ชึวิตหลัง...โมงเย็น
เขียนโดย solo1075
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.28 น.
แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556 18.32 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) ชีวิตหลัง....โมงเย็น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความชีวิตหลัง...โมงเย็น
ชีวิตของคนหลังจากหลุดออกจากรั้วมหาลัยออกมา มีอยู่ไม่กี่หนทางให้เลือกเดิน ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรือเหมือนดั่งในนิยาย นี่คือชีวิตจริง รู้สึกจริง เล่นจริงเจ็บจริง หลายๆคนเมื่อออกมาจากรั้วกรอบที่สังคมได้วางไว้ ล้วนแต่ยังเป็นผู้ที่มีประกายแววตาที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงแห่งความห้าวหาญ แต่หารู้ไม่ว่า ท่านเพิ่งได้เดินทางมาเพียงเสี้ยวหนึ่งของชีวิต
ลูกจ้าง
บ้างก็เป็นไปเพื่อค้นหาประสบการณ์ รวมไปถึงการหารายได้เพื่อประทังชีวิต หากลองคิดดู มนุษย์อย่างเรา ๆทุกคนไม่มีงานให้ทำ โลกนี้คงดูผ่อนคลายมากขึ้น ไม่ต้องเครียดกับเรื่องของเอกสารอันยุ่งเหยิงที่ทิ้งกองไว้เท่าภูเขา ไม่ต้องทนเสียงบ่นด่าจากหัวหน้าหรือลูกค้าที่ไม่พอใจในงานของเรา ไม่ต้องเหนื่อยกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักไม่ได้รักในงานที่ทำ เพราะปัจจุบันอาชีพในดวงใจของคนเรา มักอยู่ห่างจากความเป็นจริงกับงานที่เราได้ทำ ความฝันที่เราทุกๆคนต่างมีมักจะค่อยๆเลือนลางจางหายไปกับวันเวลาที่เราได้ทำงานซ้ำๆเดิมๆ จำเจ ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับความเป็นจริงที่ต้องหาเช้ากินค่ำ ต้องทนแบกรับภาระหนี้สินที่รุงรังจวบครึ่งค่อนชีวิตที่เรายังคงมีลมหายใจ
“ชีวิตเคยสนุกกว่านี้ เมื่อฉันยังเป็นเด็ก”
เจ้าของกิจการ
คนเหล่านี้มักต้องมีกำลังทรัพย์ที่พร้อมยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มักจะหาหนทางเพื่อไขว่คว้าในสิ่งที่ตนได้วางไว้หลังจากจบจากรั้วมหาลัย แต่ด้วยความด้อยประสบการณ์หากใครไม่มีบารมีสั่งสม ( บารมีจากบิดามารดาผู้ซึ่งปูเส้นทางธุรกิจไว้แล้ว) ก็คงจะเดินบนเส้นทางนายจ้างยากหน่อย แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นไม่มีใครเก่งมาจากฟ้า ทุกคนย่อมต้องเจอกับความผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา “ประสบการณ์จะสอนให้เราเติบโตขึ้นมาเอง” เลยมีคำถามว่า “ แล้วต้องรอให้แก่ก่อนหรือถึงจะเข้าใจ” เฮ้อออ ..... ผมพูดมาถึงตอนนี้ ก็ยังรู้สึกท้อใจกับชีวิตที่เคยผิดหวังกับความฝันลมๆแล้งๆที่อยากจะเป็นเจ้าของกิจการกับคนอื่นเขา
.....แต่ตอนนี้ผมยังต้องนั่งทำโอที หลัง 5 โมงเย็นทุกๆวัน ..... (ถอนหายใจแรงๆหนึ่งเฮือก)
เหมือนเราๆทุกๆคนนั่นแหละครับ
แต่.....
...........
.....................
วันหนึ่งที่ผมมีภาระอะไรมากมายก่ายกองสับเพเหระมารุมมากยิ่งขึ้นเท่าไร ไหนจะเป็นเรื่องค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าผ่อนบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าท่องเที่ยว ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ผมกลับนึกย้อนกลับกันว่า
“ เออว่ะ..... เราก็ยังมีคุณค่าพอบนโลกใบนี้ที่จะต้องทำอีกมากมาย ยังมีคนรอบข้างให้ได้พบปะพูดคุย แม้เวลาวันหยุดยาวๆของผมจะมีน้อยนัก แต่ยังคงได้พบปะพูดคุยทักทายกับผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ยังได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดปีละครั้ง ยังได้กลับบ้านไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องที่สุดเขตชายแดนเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควันขาว ชวนให้รู้สึกเหมือนยืนอยู่ในเมืองแห่งความฝัน ความสุขที่อยู่ล้อมรอบตัว ได้สูดบรรยากาศที่เย็นสบายและบริสุทธิ์ ชีวิตที่พอมีพอกิน มีคู่ชีวิตที่คอยยืนอยู่ข้างๆร่วมกันใช้ชีวิตที่แสนจะทรหด ได้มีภาพความทรงจำฝากไว้บนโลกใบนี้กับรอยยิ้มที่พบได้แทบจะทุกใบบนรูปถ่าย
......เคยคิดเหมือนกันนะว่า “ อยากฝากอะไรบางอย่างที่เป็นที่จดจำไว้บนโลกใบนี้”
เหมือนนักร้องที่ฝากบทเพลงให้คนรุ่นหลังได้จดจำและยังคงร้องตามกันได้อยู่จนถึงแทบปัจจุบัน
เหมือนนักกีฬาที่ได้สร้างวีรกรรมให้กับผู้คนอยากจะเป็นให้ได้ดั่งเขาผู้นั้น
เหมือนนักแสดงที่ได้ฝากรอยยิ้มและน้ำตาไว้บนหน้าจอทีวีของแต่ละบ้าน
เหมือนใครอีกหลายๆคนที่เมื่อเขาจากโลกนี้ไป ก็ยังคงสร้างสิ่งที่ให้ผู้คนรุ่นหลังได้จดจำ
.แต่......
.............
..........................
..................ตอนนี้!!! ผมยังนั่งทำโอทีอยู่เลย T T .......
............ผมก็ยังคงฝันกันต่อไป แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่ความฝันมันยังอยู่ในจิตใจของผมและนึกถึงทีไรมันทำให้หัวใจดวงนี้พองโตทุกที..............
Solo1075 .........เขียน
X
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ