ฝรั่งจ๋ามาหารัก
เขียนโดย มะมาย
วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.48 น.
แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 16.15 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) ไอ้แฟงกับนางรัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความยามเช้าตรู่เป็นเวลา 7 นาฬิกา หมอกขมุกขมัวก่อตัวหนาบนผิวน้ำมองเห็นเป็นทอดยาวไปตามลำคลอง แสงแดดอุ่นๆสีนวลตกกระทบกับระลอกคลื่นเล็กๆกับอากาศกำลังเย็นสดชื่น พระสงฆ์ห่มสบงสีเหลืองกำลังพายเรือออกบิณฑบาตมาอยู่ไกลๆ พระสงฆ์จอดเรือเทียบเข้าท่าที่มีศรัญญากับมิสเตอร์แฟรงค์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“นิมนต์ค่ะหลวงพี่”
มิสเตอร์แฟรงค์ตักข้าวเจ้าในขันฉลุลวดลายสีเงินลงในบาตรชองพระสงฆ์โดยมีศรัญญาคอยบอกขั้นตอนอยู่ไม่ห่าง จากนั้นเธอจึงยื่นถุงที่ภายในบรรจุกับข้าวให้กับมิสเตอร์แฟรงค์ตามด้วยของหวานอย่างข้าวเหนียวมะม่วง พระสงฆ์ปิดบาตรเพื่อให้วางดอกบัวตูมแล้วจึงให้พร
“สาคู” มิสเตอร์แฟรงกล่าวพร้อมยกมือขึ้นไหว้หลังจากรับพรพระท่านเสร็จทว่าศรัญญาอดที่จะหัวเราะไว้ไม่ได้ พระท่านเองก็เช่นกัน
“เขาต้องพูดว่าสาธุโยม ไม่ใช่สาคู” พระสงฆ์กล่าวเตือนด้วยกิริยาสงบเสงี่ยม
“ว่าแต่มีสักห่อไหมล่ะโยม”
“วันนี้ไม่มีหรอกค่ะหลวงพี่ แต่ถ้าหลวงพี่อยากฉันพรุ่งนี้รันจะทำมาถวายค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกโยมรัน อาตมาเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น” พระสงฆ์ยิ้มแล้วมองไปที่มิสเตอร์แฟรงค์
“ว่าแต่โยมชื่ออะไรล่ะพ่อฝรั่ง”
“แฟรงค์-ครับ-ลวง-ผี” มิสเตอร์แฟรงค์พนมมือ
“คำนี้ก็เหมือนกันโยม พูดให้ชัดหน่อยไม่งั้นอาตมาใจหวิวแน่ล่ะ”
สนทนาเสร็จสิ้นก็พายเรือเพื่อไปรับบิณฑบาตต่อ
ศรัญญากำลังรดน้ำผักของเธอและกำลังนึกเพลินๆถึงเมนูอาหารที่กำลังจะทำต่อไป สายตาเหลือบมองเห็นผลมะละกอที่กำลังลูกโตได้ที่ดกเต็มต้นจึงนึกขึ้นได้ เธอจึงเอ่ยถามมิสเตอร์แฟรงค์ที่กำลังถ่ายรูปอยู่บริเวณนั้นพอดี
“คุณทานส้มตำเป็นไหมคะ” ศรัญญาวางสายยางลงและเดินไปที่ต้นมะละกอ
“คุณเห็นนี่ไหม” ศรัญญชี้ไปยังผลมะละกอที่อยู่สูงขึ้นไปเลื่อมยอด
“เราเรียกว่ามะละกอ Papaya” เธอขยาย
ว่าแล้วจึงสอยลงมาหนึ่งลูกและเด็ดพริกที่มีอยู่ในสวนมาโดยมีมิสเตอร์แฟรงค์อาสาเป็นลูกมือ เขาทำอะไรไม่ได้มากนอกจากล้างผักให้และคอยช่วยหยิบจับอะไรเล็กๆน้อยๆภายในห้องครัวที่เปิดโล่ง มีลมพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา
“มี ทุก ยาง ที บาน มาย ต้อง ปาย Market”
มิสเตอร์แฟรงค์รู้สึกทึ่งที่สิ่งที่ปลูกเอาไว้ตามรั้วบ้านสามารถแบ่งนำมาทำอาหารได้หลากหลายอย่างโดยที่ไม่ต้องออกไปซื้อหาให้ยุ่งยาก ศรัญญาวางมีดปลอกเปลือกมะละกอลงอย่างนุ่มนวล และเงยหน้าขึ้นมองไปยังรูปผู้ชายคนหนึ่งที่มีหยาดเหงื่อไหลอยู่ที่ปลายจมูกซึ่งติดไว้ที่ผนังของห้องแล้วยิ้มอย่างตื้นตัน เธอพนมมือแล้วกล่าวอย่างซาบซึ้ง
“เพราะพระองค์สอนให้เราทุกคนเนินชีวิตอยู่บนทางสายกลางและสอนให้พึ่งตนเอง”
มอสเตอร์แฟรงค์ฟังอย่างตั้งใจแต่เขาก็ไม่อาจเข้าใจมากนัก
“จริงสิ ฉันมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งค่ะเป็นภาษาอังกฤษไว้ฉันจะเอามาให้คุณอ่านนะคะ”
ศรัญญาหยิบพริก กุ้งแห้ง กระเทียม ถั่วลิสง บีบมะนาว เหยาะน้ำปลา ใส่น้ำตาล และหั่นมะเขือเทศลูกเล็กใส่รวมกันลงในครกตำพอทุกอย่างเข้ากันจึงใส่มะละกอที่สับเอาไว้และนั่นก็คือเมนูตำไทย ศรัญญาตักให้มิสเตอร์แฟรงค์ชิมดู
“อา รอย แต มาย เพด”
“จะเผ็ดได้ยังไงล่ะก็ฉันใส่พริกไปแค่ครึ่งเม็ดเอง”
“ชอบ เพด นะ” มิสเตอร์แฟรงค์บอกแล้วหยิบพริกใส่เพิ่มไปอีกหลายเม็ด
“ไหวหรอคะเผ็ดมากนะ”
ระหว่างที่ศรัญญาไม่แน่ใจกับพริกของมิสเตอร์แฟรงค์ อยู่ๆจุกก็วิ่งตะโกนโหวกเหวกโวยวายเข้ามา
“พี่รัน”
“มีอะไรวะ ร้องซะข้าตกใจ” ศรัญญามองจุกแวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้สนใจ
จุกเก็บอาหารหอบ “อีกะทิสิพี่!” จุกหมายถึงไก่ที่เลี้ยงเอาไว้ของศรัญญา
“อีกะทิทำไม” ศรัญญารอฟังและแอบลุ้นว่าให้เป็นข่าวดีที่รอคอย
“ไข่ของอีกะทิกำลังจะฟัก”
ศรัญญาลุกขึ้นจากเก้าอี้ราวกลับว่าขาเธอเป็นสปริง “จริงหรอวะ”
“ฉันจะโกหกพี่ทำไมล่ะ”
ไม่รอช้าศรัญญารีบมุ่งไปดูความสำเร็จของตัวเองโดยมีจุกกับมิสเตอร์แฟรงค์อยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วย สายตาทั้งสามคู่เพ่งมองไปยังไข่สองฟองที่ขยับดุ๊กดิ๊กอยู่บนฟางหนาๆ ไข่หนึ่งในสองใบเริ่มร้าวราวกับจะระเบิดออกมา เวลาต่อมาจึงแตกออกเผยเป็นลูกเจี๊ยบที่มีขนเปียกปอน เสียงเฮร้องไชโยดั่งสนั่นหวั่นไหวถ้าไม่บอกว่าดีใจเพราะลูกเจี๊ยบอกจากไข่แล้วล่ะก็คนอื่นคงได้คิดว่าถูกลอตเตอร์รี่เป็นแน่ ในขณะที่ลูกเจี๊ยบตัวแรกออกมาโลดแล่นบนโลกใบใหม่ไม่นานเกินรอลูกเจี๊ยบตัวที่สองก็คลานตามกันออกมา ศรัญญาเช็ดเมือกลื่นๆบนตัวออกให้อย่างเบามือ
“เองว่าข้าจะตั้งชื่อให้พวกมันว่าอะไรดีวะ” ศรัญญาถามความเห็นจุกเพราะเธอยังไม่ได้คิดเอาไว้
จุกนิ่งคิดอยู่พักแล้วมองไปทางมิสเตอร์แฟรงค์ราวกับนึกออก
“เออใช่!” ศรัญญาเข้าใจตรงกัน
“ข้าจะตั้งชื่อให้ตัวที่เกิดก่อนว่า ไอ้แฟง” ศรัญญาชอบใจกับชื่อนี้ไม่น้อย
“ส่วนอีกตัวก็ตั้งเป็นชื่อพี่ซะเลยสิพี่รัน” จุกเสนอ
“เออเข้าท่าดี”
‘ไอ้แฟง’ กับ ‘นางรัน’
เมื่อตกลงเรื่องชื่อกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งสามก็ร่วมรับประทานอาหารที่ศาลาริมน้ำ ศรัญญายกส้มตำข้าวเหนียวมาเตรียมไว้ นึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบไก่ย่างมาด้วยจึงเดินกลับไปยังครัว
จุกจกข้าวเหนียวออกจากกระติบปั้นเป็นลูกกลมๆแล้วจิ้มลงแช่ในจานส้มตำ รอสักพักให้ข้าวเหนียวดูดน้ำจนดูอวบอิ่มแล้วจึงโยนเข้าปาก มิสเตอร์แฟรงค์ลองทำดูบ้าง คำแรกๆไม่รู้สึกเผ็ดแต่พอหลายคำเข้าความแสบร้อนเริ่มออกฤทธิ์ มิสเตอร์แฟรงค์คว้าแก้วน้ำกระดกยกใหญ่แต่ความเผ็ดร้อนไม่ได้จางลดน้อยลงแต่อย่างใด ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด เม็ดเหงื่อเกาะตามใบหน้า น้ำหูน้ำตาเริ่มไหล และออกอาการอยู่ไม่สุขนั่งไม่ติด เขาต้องหาทางระบายความร้อนในตัวออกมาและน้ำในคลองก็ดูจะเป็นทางออกที่ไม่เลวนัก
ศรัญญากลับมาที่ศาลาริมน้ำพร้อมกับจานไก่ย่างในมือ แต่เมื่อมาถึงก็ต้องรีบหันหลังควับอย่างตกใจเมื่อยู่ๆมิสเตอร์แฟรงค์ก็เดินเปลือยกายขึ้นมาจากท่าน้ำยังดีที่ใส่กางเกงขาสั้นไว้หนึ่งตัว มิสเตอร์แฟรงค์รีบคว้ากองเสื้อของตัวเองที่ถอดอยู่ใกล้ๆมาปกปิดส่วนที่เปือย ศรัญญาขยับตัวออกห่างอย่างระวังเพื่อวางไก่ไว้ที่โต๊ะ มิสเตอร์แฟรงค์รีบคว้าแขนศรัญญาไว้เมื่อเห็นว่าเธอจะเดินไป
“ปาย นาย รันย่า”
“ไม่รู้ค่ะ แต่ต้องไปจากตรงนี้” เธอพูดตะกุกตะกักมือไม้สั่น
“ทาม มาย” มิสเตอร์แฟรง์ถามศรัญญาที่ยืนหันหลังให้
“ก็คุณโป๊อยู่น่ะสิคะ” เธอพูดลิ้นรัว
นึกขึ้นได้มิสเตอร์แฟรงค์จึงบอกให้ศรัญญายืนคอยก่อนว่าแล้วเขาจึงค่อยๆหย่อนตัวลงไปในน้ำและเกาะอยู่ที่ท่า
“หันมาได้แล้วพี่รัน”
จุกที่ลอยอยู่ตุป่องอยู่ในน้ำด้วยอีกคนส่งสัญญาณ ศรัญญาหันมาชำเลืองมองด้านหลัง เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อมิสเตอร์แฟรงค์ซุกกายอยู่ใต้น้ำ เหลือเพียงศีรษะที่โผล่ขึ้นมาและรอยยิ้มหวานๆที่ส่งให้อย่างไม่ขาดสาย
“ทำไมถึงลงไปเล่นน้ำอย่างนี้ล่ะไอ้จุก”
“ไอ้ฝรั่งมันเผ็ดน่ะ” จุกวายกลับมาทีท่า
“เองก็ด้วยเรอะ” ศรัญญาย้อนถาม
“จุกว่าส้มตำฝีมือพี่รันน่ะสุดยอดอยู่แล้วแต่ที่ลงมาเล่นน้ำเนี่ยก็เพราะกลัวว่าไอ้ฝรั่งมันจะเหงาตั้งหาก”
“แล้วจะไม่กินกันต่อแล้วใช่ไหม”
“กินสิ ยังไม่ทันอิ่มเลย พี่รันเพิ่งยกไก่มาเองแต่น้ำก็อยากเล่นนะ”
จุกลังเลศรัญญาจึงทำลายความลังเลนั้นด้วยการบอกว่า
“เออ งั้นข้าเอามาป้อนก็แล้วกันเองจะได้ไม่ต้องเสียเวลาขึ้นมาบนฝั่งหลายรอบ”
ว่าแล้วศรัญญาจึงลุกขึ้นไปหยิบจานส้มตำ กระติบข้าวเหนียว และจานไก่มาวางใกล้ท่าเพื่อความสะดวก เธอฉีกเนื้อไก่วางไว้บนข้าวเหนียวที่ปั้นเป็นก้อนพอดีคำหย่อนเข้าปากจุกเป็นคนแรก แล้วจึงว่ายน้ำไปเล่นต่อส่วนมิสเตอร์แฟรงค์ยังเกาะอยู่ที่ท่าไม่ไปไหน ศรัญญาปั้นข้าวเหนียวก้อนใหญ่ขึ้นมาอีกนิด ฉีกไก่วางลงบนข้าวเหนียวแล้วหย่อนใส่ปากมิสเตอร์แฟรงค์ที่รอคิวอยู่ก่อนแล้ว พอเคี้ยวจนหมดปากก็ว่ายกลับมาที่ท่าอีกและคราวนี้ก็ถึงคิวขิงจุก
“พี่รันคืนนี้ที่วัดจัดงานลอยกระทงแหนะชวนไอ้ฝรั่งไปด้วยกันสิ”
“จริงสิข้าดันลืมไปซะสนิทเลย” ศรัญญาฉุกคิดขึ้นได้
“ชาวบ้านพูดกันว่าปีนี้วัดจัดงานใหญ่ซะด้วย เห็นว่ามีประกวดนางนพมาสด้วยนะ สาวๆสวยๆตรึมแน่ล่ะคราวนี้”
ศรัญญาควักน้ำใส่หน้าจุก “เป็นเด็กเป้นเล็กหัดเหล่สาวหรอวะ”
จุกยักคิ้วหลิ่วตาคว้าข้าวเหนียวก้อนสุดท้ายใส่ปากแล้วว่ายออกไป
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ