รอ ก่อ พอ จ้อ
เขียนโดย นายน่าเบื่อ
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.12 น.
แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556 16.59 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) จ้อของสองคน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ปึก!”
“ขอโทษครับ” “ขอโทษครับ”
เสียงขอโทษประสานดังขึ้นจากบุรุษสอง คน หน้าร้านขายของชำเกิดขึ้นแผ่วเบา ท้ามกลางผู้คนมากมาย อากาศเย็นสบาย ในตอนบ่ายของวันนี้ทำให้ผู้คนออกมาซื้อของมากเป็นพิเศษหรือเปล่าไม่ทราบได้ ผมบอกข้อโทษเสร็จก็ออกเดินต่อไปยังจุดหมายเดิมที่นัดไว้ วันนี้เป็นวันงานว่างของคนไม่ว่างงานอย่างผม ^ ^จึงมีจุดหมายที่ไปบ่อย ๆ
ต้นไม้สวนเขียวชอุ่มตั่งประดับเรียงรายอย่างเป็นระเบียบจัดโชว์อยู่หน้าร้านอย่างสวยงามเป็นสวนหย่อมเล็ก ๆ กลิ่นขนมอบล่องลอยเบาบางอยู่ในอากาศอย่างหอมหวานชวนให้ลิ้มลองเป็นเหมือนมนต์สะกดของร้านเบเกอรี่แห่งนี้ ผมยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาอีกครั้งเพื่อเซ็กให้แน่ใจว่า ตรงเวลาตามนัดหรือเปล่า ผมผลักประตูร้านเข้าไปข้างในเสียงกระดิ่งดังขึ้นเบา ๆ ให้คนในร้านได้ยินว่ามีลูกค้าเข้ามา พนักงานเพียงสองคนของร้านเดินออกมาดูก่อนจะร้องทักทายขึ้น
“อาวพี่เพียง มาตรงเวลาเลยนะครับ แหมเรทนิดหน่อยก็ได้ครับพี่” เสียงแซวอย่างกวนประสาทจากชายอายุเพียง 18 เจ้าของร้านเป็นกันเองสุด ๆ ดังขึ้นทั่วร้านที่ไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียว
“ร้านแกจะเจ๊งแล้วเหรอ จ้อดูดิไม่มีคนเข้าซักคน” ผมแซวกลับด้วยท่าทีกวน ๆ อย่างคนอารมณ์ดีสวนไป ที่จริงผมไม่ได้มีจุดหมายที่นี้หลอกแค่จะแวะมาเอาขนมที่สั่งทำไว้เท่านั้นแหละ
“บ้าดิพี่ ยังไม่เปิดร้านเลยจะมีลูกค้าได้ไง เล้า มาแช่งกัน” จ้อโวยวายขึ้นมาอย่างงอน ๆ ใส่ผมเด็กจริง ๆ หมอนี้
“นี้คะ พี่เพียง ได้แล้วคะ ไม่รีบไปเดี๋ยวหายอร่อยไม่รู้ด้วยนะ” สาวน้อยหน้าใสพูดขัดจังหวะการพูดคุยของหนุ่มสองคนที่กำลังล้อกันเล่น(กัด) เสียงดังทั่วร้าน
“ขอบคุณครับน้องแป้ง เดี๋ยวพี่ขนขึ้นรถเองแป้งไปดูตัวเล็กต่อเถอะ” ผมบอกแป้งแฟนของเจ้าจ้อก่อนจะขนถุงคุกกี้ธัญพืช ที่ห่อใส่ในถุงสีชมพูน่ารักมากมายขึ้นรถ ก่อนจะสตาร์ทและออกตัวเพื่อไปยังจุดมุ่งหมายที่ตั่งใจจะไปมาตลอดสองอาทิตย์แต่ก็ไม่ว่าง
....
…
..
.
สายลมเย็นพัดผ่านลานต้นหูกวางหน้าบ้านพักคนชรา ที่กำลังออกดอกสีแดงสดมากมาย ใต้ต้นมีกลีบดอกและดอกหูกวางแดงหล่นเกลื่อนกลาดไปทั่วลานกว้างเหมือนมีคนเอาพรมแดงมาปูทั่วลาน ยามที่สายลมแรงพัดกระทบกับดอกหูกวางสีแดงและไปสีเขียวล่วงหลนปลิวไสวลงสู่พื้นช่างงดงามและผ่อนคลายเหลื่อเกิด ผมเดินลงจากรถมาก็ตรงมาที่ลานนี้ทันทีโดยไม่ลังเลเหมือนเป็นบ้านหลังที่สองของตัวเองเลยก็ว่าได้ 55+ แต่ผมยังไม่แก่นะครับ
ใต้ต้นหูกวางที่ร่มลื่น อากาศเย็นสบายเป็นที่พักพิงอิงอาศัยทำกิจกรรมยามว่างของเหล่าคุณตา-คุณยายที่มักจะมาจับกลุ่มนั่งคุยกัน บ้าง เล่นหมากรุก ถักไหมพรม ฟังเพลง และอีกกิจกรรมมากมายที่ทำให้พ่อนคลายของคนวัยเกษียรอย่างสนุกสนาน จึงทำให้ความงามของลานหูกวางไม่ได้ดูสวยงามเพียงภาพลักษณ์เท่านั้น แต่มันยังถูกตกแต่งแต้มอย่างสวยงามไปด้วยลอยยิ้มของคนชราเหล่านี้ และเมื่อเด็กกำพร้าอย่างผมมองดูเมื่อไหร่ ก็รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก ตลอดเวลาที่มาที่นี้
ตลอดทางที่ผมเดินมาผ่านกลุ่มชายแกหญิงชราหลายกลุ่มและทุกคนพูดคุยทักทายผมอย่างเป็นกันเองเหมือนผมเป็นลูกหลาน ผมเดินมอบคุกกี้ให้กับพวกท่านทุกกลุ่มไว้ทานเล่นเวลาคุยหรือทำกิจกรรมกันต่อ ผมมักจะมาเที่ยวที่นี้อยู่บ่อย ๆ ในเวลาว่าง พวกท่านมักจะเล่าเรื่องราวมากมายของชีวิตให้ผมพัง อยู่ทุกครั้งที่มา ในเรื่องราวชีวิตของพวกเค้าบางคนเศร้าอย่างไม่น่าเศร้าและบางคนก็ยาวอย่างสุดซึ้ง แต่รวม ๆ แล้วเรื่องราวที่พวกท่านทุกคนก็สอดแทรกคำสอนและคติแห่งความไม่ประมาทไว้เสมอ และที่แห่งนี้ก็มีบุคคล ๆ หนึ่งที่เป็นเหมือนกำลังใจให้ผมอยู่ตลอดในตอนที่ผมหมดหวัง
ผมเดินมอบขนมจนเกือบหมดก็หยุดและมานั่งพักที่สาลาลมชมหูกวางที่อยู่กลางลานแห่งนั้น มองดูลมพัดดอกหูกวางร่วงหล่นลงอย่างสบายตา พร่างคิดเรื่อยเปลื่อยอย่างสุขอารมณ์
“สุดท้ายไม่ว่าดอกที่เกิดก่อนหรือเกิดตามทีหลัง ก็ต้องร่วงหล่นลงสู่ดินอยู่ดี เองว่ามั้ยหละเจ้าเพียง” เสียงทุ่มสันแสนออนโยนของชายชราวัยย่างแปดสิบ ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ผมหลุดจากภาพของต้นหูกวาง
“อะลุงชิสวัสดีครับ อะนี้ครับคุกกี้ถุงสุดท้ายแล้วนะผมอุส่าเก็บไว้ให้” ผมยกมือไหวลุงชิบุคคลที่มักจะให้ข้อคิดและตักเตือนเวลาผมมาเล่าเรื่องทุกใจให้ฟังเสมอ
“ไหว้พระเถอะ เป็นไงมั้งหละพ่อหนุ่มไฟแรง การงานดีสิท่าไม่มาหาคนแก ๆ อย่างข้าตั้งสองอาทิตย์” ลุงชิพูดอย่างอนก่อนจะหยิบคุกกี้ไปแกะกินแล้วยิ้มและยกนิ้วโปงขึ้นมาให้ผม = = แปลว่ามันอร่อยสินะ
“ก็ดีครับ พอดีตอนนี้ยุ่ง ๆ ครับ วันนี้ว่างผมก็รีบมาหาแล้วนะครับ” ผมบอกก่อนจะหันไปมองดูรอบ ๆ ต่ออีกครั้ง
“ลุงครับคนหายไปเยอะนะครับ” ผมถามขึ้นเมื่อสังเกตว่าคนชราที่คุ้นหน้า และจำนวนสมาชิกลดลงไปเยอะ
“อืม ใช่ ลูก ๆ เค้ามารับกลับกันหมดแล้ว ใกล้ถึงวันพ่อแล้วนิ” ลุงชิพูดออกมาอย่างเสียงเศร้า ๆ เหงา ๆ ตามประสาคนที่ไม่ได้เจอลูกมานานมากแล้ว
“ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” เมื่อผมเห็นสีหน้าไปดีของลุงผมก็บอกขอโทษอย่างสำนึกผิด จริงอยู่ที่ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่าหากมองอีกมุมมันก็มีความเหงากระจายอยู่ทั่วเช่นกัน
“ไม่ใช่ความผิดเองหลอก แล้วอีกอย่างข้าคงจะไม่ได้เจอหน้ามันอีกแล้วหละ”ลุงชิพูดขึ้นก่อนจะหมองเหม่อออกไปข้างนอกศาลาลมอย่างเศร้า ๆ
“ทำไมหละครับ ลูกลุงต้องมารับแน่นอนครับก็วันพ่อทั้งที” ผมพูดขึ้นอย่างปลอบใจ เพื่อให้ได้ช่วยบรรเทาความเศร้าได้บ้าง
“ปกติมันก็มาทุกปีหลอก แต่ข้าคงไม่ได้เห็นหน้ามันอีกแล้วหละ” ลุงพูดขึ้นก่อนที่ผมจะเห็นน้ำคลอ ๆ ในตาของลุงชิ ดวงตาที่มองไปข้างหน้านั้นมันช่างเศร้า เหงาจับใจจริง ๆ
“เมื่อสองวันก่อน มีจดหมายมาถึงข้า และข้างในเป็นใบมรณะของลูกข้าเอง เฮ้ออ” ลุงชิพูดก่อนจะใช้นิ้วโป้งว้ายปาดน้ำตาที่คลอออก ช้า ๆ แล้วถอนหายใจ ผมที่ได้ยินประโยคนั้นก็อดรู้ศึกเศร้าไปกับลุงไม่ได้ ถึงแม้ผมจะไม่เคยสูญเสียคนสำคัญเลยก็เถอะ เพราะผมไม่มีคนสำคัญให้สูญเสียตั่งแต่เกิดแล้ว
“เสียใจด้วยนะครับ ลุงต้องอยู่ในส่วนของลูกลุงด้วยนะครับ” ผมพูดปลอบก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ลุงแก
“ไม่เอาหลอก 55+ ข้าไม่ได้อ่อนแออย่างแกหลอกนะเจ้าเพียง แต่ก็ขอบคุณแกมากนะ” ลุงดันมือข้างที่ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้ผม ก่อนที่คำถามที่ไม่กล้าถามจะผุดขึ้นในหัวผม ลุงกลับมาเข้มแข็งแล้วเหรอ ?
“เมื่อก่อนตอนที่มันเกิด ข้าดีใจมากเลยมันเป็นเหมือนกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของ คน ๆ หนึ่งเลยก็ว่าได้ ข้าพยายามทำตัวเป็นพ่อที่ดี มาตลอดรักและดูแลมัน สอนสั่งอย่างเป็นกลาง ผิดก็บอกว่าผิดและตีมันตามสมควร ถูกก็บอกว่าถูกและชมยกยอมัน นึกแล้วก็ใจหายที่คนผมขาวอย่างข้า ต้องอยู่ต่อโดยไม่ได้ดูคนผมดำแล้ว” ลุงชิพูดออกมายิ้ม ๆ ปนอารมณ์เศร้าเหมือนระบายความสุขและทุกข์ ในเรื่องของลูก ให้ผมฟัง
จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ลุงชิเล่าเรื่องของลูกให้ผมฟัง มันช่างฟังแล้วเหงาแปลก ๆ สำหรับผมเหมือนกัน
“ลูกของลุงคงเป็นคนดีมากแน่เลยนะครับ” ผมบอกออกไปตามที่คิด และเห็นในสิ่งที่ลุงชิเป็น เค้าบอกกันว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
“ดีสิ มันเป็นครูสอนเด็ก ๆ ไม่เป็นคนดีใครจะมาเชื่อฟังมันหละ 55+” ลุงพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างช้า ๆ
“วันพ่อปีนี้ข้าคงจะต้องเหงาแน่นอน เฮ้อ ลูกข้าตายก็น่าเสียใจพออยู่แล้ว แต่ไม่ได้ไปเผ่ามันนี้สิข้าเสียใจที่สุดจริง ๆ แต่ข้าก็พอแล้วหละกับการเศร้าเรื่องคนตาย” ลุงชิพูดต่ออย่างเข้มแข็ง เหมือนประโยคที่ลุงพูดนั้นความเศร้าได้หายไปจริง ๆ แล้ว
“ลุงเข้มแข็งดีนะครับ ถ้าผมมีพ่อแบบลุงผมคงดีใจมาก ลูกลุงนี้โชคดีจังเลยนะครับ”ผมบอกออกมาจากใจจริง ตามที่คิดมาตลอดตั่งแต่รู้จักกับลุง
“แล้วพ่อของเอ็งเป็นคนยังไงหละเจ้าเพียง ถึงไม่ดีใจ” ลุงถามขึ้นด้วยความสงสัย นั่นสิพ่อผมเป็นคนยังไงนะ
“ผมไม่รู้หลอกครับ ผมเป็นเด็กกำพร้านะ” ผมยิ้มให้ลุงอีกครั้ง ก่อนจะมองเหม่อออกไปดูดอกหูกวางที่กำลังหล่นลงมา
“แม่เสียไปตอนที่คลอดผม ส่วนพ่อผมไม่เคยรู้เลยว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน เป็นคนยังไง” ผมพูดอย่างเหงา ๆ ตามประสาคนที่นึกหน้าพ่อตัวเองไม่ออกจริง ๆ
“ข้าไม่รู้เลย ว่าเองเป็นกำพร้า ชีวิตเองคงจะผ่านอะไรมาเยอะสินะ” ลุงชิจับบ่าผมก่อนจะบีบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
“ก็ไม่เชิงครับ เมื่อก่อนตอนที่ผมยังไม่เจอกับบ้านพักคนชราที่นี่ ผมเศร้ามากเลย” ผมยิ้มให้ลุงก็จะบอกต่อ
"แต่ตอนนี้ผมพอแล้วครับ ผมหยุดที่จะตั้งคำถามว่าพ่อผมเป็นใครมานานแล้ว ถึงผมไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร แต่ผมก็ขอบคุณและรักในพ่อที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนของผม” ผมมองออกไปข้างหน้าอีกครั้งครั้งนี้มันไม่มีจุดหมายของสายตา
“ 555+ ข้าชอบเองจริง ๆ เองนี้มองโลกในแง่ดีจังเลยนะ ดีแล้วหละเพียง ไม่ต้องไปสนหลอกว่าคน ๆ นั้น เป็นใครแค่เค้าทำให้แกเกิดมาก็ดีแล้วหละลูก” ลุงชิยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบา ๆ
“ข้าเชื่อว่าพ่อของเอง จะต้องตามหาเองเหมือนที่เองเคยตามหาเค้าแน่ ก็ดีกว่าข้าที่ได้เจอลูกแค่ปีละครั้ง ในวันพ่อเท่านั้นทั้ง ๆ ที่ข้า อยากจะอยู่กับมัน ดูมันเติบโต ดูมันตายเต็มตาตัวเองแท้ ๆ” ลุงชิพูดบอกแล้วก็หยิบดอกหูกวางขึ้นมามองดูอย่างลอย ๆ
“ผมเชื่อครับ ว่าลูกลุงก็ต้องอยากมาหาลุงและอยู่กับลุงแน่ ๆ”
ผมปลอบลุงกลับไปบ้าง กลายเป็นว่าเราสองคนนั่งคุยเล่าเรื่องของตัวเองให้กัน ๆ กันฟัง และปลอบกันไปมาอย่างสนุกไปแล้วหรือเปล่า แต่ลุงก็คุยสนุกและเป็นกันเองกับผมตลอดอาจเพราะผมหลงรักที่นี้ ผู้คนที่นี้ บ้านพักคนชราแห้งนี้ไปแล้วก็ได้ แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้สำหรับเหตุผลของลูกที่เอาพ่อแม่มาฝากไว้ หรือบางคนจะเรียกว่าทิ้งไว้นะที่แห่งนี้ นั้นเค้าคิดกันยังไง และผมยังมีความรู้สึกอิจฉาในใจลึก ๆ ที่พวกเค้ายังมีพ่อแม่ให้ดูแล ดีกว่าหลายคนที่อยากดูแลแต่กลับไม่มีเช่นผมด้วยซ้ำ ครเรามันก็แปลกอย่างงี้แหละมักจะหลงลืมความสุขที่แท้จริงและคนสำคัญเสมอ
สายลมยามเย็นพัดผ่านเบาหวิวกระทบ ผิวให้รู้สึกหนาวเย็นอ่อน ๆ เมื่อทูกลมกระทบผ่านนาน ๆ ขอบฟ้าเริ่มกลายเป็นเสียส้มแดงอมม่วง พระอาทิตย์เริ่มลดแสงเป็นสีส้มทองและลอยต่ำลงหาขอบฟ้าทิศตะวันตก ความมืดใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ตามเวลาที่หมุนไปของโลก ผมยังคงนั่งจอกับลุงชิอย่างสนุกปนเหงากันตามประสาเด็กกำพร้าและคนสูญเสียลูกชาย
ในบาง ครั้งคนเราก็ลืมคนให้กำเนิดและเอามาไว้ในที่ ๆ ที่เค้าไม่ต้องการจะอยู่
ในบางครั้งคนเราก็ไม่มีสิ่งสำคัญมาตั่งแต่เกิดก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ชีวิตอย่างอัปลักษณ์เลวทรามให้ตัวเองต้องทุกใจทีหลังเสมอไป ยังมีสายทางอีกมากที่จะให้เด็กกำพร้าหรือคนที่สูญเสียสิ่งสำคัญได้เดินต่ออย่างสวยงาม
ในบางที่ ที่เราได้ไปสัมผัสแล้วมันใช่ และหัวใจร้องบอกว่ามันคือที่ ๆ อบอุ่น และต้องการ ไม่ว่าที่แห่งนั้นจะเป็นที่ไหน ผมเชื่อว่ามันเป็น ที่ ๆ ดีสำหรับพวกคุณเสมอ
ในบางครั้ง ทางเดินชีวิตก็กำหนดให้เราเลือกเดินตามที่พ่อ แม่หวังไว้ไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องลืมและแค้นเค้าแม้เค้าจะทำร้ายจิตใจเรามา
ในบางครั้ง เมื่อสิ่งสำคัญสิ่งใหม่กำเนิด คน ๆ นั้นคงจะมีความสุขและรักสิ่งนั้นมากโดยเฉพาะ พ่อ แม่ ในวันที่รู้ว่ามี สมาชิกคนใหม่สุดพิเศษกำลังจะมาอยู่ให้ได้ดูแลและมองดูเติมโต
ทุก ๆ คนรู้เสมอว่าพ่อแม่ด่าเพราะหวังดี แต่ก็ยังคงเถียงและทะเราะ เพราะอะไรหละ เคยย้อนถามรึเปล่า ถ้าคุณคิดจะถามอย่าลืมถามทั้งตัวเองและพ่อแม่หละ เพราะพวกท่านก็เคยเถียง ปู่ย่า ตายาย แบบเราเช่นกัน
ในสุดท้ายนี้ คุณมีพ่อแม่อยู่อย่าลืมดูแล คนที่ไม่มีแล้วหรือเป็นกำพร้าอย่าลืมว่า ถึงไม่มีแต่เราก็เคยมีและไม่ใช่เรื่องไม่ดีที่เค้าทิ้งเราไป
“สิ่งสำคัญของวันพรุ่งนี้ เปลี่ยนไปตามวันนี้ที่เรามีคนสำคัญ”
------------------------------------------------------------------------------
อยากบอกว่า ตอนเขียนดึงอารมณ์ออกมาไม่ได้จริง ๆ ตอนย้อนกลับไปอ่าน ผมดูแล้วมันแหม่ง ๆ แปลก ๆ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ