"หญิงสาวของความรัก"
8.0
เขียนโดย candle
วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.53 น.
1 ตอน
12 วิจารณ์
4,142 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556 21.05 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหญิงสาวแต่งกายชุดดำเรียบร้อยสมวัย ยังคงนั่งทอดสายตาอย่างไร้จุดหมาย ชายหนุ่มนั่งลงเคียงข้างเธอ เขาแลดูสงบเยือกเย็นอย่างพร้อมรับฟังทุกถ้อยคำของเธอ
“มีอะไรจะคุยกับพี่อย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะ” เธอรับคำแล้วนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจทบทวนคำพูด
“เราหย่ากันเถอะนะคะ” นั่นคือคำซึ่งเธอเอ่ยกับเขา
“...............” สีหน้าเรียบเฉยยังคงไร้คำถาม รอเพียงเธอเอ่ยคำต่อ
“จันทร์ไม่อยากให้พี่ต้องทนอยู่กับจันทร์ ทุกอย่างมันจบลงแล้วไม่ต้องรักษาหน้า รักษาเกียรติของใครทั้งนั้น จันทร์ไม่มีค่าพอกับความรักของพี่ไม่เข้าใจว่าพี่ภูมิทนได้ยังไง” เธอมองเขา น้ำตาเอ่อคลอดวงตาเศร้าโศก
“เพราะความรู้สึกที่พี่มีให้เธอมันมากกว่าคำว่ารัก วันใดที่เขากลับมาและพร้อมที่จะดูแลเธอ พี่ก็ไม่ขัดข้องในคำขอร้องของเธอ” เขาแตะมือเธอซึ่งวางไว้บนตักแผ่วเบาปลอบประโลม
เบื้องล่าง ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธออุ้มลูกวัยขวบเศษๆ เข้าไปในรถและขับออกไป จันทร์ยืนมองภาพนั้นอย่างไร้ความรู้สึกใดๆ ความนึกคิดหายไปตั้งแต่วันที่เธอถูกบังคับแต่งงาน หลับใหลมิรู้ตื่นจวบจนบุพการีจากไป...
“คุณหนูขา ตื่นซะทีสิคะ” หญิงรับใช้สูงวัยกล่าวขึ้นเบื้องหลัง
“ป้าไม่ชอบใจเลยที่เห็นคุณหนูเป็นอย่างทุกวันนี้”
“จันทร์ก็ไม่ชอบค่ะป้า แต่ใครที่ทำให้จันทร์ตกอยู่ในสภาพนี้” เธอหันมาหาหญิงรับใช้แววตากล่าวโทษ
“คุณแม่หวังดีนะคะ” หญิงรับใช้พยามปลอบโยน
“หวังดีโดยการยัดเหยียดจันทร์ให้แต่งงานกับพี่ภูมิงั้นเหรอคะ”
“แต่คุณหนูดื้อรั้นกับท่าน” คำพูดค้านยังคงไว้ซึ่งความเกรงอกเกรงใจผู้มีวัยน้อยกว่าด้วยฐานะ
“เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะค่ะ จันทร์ไม่อยากทะเลาะกับป้าขอตัวนะคะ” เธอตัดบท หญิงรับใช้ฉุดมือเธอไว้ยังไงเสียก็เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยรักเหมือนลูกไม่แปรเปลี่ยน
“คนดีอย่าออกไปเลยนะคะ เลิกตามหาเขาเสียที มันไม่มีประโยชน์เขาไปแล้วซึ่งมันก็ดีที่เป็นอย่างนั้น”
“จันทร์เชื่อว่าเขาจะกลับมา” เธอยืนยันกับตัวเองมากกว่าอื่นใดนัยน์ตาเหม่อลอยไร้จุดหมาย
“เขากลับมาแล้วยังไงคะ คุณหนูมีครอบครัวมีลูกที่ต้องดูแล”
“...............”
หญิงสาวเดินออกจากบ้านหลังใหญ่รั้วรอบขอบชิดแสนวิจิตร บ้านซึ่งคนภายนอกมองแล้วคิดว่าเจ้าของบ้านประกอบไปด้วยความสุข พอๆ กับอัครสถานที่เห็นนั่น หากแท้จริงภายในกลับเป็นสถานที่กักขังชื่อเสียงเกรียติยศสกุลสูงส่งที่จะแปดเปื้อนไม่ได้ เธอถูกพันธนาการด้วยสิ่งเหล่านี้มาแต่เยาว์วัย
**
**
“เพลงของคุณภาษาสวยดีนะคะฉันชอบ” เธอบอกกับเขาในวันที่มาโดยลำพังไม่ได้มีผู้หญิงอีกคนตามมาด้วย
เมฆเห็นเด็กสาวคนนี้ทุกครั้งที่เขามาในสวนสาธารณะ เธอมักมานั่งอยู่ใต้ร่มไม้ริมน้ำเสมอ เขาสามารถมองเห็นเธอได้ชัดเจนจากที่เขานั่งประจำ เธอยิ้มทักทายเขาอย่างคนคุ้นเคยในขณะที่คนอื่นมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“คุณรู้จักผมอย่างงั้นเหรอ” เขาถามให้แน่ใจ
“ค่ะ”
“ฟังเพลงผมด้วย”
“ค่ะ”
เขาหัวเราะ เด็กสาวท่าทางนุ่มนิ่มสวยสดคนนี้เหรอฟังเพลงของเขา เพลงที่นักวิจารณ์สาดเสียเทเสียแล้วยังไม่มีนักจัดรายการวิทยุคนไหนเปิดเพลงเขาเลย บทเพลงแปลกแยก ‘บทเพลงเถื่อน’ และเพราะตัวเขาไม่ปกติ
“ฉันฟังเพลงคุณไม่ได้งั้นเหรอ”
“ที่แปลกใจเพราะไม่มีใครฟังเพลงผมต่างหาก และลักษณะคุณก็ไม่ใช่”
“ฉันฟัง” เธอยิ้ม
“ขอบคุณ” ไม่บ่อยหรือแทบไม่มีเลยที่ใครจะบอกว่าชอบบทเพลงของเขา
“ฉันชื่อจันทร์ จันทร์ฉาย” เธอแนะนำตัวกับเขาพร้อมรอยยิ้มสดใส
“ผมเห็นคุณมาที่นี่บ่อยๆ บ้านอยู่แถวนี้เหรอ”
เธอมีท่าทีอึกอักเหมือนไม่อยากจะพูดถึง แต่ก็พยักหน้า
“ทำไมวันนี้ถึงมาคนเดียวได้”
“แอบหนีมา” เธอหัวเราะเห็นเป็นเรื่องสนุกที่ครั้งนี้สามารถหนีออกมาเที่ยวเล่นได้ตามใจโดยไม่มีผู้ติดตาม ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มีทางได้พูดคุยกับเขาเป็นแน่
เธอไม่เคยได้คุยกับคนแปลกหน้าเลยแม้สักคน นอกเสียจากผู้คนในแวดวงสังคมเดียวกัน เหล่าบุตรธิดาของคนอีกชนชั้นหนึ่งที่สุมหัวกันในงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ซึ่งมักจะจัดขึ้นในโรงแรมหรูแต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพงระยับ โป๊ะเครื่องประดับจนเกินพอดีหากกลับได้รับความชื่นชมจากแฟชั่นดีไซด์ว่าเริด แสงไฟวูบวาบจากช่างภาพหลายสำนักแข่งกันกดชัตเตอร์รัวเร็วทำเอาตาพร่าลาย หากยังฝืนยิ้มได้ นั่นคือผู้คนที่เธอต้องคบค้าด้วยแม้ไม่ปรารถนาพูดคุย
เขายิ้ม เธอคลับคล้ายแสงสว่างสาดส่องชีวิตอันเปล่าร้าง เมฆคิดถึงถ้อยคำในหนังสือเล่มบาง
‘เมื่อความรักเปิดดวงตาของข้าพเจ้าด้วยรัศมีอันขลัง และสัมผัสวิญญาณของข้าพเจ้าเป็นครั้งแรกด้วยนิ้วอันร้อนดั่งเพลิง’ จันทร์ฉายก็เป็นเช่นนั้นในวันนี้
**
**
“ผมเข้าไปได้มั๊ย” ดีนแง้มบานประตูเยี่ยมหน้าเข้าไป
คนอยู่ภายในยังคงนั่งนิ่งเหมือนรูปสลักเบื้องหน้าเฟรมเขียนรูป ผมยาวหยักเป็นลอนถูกมัดไว้หลวมๆ ชุดซึ่งสวมใส่อยู่เปอะเปื้อนไปด้วยสีแดงสดทั้งยังกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นห้อง สะท้อนอารมณ์อันกราดเกรี้ยวของผู้เป็นเจ้าของ
“พี่เป็นไงบ้าง”
“ไม่เป็นไร ฉันสบายดี” น้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์ตอบกลับมา
“เขียนรูปอยู่เหรอ” ดีนมองภาพเลอะเทอะนั้นอย่างฉงน ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจของคนหนุ่ม
“ฉันทำมันเลอะเทอะหมดแล้ว” คนหนุ่มขว้างพู่กันในมือ สีแดงสดจากปลายพู่กันกลายเป็นเส้นไปบนผนังห้องสีขาวครีม
“...............”
“วันนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งไปถามหาพี่กับผม” ดีนรอคอยปฏิกิริยาสะท้อนกลับ คนหนุ่มหันมาหาเขาเชื่องช้าแววตาวูบไหวเพียงชั่วแล่นกลับสงบนิ่งเช่นเดิม
เขาไม่รู้ว่าควรต่อหรือรอฟังคำถาม ความเงียบชวนอึดอัดจนดีนต้องพูดต่อ
“เธอบอกว่าชื่อจันทร์” ดีนกลั้นใจมองดูสีหน้าอีกฝ่าย
“จันทร์ฉาย” เขารำพึง
“พี่รู้จักเธอ”
“นายบอกอะไรเธอรึเปล่า” คนหนุ่มเน้นคำ
“เปล่าครับ” ดีนปฏิเสธรับรู้ได้ในน้ำเสียงคุกคาม
“ทำไมถึงไปถามนาย” น้ำเสียงกลับไปเลื่อนลอยแผ่วเบาสงสัย
“เธอว่าบทเพลงแห่งรักเรียกเธอมา เธอว่าพี่เป็นคนเขียนบทเพลงนี้ ภาษาของพี่ถ้อยคำของพี่เธอจดจำมันได้”
“เธอดูเป็นไงบ้าง” คนหนุ่มถามขึ้นตายังจับจ้องภาพเขียนสีน้ำขนาดใหญ่ตรงฝาผนัง ภาพในจินตนาการหญิงสาวผู้มีเรือนผมเป็นดอกไฮเดรนเยียสีม่วงคราม
ดีนมองตามสายตาคนหนุ่ม
“สวยแต่ไร้วิญญาณ” ดีนนึกถึงแววตาคู่นั้นแล้วให้สะท้อนใจ อย่างกับคนสิ้นไร้เรี่ยวแรง ระโหยล้าบอกไม่ถูกจนเขาเกือบเผลอพลั้งปากบอกเล่าเรื่องราว
‘ช่วยบอกด้วยว่าฉันยังคงรักเขาอยู่’ เธอทิ้งประโยคชวนหดหู่ฝากไว้ให้ก่อนลาจาก ไม่ได้ซักไซ้เค้นถามคล้ายล่วงรู้ว่าถ้อยคำของเธอจะส่งถึงคนหนุ่ม
เมฆรับรู้ถ้อยวาจานั้นจากเด็กหนุ่ม เขาหวนกลับไปสู่ชายคนเดิมก่อนที่ดีนจะเข้ามาอีกครั้ง หันไปจดจ่อเพ่งมองรอยแปรงปาดไปมาด้วยสีแดงไร้รูปร่าง
“พี่อยากได้อะไรเพิ่มไหม สีหรือว่ากระดาษพู่กันอะไรพวกนี้” ดีนถามเบาๆ เกรงว่าเสียงที่ดังจะทำให้จะทำให้อารมณ์กราดเกรี้ยวที่เร้นกายแตกตื่น
เมฆคล้ายไม่ได้ยินถ้อยถามเขากลับไปจมดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ ไม่รับรู้การมีตัวตนของอีกฝ่าย
“ฉันรักคุณ” ถ้อยคำชวนเคลิ้มฝันยังติดอยู่ในความทรงจำ ใบหน้าสวยหวานสะอาดตา หากเปรียบเธอเป็นเช่นข้าวของก็หมายความว่า เธอเป็นสิ่งที่เจ้าของทะนุถนอมดูแลอย่างดี เป็นสิ่งของที่คนเช่นเขาไม่อาจครอบครองได้ แม้เพียงชื่นชมด้วยการสัมผัสลูบไล้อย่าได้แม้คิดฝัน เป็นสมบัติล้ำค่ามีราคาซึ่งเจ้าของหวงแหน
**
**
“เพียงใบไม้พลิ้วไหวในอากาศ
ระบัดบาดหัวใจให้โหยหา
แรกแห่งรักโยงใยในแววตา
พาทรวงข้ามอดไหม้ใจประวิง
คิดถึงเธอผู้ไกลในความฝัน
คิดถึงวันเคยชื่นถวิลหา
ภาพรอยยิ้มฝังแน่นแนบอุรา
ถ้อยจำนรรจ์เจรจายังตราตรึง
ฝากบทเพลงแห่งรักชักนำให้
ถึงดวงใจแห่งข้ามิรู้หน
แม้หนทางดาวดับแสนมืดมน
ให้รักดลเพรียกใจไปพบกัน”
เสียงรำพันบทกวีก่อนบทเพลงแห่งรักจะเริ่มขึ้นสะกดเธอให้นิ่งฟัง น้ำเสียงแบบนี้ ถ้อยคำแบบนี้ นานแค่ไหนที่โหยหา นานแค่ไหนที่อยากได้ยินอีกสักครา จันทร์ฉายปล่อยน้ำตาหยาดหยดใบหน้าหม่นระบายยิ้มได้อีกครั้งหนึ่ง เขายังคงอยู่ณ.ที่ใดที่หนึ่งแม้ไม่อาจทราบได้ หากเขายังคงอยู่นิรันดร์ในความทรงจำของเธอ.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ