Soulmate รักแรกพบของนายทหาร
6.3
เขียนโดย badou
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 17.45 น.
2 บท
3 วิจารณ์
6,158 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 17.51 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) มนต์สะกดจากหญิงสาว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “..เจ้าได้ปล้นเอาดวงใจของฉันไปด้วยการชายตาเพียงแวบเดียว..”
เพลงซาโลมอน 4 : 9
เดือนมีนาคม ค.ศ. xxxx หลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้จบลง ได้สักประมาณ 20 กว่าวันได้ ผมยืนอยู่ที่ริมน้ำตกแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ดวงใจของผมเหม่อลอยล่องไปอย่างไร้จุดหมาย และผมก็เชื่อว่าหลายคนในหน่วยของผมก็เป็นเช่นเดียวกัน เพราะพวกเราต้องจากบ้านกันมาไกล
ผมเหม่อมองวิวทิวทัศน์ภายนอกเต็มไปด้วยป่าไม้เต็มไปหมด มันไม่ค่อยมีสีสันอะไรให้หน้าตื่นตาตื่นใจสักเท่าไร จะมีที่หน้าตื่นใจก็เพียงแค่ซากศพบางศพที่ยังไม่ถูกนำไปประกอบพิธี ถึงแม้พวกเขาจะเป็นคนละฝ่ายกับเรา แต่ผมก็คิดอยู่เสมอมาว่า ทหารทุกคนคือผู้เสียสละไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน
ที่ที่กองร้อยของผมอยู่นั้น มันเป็นที่ที่เปลี่ยวมากอย่างที่ผมได้กล่าวเอาไว้ เหมือนกับฟ้าเป็นใจวันหนึ่ง ทางกองผู้บังคับบัญชาใหญ่ได้ส่งคณะยูเอสโอ ซึ่งเป็นหน่วยปลอบขวัญ และสร้างกำลังใจมาสร้างกำลังใจให้กับพวกเรา
“หัวหน้าเปา คิดว่าพวกเขาจะมาช่วยปลอบขวัญพวกเราได้จริง” ลูกน้องคนหนึ่งถามผมขึ้นมา ทำให้ผมหันไปมองรอบๆข้างที่พบกับชายหนุ่มมากมายที่กำลังนั่งดูรูปถ่ายของคนรักของตน ในบางครั้งผมเองก็แอบดีใจและอิจฉาที่ตัวเองไม่มีคนรักเหมือนคนอื่น
“มีความเชื่อเถิดเจ้าหนูน้อย ฉันเชื่อว่าคณะยูเอสโอจะสามารถทำให้พวกเขามีความสุขได้”
ในช่วงเวลาที่เรากำลังรอคณะนั้นเดินทางมาถึง ซึ่งเราได้รับข่าวว่าพวกเขาจะมาถึงภายในวันรุ่งขึ้น ในคืนนั้นพวกเราจึงนั่งจับเข่าคุยกันในเรื่องดราม่าๆที่พวกเขาได้ประสบพบเจอ
“รู้ไหมเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของฉัน หลังจากที่ฉันมาปฏิบัติงานที่นี่..” ชายหนุ่มผิวสีขาว รูปร่างหน้าตาดีเอ่ยคน ผู้คนในกองร้อยจับจ้องเขาเป็นสายตาเดียวท่าทางอยากรู้ อยากเห็น
“มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งไปถึงคนรักของฉัน ใจความในจดหมายส่งไปขอแสดงความเสียใจว่าฉันตายแล้ว ทำให้คนรักของฉัน ตัดสินใจไปแต่งงานกับหนุ่มหน้าหล่อชาวโปรตุเกส” ชายหนุ่มในกองร้อยที่นั่งฟังพวกนั้นให้ความรู้สึกเหมือนฉันกำลังนั่งมองพวกสาวๆดูซีรี่ย์เกาหลีที่ตาเยิ้มไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ เพราะคงไม่มีใครคาดถึงว่าหนุ่มหล่ออย่างสตีฟที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มจะได้พบเจอกับเรื่องน่าเสียใจอย่างนี้ ชายหนุ่มทุกในกองร้อย ลุกขึ้นยืนลอมเป็นวงกลมและกอดแสดงความรักในกับสตีฟทีละคน จนเมื่อวนมาถึงผม สตีฟกระซิบที่ข้างหูกับผมว่า “เมื่อคืนนี้มีผู้ชายคนหนึ่งได้บอกกับผมว่าให้คอยช่วยเหลือคุณ เพราะคุณกำลังที่จะได้พบกับความรัก” ในตอนแรกผมนึกขำเจ้าสตีฟว่ามันจะบ้าหรอ ในกองร้อยนี้มีเพียงแต่ผู้ชาย จะให้ผมมีเวลาไปพบรักกับหญิงสาวได้ที่ไหน
บทที่ 1
คณะยูเอสโอเดินทางมาถึงในเวลาเช้า ในระหว่างที่พวกเขากำลังลงรถกันนั้น ผมได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอมีดวงตาที่โตคม เย้ายวนให้มองอยู่ตลอดเวลา ดวงใจของผมเต้นแรงเมื่อได้พบเธอ แต่ในหัวของผมมันก็บอกกับผมอยู่เสมอว่า “แกจะบ้าหรอ ผู้หญิงสวยๆอย่างนี้ต้องมีคนที่ชื่นชอบเธออยู่มากมาย ไม่มีทางที่เธอจะสนใจนายหรอก” ขณะที่ผมกำลังเหม่อลอยไปเลื่อยๆอยู่นั้นเธอได้เดินตรงเข้ามาหาผมและกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อว่าอรัญ คุณจะรังเกียจไหมหากฉันจะขอให้คุณพาฉันไปเยี่ยมเยียนหมู่บ้านข้างๆนี้หลังจากที่การแสดงจบ” เธอเดินเข้ามาขอความช่วยเหลือจากผมอย่างเป็นมิตรก่อนที่เดินจะส่งยิ้มแล้วเดินจากไป สตีฟที่อยู่แถวๆบริเวณนั้นเดินตรงเข้ามาแล้วพูดกับผมว่า “มันเป็นจริงอย่างที่ท่านผู้นั้นกล่าวกับผมไว้” ในใจผมตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพียงแค่ประทับใจในความงามของเธอ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ตาของผมมันไม่ยอมมองใครคนไหนนอกจากเธอ และที่สำคัญมากกว่านั้นหัวใจของผมมันก็ไม่ยอมมีคนไหนนอกจากเธอด้วยเช่นกัน
ในงานรอบกองไฟที่พวกเราจะเต้นรำร่วมกันนั้น ผมมองไปรอบๆงานที่มีเพียงแสงไฟจากกองไฟเพียงเท่านั้น ผมมองหาเธอเพื่อที่จะชวนเธอเต้นรำแต่กลับไม่พบเธอเลย ผมมองเห็นสตีฟกำลังคุยกับสาวน้อยคนหนึ่ง ท่าทางดูเหมือนสตีฟจะคุยกับเธอถูกใจมากเพราะพวกเขาดูหัวเราะร่าเริงเหมาะสมกัน เมื่อดนตรีเริ่มบรรเลงผมเองก็ยังไม่วายมองหาอรัญเช่นกัน เมื่อถึงจังหวะที่ผมต้องเต้นหมุนตัวถึงทำให้ผมรู้ว่าอรัญที่ผมตามหาอยู่นั้นเธอกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม ราวกับเธอกำลังรอให้ผมเชิญชวนเธอเต้นรำ ทันทีที่ผมชวนเธอเต้นรำมีเสียงปรบมือโห่ร้องของลูกน้องของผมให้กับผมที่เชิญให้อรัญเต้น
“พวกเขาดูเหมือนดีใจที่ฉันเต้นกับคุณนะคะ”
“อาจเป็นเพราะผมดีใจจนออกหน้าออกตาที่คุณยอมเต้นกับผม” ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตัวของผมเองมันช่างเป็นคนที่เลี่ยนเอาซะเหลือเกิน ถ้าผมเป็นอรัญ ผมอาจจะอ้วกพุ่งใส่หน้าของคนตรงข้ามไปแล้วก็เป็นได้55 ความคิดในหัวใจของผมมันพุ่งปรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง “สิ่งที่นายอยากให้เป็นจริง มันเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้นแหระ” เฮ้อ หรือว่าผมจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป แต่มันก็จริง เธอเป็นผู้หญิงที่สวยซะขนาดนั้นไม่มีทางเลยที่จะมีแค่ผู้หญิงอย่างผมหลงใหลเธอเพียงแค่คนเดียว
“ฉันยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลย J” เธอถามแล้วส่งยิ้มหวานๆของเธอมาให้ผม นี่มันคือชั่วโมงต้องมนต์ของผม ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงที่สามารถเป็นไปได้ หรือเป็นไปได้ มากที่สุดแค่ความฝัน แต่ผมก็อยากที่จะทำให้ผู้หญิงคนนี้มีความสุข
“ผมเปาครับ”
เวลาแห่งความสุขมันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมทำอะไรไม่ถูกเมื่อเธอจะต้องกลับไป ใจหนึ่งผมก็อยากที่จะไปส่งเธอในรุ่งเช้า แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าเธอจะรู้ว่าผมกำลังหลงใหลเธอ แล้วเธอจะมีทีท่ารังเกียจ ผมนอนคิดไปตลอดจนได้คำตอบจากสตีฟที่เหมือนกับรู้เรื่องทั้งหมดของผม ให้ผมเลือกที่จะออกไปส่งเธอ อย่างน้อยก็เพียงแค่ในฐานะคนรู้จัก มันไม่เสียหายอะไรสักเท่าไหร่
ในระหว่างที่ผมกำลังเดินทางไปส่งเธอนั้น ผมพบว่าเธอยืนอยู่ที่หน้าค่ายของผม ทำให้ผมแอบเข้าข้างตัวเองไปว่า เธอกำลังรอผมอยู่ และมันก็จริงอย่างที่ผมคิด เธอเดนไว้มาพร้อมกับกอดผมไว้ วินาทีนั้นเหมือนในหัวของผมมันโล่งไปหมด คิดอะไรไม่ออกสักอย่างว่าควรจะพูดอะไรกับเธอ ผมจำได้เพียงแค่ว่าเธอบอกกับผมว่าเธอรู้สึกดีกับผมพิลึก มันแปลกมากสำหรับเธอที่เพียงเจอกันกับผมเพียงครั้งแรก แต่ผมกลับทำให้เธอหลงใหลได้ถึงขนาดนี้ ขนาดนี้ เราสัญญากันว่า เราจะเขียนจดหมายหากันทุกๆเดือน และเล่าเรื่องราวต่างๆที่พบเจอให้ได้ฟัง
เพลงซาโลมอน 4 : 9
เดือนมีนาคม ค.ศ. xxxx หลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้จบลง ได้สักประมาณ 20 กว่าวันได้ ผมยืนอยู่ที่ริมน้ำตกแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ดวงใจของผมเหม่อลอยล่องไปอย่างไร้จุดหมาย และผมก็เชื่อว่าหลายคนในหน่วยของผมก็เป็นเช่นเดียวกัน เพราะพวกเราต้องจากบ้านกันมาไกล
ผมเหม่อมองวิวทิวทัศน์ภายนอกเต็มไปด้วยป่าไม้เต็มไปหมด มันไม่ค่อยมีสีสันอะไรให้หน้าตื่นตาตื่นใจสักเท่าไร จะมีที่หน้าตื่นใจก็เพียงแค่ซากศพบางศพที่ยังไม่ถูกนำไปประกอบพิธี ถึงแม้พวกเขาจะเป็นคนละฝ่ายกับเรา แต่ผมก็คิดอยู่เสมอมาว่า ทหารทุกคนคือผู้เสียสละไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน
ที่ที่กองร้อยของผมอยู่นั้น มันเป็นที่ที่เปลี่ยวมากอย่างที่ผมได้กล่าวเอาไว้ เหมือนกับฟ้าเป็นใจวันหนึ่ง ทางกองผู้บังคับบัญชาใหญ่ได้ส่งคณะยูเอสโอ ซึ่งเป็นหน่วยปลอบขวัญ และสร้างกำลังใจมาสร้างกำลังใจให้กับพวกเรา
“หัวหน้าเปา คิดว่าพวกเขาจะมาช่วยปลอบขวัญพวกเราได้จริง” ลูกน้องคนหนึ่งถามผมขึ้นมา ทำให้ผมหันไปมองรอบๆข้างที่พบกับชายหนุ่มมากมายที่กำลังนั่งดูรูปถ่ายของคนรักของตน ในบางครั้งผมเองก็แอบดีใจและอิจฉาที่ตัวเองไม่มีคนรักเหมือนคนอื่น
“มีความเชื่อเถิดเจ้าหนูน้อย ฉันเชื่อว่าคณะยูเอสโอจะสามารถทำให้พวกเขามีความสุขได้”
ในช่วงเวลาที่เรากำลังรอคณะนั้นเดินทางมาถึง ซึ่งเราได้รับข่าวว่าพวกเขาจะมาถึงภายในวันรุ่งขึ้น ในคืนนั้นพวกเราจึงนั่งจับเข่าคุยกันในเรื่องดราม่าๆที่พวกเขาได้ประสบพบเจอ
“รู้ไหมเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของฉัน หลังจากที่ฉันมาปฏิบัติงานที่นี่..” ชายหนุ่มผิวสีขาว รูปร่างหน้าตาดีเอ่ยคน ผู้คนในกองร้อยจับจ้องเขาเป็นสายตาเดียวท่าทางอยากรู้ อยากเห็น
“มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งไปถึงคนรักของฉัน ใจความในจดหมายส่งไปขอแสดงความเสียใจว่าฉันตายแล้ว ทำให้คนรักของฉัน ตัดสินใจไปแต่งงานกับหนุ่มหน้าหล่อชาวโปรตุเกส” ชายหนุ่มในกองร้อยที่นั่งฟังพวกนั้นให้ความรู้สึกเหมือนฉันกำลังนั่งมองพวกสาวๆดูซีรี่ย์เกาหลีที่ตาเยิ้มไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ เพราะคงไม่มีใครคาดถึงว่าหนุ่มหล่ออย่างสตีฟที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มจะได้พบเจอกับเรื่องน่าเสียใจอย่างนี้ ชายหนุ่มทุกในกองร้อย ลุกขึ้นยืนลอมเป็นวงกลมและกอดแสดงความรักในกับสตีฟทีละคน จนเมื่อวนมาถึงผม สตีฟกระซิบที่ข้างหูกับผมว่า “เมื่อคืนนี้มีผู้ชายคนหนึ่งได้บอกกับผมว่าให้คอยช่วยเหลือคุณ เพราะคุณกำลังที่จะได้พบกับความรัก” ในตอนแรกผมนึกขำเจ้าสตีฟว่ามันจะบ้าหรอ ในกองร้อยนี้มีเพียงแต่ผู้ชาย จะให้ผมมีเวลาไปพบรักกับหญิงสาวได้ที่ไหน
บทที่ 1
คณะยูเอสโอเดินทางมาถึงในเวลาเช้า ในระหว่างที่พวกเขากำลังลงรถกันนั้น ผมได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอมีดวงตาที่โตคม เย้ายวนให้มองอยู่ตลอดเวลา ดวงใจของผมเต้นแรงเมื่อได้พบเธอ แต่ในหัวของผมมันก็บอกกับผมอยู่เสมอว่า “แกจะบ้าหรอ ผู้หญิงสวยๆอย่างนี้ต้องมีคนที่ชื่นชอบเธออยู่มากมาย ไม่มีทางที่เธอจะสนใจนายหรอก” ขณะที่ผมกำลังเหม่อลอยไปเลื่อยๆอยู่นั้นเธอได้เดินตรงเข้ามาหาผมและกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อว่าอรัญ คุณจะรังเกียจไหมหากฉันจะขอให้คุณพาฉันไปเยี่ยมเยียนหมู่บ้านข้างๆนี้หลังจากที่การแสดงจบ” เธอเดินเข้ามาขอความช่วยเหลือจากผมอย่างเป็นมิตรก่อนที่เดินจะส่งยิ้มแล้วเดินจากไป สตีฟที่อยู่แถวๆบริเวณนั้นเดินตรงเข้ามาแล้วพูดกับผมว่า “มันเป็นจริงอย่างที่ท่านผู้นั้นกล่าวกับผมไว้” ในใจผมตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพียงแค่ประทับใจในความงามของเธอ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ตาของผมมันไม่ยอมมองใครคนไหนนอกจากเธอ และที่สำคัญมากกว่านั้นหัวใจของผมมันก็ไม่ยอมมีคนไหนนอกจากเธอด้วยเช่นกัน
ในงานรอบกองไฟที่พวกเราจะเต้นรำร่วมกันนั้น ผมมองไปรอบๆงานที่มีเพียงแสงไฟจากกองไฟเพียงเท่านั้น ผมมองหาเธอเพื่อที่จะชวนเธอเต้นรำแต่กลับไม่พบเธอเลย ผมมองเห็นสตีฟกำลังคุยกับสาวน้อยคนหนึ่ง ท่าทางดูเหมือนสตีฟจะคุยกับเธอถูกใจมากเพราะพวกเขาดูหัวเราะร่าเริงเหมาะสมกัน เมื่อดนตรีเริ่มบรรเลงผมเองก็ยังไม่วายมองหาอรัญเช่นกัน เมื่อถึงจังหวะที่ผมต้องเต้นหมุนตัวถึงทำให้ผมรู้ว่าอรัญที่ผมตามหาอยู่นั้นเธอกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม ราวกับเธอกำลังรอให้ผมเชิญชวนเธอเต้นรำ ทันทีที่ผมชวนเธอเต้นรำมีเสียงปรบมือโห่ร้องของลูกน้องของผมให้กับผมที่เชิญให้อรัญเต้น
“พวกเขาดูเหมือนดีใจที่ฉันเต้นกับคุณนะคะ”
“อาจเป็นเพราะผมดีใจจนออกหน้าออกตาที่คุณยอมเต้นกับผม” ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตัวของผมเองมันช่างเป็นคนที่เลี่ยนเอาซะเหลือเกิน ถ้าผมเป็นอรัญ ผมอาจจะอ้วกพุ่งใส่หน้าของคนตรงข้ามไปแล้วก็เป็นได้55 ความคิดในหัวใจของผมมันพุ่งปรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง “สิ่งที่นายอยากให้เป็นจริง มันเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้นแหระ” เฮ้อ หรือว่าผมจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป แต่มันก็จริง เธอเป็นผู้หญิงที่สวยซะขนาดนั้นไม่มีทางเลยที่จะมีแค่ผู้หญิงอย่างผมหลงใหลเธอเพียงแค่คนเดียว
“ฉันยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลย J” เธอถามแล้วส่งยิ้มหวานๆของเธอมาให้ผม นี่มันคือชั่วโมงต้องมนต์ของผม ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงที่สามารถเป็นไปได้ หรือเป็นไปได้ มากที่สุดแค่ความฝัน แต่ผมก็อยากที่จะทำให้ผู้หญิงคนนี้มีความสุข
“ผมเปาครับ”
เวลาแห่งความสุขมันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมทำอะไรไม่ถูกเมื่อเธอจะต้องกลับไป ใจหนึ่งผมก็อยากที่จะไปส่งเธอในรุ่งเช้า แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าเธอจะรู้ว่าผมกำลังหลงใหลเธอ แล้วเธอจะมีทีท่ารังเกียจ ผมนอนคิดไปตลอดจนได้คำตอบจากสตีฟที่เหมือนกับรู้เรื่องทั้งหมดของผม ให้ผมเลือกที่จะออกไปส่งเธอ อย่างน้อยก็เพียงแค่ในฐานะคนรู้จัก มันไม่เสียหายอะไรสักเท่าไหร่
ในระหว่างที่ผมกำลังเดินทางไปส่งเธอนั้น ผมพบว่าเธอยืนอยู่ที่หน้าค่ายของผม ทำให้ผมแอบเข้าข้างตัวเองไปว่า เธอกำลังรอผมอยู่ และมันก็จริงอย่างที่ผมคิด เธอเดนไว้มาพร้อมกับกอดผมไว้ วินาทีนั้นเหมือนในหัวของผมมันโล่งไปหมด คิดอะไรไม่ออกสักอย่างว่าควรจะพูดอะไรกับเธอ ผมจำได้เพียงแค่ว่าเธอบอกกับผมว่าเธอรู้สึกดีกับผมพิลึก มันแปลกมากสำหรับเธอที่เพียงเจอกันกับผมเพียงครั้งแรก แต่ผมกลับทำให้เธอหลงใหลได้ถึงขนาดนี้ ขนาดนี้ เราสัญญากันว่า เราจะเขียนจดหมายหากันทุกๆเดือน และเล่าเรื่องราวต่างๆที่พบเจอให้ได้ฟัง
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
3.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ