"หญิงสาวของความรัก"

8.0

เขียนโดย candle

วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.53 น.

  1 ตอน
  12 วิจารณ์
  4,127 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556 21.05 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

          หญิงสาวแต่งกายชุดดำเรียบร้อยสมวัย ยังคงนั่งทอดสายตาอย่างไร้จุดหมาย ชายหนุ่มนั่งลงเคียงข้างเธอ เขาแลดูสงบเยือกเย็นอย่างพร้อมรับฟังทุกถ้อยคำของเธอ

 

          “มีอะไรจะคุยกับพี่อย่างนั้นเหรอ”

          “ค่ะ” เธอรับคำแล้วนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจทบทวนคำพูด

          “เราหย่ากันเถอะนะคะ” นั่นคือคำซึ่งเธอเอ่ยกับเขา

          “...............” สีหน้าเรียบเฉยยังคงไร้คำถาม รอเพียงเธอเอ่ยคำต่อ

          “จันทร์ไม่อยากให้พี่ต้องทนอยู่กับจันทร์ ทุกอย่างมันจบลงแล้วไม่ต้องรักษาหน้า รักษาเกียรติของใครทั้งนั้น จันทร์ไม่มีค่าพอกับความรักของพี่ไม่เข้าใจว่าพี่ภูมิทนได้ยังไง” เธอมองเขา น้ำตาเอ่อคลอดวงตาเศร้าโศก

          “เพราะความรู้สึกที่พี่มีให้เธอมันมากกว่าคำว่ารัก วันใดที่เขากลับมาและพร้อมที่จะดูแลเธอ พี่ก็ไม่ขัดข้องในคำขอร้องของเธอ” เขาแตะมือเธอซึ่งวางไว้บนตักแผ่วเบาปลอบประโลม

 

 

          เบื้องล่าง ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธออุ้มลูกวัยขวบเศษๆ เข้าไปในรถและขับออกไป จันทร์ยืนมองภาพนั้นอย่างไร้ความรู้สึกใดๆ ความนึกคิดหายไปตั้งแต่วันที่เธอถูกบังคับแต่งงาน หลับใหลมิรู้ตื่นจวบจนบุพการีจากไป...

 

          “คุณหนูขา ตื่นซะทีสิคะ” หญิงรับใช้สูงวัยกล่าวขึ้นเบื้องหลัง

          “ป้าไม่ชอบใจเลยที่เห็นคุณหนูเป็นอย่างทุกวันนี้”

          “จันทร์ก็ไม่ชอบค่ะป้า แต่ใครที่ทำให้จันทร์ตกอยู่ในสภาพนี้” เธอหันมาหาหญิงรับใช้แววตากล่าวโทษ

          “คุณแม่หวังดีนะคะ” หญิงรับใช้พยามปลอบโยน

          “หวังดีโดยการยัดเหยียดจันทร์ให้แต่งงานกับพี่ภูมิงั้นเหรอคะ”

          “แต่คุณหนูดื้อรั้นกับท่าน” คำพูดค้านยังคงไว้ซึ่งความเกรงอกเกรงใจผู้มีวัยน้อยกว่าด้วยฐานะ

          “เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะค่ะ จันทร์ไม่อยากทะเลาะกับป้าขอตัวนะคะ” เธอตัดบท หญิงรับใช้ฉุดมือเธอไว้ยังไงเสียก็เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยรักเหมือนลูกไม่แปรเปลี่ยน

          “คนดีอย่าออกไปเลยนะคะ เลิกตามหาเขาเสียที มันไม่มีประโยชน์เขาไปแล้วซึ่งมันก็ดีที่เป็นอย่างนั้น”

          “จันทร์เชื่อว่าเขาจะกลับมา” เธอยืนยันกับตัวเองมากกว่าอื่นใดนัยน์ตาเหม่อลอยไร้จุดหมาย

          “เขากลับมาแล้วยังไงคะ คุณหนูมีครอบครัวมีลูกที่ต้องดูแล”

          “...............”

 

          หญิงสาวเดินออกจากบ้านหลังใหญ่รั้วรอบขอบชิดแสนวิจิตร บ้านซึ่งคนภายนอกมองแล้วคิดว่าเจ้าของบ้านประกอบไปด้วยความสุข พอๆ กับอัครสถานที่เห็นนั่น หากแท้จริงภายในกลับเป็นสถานที่กักขังชื่อเสียงเกรียติยศสกุลสูงส่งที่จะแปดเปื้อนไม่ได้ เธอถูกพันธนาการด้วยสิ่งเหล่านี้มาแต่เยาว์วัย

 

          **

          **

 

          “เพลงของคุณภาษาสวยดีนะคะฉันชอบ” เธอบอกกับเขาในวันที่มาโดยลำพังไม่ได้มีผู้หญิงอีกคนตามมาด้วย

 

          เมฆเห็นเด็กสาวคนนี้ทุกครั้งที่เขามาในสวนสาธารณะ เธอมักมานั่งอยู่ใต้ร่มไม้ริมน้ำเสมอ เขาสามารถมองเห็นเธอได้ชัดเจนจากที่เขานั่งประจำ เธอยิ้มทักทายเขาอย่างคนคุ้นเคยในขณะที่คนอื่นมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

 

          “คุณรู้จักผมอย่างงั้นเหรอ” เขาถามให้แน่ใจ

          “ค่ะ”

          “ฟังเพลงผมด้วย”

          “ค่ะ”

 

          เขาหัวเราะ เด็กสาวท่าทางนุ่มนิ่มสวยสดคนนี้เหรอฟังเพลงของเขา เพลงที่นักวิจารณ์สาดเสียเทเสียแล้วยังไม่มีนักจัดรายการวิทยุคนไหนเปิดเพลงเขาเลย บทเพลงแปลกแยก ‘บทเพลงเถื่อน’ และเพราะตัวเขาไม่ปกติ

 

          “ฉันฟังเพลงคุณไม่ได้งั้นเหรอ”

          “ที่แปลกใจเพราะไม่มีใครฟังเพลงผมต่างหาก และลักษณะคุณก็ไม่ใช่”

          “ฉันฟัง” เธอยิ้ม

          “ขอบคุณ” ไม่บ่อยหรือแทบไม่มีเลยที่ใครจะบอกว่าชอบบทเพลงของเขา

          “ฉันชื่อจันทร์ จันทร์ฉาย” เธอแนะนำตัวกับเขาพร้อมรอยยิ้มสดใส

          “ผมเห็นคุณมาที่นี่บ่อยๆ บ้านอยู่แถวนี้เหรอ”

 

          เธอมีท่าทีอึกอักเหมือนไม่อยากจะพูดถึง แต่ก็พยักหน้า

 

          “ทำไมวันนี้ถึงมาคนเดียวได้”

          “แอบหนีมา” เธอหัวเราะเห็นเป็นเรื่องสนุกที่ครั้งนี้สามารถหนีออกมาเที่ยวเล่นได้ตามใจโดยไม่มีผู้ติดตาม ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มีทางได้พูดคุยกับเขาเป็นแน่

 

          เธอไม่เคยได้คุยกับคนแปลกหน้าเลยแม้สักคน นอกเสียจากผู้คนในแวดวงสังคมเดียวกัน เหล่าบุตรธิดาของคนอีกชนชั้นหนึ่งที่สุมหัวกันในงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ซึ่งมักจะจัดขึ้นในโรงแรมหรูแต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพงระยับ โป๊ะเครื่องประดับจนเกินพอดีหากกลับได้รับความชื่นชมจากแฟชั่นดีไซด์ว่าเริด แสงไฟวูบวาบจากช่างภาพหลายสำนักแข่งกันกดชัตเตอร์รัวเร็วทำเอาตาพร่าลาย หากยังฝืนยิ้มได้ นั่นคือผู้คนที่เธอต้องคบค้าด้วยแม้ไม่ปรารถนาพูดคุย

 

          เขายิ้ม เธอคลับคล้ายแสงสว่างสาดส่องชีวิตอันเปล่าร้าง เมฆคิดถึงถ้อยคำในหนังสือเล่มบาง

 

‘เมื่อความรักเปิดดวงตาของข้าพเจ้าด้วยรัศมีอันขลัง และสัมผัสวิญญาณของข้าพเจ้าเป็นครั้งแรกด้วยนิ้วอันร้อนดั่งเพลิง’ จันทร์ฉายก็เป็นเช่นนั้นในวันนี้

 

          **

          **

 

          “ผมเข้าไปได้มั๊ย” ดีนแง้มบานประตูเยี่ยมหน้าเข้าไป

 

          คนอยู่ภายในยังคงนั่งนิ่งเหมือนรูปสลักเบื้องหน้าเฟรมเขียนรูป ผมยาวหยักเป็นลอนถูกมัดไว้หลวมๆ ชุดซึ่งสวมใส่อยู่เปอะเปื้อนไปด้วยสีแดงสดทั้งยังกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นห้อง สะท้อนอารมณ์อันกราดเกรี้ยวของผู้เป็นเจ้าของ

 

          “พี่เป็นไงบ้าง”

          “ไม่เป็นไร ฉันสบายดี” น้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์ตอบกลับมา

          “เขียนรูปอยู่เหรอ” ดีนมองภาพเลอะเทอะนั้นอย่างฉงน ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจของคนหนุ่ม

          “ฉันทำมันเลอะเทอะหมดแล้ว” คนหนุ่มขว้างพู่กันในมือ สีแดงสดจากปลายพู่กันกลายเป็นเส้นไปบนผนังห้องสีขาวครีม

          “...............”

          “วันนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งไปถามหาพี่กับผม” ดีนรอคอยปฏิกิริยาสะท้อนกลับ คนหนุ่มหันมาหาเขาเชื่องช้าแววตาวูบไหวเพียงชั่วแล่นกลับสงบนิ่งเช่นเดิม

 

          เขาไม่รู้ว่าควรต่อหรือรอฟังคำถาม ความเงียบชวนอึดอัดจนดีนต้องพูดต่อ

 

          “เธอบอกว่าชื่อจันทร์” ดีนกลั้นใจมองดูสีหน้าอีกฝ่าย

          “จันทร์ฉาย” เขารำพึง

          “พี่รู้จักเธอ”

          “นายบอกอะไรเธอรึเปล่า” คนหนุ่มเน้นคำ

          “เปล่าครับ” ดีนปฏิเสธรับรู้ได้ในน้ำเสียงคุกคาม

          “ทำไมถึงไปถามนาย” น้ำเสียงกลับไปเลื่อนลอยแผ่วเบาสงสัย

          “เธอว่าบทเพลงแห่งรักเรียกเธอมา เธอว่าพี่เป็นคนเขียนบทเพลงนี้ ภาษาของพี่ถ้อยคำของพี่เธอจดจำมันได้”

          “เธอดูเป็นไงบ้าง” คนหนุ่มถามขึ้นตายังจับจ้องภาพเขียนสีน้ำขนาดใหญ่ตรงฝาผนัง ภาพในจินตนาการหญิงสาวผู้มีเรือนผมเป็นดอกไฮเดรนเยียสีม่วงคราม

ดีนมองตามสายตาคนหนุ่ม

 

          “สวยแต่ไร้วิญญาณ” ดีนนึกถึงแววตาคู่นั้นแล้วให้สะท้อนใจ อย่างกับคนสิ้นไร้เรี่ยวแรง ระโหยล้าบอกไม่ถูกจนเขาเกือบเผลอพลั้งปากบอกเล่าเรื่องราว

 

          ‘ช่วยบอกด้วยว่าฉันยังคงรักเขาอยู่’ เธอทิ้งประโยคชวนหดหู่ฝากไว้ให้ก่อนลาจาก ไม่ได้ซักไซ้เค้นถามคล้ายล่วงรู้ว่าถ้อยคำของเธอจะส่งถึงคนหนุ่ม

 

          เมฆรับรู้ถ้อยวาจานั้นจากเด็กหนุ่ม เขาหวนกลับไปสู่ชายคนเดิมก่อนที่ดีนจะเข้ามาอีกครั้ง หันไปจดจ่อเพ่งมองรอยแปรงปาดไปมาด้วยสีแดงไร้รูปร่าง

 

          “พี่อยากได้อะไรเพิ่มไหม สีหรือว่ากระดาษพู่กันอะไรพวกนี้” ดีนถามเบาๆ เกรงว่าเสียงที่ดังจะทำให้จะทำให้อารมณ์กราดเกรี้ยวที่เร้นกายแตกตื่น

 

          เมฆคล้ายไม่ได้ยินถ้อยถามเขากลับไปจมดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ ไม่รับรู้การมีตัวตนของอีกฝ่าย

 

          “ฉันรักคุณ” ถ้อยคำชวนเคลิ้มฝันยังติดอยู่ในความทรงจำ ใบหน้าสวยหวานสะอาดตา หากเปรียบเธอเป็นเช่นข้าวของก็หมายความว่า เธอเป็นสิ่งที่เจ้าของทะนุถนอมดูแลอย่างดี เป็นสิ่งของที่คนเช่นเขาไม่อาจครอบครองได้ แม้เพียงชื่นชมด้วยการสัมผัสลูบไล้อย่าได้แม้คิดฝัน เป็นสมบัติล้ำค่ามีราคาซึ่งเจ้าของหวงแหน

 

          **

          **

 

          “เพียงใบไม้พลิ้วไหวในอากาศ

          ระบัดบาดหัวใจให้โหยหา

          แรกแห่งรักโยงใยในแววตา

          พาทรวงข้ามอดไหม้ใจประวิง

 

          คิดถึงเธอผู้ไกลในความฝัน

          คิดถึงวันเคยชื่นถวิลหา

          ภาพรอยยิ้มฝังแน่นแนบอุรา

          ถ้อยจำนรรจ์เจรจายังตราตรึง

 

          ฝากบทเพลงแห่งรักชักนำให้

          ถึงดวงใจแห่งข้ามิรู้หน

          แม้หนทางดาวดับแสนมืดมน

          ให้รักดลเพรียกใจไปพบกัน”

 

          เสียงรำพันบทกวีก่อนบทเพลงแห่งรักจะเริ่มขึ้นสะกดเธอให้นิ่งฟัง น้ำเสียงแบบนี้ ถ้อยคำแบบนี้ นานแค่ไหนที่โหยหา นานแค่ไหนที่อยากได้ยินอีกสักครา จันทร์ฉายปล่อยน้ำตาหยาดหยดใบหน้าหม่นระบายยิ้มได้อีกครั้งหนึ่ง เขายังคงอยู่ณ.ที่ใดที่หนึ่งแม้ไม่อาจทราบได้ หากเขายังคงอยู่นิรันดร์ในความทรงจำของเธอ.

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา