Dandelion(แดนดิไลออน) คืนฝันวันล่าจินตนาการ
เขียนโดย มะมาย
วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.58 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 19.14 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
19) สหายเจมัวแห่งหมู่บ้านดราฟริน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากที่โนเอลแยกทางจากเอลิซ่า
“นั่น เจ้ากำลังมองหาใคร”
เสียงทุ้มเข้มกล่าวทักเมื่อสังเกตเห็นพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ ของใครบางคนใกล้พุ่มไม้ คนถูกเรียกหันควับมองต้นตอที่มาของเสียงที่ว่านั้น ที่แท้เป็น เจมัว ลูกน้องคนสนิทของนาเกียร์ซึ่งทั้งคู่คุ้นเคยกันดีแต่ไม่ลงลอยกันเท่าไหร่เพราะเจมัวไม่วางใจที่นาเกียร์ยกย่องและมั่นอกมั่นใจในตัวของโนเอลมากเกินไปจนออกหน้าออกตาเขา โดยเฉพาะพักหลังมานี้นาเกียร์มักจะมอบภารกิจสำคัญให้โนเอลทำทั้งที่เมื่อก่อนคนแรกๆ ที่นาเกียร์จะให้ความวางใจคือ เจมัว และในครั้งนี้ ผู้ที่มีบทบาทในพิธีกรรม บูชายัญ ของเผ่าดราฟรินในรอบปีเห็นทีจะเป็นโนเอลเสียด้วยซ้ำไป
“เจ้ามีอะไร” โนเอลวางมาดนิ่งไร้พิรุทธิ์ใดๆ เจมัวกวาดตามองโดยรอบอย่างไม่เชื่อใจแล้วจึงเอ่ย
“ทำไมเจ้าถึงยังไม่ไปพบท่านผู้นำอีก”
“ข้ากำลังจะไป”
โนเอลกำลังจะก้าวแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีลูกไฟสีแดงส้มพุ่งตัดหน้ามาที่พื้นดินและจะเป็นฝีมือใครอื่นที่ไหนไม่ได้นอกเสียจาก เจมัว ผู้มีธาตุไฟ เจมัวมักทำฤติกรรมล้ำเส้นแบบนี้เสมอซึ่งโนเอลอดทนกับทุกครั้งแต่ยกเว้นครั้งนี้ ว่าแล้วหันไปสบตาสีแดงไฟของเจมัว ตาสีน้ำตาลของโนเอลเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเทา ลมจากกระแสจิตผลักเจมัวจนล่าถ้อย
เจมัวแสยะยิ้มเมื่อเสียการทรงตัวไปเล็กน้อย “ฝีมือเจ้าก็ไม่เบาเหมือนกันแฮะ”
นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสพลังแห่งวายุในตัวของโนเอล
“หึ ถ้าไม่อย่างนั้นท่านผู้นำจะไว้ใจข้าได้ยังไงล่ะ เจ้าว่าไหม” โนเอลโต้ตอบอย่างเจ็บปวด
“เจ้าอย่าคิดว่าท่านผู้นำไว้ใจเจ้าแล้วข้าจะต้องไว้เจ้าด้วย” เจมัวกล่าวเสียงเข้ม
“เรื่องนั้นเจ้าอย่าห่วงเลย ข้าว่าเจ้าเอาเวลานี้เร่งทำผลงานจะดีกว่าไหม ก่อนที่คนที่ท่านผู้นำจะหมดความไว้วางใจจะเป็นเจ้าซะเอง” โนเอลพูดทิ้งท้ายอย่างเป็นผู้กำชัยชนะ
เปลวไฟสีแดงลุกโชติช่วงอยู่ในเตาผิงขนาดใหญ่ในถ้ำชั้นใต้ดิน แสงไฟขับให้อำนาจที่ซ่อนเร้นชัดเจนขึ้น ชายผิวคล้ำผู้ไว้หนวดสีดำยาวรุงรังขมักเขม่นกับงานอดิเรกเฉกเช่นในทุกวัน นิ้วเรียวใหญ่รวบรัดด้วยแหวนทองที่ปลายนิ้วชี้ เผยเล็บสีขุ่นแหลมดุจคมมีดที่พร้อมเฉือดเฉือน หยดน้ำซึมไหลออกมาจากปลายนิ้วทั้งห้า หลากรินลงไปยังดอกไม้เบื้องล่าง ที่นิ่งสงบไร้การเคลื่อนไหวหากแต่เมื่อต้องโดนน้ำอันชุ่มช่ำ ดอกไม้ที่ดูไร้พิษสงกลับขยับเขยื้อนราวกับสิ่งมีชีวิตที่โหยกระหาย กลีบดอกคลี่ออกเผยคมเขี้ยวแหลมที่ซุกซ่อนเหมือนพร้อมจะขย่ำทุกอย่างที่ต้องถูกตัว
“ข้ารู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าต้องการ”
ชายเจ้าของเสียงยิ้มที่มุมปากว่าแล้วจึงชักมือกลับอย่างไม่รีบร้อนแล้วหันไปสนใจอยู่กับหนอนตัวยาวที่เบียดกันแน่นยั๊วเยี๊ยว ปลายเล็บแหลมจิกเข้าที่กลางลำตัวของหนอนผู้เคราะห์ร้ายจนทะลุ แววตาอันโหดร้ายไร้ซึ่งความปรานีใดๆ สะท้อนออกมาจากดวงเนตรสีทะมึน
“ต้องสิ่งนี้สิ ที่พวกเจ้าอยากลิ้มลอง”
กลิ่นคาวของหนอนยั่วอารมณ์ให้เหล่าดอกไม้พิศวงโกรธเกรี้ยว ร่างของหนอนฉีกขาดออกเป็นชิ้นราวกับถูกฝูงนกอีแร้งลุมทึ้งซาก เสียงฝีเท้าที่รับรู้ได้แสดงถึงผู้มาเยือนทั้งสอง โนเอลและเจมัวเดินเข้ามาพร้อมกัน
“เจ้ามาช้า” ผู้ที่ยืนอยู่ก่อนสบถออกมา
“ข้าว่าท่านผู้นำสมควรลงโทษเขา” เจมัวออกความเห็นแล้วพูดต่อ
“เมื่อครู่ข้าเห็นเขายืนทำลับๆ ล่อๆ อยู่ที่หมู่บ้านฝั่งทิศตะวันออก ดูไม่น่าไว้วางใจ…”
ยังพูดไม่ทันจบประโยกดีเสียงของเจมัวถูกกลบด้วยเสียงที่มีอำนาจและทรงพลัง
“ข้าหมายถึงเจ้าตั้งหากเจมัว!” เจ้าของเสียงหันมาสบสายตาที่ดูหน้าสะพรึงกลัว
“แต่ท่านสมควรตรวจสอบเขา” เจมัวยังคงพยายามต่อซึ่งมันทำให้นาเกียร์หงุดหงิด
ทันใดนั้นร่างของนาเกียร์พลันหายวับปานสายน้ำเชี่ยว มาปรากฏอีกทีก็ต่อหน้าเจมัว ปลายเล็บแหลมคมจ่อจดอยู่ที่ลำคอของผู้น้อย
“นั่นมันหน้าที่ของเจ้าเรอะ”
นาเกีบร์ออกแรงกดที่ปลายนิ้วจนเล็บฝั่งเข้าไปที่เนื้อของเจมัว ในขณะที่เจมัวนิ่งเงียบไม่แม้แต่สบสายตาต่อหน้า็
“ข้าถาม!” นาเกียร์ตวาดเสียงก้อง
“ไม่” เจมัวตอบเสียงอ่อนยวบแสดงถึงความยำเกรง
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปทำหน้าที่ของเจ้าซะ” นาเกียร์คลายมือ
“ครูซคงรอเจ้าอยู่ อย่าช้านักล่ะ เจ้านั้นไม่ชอบปล่อยให้ตัวเองท้องว่างนานซะด้วย”
เจมัวก้มศีรษะเคารพหน้าเกียร์ เขาเหลือบมองโนเอลอย่างเจ็บใจก่อนจะออกตัวเดินไป
“งานคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว” นาเกียร์เอ่ยถามกับผู้ที่ยังอยู่
“คืบหน้าไปมาก พวกชาวบ้านกักเก็บยางไม้สำหรับพิธีศักดืสิทธิ์ได้มากตามที่คาดหมาย”
“แล้วเรื่องการอัญเชิญองค์ตัวแทน?”
“กำหนดการจะมีขึ้นในอีกสองชั่วยาม”
“ดี” นาเกียร์ตาลุกวาวยิ้มร่าอย่างพอใจกับสิ่งที่ได้ฟัง
“เจ้าทำงานได้ดีมากโนเอล หลังจากพิธีกรรมเสร็จสิ้น ข้าจะตอบแทนความภักดีของเจ้าอย่างสมเกียรติ”
เสียงหัวเราะดังกึกก้องสนั่นทั่วชั้นใต้ดิน แม้ในส่วนที่มืดมิดไร้แสงสว่างนำทางยังรับรู้ได้ถึงอำนาจที่เคลือบแฝง เสียงหัวเราะยังคงดังต่อไปอย่างทรงอำนาจและจะไร้ผู้ต้านทานได้เมื่อพิธีกรรมบรรลุผลสำเร็จและนั่นอาจหมายถึงจุดจบของศัตรูทั้งหลายที่ขว้างหูขว้างตา
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ