ของขวัญของพ่อ
เขียนโดย มุเมะโนไทสะ
วันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 07.07 น.
แก้ไขเมื่อ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556 11.43 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) ของขวัญของพ่อ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
''พ่อจะไปไหนหรือครับ?'' เด็กน้อยคนนั้นเดินเข้ามากอดขาผมที่ซึ่งกําลังแต่งตัวชุด
สูทรเนี้ยบเพื่อจะไปทํางานในทางบริษัทดวงตาสีดํากลมโตที่จ้องมองผมเหมือนกับกําลังจะบออกว่า
ไม่อยากให้ผมไปก่อนที่จะมีเสียงคุณภรรยาดังขึ้นมา
''พ่อเขาจะไปปราบสัตว์ประหลาดละนะลูก'' หญิงสาววัยอายุยี่สิบหกปีพูดจาเพ้อ
เจ้อให้คนเป็นลูกชายอย่างพวกเราฟัง บอกตามตรง ผมไม่ได้ว่าอะไรมากก่อนจะเขกหัวที่รักของผม
ที่พูดจาว่าผมกลายเป็นฮีโร่ให้กับลูกนี้ละสิแล้วหัวเราะออกมา
''ว้าววววว ! ถ้างั้นพ่อก็จะแปลงเป็นมาสไรเดอร์ไปปราบสัตว์ประหลาดสินะครับ!''
ลูกชายตัวเล็กที่พูดถึงเรื่องหนังมาสไรเดอร์ที่ผมไปซื้อมาให้เขา ในห้องเขามีเจ้าสิ่งนั้นเกือบใกล้จะ
เต็มห้องแล้วโดนภรรยาว่าตลอดว่าให้เก็บ ก็นี้ละนะความไร้เดียงสาของเด็กๆ ผมนั่งยองๆลงแล้ว
กางเขนก่อนจะพูดออกมา
''มาให้''พ่อ''กอดลูกหน่อยได้ไหม?'' ผมเผยรอยยิ้มของคนเป็นพ่อที่อยากโดนกอด
มากโดยที่ผมพูดแค่นั้นเด็กชายตัวน้อยๆก็วิ่งเข้ามากอดผมจงเกือบเซล้มลงไปเลย
เจ้าลูกชายคนนี้ดิ!
''ตัวหนักจังเลยนะเจ้านี้!'' ผมพูดออกมาอุ้มเจ้าตัวน้อยไปมา
''รักพ่อที่สุดเลยครับ!'' ลูกชายพูดออกมาพร้อมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม
''พ่อ''ก็รักลูกนะ ... '' ผมพูดเบาๆกระซิบตรงหูจงโดนภรรยาว่าใส่
''ที่รัก ..! สายแล้วนะคะ!'' เสียงของภรรยาปลุกให้ผมคลายอ้อมกอดของเด็กคนนั้นหัน
ไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงผนังห้องครัวห..หว่า! สายแล้วสิ! สายแล้ว! ผมรีบใส่รองเท้าหนังออกไป
ข้างนอกโดยที่ลูกชายตัวน้อยโบกมือแล้วยิ้มกว้าง
''บ๊ายบายฮะ!'' เด็กคนนั้นพูดพร้อมยิ้มกว้างใส่ผมในขนาดที่ผมขับรถออกไปเพื่อที่จะไปทํางานบริษัท
------------------------------------------------------------------------------------
''นี้มันอะไรของคุณกัน?!!''เสียงที่ตวาดดังลั่นในบริษัทพร้อมแฟ้มขนาดใหญ่ที่ฟาดลงมาบนโต๊ะสีขาวสดในขนาดที่ผมนั้งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความตกอดตกใจ
''ตอนนี้บริษัทเราจะขาดร่วงเพราะติดต่อกับชาวต่างชาติไม่ได้แล้วนะ!'' บ.กร่าง
อ้วนท่วมเตี้ยที่ชี้นิ้วสั่งผมบนโต๊ะและพวกเพื่อนๆในบริษัทต่างก็จับกลุ่มซุบซิบนินทา ผมว่าเรื่องการ
ติดต่องานธุทกิจกับชาวต่างชาตินั้นล่มเพราะ''คู่แข่ง'' ในอีกบริษัทเขาดึงตัวชาวต่างชาตินักลงทุน
เอาไว้
บอกตามตรง ผมก็เจ็บแค้น คุณลองสมุติดูสิ?
เงินก้อนโตที่เกือบจะให้ครอบครัวเรากินดีอยู่ดีหายไปเลย ยิ่งผู้คนเยอะ ยิ่งต้องแข่งขันกันมาก
''ขอโทษด้วยครับ ... '' ผมโค้งเพื่อที่เขาจะให้อภัยผม นี้คือครั้งแรกที่ผมทําผิดพลาดครั้ง
ใหญ่ในการตัดสินใจในครั้งนี้ บ.กมองผมอย่างพิจารณาอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
''ผมให้เวลาคุณในการแก้ตัวตอนนี้อีก หนึ่งอาทิตย์ จะมีชาวญี่ปุ่นจะมาลงทุนกับ
พวกเรา เพราะฉะนั้น ผมจะให้โอกาศคุณอีกครั้ง หนึ่ง '' อยู่ๆก็มีไฟสีขาวสว่างขึ้นมาในหัวใจ
ผมพูดไม่ออกก่อนจะยกมือไหว้พร้อมโค้งขอบคุณเจ้านาย
''ขอบคุณมากครับ! ผมจะทําให้เต็มที่เลย!! '' ผมยิ้มแบบมีความหวังที่จะทําเพื่อปาก
ท้องของครอบครัวอย่างดีใจจงกระทั้งบ.กก็พูดขึ้นมาอีก
''นี้คือครั้งแรกของความผิดพลาดของคุณ ผมเข้าใจว่าคนเราก็ต้องมีการผิดพลาด
กันได้?เพราะฉะนั้น พยายามเข้าละ''เจ้านายดูท่าทางจะพอเข้าใจผมว่าคนเราก็ต้องมีผิดพลาด
กันได้ใช้ไหมละ ...ความหวังของผมเริ่มบรรลุแล้วสิ! เยื่ยมเลย!
------------------------------------------------------------------------------------
ในช่วงพักกลางวัน ผมกําลังนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวบอกตามตรง ที่โรงอาหารนี้มันคงสู้อาหารของ
ภรรยาสุดที่รักของผมไม่ได้แน่นอน แถมยังมีข่าวแปลกๆว่า คุณป้าที่ขายข้าวนี้ชอบแกล้งพนักงาน
ในบริษัทมักชอบเอาสิ่งประหลาดลงไปในข้าว ..... ผมควรจะอธิบายให้พวกคุณฟังยังไงดีละ?... ช่าง
มันเถอะ .... ในขนาดที่ผมกินข้าวอยู่นั้นก็มีเสียงของเพื่อนกอดคอผมเข้ามา
''เฮ้ย!! ---- มึงกินข้าวไม่รอกรูเลยนะ!!'' เพื่อนสนิทของผมที่กอดคอแน่นผมเริ่มหายใจไม่
ออกเพราะเกิดอาการสําลักข้าวที่กลืนอยู่ก่อนที่ เพื่อนคนนั้นจะเห็นสภาพของผมเกือบจะหายใจไม่ทัน
''อุ๊ก?!! ไอ้เชี้ย ! ! ! '' ผมกลืนข้าวลงคอพร้อมดื่มนํ้าลงไปอย่างรวดเร็วพร้อมเอามือกระชากคอเสื้อเพื่อนสนิทตัวเองที่แม่งเกือบจะฆ่ากันตายก็ตอนนี้แหละ
''มึงเล่นเชี้ยไรของเองวะ กรูเกือบสําลักข้าวตายเพราะมึงนี้แหละ!! '' ผมพูดออกไปด้วยความนํ้าโห
''เอา ...เหรอ กรรมโทษ '' เพื่อนพูดสีหน้าแบบกวนตีนใส่คนอย่างผมจงผมเส้นกระตุกกําหมัดเตรียมชกหน้าแตกต่อหน้าตรงนี้เลยละนะ
''เฮ้ยๆ!! มึงเห็นกรูเป็นกระสอบทรายหรือไงวันๆเอาแต่ต่อยเอาต่อยเอา...!!'' มันพูดด้วยสีหน้าที่คงรู้แน่นอนว่าตัวเองจะพบเจอกับอะไรผมจึงยอมปล่อยแล้วไปนั่งกินข้าว
''มึงชอบมากอดคอตรูข้างหลังกินข้าวตลอดนี้หว่า ...แล้วนี้มันก็ครั้งที่เท่าไรแล้ววะ!?''
ผมตักข้าวพร้อมเคี้ยวไปกับพูดหันไปมองมันที่นั่งข้างๆผมพร้อมหยิบตะเกียบโซ้ยก๋วยเตี๋ยวอร่อย
''ครั้งที่ 36 เอง'' มันพูดแบบสีหน้าตาเฉยพร้อมทําหน้าคนจําได้เวลามันเข้ามาหาผมจงผม
อยากจะสําลักข้าวและพูดออกมาว่า''มึงเก่งเนอะ''
''เออๆ ... เดียวนี้มึงก็มีลูกมีเมียแล้ว แถมเมียก็สวย ลูกก็น่าร๊าก น่ารัก งานก็รุ่ง มึงนี้น่า
อิจฉานะ''มันพูดออกมาแบบแซวผมตามประสานคนมีเพื่อนด้วยกันพร้อมทําเสียงสูงใส่ผมแอบ
หัวเราะกับความกวนของมันด้วยซํ้า หลังจากที่โดนบ.กด่ามามะกี้แบบสดๆมันก็เข้ามาคุยและปลอบ
ผมแบบนี้เสมอนี้ละนะ
''แล้วเมื่อไรมึงจะมีลูกมีเมียละวะ? ตรูจะได้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวมึงให้'' ผมพูดแซวใส่มัน
ก่อนที่มันเมื่อจะตกใจที่ผมพูดถึงคํานี้ออกมาแล้วหยิบแก้วมาดื่มซดจงหมดแล้วหันไปตวาดผม
''ไอ้เหรี้ย ตรูมีชีวิตของตรูแบบสบายๆแล้วไอ้สัดนี้?! แถมมึงก็รู้นี้หว่าไอ้การมีลูกมีเมีย
ค่าใช่จ่ายมันก็เยอะด้วย'' มันทําสีหน้าแบบมุข 9 G เงยหน้าแล้วมีเส้นกระตุกเข้ามาผมเอามือ
กลั้นขําปิดปากที่มันทําสีหน้าแบบนั้น ไอ้สัดเอ๊ย มึงไม่อายเขาเลยเหรอ? แม่งตลกชิบหายเลย ...
''เอาเหรอ โทษ '' ผมทําหน้าตายแบบอยากจะหัวเราะระเบิดโรงอาหารตรงนี้จริงๆ
เพื่อนที่กําลังโซ้ยก๋วยเตี๋ยวอยู่หันมามองผมก่อนจะยิ้มออกมา
''มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยวะ'' เพื่อนสนิทของผมพูดออกมา
''หา?''
''เปล่าหรอก ... กรูพูดแค่นี้ละ เอา เฮ้ย รีบดิไอ้สัดนี้เดียวโดนรปภไล่แล้ว รีบกินเลยมึง''
มันชี้ข้าวกองโตที่ผมกินแบบโครตช้าเพราะมันนี้แหละก่อนที่มึงจะแลบลิ้นกวนโอ๊ยผมแล้วเดินไปเก็บ
จาน
''เหย็ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด'' ผมตักข้าวกองโตอย่าง
รวดเร็วที่มันพูดเสร็จ ไอ้เชี้ย ทําไมมึงไม่บอกกรูวะ ผมมองตรงข้อมือนาฬิกา ชิบหาย!!!! อีก 20
นาทีจะประชุมแล้ว ไอ้เพื่อนกวนตรีนเอ๊ย!!!!
------------------------------------------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ