Dandelion(แดนดิไลออน) คืนฝันวันล่าจินตนาการ

8.3

เขียนโดย มะมาย

วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.58 น.

  21 ตอน
  9 วิจารณ์
  28.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 19.14 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

18) ผู้ช่วยคนสำคัญ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

การล่อนลงทำได้ไม่สวยนักฉันกลิ้งม้วนหลายตลบจนคลุกฝุ่น กระเด็นหลุดออกมาจากกลีบดอกไม้ที่ห่อหุ้มเอาไว้ ฉันแอบกลีบของเกาเลตเอาไว้ในพุ่มไม้ใกล้ๆ โชคดีที่ไม่มีใครผ่านมาเห็นเข้าตอนที่ฉันล่วงออกมา ไม่งั้นคงเสร็จแน่

ถึงทีแรกจะบอกว่าไม่กลัวแต่พอเอาเข้าจริงก็แอบหวั่นอยู่เหมือนกัน ทำไงได้ชีวิตเดรกขึ้นอยู่กับฉัน ฉะนั้นฉันจะอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆและผ่อนออกมาอย่างช้าๆเป็นการตั้งสติ ในระหว่างที่ขาก้าวไปสายตาก็สังเกตสิ่งต่างๆตลอดสองข้างทาง น่าประหลาดใจที่ยิ่งเดินเข้าไปลึกมากเพียงใดความมีชีวิตชีวาก็เริ่มเลือนหาย สังเกตจากลักษณะของพืชพันธ์ต่างๆของที่นี่มันช่างต่างเอามากจากเฮริบเบิ้ล ต้นไม้เหี่ยวเฉาราวกับขาดน้ำทั้งที่อยู่ใกล้ธารน้ำเพียงนิดเดียว ผืนดินแห้งกร้านราวกับจะแยกออกจากันให้ได้ ดอกไม้ที่ชูก้านขึ้นสู่ฟ้าแทบจะต้านกระแสลมไม่ไหวทั้งที่ความเป็นจริงลมก็พัดเอื่อยแสนเอื่อย ที่นี่น่ะหรอแผ่นดินของดราฟริน

ฉันเดินผ่านซุ้มประตูกิ่งไม้โค้งขนาดใหญ่ที่ณเวลานี้มีดราฟรินจำนวนหนึ่งช่วยกันสร้างมันขึ้นมาอย่างขะมักเขม้นจนเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ ทั้งซุ้มทำมาจากกิ่งไม้ขนาดเล็กมากมายที่ถูกนำมาสานรวมกันจนได้ออกมาเป็นประตูโค้ง พวกเขาเพิ่มความน่าเกรงขามด้วยการสานเป็นรูปหน้าของหมีติดเอาไว้ที่ส่วนสูงสุดของบานประตู สีทึบของกิ่งไม้ขับพลังลึกลับที่ซ่อนเร้นชวนให้ขนลุกฟู่ทุกครั้งที่แหงนหน้าขึ้นมอง ฉันไม่ควรหยุดอยู่ที่บานประตูนี้นานนักว่าแล้วจึงเดินผ่านทะลุเข้าไปข้างใน จะว่าไปแล้วดราฟรินก็ไม่ต่างจากเฮริบเบิ้ลแม้แต่นิดเดียว ชาวดราฟรินยังดำรงวิธีชีวิตส่วยใหญ่เหมือนเฮริบเบิ้ลเพียงแต่เวลานี้ที่บ้านดอกไม้ของแต่ละคนเต็มไปด้วยกระเปราะยางไม้เหนียวสีแดงข้นคักที่แขวนเอาไว้หน้าบ้านซึ่งดูเผินๆแล้วไม่ต่างจากเลือดเลย ชาวดราฟรินดูมีความยินดีปรีดาและครึกครื้นเป็นพิเศษราวกับว่าจะมีงานสำคัญเกิดขึ้น ฉันเดินตรงข้าไปหาหญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังเติมยางไม้เหนียวหนืดลงในกระเปราะของเธอ

“ขอโทษนะคะคุณรู้จักบ้านของริงตั้นหรือเปล่า”

หญิงสาวมองฉันแวบหนึ่งด้วยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงตอบ “ไม่หรอก ไม่น่ามี”

 หลังจากนั้นเธอก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจกับยางไม้นั่น

“คุณช่วยดูรูปให้หน่อยได้ไหมคะเผื่อคุณพอจะนึกออก” ฉันยื่นรูปวาดของริ้งตั้นให้กับหญิงดราฟริน

เธอจ้องฉันคิ้วขมวดเหลียวมองรูปในมือ “โนเอลเรอะ” เธอบอกพลางมองหน้าฉัน คิ้วที่ขมวดจนชิดเริ่มคลายออก

หญิงชาวดราฟรินช่วยบอกทางให้แก่ฉัน มันต้องผ่านตลาดสินะถ้าเป็นตามที่เธอบอก ฉันอ่านแผนที่

ในตลาดครึกครื้นผู้คนพลุกพล่านแม้จะดูวุ่นวายแต่ทุกบ้านก็ยังคงให้ความสำคัญกับกระเปราะยางไม้ของตน ระหว่างทางที่ฉันกำลังเดินอยู่ก็เกิดมีเสียงแตรดังขึ้น ดูเหมือนว่าเสียงแตรนั้นจะเป็นสัญญาณบอกถึงอะไรบางอย่างเพราะดราฟรินทุกคนต่างพร้อมใจกันหยุดกิจกรรมต่างๆที่กำลังทำอยู่แล้วแยกออกเป็นสองฝั่งเว้นช่องตรงกลางสำหรับขบวนที่กำลังจะเคลื่อนตัวมาถึง

“นาเกียร์จงเจริญ นาเกียร์จงเจริญ”

ชาวดราฟรินพากันเปล่งเสียงออกมาอย่างพร้อมเพรียงพร้อมก้มศีรษะโค้งคำนับ

เหล่าทหารเดินนำขบวนในไม่ช้าก็เผยผู้นำสูงสุดซึ่งชายคนหนึ่งที่ไว้เครายาวสีดำ นั่งคล่อมอยู่บนหลังสัตว์ประหลาดตัวยาวไร้ขน ผิวหนังของมันช่ำน้ำและปราศจากดวงตา ส่วนล่างสุดของลำตัวมีเดือยแหลมไว้คอยจิกพื้นเพื่อขยับตัวเคลื่อนที่ ปากกว้างกลมเผยคมเขี้ยวแหลมเบียดเบียดกันแน่นเหมือนสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์ ฉันหมอบลงตามชาวดราฟรินคนอื่นๆ ไม้กล้ามองตัวประหลาดนั่นเต็มตานัก ขบวนหยุดลงกลางคันเพราะไอ้ตัวประหลาดทำท่าลนลานเหมือนสุนัขดมกลิ่นซากศพ  มันส่ายหัวไปมาอย่าบ้าคลั่ง สายตาสุดท้ายของมันหยุดจ้องมาที่ฉันซึ่งนั่งเบียดอยู่กับคนอื่นๆ ใช่ มันไม่มีตาแต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันจ้องมาที่ฉัน ว่าแล้วสัตว์ประหลาดคล้ายไส้เดือนก็เขยื้อนตัวขยับเข้ามาใกล้ มันทำจมูกฟุตฟิตแล้วคำรามจนเมือกน้ำลายดีดกระเด็น

“ครูซซซซ” ชายที่นั่งอยู่บนหลังของเจ้านั่นกระตุกปลายเชือกที่รัดรอบคอไส้เดือนยักษ์ยานพาหนะของเขา ก่อนที่มันจะโถมพุ่งทั้งตัวเข้ามาหาฉัน

“นี่ไม่ใช่เวลาเล่นนะเจ้าโง่!” เขากำราบแล้วเหลือบมองลงไปยังประชาชนชาวดราฟรินทั้งหลายเบื้องล่าง เขาโบกมือ ก่อนจะส่งสัญญาณ

“ไปได้แล้ว ครูซ” เขาออกคำสั่ง ขบวนจึงเคลื่อนตัวต่อไปได้

เมื่อขบวนผ่านพ้นผู้คนก็แยกย้าย สถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว

ถ้าฉันเดาไม่ผิด ชายคนนั้นก็คงจะเป็น ‘นาเกียร์’ ผู้นำที่ปลุกระดมให้เฮริบเบิลแตกแยก สิ่งเหล่านี้จะเป็นจริงหรือไม่คงต้องพักวางไว้ก่อนเพราะมีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่า ว่าแล้วจึงรีบมุ่งหน้าไปตามหาริงตั้นตามคำบอกเล่าของหญิงสาวชาวดราฟรินคนนั้น ทว่าระหว่างทางฉันบังอิญพบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเธอคล้ายโซเนียมาก แล้วโซเนียมาทำอะไรที่นี่? มีทางเดียวเท่านั้นที่จะรู้ความจริงนั้นได้ คือต้องตามเธอไป ก้าวตามไปได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้น อยู่ๆ ฉันกูถูกดึงรั้งไว้ให้อยุดกะทันหัน และใครคนนั้นก็คือ

“ริงตั้น!” ฉันอุทานเสียงสูง

“เป็นนายจริงๆ ด้วย”

“เจ้าอยากตายมากงั้นเรอะ พวกเฮริบเบิ้ลนี่ยังไงกัน!” โนเอลตวาด เขาทำหน้าดุ ทำเอาฉันรีบหุบยิ้ม

“นายเองก็เฮริบเบิ้ลไม่ใช่หรอไง” ฉันย้อนเสียงเรียบ ทำเอาโนเอลสะดุดถึงกลับไปต่อไม่เป็น

“จะว่าไปก็จริงนะ แต่นั่นมันก็เมื่อก่อน ตอนนี้ข้าคือดราฟริน” เขากล่าวเสยงเข้ม

“โอเค ถ้าอย่างนั้นนายคงช่วยฉันได้ไม่ยาก”

“ช่วยเจ้าที่เป็นเฮริบเบิ้ลน่ะรึ” โนเอลแสยะยิ้ม

ถ้าหากการเป็นเฮริบเบิ้ลหรือดราฟรินมันยากเย็นขนาดนี้ ฉันคงต้องเล่าความจริงให้เขาฟัง เผื่อบางทีการเป็นหมนุษย์ จะช่วยให้อะไรต่อมิอะไรดีขึ้นบ้าง

ฉันสูดลมหายใจก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราว

“ความจริง ฉันไม่ใช่เฮริบเบิ้ลหรือดราฟรินอะไรทั้งนั้น” ฉันเล่าอย่างตั้งใจ

“แล้วเจ้าเป็นอะไร” โนเอลรอฟัง

“ความจริงแล้วฉันเป็นมนุษย์”

“มนุษย์เรอะ” ขาดคำโนเอลก็หัวเราะลั่น ก่อนจะกล่าวต่อไป

“นอกจากเจ้าจะโง่เง่าแล้ว เจ้ายังกุเรื่องได้ตลกอีกด้วย”

เขาหัวเราะไม่ยอดหยุด ซึ่งแน่นอนว่ามันกระตุ้นต่อมโทสะของฉันมาก

“เงียบเดี๋ยวนี้นะริงตั้น!” หน้าฉันเปลี่ยนเป็นสีเข้ม

“ฉันไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้นายเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ นายไม่เหมือนริงตั้นคนที่ฉันเคยรู้จักเลยสักนิด” ฉันว่าอย่างระอา

ฉันคว้าไหล่ทั้งสองข้างของเขาไว้แน่น บีบมันอย่างเต็มแรง

“ไม่ว่าอะไรที่ทำให้นายเปลี่ยนไป แต่ยังไงซะตอนนี้มันก็ถึงเวลาแล้วที่นายจะต้องตอบแทนบุญคุณฉัน” ฉันตะเบงจนสุดเสียง ทำเอาขายหน้าเสียเงียบกริบแต่นั่นก็แค่ชั่วอึดใจ

“เจ้ากล้าขึ้นเสียงกับข้ารึ!” โนเอลไม่ยอมเช่นกัน

“ใช่! แล้วถ้านายยังไม่เลิกงี่เง่าอีกล่ะก็ รับรองเลยว่าการบ้านสักตัวฉันก็ไม่ให้นายลอก ขนมสักชิ้นฉันก็จะไม่แบ่ง แล้วถ้าเจ้าอ้วนฮอร์นแกล้งนายอีก ฉันก็จะไม่ช่วย!” ฉันงัดคำขู่ออกมา ใช่เขาควรจะกลัวมันแต่ทว่าไม่ใช่แบบนั้นเลย

“เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้า คนอย่างข้าไม่เคยต้องขอขนมใครกิน” โนเอลทำไม่รู้ไม่ชี้ซึ่งมันทำให้ฉันหมดความอกทน

ไม่รอช้าฉันจึงแกะโบว์สีชมพูที่ติดผมออก โบว์นี่เป็นของที่เขาให้ฉันเมื่อวันเกิดที่ผ่านมา ฉันชอบมันมากแต่ตอนนี้ฉันกลับไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว ฉันปามันใส่หน้าของโนเอลอย่างเต็มแรง ให้สาสมกับที่เขาทำกับฉัน

“เอาคืนไปฉันไม่อยากได้มันแล้ว” ฉันว่าเสียงสั่น

โนเอลมองสิ่งที่ว่าซึ่งกระแทกหน้าเขาแล้วล่วงหล่นลงพื้นไปอย่างไม่สนใจ

“นั่นก็เรื่องอของเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า” เขาส่ายหน้าแล้วทำท่าจะเดินผละไปทางอื่น ฉันรีบตามไปขว้างเอาไว้

“ทำไมกันริงตั้น ขนาดฉันทำถึงขนาดนี้แล้วนายยังไม่สำนึกอีกหรือไง หรือจะต้องให้ฉันชกหน้านายก่อน นายถึงจะจำฉันได้! และยอมช่วยฉัน!” ฉันว่าเสียงดัง

“ถ้าเจ้าคิดว่าการตะโกนโหวกเหวกโวยวายใส่หน้าข้าอย่างที่เจ้ากำลังทำอยู่เป็นวิธีการขอร้องที่ดีล่ะก็ เจ้าคงต้องกลับไปคิดทบทวนดูเสียใหม่ แล้ววันหลังเราค่อยมาคุยกัน เมื่อเจ้าคิดได้”

ฉันพยายามระงับอารมณ์ที่สูงปรี๊ดให้ลดระดับลง

“ริงตั้น” ฉันเรียกเขาด้วยเนื้อเสียงเรียบ ด้วยอารมณ์ที่เย็นลงปนความเสียใจ

“ถ้านายจำฉันได้สักนิด ถ้านายจำเรื่องของเราได้ นายจะไม่ลังเลที่จะช่วยฉัน นายจะไม่ปล่อยฉันไว้แบบนี้”

ฉันพยายามสะกดกลั้นน้ำตาและความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหมดทั้งมวนเอาไว้

“ในเมื่อนายลืมมันไปแล้ว ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันจะร้องขอ”

ฉันบอกอย่างคนหมดหวัง กระทั่งน้ำตาหยดแรกร่วงหล่น

“ถึงกับร้องไห้เชียวรึ” โนเอลมองอย่างอึ้งๆ

เขาไม่ปล่อยให้น้ำตาของฉันไหลอยู่นานนัก

“หยุดร้องได้แล้วน่า” เขาขยับเขามาใกล้ แต่ฉันก็ยังคงร้องต่อ สะอึกสะอื้น

“เอาล่ะๆ ข้ายอมช่วยเจ้าก็ได้”

“ยอมช่วยแล้วจริงๆ นะ” ฉันปาดน้ำตาที่เลอะเปรอะแก้ม และแทนที่คราบน้ำตานั้นด้วยรอยยิ้ม

 “ขอบใจนะริงตั้น”

“ถ้าขืนเจ้ายังเรียกข้าว่าริงตั้นอีกล่ะก็ ข้าอาจเปลี่ยนใจได้”

“โอเค ต่อจากนี้ไปฉันจะเรียกนายว่า ริงตั้น” ฉันให้คำมั่น

ว่าแล้วโนเอลจึงนำฉันไปคุยกันในสถานที่ที่คนไม่พลุกพล่านมากนัก

“บอกมาสิว่าเจ้าอยากให้ข้าช่วยเรื่องอะไร”

“ฉันอยากให้นายช่วยตามหาเดรก เขาเป็นพี่ชายของฉัน” ฉันเปิดประเด็น

“เรื่องแค่นี้ทำไมเจ้าไม่ไปขอความช่วยเหลือจากท่านฮาเปอร์ ข้าหมายถึงท่านผู้นำของเจ้าน่ะ ทำไมต้องเสี่ยงอันตรายข้ามมาถึงฝั่งนี้”

“ฉันก็อยากทำแบบนั้นอยู่นะ ถ้าหมีไม่ได้พาเดรกไป”

“เจ้ากำลังจะบอกว่า พี่ชายของเจ้าถูกหมีจับตัวไปเรอะ”

ฉันพยักหน้ายืนยันเมื่อโนเอลทำสีหน้าไม่เชื่อ ต่ฉันก็ไม่ได้โกหกเขานี่หน่า

“เอาล่ะ ไหนเจ้าลองเล่าเหตุการณ์ความเป็นมาทั้งหมดให้ข้าฟังเอาโดยละเอียดล่ะ”

ฉันจึงเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด

“อย่างที่ฉันบอกนายตั้งแต่แรกว่าฉันเป็นมนุษย์ และเมื่อหลายวันก่อน ฉันกับเดรกตัดสินใจออกตามหาเจ้าหญิงที่ถูกลักพาตัวไป ระหว่างทางเราพบกับคางคกยักษ์โครอี้ มันพยายามขัดขวางเราด้วยการปลอมตัวเป็นชายเจ้าของม้าและหวังข้าเราทิ้งแต่เดรกจับได้ซะก่อน จึงรอดมาได้ เดรกตัดสินใจหาที่พักแรมที่ปลอดภัยสำหรับค่ำคืนแรกที่เปล่าเปี่ยวในป่าที่มืดมิด ทุกอย่างปกติกระทั่งรุ่งเช้า เมื่อฉันตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองกลายมาอยู่ในสภาพนี้ แต่ที่สำคัญเดรกหายตัวไป แต่ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวฉันกลับกลายเป็นหมีกรีสรี่สีน้ำตาลตัวใหญ่ มันดุร้าย มันพยายามไล่ล่าฉันเพื่อกินเป็นอาหาร แต่มันก็ทำไม่สำเร็จเพราะโซเนียมาช่วยฉันไว้ทัน”

“เจ้าก็เลยคิดว่าเป็นหมีตัวนั้นที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่ชายเจ้าหายไป” โนเอลสรุปความ

“ซึ่งมันก็เป็นไปได้ไม่ใช่หรอ” ฉันว่า

“แล้วหมีจำทำอย่างนั้นทำไม” โนเอลสงสัย

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่รู้แน่ๆ คือเดรกไม่ได้ถูกมันเขมือบลงกระเพาะแน่ เพราะไม่มีร่องลอยของการต่อสู้หรือคราบเลือดให้เห็น และนี่จึงทำให้ฉันเชื่อว่าเดรกยังมีชีวิตอยู่”

โนเอลพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“เมื่อก๊ ข้าได้ยินเจ้าพูดถึง เจ้าหญิง?”

ฉันผงกศีรษะลง ยืนยันว่าสิ่งที่เขาฟังมาไม่ผิด

“เดรกบอกว่า เธอถูกคางคกยักษ์โรอี้ลักพาตัวไป จริงสิ! เดรกยังบอกอีกด้วยว่า มีคนคนหนึ่งที่จะช่วยเราจัดการกับโครอี้ได้ …” ฉันทิ้งท้ายด้วยความเงียบและมันทำให้คนฟังฟุ้งซ่าน

“ว่าไงเขาคือใคร” โนเอลทวนถาม

“ฉันจำไม่ได้หรอก”

“ว่าไงนะ!”

“ฉันบอกว่าฉันจำไม่ได้ ก็ตอนนั้นมันดึกแล้ว”

โนเอลส่ายหน้าทำหน้าตาแบบว่าผิดหวังสุดๆ

“นอกจากเจ้าจะโง่เง่าแล้ว เจ้ายังเป็นมนุษย์ที่ความจำสั้นอีกตั้งหาก!”

“นายว่าฉันโง่แล้วแล้วนะ” ฉันกอดอก

“นายเก็บคำนี้ไว้ใช้ตัวเองจะดีกว่านะ เพราะถ้าวันไหนที่นายไต่จากความเป็นที่โหล่ของห้องได้เมื่อไหร่แล้วค่อยมาใช้คำนั้นกับที่หนึ่งอย่างฉัน”

ยังไม่ทันจบประโยคเสียงฉันก็ขาดหายเมื่อมือข้างหนึ่งของโนเอลปิดช่องทางเสียงฉันซะจนแนบสนิท ก่อนที่เขาจะดึงฉันไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ เมื่อเขาสังเกตเห็นทหารดราฟรินเดินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ

“เงียบก่อน” เขาออกคำสั่ง

“มีอะไรหรอ” ฉันกระซิบ

“วันี้เจ้าคงต้องกลับไปก่อน เพราะอีกไม่นานพวกทหารจะไปประจำตามจุดผ่อนปรน”

“แต่เรายังไม่ได้คุยกันถึงแผนที่จะช่วยเดรกเลยนะ”

ฉันเริ่มกังวล ยอมเสี่ยงมาถึงที่นี่แต่กลับไม่ได้อะไรเลย

“เรื่องแผนเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้เจ้าควรสนใจความปลอดภัยของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วพรุ่งนี้ข้าจะไปรอเจ้าที่จุดผ่อนปรน”

ทีแรกฉันลังเลแต่ในที่สุดก็จำใจต้องยอมกลับก่อน

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา