รอ ก่อ พอ จ้อ
เขียนโดย นายน่าเบื่อ
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.12 น.
แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556 16.59 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) ก่อ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความก่อ
“ติ๊ด!”
เสียงกล่องสี่เหลี่ยมที่ให้ความบันเทิงเป็นภาพเคลื่อนไหวที่ถูกส่งมาทางคลื่น ที่เรียกกันอย่างหนาหูว่าโทรทัศน์หรือทีวี ดับลง เพียงเพราะปลายนิ้วเรียวกดปิดจากรีโหมดที่ชี้มาทางหน้าจอ ห้องนอนสีขาวที่ตอนนี้มืดลงเพราะไม่ได้เปิดไฟและและปิดม่านสนิทไว้ ตอนแรกมันก็มีสองแสงที่ให้ความสว่างคือแสงจากทีวี และแสงไฟจากห้องน้ำที่เปิดทิ้งไว แต่ตอนนี้มันเหลือเพียงแสงจากห้องน้ำเท่านั้น เพราะทีวีได้ดับลงแล้ว
ผมค่อย ๆ วางรีโหมดลงบนหัวเตียงด้วยมือที่สั่น น้ำใส ๆ ไหลออกจากตาเป็นสายอย่างกั้นไม่อยู่หลังจากที่ดูละครเรื่องพ่อไป มันไม่ได้ซึ้งอะไรมากหลอก แต่มันทำให้ผมคิดถึงคน ๆ นั้น ที่ผมทิ้งเค้ามาหรือเค้าไล่ออกจากที่ ๆ ผมอยู่ตั่งแต่เด็กมา ก็ไม่รู้ ผมค่อย ๆ ซุกหน้าลงกับหมอนเพื่อไม่ให้มันไหลต่อ แต่ก็เหมือนเป็นการเกิดก๊อก ภาพเก่า ๆ ในวันนั้นมันไหลยอนมาอย่างเจ็บปวดและคิดถึงหา หากเลือกเกิดได้ผมคงจะไม่เป็นแบบนี้ หึหึ มันคงเป็นความคิดที่ งี่เง่าดีใช่มะคับ ถ้าทำได้ภาพในวันนั้น คงไม่เกิด และพ่อคงไม่ต้องมาผิดหวังในตัวผม
....
...
..
.
ลมพายุพัดแรงเหมือนจะพัดเอาทุกอย่างไปกับสายลมให้ได้ ต้นไม้เอนอ่อนตามทางลมอย่างไม่ขัดขืน เพื่อรักษาซึ้งชีวิตของตัวเอง รากไม้ทำหน้าที่กันอย่างแข็งขันไม่ย่อท้อ ต่างกับผมในวันนั้นจริง ๆ บ้านสวนหลังใหญ่ มั่นคงที่ตั่งตระหง่านต้านแรงลมที่อีกไม่นานก็จะมีฝนตามมา ในตอนเย็นของวันธรรมดาที่จะกลายเป็นวัน โคตรพิเศษของผมในอีกไม่นาน
ในตอนนั้นเป็นเวลาข้าวเย็นของครอบครัว ที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน พ่อ แม่ ผมและพี่สาว ตอนแลกเราก็คุยกันอย่างมีความสุขกับการทานอาหาร แต่เป็นเพราะผมเองที่ทำให้อาหารมื้อนั้นไม่อร่อยที่สุดทั้ง ๆ ที่แม่ทำกับข้าวอร่อย
“เอ่อ พ่อ พ่อรักผมมั้ยคับ” ผมเปิดประเด็นใหม่หลังจากที่ฟังเรื่องที่แม่เล่า
“หือ แกถามทำไม รักสิ แกก็ลูกพ่อนิ” พ่อตอบออกมายิ้ม ๆ ก่อนจะตักน้ำพริกปลาทูให้กับแม่
“นี้ ตาตรี ลูกจะมาอ้อนขออะไรพ่อรึเปล่า เรานะทำงานแล้วนะ” แม่พูดดักทางอย่างขำ ๆ ผมไว้
“เปล่าแม่ ผมทำงานก็มีเงินแล้วสิ” ผมแถต่อเพื่อปูทาง ก่อนจะตัดสินใจอะไรไว้
“ก็เรานะแหละ ถามพ่อแปลก ๆ แม่เค้าก็ต้องคิดว่าอ้อนอีกสิ” พี่ตรา พูดขึ้นพร้อมกับอมยิ้มไปด้วยอย่างล้อเล่น
แล้วผมก็เงียบและนั่งกินอีกครั้ง พ่อกับแม่และพี่ตราก็คุยกันไปเรื่อย ๆ มีแต่ผมที่เงียบและคิดทบทวนบางอย่างอยู่ในใจ หึ เป็นไงเป็นกัน ยังไงซักวันเค้าก็ต้องรู้ ผมมั่นใจว่าพ่อต้องเข้าใจแน่
“พ่อครับ แม่ครับ” ผมเรียกท่านทั้งสองอีกครั้งด้วยความมั่นใจของตัวเอง ผมหลับตาแล้วพูดบอกสิ่งในใจออกไป
“คือ ผม เอ่อ ตรี ตรี ชอบผู้ชายครับ” พูดแล้วบอกออกไปแล้ว ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาดูพ่อแม่ และพี่สาว ทุกคนนิ่งเงียบค้าง เหมือนถูกหยุดไว้ด้วยประโยคบอกเล่าเพียงประโยคเดียว
“เคล็ง ๆ” เสียงช้อนในมือของพ่อหล่นลงกระทบจานข้าวอย่างดัง
“ปั้ง เพร็ง !” ตามมาด้วยเสียงตบโต๊ะและเสียงของจานที่ถูกพ่อปัดตกลงสู่พื้นแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ผมมองดูสีหน้าของพ่อก็รู้ได้ทันที่ว่าตัวเองคิดผิด ผิดที่บอกออกไป
“แก ไอ้ตรี ไอ้ลูกเลว แกกำลังบอกว่าแก่ชอบ ผู้ชายเหรอ” พ่อตวาดลั่นสู้กับเสียงฝนที่เริ่มตกลงมาอย่างหนัก
“พ่อ พ่อฟังตรีก่อน ตรีอธิบายได้”ผมพูดออกไปด้วยเสียงสั่นแห่งความกลัว
“แกจะอธิบายอะไร แกมันไอ้คนผิดเพศ” “ว้าย คุณหยุดก่อน” “พ่ออย่า”
“เพียะ !” เสียงพ่อ แม่ และพี่สาว ดังขึ้นท้ามกลางความโกรธและความไม่เข้าใจของพ่อ
นิ้วทั้งห้าของพ่อประทับเข้าที่หน้าของผมในวันนั้น โดยที่พี่สาวและแม่ห้ามไว้ไม่ทันเลย และตามด้วยคำที่ผมไม่คิดว่าเค้าจะพูดออกมา
“แกมัน ไอ้ลูกเลว ฉันว่าแล้วอุส่าเอารูปลูกสาวเพื่อนมาให้ดู ทำไมไม่สนใจ ที่แท้แกเป็นตุ๊ดแต๋ว แกไม่ต้องพูด ออกไปจากบ้านฉันเลยไป !”
วันนั้นเหมือนฟ้าผ่า พ่อไม่ฝังผมแม้แต่น้อย ผมรีบวิ่งขึ้นชั้นสองแล้วคว้าเอากระเป๋าสะพายที่ใส่เอกสาร กระเป๋าตังและโทรศัพท์ แล้ววิ่งออกมาจากบ้านโดยที่ไม่หันไปมองใครอีก
กี่ปีแล้วนะที่ออกมา คิดถึงพ่อจัง เฮ้ออ และนั้นก็เป็นความคิดสุดท้ายก่อนที่ผมจะหลับไปพร้อมสายน้ำตา
.
..
...
....
“อืด ๆ อืด ๆ ”
ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาดู นาฬิกา อาเที่ยงคืนแล้ว นี่เราหลับไป 2 ชั่วโมงเองหลอกเหรอ อืมมม ผมบิดขี้เกียจก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ที่เป็นตัวการใหญ่ปุกผมขึ้นมา กลางดึกแล้วคำถามก็ผุดขึ้นในหัว ใครโทรมากลางดึกวะ ?
ผมค่อย ๆ มองไปที่หน้าจอ เบอร์ที่บันทึกชื่อไว้ ว่า “พ่อ” ฮะพ่อโทรมา พระเจ้า ผมฝันไปแน่ ๆ ผมหยิกแก้มตัวเองลองดูว่าจริงมั้ย เอ่อ เจ็บวะ เฮ้ย ไม่ฝันนิ ผมรีบลุกนั่งแล้วกดรับสายทันที
“ต ตรีพูดครับ” ผมพูดออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ตรีเหรอลูก แย่แล้ว ลูก” เสี่ยงแม่ที่ดูไม่สู้ดีพูดขึ้น มาจากปลายสาย ไม่ใช่พ่อนิ?
“คับแม่ อะไรแย่ แม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะ” น้ำเสียงของมารดาผู้เป็นที่รักของผมนั้นมันทำให้ใจผมหายไปเกือบครึ่ง
“พ่อลมจับล้มเข้า โรงพยาบาลลูก หมอบอกพ่ออยู่ได้อีกสามเดือน ฮื้อ ๆ” แม่พูดออกมาพร้อมกับร้องไหออกมาเป็นชุดใหญ่
ความเศร้า ความถวินหา กลับเข้ามาหาผมอีกครั้ง ครั้งนี้ใจผมหายวาบไปหมดแล้ว
“แม่ อยู่โรงพยาบาลไหนครับแม่”ผมถามแม่ออกไปด้วยเสียงที่สั่นเทา อย่างพยายามกลั้นอารมณ์แห่งความทุกข์ทั้งหลายที่เข้ามา
“แม่อยู่ โรงพยาบาล ....จ๊ะ” แม่บอกด้วยเสียงสั่นสะอื้นออกมาจนฟังดูแทบจับใจความไม่ได้ ผมรีบลุกขึ้น คว้าเอากุนแจรถ และเดินออกมาเอารถทันที
“แม่ครับ แค่นี้ก่อนนะครับ ตรีกำลังจะไปหา แม่ทำใจดีดีไว้นะครับ”ผมบอกกับแม่พร้อมกับถอยรถออกมาจากบ้านที่เช่าไว้
“ตรีเหรอ แม่เป็นลม แกรีบ ๆ มานะ ติ๊ด” เสียงพี่ตราพูดบอกประโยคสุดท้ายก่อนที่จะตัดสายไป แม่ เป็นลม
ผมรีบถอยรถออกและตรงไปโรงพยาบาลในทันที
....
..
..
.
สายลมพัดผ่านผ้ามานปลิวไสว ห้องพอเศษของโรงพยาบาลเงียบสงัด ผมนั่งตัวแข็งมองดูสายตาดุดันที่จ้องผมอย่างไม่วางตามาตั้งแต่ตอนที่ตัวเองตื่น พ่อมองผมตั่งแต่หัวจรดเท้า เหมือนคนไม่เคยเจอกันมาก่อน ผมมองพ่อด้วยสายตาเป็นห่วงและขอโทษอย่างสุดใจ นี้คงเป็นครั้งแรกที่เราเจอกันในรอบหลายปีตั่งแต่ผมออกจากบ้านมา ก่อนหน้านี้ผมมีคำพูดมากมายที่อยากจะบอกกับพ่อ คุยกับพ่อเหมือนอย่างที่ลูกคนอื่นเค้าคุยกัน แต่พอมาเจอสายตาแบบนี้ บวกกับความเงียบแล้วมันกดดันจนพูดไม่ออกจริง ๆ
“เฮ้อออ” เสียงพ่อถอนหายใจทำลายความเงียบที่แสนอึดอัน นั้น ผมหันไปมองหน้าพ่ออีกครั้งอย่างกล้า ๆ
แต่พ่อไม่ได้มองผมเสียแล้ว พ่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อ ๆ พร้อมกับร้อยยิ้มบาง ๆ
“แกนะก่อเรื่องไว้ให้พ่อคิดมากรู้มั้ย ตรี” แล้วพ่อก็พูดออกมา แต่ไม่ได้มองหน้าผม
“ผมรู้ครับ ผมขอโทษครับพ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมมองใบหน้าด้านข้างของพ่ออีกครั้ง สายตาที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างนั้น กลับมีความสุขเล็ก ๆ อยู่ในตาคู่นั้นแปลก ๆ
“รู้ก็ดีแล้ว แกก่อเรื่อง ก็จริงแต่ฉันก็ก่อเรื่องเหมือนกัน ฉันไม่น่าไล่แกออกจากบ้านเลย ” พ่อพูดออกมาพร้อมกับน้ำที่ไหลออกจากตา ผมอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งเมื่อเห็นภาพนี้เข้าเสี่ยวใบหน้าของพ่อที่มีน้ำตาไหลออกมา
“พ่อ ๆ ไม่ผิดหลอกครับ ผมผิดเองที่เป็นอย่างที่พ่อหวังไม่ได้ผมขอโทษครับ ผมขอโทษ” ผมพูดด้วยเสียงสะอื้นพร้อมกับโผเข้ากอดพ่อ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไรที่มันไหล สุข หรือเสียใจ ผมก็คิดว่า มันไม่คุ้มค่าเท่าน้ำตาของผู้เป็นพ่อเลย
“แกรู้มั้ยเรื่องที่แกก่อ พ่อให้อภัยแกตั่งแต่วันที่แกเดินออกไปแล้ว” พ่อพูดออกมาก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงมือสาก ๆ ที่ผ่านงานหนักมาทั้งชีวิต ลูบหัวผมเบา ๆ ไม่มีเสียงสะอื้นจากพ่อ พ่อ เข้มแข็งจริง ๆ
“พ่อ คิดถึงแกเจ้าตรี ขอโทษที่ไล่แก่ออกมา” ผมได้ยินคำของพ่อคำนี้เหมือนเป็นการกดสวิตซ์ ให้ร้องไห้หนักขึ้นไปอีก
ผมคลายออมกอดออกจากพ่อและกลับมานั่งเหมือนเดิม และมองใบหน้าของพ่อที่ตอนนี้หันมามองผมเต็มตา ใบหน้าที่ซีดเซียวแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มนั้น ผมจะจำไม่มีวันลืมเลย
“ผมก็คิดถึงพ่อครับ ผมรักพ่อนะคับ” ผมบอกประโยคที่อยู่ในใจมานาน ให้พ่อได้รู้ ความสุขที่มาพร้อมกับความกังวล
“แต่ พ่ออยู่..สามเดือน” ผมพูดติด ๆขัด ๆ เพราะกลัวว่าพ่อจะรับไม่ได้ในเรื่องของสามเดือนที่พ่อจะอยู่ได้ นึกแล้วก็ทำให้มีกำลังใจขึ้น กำลังใจที่จะอยู่กับพ่อให้มากที่สุดในสามเดือนนี้ ไม่สิ อาจจะมากกว่านั้นก็ได้
“ตรี สามเดือนนี้ดีจังเลยนะ ยังมีเวลาให้พ่อทำอะไรได้อีกเยอะเลย” พ่อพุดขึ้นพร้อมกับหยุดร้องไห้ แล้วหันเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยรอยยิ้ม “มีเวลาตั้งสามเดือนแนะลูก มันมากเกินพอแล้ว”
พ่อพูดขึ้นอย่างเข็มแข็งและมันก็ตรึงในใจผมไว้แล้ว แต่ผมยังทำใจไม่ได้จึงขอตัวออกไปซื้อกาแฟดื่มเพื่อทำใจก่อน ผมออกจากห้องด้วยความรู้สึกที่เหม่อลอยและชื่นชมในตัวพ่อจริง ๆ แล้วผมก็เดินเหม่อ คิดทบทวนเรื่องที่ก่อ ขึ้น มันจบลงดีแล้วหรือยังนะ
“ปึก!”
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ