่สุด 
 
 
 
เธอก็มา พร้อมกับบุหรี่ที่อยู่คาปาก
 
 
 
ฉันหันมาก็เจอกับสายตาที่แข็งกร้าว แต่ฉันไม่กลัวมัน ฉันไม่ลดสายตาด้วยซ้ำแม้น้ำตาฉันมันจะไหลอีก
 
 
 
"เธอต้องการอะไรมาริสา"
 
 
 
เธอถามด้วยคำพูดที่แข็งกร้าว
 
.............
"เธอต้องการอะไร มาริสา"
 
เด็กสาวทิ้งบุหรี่แล้วเอาเท้าขยี้อย่างไม่ใยดีสายตาน่ากลัว
 
 
 
น่ากลัวเหรอ
 
 
 
เธอเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ต้น แล้วตอนนี้จะกลัวทำใม ฉันไม่กลัวหรอกในใจต่างหากที่ตอนนี้มันมีแต่เรื่องไม่เข้าใจไปซะทุกอย่างแล้วตอนนี้
 
 
 
"กานสุดาบอกสามานะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ"
 
 
 
กานสุดาในร่างซูบผอมเดินปรี่เข้ามาหาฉันเธอเงื้อมือและตบฉัน
 
ไม่เจ็บเลย เรี่ยวแรงเธอไม่มีแล้ว แต่น้ำตาที่ไหลไม่ใช่เพราะความเจ็บตัว
 
แต่เหมือนหัวใจโดนผ่าซีก
 
 
 
"เธอกลับมาหาฉันทำใม มาริสา"
 
เธอตะคอกใส่ฉัน แต่น้ำเสียงเหมือนคนไม่มีแรง
 
 
 
"เจ้าน้ำตานัก ไม่ว่าเจอกับเรื่องอะไรก็มีแต่น้ำตา"
 
เธอดุว่าฉันพร้อมทั้งจับคอเสื้อฉันเขย่าไปมา
 
 
 
"กานสุดาคนนั้นไปใหนแล้ว เธอเป็นใครกัน"
 
ฉันว่าสวนเสียงดังแต่เธอไม่ได้กลัวหรือตกใจเลย
 
 
 
"คนสวย ผมยาว เป็นตัวอย่างแก่คนทุกคน"
 
ฉันร่ายยาวแต่กานสุดานถีบฉันล้มลงและเธอก็ล้มลงด้วย
 
และฉันก็ร้องให้อีกครั้งที่เท่าไรไม่รู้
 
 
 
 
 
"ครั้งนึงเธอเคยทำให้ชีวิตวัยเรียนของฉันมีความฝันและอีกครั้งที่เธอทำให้ชีวิตมอสามฉันมันน่าจดจำ แต่เธอทำลายมันหมดแล้ว"
 
ฉันพูดทั้งที่สะอื้น
 
"เธอมายุ่งกับฉันทำใม ฉันเฝ้าฝันถึงเธอที่ตรงนั้นก็ดีแล้ว ไม่เจ็บปวด กานสุดาที่รักของฉันเมื่อก่อนเคยมีแต่ตัวหนังสือ เธอก็ทำให้มันมีตัวตน นรกที่ฉันเจอในความจริง เธอก็ทำให้มันเป็นเหมือนฝันไป แล้วตอนนี้ไม่เหลือแล้ว สุดท้ายเธอก็ไม่เชื่อใจฉันว่าฉันเชื่อใจได้ทำใมล่ะ ตอนนี้ฉันรู้สึกแย่กว่าตอนโดดเดี่ยวนั่งเขียนหนังสือซะอีก"
 
ฉันเปิดเผยออกมาทั้งหมดโดยไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้เถียงเลย พูดไปด้วยน้ำตาที่นองหน้าที่มันไหลออกมาไม่มีท่าจะแห้ง
 
 
 
"ฉันโง่ใช่ใหมกานสุดา เธอหลอกฉันไปมาตลอด เธอเห็นฉันเป็นแค่ของเล่นของเธอ"
 
พอพูดจบฉันก็หยุดหายใจหอบถี่กานสุดาสีหน้าเปลี่ยนไปนิดหน่อยแต่เธอก็ยืนขึ้นหันหลังและเตรียมจะเดินหนีไป
 
 
 
"ใช่เธอมันง่าย ฉันพูดอะไรก็ทำตามหมดไม่แย้งเลยสักนิด และโง่ที่ไม่รุ้เรื่องของฉันสักนิดแต่ยังกล้าปากดีด่าฉัน"
 
 
 
ฉันนั่งฟังด้วยความอึ้งและเสียวแปรบปราบในหัวใจเหมือนตกจากที่สูงโดยไร้ที่ยึดเกาะ
 
 
 
"ฉันเคยมองเธอเป็นพวกเดียวกัน เธอไม่เคยเปิดประตูห้องออกมาเลยด้วยซ้ำ เธอไม่รู้เลยว่ากานสุดาสำหรับคนอื่นในโรงเรียนมีฐานะอย่างไรทั้งหมดเธอก็แค่เอาปากกาเขียนวาดฝัน"
 
กานสุดาพูดมาด้วยอาการตัวสั่นแต่เธอไม่ยอมหันมามองฉันเลย
 
 
 
"ฉันกำลังจะตายมาริสา"
 
 
 
พอได้ยินคำนั้นฉันยิ่งอึ้งขึ้นไปอีก
 
 
 
"ฉันป่วยมาตั้งแต่เด็กแต่พึ่งจะตรวจเจอจริงๆก็ตอน มอหนึ่งนี่เอง ต่อให้มีเงินทองล้นฟ้าก็รักษาไม่ทัน แม้มันไม่ติดต่อกับคนอื่นแต่ทุกคนก็พยายามหลีกหนีฉัน ในห้องฉันต้องนั่งเรียนที่มุมห้องไม่ต่างจากเธอ ฉันไม่เคยคิดว่าเธอคือของเล่นเลยสักครั้ง"
 
 
 
เธอนั่งลงขัตมาตรฉันมองจากข้างหลังมองเห็นกระดูกเป็นซี่
 
"บอกสาได้ใหมเธอป่วยเป็นอะไร"
 
กานสุดาเงียบเธอไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมา หรือฉันไม่มีสิทธิ์จะรู้ จะใจร้ายไปใหมกับคนที่รักเธอมากขนาดฉัน  
"ฉันไม่มีสิทธิ์รับรู้เลยใช่ใหม แต่ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟังเยอะแยะเลย"
ฉันเช็ดน้ำตาที่มันเอ่อออกมาอีก ฉันเล่าให้เธอฟังถึงเรื่อง แม่ เรื่องงานพิเศษในช่วงปิดเทอม และเรื่องของโชค ชายหนุ่มที่ที่ทำงาน
กานสุดานั่งฟังเงียบไม่โต้ตอบ ส่วนฉันนั่งคุกเข่าลงอย่างอ่อนล้า
 
"ฉันคิดถึงเธอ คนคนแรกที่ดึงฉันออกมาจากห้องเรียนแคบๆ คนแรกที่ทำให้ความไฝ่ฝันของฉันสมหวัง เห็นใหมฉันรักเธอแค่ใหนกานสุดาเธอยังอยู่ในบันทึกฉันนะ ฉันเป็นเพื่อนเธอ"
 
"ลูคีเมีย"
กานสุดาพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง
 
"ช่วงปิดเทอมทางแย่เลยล่ะ หมอให้ฉันหยุดเรียน แต่..."
เธอถอนหายใจอย่างอ่อนล้า
"ฉันคิดถึงเธอ"
 
พอได้ยินคำว่าคิดถึงน้ำตาฉันก็ไหลออกมาอีก ทั้งดีใจและเศร้าใจ
"มันเป็นโรคติดต่อเหรอ"
กานสุดานิ่ง แต่ฉันรู้ว่าเธอกำลังเปิดใจให้ฉัน ครั้งสุดท้าย
 
"ไม่จำเป็นหรอกมาริสา ทุกคนรับรู้แค่ว่าฉันเป็นโรคร้ายแรง มันติดต่อทางความคิดไปแล้ว"
 
ฉันอึ้ง แข็งแกร่ง ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งกว่าฉัน มากมายหลายเท่านัก
 
"เธอเชื่อใหมเมื่อก่อนฉันมีเพื่อนและคนรักฉันเยอะแยะ แต่เมื่อรู้ว่าฉันป่วย มันหายไปหมด ไม่มีเลย ไม่มีเลยสักคน ฉันกลัว ฉันเสียใจ น้อยใจ เคยคิดที่จะยอมแพ้และตายไปซะ แต่ฉันเก็บสิ่งนั้นได้..."
เธอมองไปยังบันทึกของฉัน
 
"ฉันได้รับรู้ว่ามีคนรักฉัน ฉันเลยมาหาเธอและเธอก็แสดงหลายๆอย่างให้ฉันทั้งเชื่อใจมีกำลังใจและหวาดกลัว"
 
 
"ที่ฉันทำก็อยากให้ชีวิตมอต้นเป็นสิ่งที่น่าจดจำเหมือนกัน"
 
 
 
เธอหันมา น้ำตาของสาวน้อยไหลออกมาหนึ่งหยดแต่มันเก็บเรื่องราวมากกว่าฉันมหาศาล
 
 
 
"ฉันกลัวว่าเธอจะรังเกียจฉัน ตอนนี้ฉันไม่เหมือนบันทึกนั่นแล้ว ยิ่งฉันอ่านมันฉันยิ่งรู้ว่าเธอหวังให้ฉันเป็นแบบใหน"
 
ฉันนั่งฟังเงียบ ไม่รู้ว่าจะเงียบได้อีกใหมแต่เงียบจริง ฉันปล่อยให้เธอพูดระบาย เธอแข้มแข็งจริงๆ ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนใหน
 
 
 
"ฉันกินน้อยลงตั้งแต่ขึ้นเทอมหนึ่งแล้ว ข้าวไม่อร่อยเลย ขมไปหมด กินได้แต่น้ำเปล่าที่ออกหวานคอเท่านั้น อาหารเสริมฉันก็มีแต่น้ำเกลือ
 
 
 
ใช่สิตอนนั้นฉันเคยบอกว่าฉันอยากให้เธอตอบแทนฉัน กังวลใหม ไม่ต้องทำอะไรนะฉันพูดไปอย่างนั้นแหละ ฉันอยากให้เธอคิดถึงฉันมากๆ"
 
 
 
เธอพยายามยืนขึ้นแม้ฉันจะยื่นมือไปแต่เธอก็ไม่รับ
 
 
 
"ฉันจะทำให้เธอกานสุดา เธออยากให้ฉันทำอะไรล่ะ"
 
 
 
ฉันถามด้วยความหวังว่าเธอจะเปิดใจให้ฉันอีกครั้ง
 
 
 
เธอมองมาที่ฉันและมองขึ้นบนฟ้าและถอนหายใจเบาๆ ฉันพึ่งเข้าใจตอนนี้นี่เองในขณะที่ฉันพร่ำเพ้อถึงความสวยงามของกานสุดา และประชดชีวิตอันปวดร้าวของฉันที่ภายในห้องเรียนสี่เหลี่ยม ใช่ฉันไม่เคยออกไปใหนเลยถึงเวลาเรียนเรียนถึงเวลากลับกลับ และในช่วงเวลาเดียวกันกานสุดาต่อสู้กับโลกนี้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งกว่าฉันมากมายมหาศาล 
 
ต่อสู้กับความตายที่จะเข้ามาด้วยใจที่กล้าแกร่ง แม้ในช่วงเวลาสุดท้าย ก็ยังไม่อยากทำลายความฝันของฉัน เธออยากสวยและเก่งตลอดเวลาในความฝันฉัน เธอใจดียิ่งกว่าใคร เหมือนนายเอกที่ใจดีคุยกับชั้นก่อนเสมอทั้งที่ไม่มีใครเหลียวแลฉันเลย ซึ่งแทบไม่ได้แม้แต่น้อยกับการโดนรังเกียจของกานสุดา
 
 
 
กานสุดาที่หันมามองที่ฉัน
 
 
 
ยิ้ม
 
 
 
รอยยิ้มที่เหือดแห้งแต่จริงใจ
 
 
 
"สา กานสุดาจะไม่มีอีกแล้ว แต่เธอเก็บบันทึกนั่นไว้นะ เธอทิ้งมันไว้ไม่เอากลับตอนนั้นแต่ฉันก็เก็บมันไว้ในที่มองเห็นง่ายเผื่ออยากได้คืน"
 
ใช่มันยังอยู่ในสภาพดีไม่มีรอยเปื่อยเปียกน้ำเลยด้วย
 
 
 
 
 
"เผื่ออีกปีอีกสิบปีถ้าเธอจะกรุณาคิดถึงฉัน"
 
 
 
เธอเว้นช่วง และลังเล แต่เธอก็ยิ้มออกมาอย่างน่ารัก
 
 
 
"ฉันจะอยู่ที่เดิมในนั้น"
 
.............................
 
 
 
 
 
 
 
 
 
อีกสองอาทิตย์ต่อมาเธอก็ลาป่วยและก็ไม่มีใครได้ข่าวเธออีก
 
 
 
 
 
แต่ฉันรู้ว่าเธอกำลังต่อสู้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งปกติไม่ว่าอยู่ที่ใหนในโลก
 
แม้ร่างกายและเสื่อมถอยจะไม่ปกติก็ตาม
 
 
 
 
 
และฉันเลือกที่จะเก็บบันทึกนั้นไว้ตลอดไป
 
 
 
............จบจ้ะ.........
 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา