Dandelion(แดนดิไลออน) คืนฝันวันล่าจินตนาการ
เขียนโดย มะมาย
วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.58 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 19.14 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
14) ณ เมืองหนึ่งซึ่งผู้คนแปลกประหลาด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในที่สุดฉันก็ได้รับอิสรภาพเมื่อมาถึงสถานที่ที่มีผู้คนแต่งตัวประหลาดและมีรูปร่างลักษณะแบบเดียวกันกับฉันเดินพลุกพล่านอยู่เต็มไปหมด
ทั่วอาณาบริเวณถูกประดับประดาไปด้วยหมู่มวลดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์และหลากสีสัน หญิงแปลกหน้าพาฉันแวะไปที่ร้านดอกไม้สีชมพูดอกหนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าเป็นร้านขายอะไรบางอย่าง เขาใช้ดอกไม้เป็นที่พักพิงเพื่ออยู่อาศัย มีผู้คนมากหน้าหลายตาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าออกไม่ขาดสาย
“หวัดดีเซียน่า” หญิงแปลกน่ากล่าวทักทายหญิงสาวอีกคนที่กำลังก้มๆเงยๆ
“อ้าวโซเนีย เจ้าจะกินอะไรเลือกได้ตามสบายเลยนะ” เซียน่าหญิงเจ้าของดอกไม้บอกด้สยท่าทีสนิทสนม
ถ้าฟังไม่ผิด ผู้หญิงที่ที่พาฉันมาด้วยเธอชื่อ โซเนีย ซึ่งตอนนี้เธอกำลังให้ความสนใจอยู่กับการเลือกของบางอย่างที่ฉันไม่คุ้นตาแต่ฉันคิดว่ามันคงเป็นพวกไอศกรีมหรือไม่ก็น้ำแข็งใสอะไรทำนองนี้
“ข้าเอาเกสรดอกเคิร์กก็แล้วกัน” โซเนียชี้ด้วยปลายนิ้วเรียวสวย
“เจาล่ะ” เธอหันมาถาม
“มีช็อกโกแลตไหมคะ” ฉันบอกออกไปแต่แล้วก็ได้สีหน้างุนงงตอบกลับมาแทน นั่นแปลว่าไม่มีช็อกโกแลต
“โอเค ฉันเอาแบบเธอโซเนีย”
ว่าแล้วเกล็ดสีเหลืองก็ถูกตักขึ้นมาวางใส่บนกลีบดอกไม้ที่รองเป็นฐาน
ผู้คนที่นี้กินเกสรดอกไม้เป็นของว่างซึ่งฉันไม่มั่นใจว่าตัวเองควรตักมันเข้าปากด้วยซ้ำ ฉันลังเลอยู่พักก่อนหันไปดูคนข้างกันกินอย่างเอร็ดอร่อยว่าแล้วจึงลองชิมดูด้วยคำเล็กๆ รสชาติมันๆเหมือนถั่วซึ่งก็ถือว่าเข้าท่าดี
“เอาล่ะ เจ้า…” เธอหันมามอง
“ฉัน เอลิซ่า”
“เอลิซ่า เราแยกกันตรงนี้ ส่วนเรื่องพี่ชายของเจ้าไว้ข้าจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด” โซเนียเอ่ยขึ้นระหว่างที่เดินไป
“แล้วอย่าคิดที่จะกลับไปที่นั่นคนเดียวอีกเป็นอันขาด เข้าใจไหม!” เธอทำหน้าดุก่อนจะบินห่างออกไปด้วยท่าทีรีบร้อนและทิ้งฉันไว้เบื้องหลังเพียงลำพัง
“โซ..เนีย…” ฉันเรียกเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เธอไปแล้ว
ฉันหยุดอยู่กับที่ มองโซเนียที่บินห่างออกไปไกลทุกทีทุกที ฉันหมุนมองจนรอบตัวอย่างสับสน สำหรับที่นี้แล้วฉันก็ไม่ต่างอะไรกับคนต่างถิ่น โดดเดี่ยว และไม่รู้จักใคร ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างหมดหวัง ความเคว้งคว้างทำให้ฉันนึกถึง เบรนด้าขึ้นมา จากนั้นก็มีสัมผัสบางเบาอันคุ้นชินแตะลงที่ไหล่เล็กๆของฉัน วินาทีนั้นฉันรู้ได้ในทันทีว่าต้องใช่เบรนด้าไม่ผิด
“เยรนด้า! นี่คุณจริงๆใช่ไหม” ฉันยิ้มกว้างกระโจนเข้ากอดเบรนด้าเมื่อรู้ว่าสัมผัสนั้นเป็นของเธอ
ทุกอย่างที่ต้องเผชิญมาผลักดันให้น้ำตาไหลพราก ฉันร้องออกมาโดยไม่สนใจใครที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น
“คุณอย่าทิ้งหนูไว้คนเดียวอีก” ฉันสะอื้น
“โธ่ เอลี่” เบรนด้าลูบหลังให้เพื่อปลอบโยน
ฉันคลายอ้อมกอดที่รัดแน่น “ หนูอยากกลับบ้าน” ฉันปาดน้ำตาที่เลอะแก้ม
ริมฝีปากเรียวบางได้รูปของเบรนด้าขยับยิ้มรับด้วยความห่วงใย “เธอแน่ใจหรอเอลี่ ว่านั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ”
เบรนด้าหยุดและมองมาที่ฉันอย่างคาดคั้น
“เธอคิดยังไงกับคางคกยักษ์โครอี้ที่เจอมา” เธอเว้นวรรค “และคิดยังไงกับที่นี่”
ฉันนิ่ง “เธอกลัวงั้นหรอ” เบรนด้าถาม
คำถามของเบรนด้าทำให้ฉันฉุกคิดค้นหาถึงคำตอบที่แท้จริง ‘ฉันกำลังกลัวอยู่งั้นหรอ?’ แวบแรกฉันคงตอบออกไปอย่างไม่อายใครว่ากลัวมาก คงไม่มีใครชอบประสบการณ์เสี่ยงตายเหมือนกับที่ฉันเจอมาแน่ แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความกลัวก็คือความตื่นเต้นซึ่งฉันสัมผัสมันได้ในเวลานี้
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ “ไม่เบรนด้า” ฉันพูดอย่างมั่นใจ
“ความกลัวคือสิ่งที่หนูสร้างขึ้นมา หนูไม่ควรกลัว” ฉันยิ้มออก
“นั่นล่ะคือสิ่งที่ฉันพยายามบอกเธอมาตลอดเอลี่” เบรนด้าขยาย เธอมองฉันด้วยแววความสบายใจทว่ารอยยิ้มนั้นกลับค่อยๆจืดจางลงพร้อมๆกับร่างกายของเธอที่เลือนลางเหมือนดวงไฟที่ริบหรี่
‘จงเชื่อมั่นและอย่ากลัว จงเชื่อมั่นและอย่ากลัว จงเชื่อมั่นและอย่ากลัว จงเชื่อมั่นและอย่ากลัว’
เสียงของเบรนด้าดังก้องกัววาลในโสตทัศน์ของฉันในขณะที่มีบางอย่างพยายามพรากเราออกจากกัน
“เบรนด้าอย่าไป!”
ร่างที่นอนหงายเหยียดยาวอยู่บนเตียงดอกไม้สะดุ้งตกใจตื่นขึ้น หลังจากที่เป็นลมสลบไปเสียนานเมื่อหลายนาทีก่อน เธอยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง สะบัดศีรษะไล่ความมึนงง ที่แท้ก็แค่ฝันไป
แมลงเต่าทองตัวหนึ่งบินโผล่ขึ้นมาจากขอบเตียงด้านข้างด้วยสีหน้ายับยู่เพราะมันตกใจเสียงกรีดร้องของเอลิซ่าจึงมุดลงไปหลบ
“บลูม่า นี่เธอเองหรอ” ฉันเอ่ยขึ้น
บลูม่าพยักหน้าและทำเสียงโวยวายเหมือนไม่พอใจ มันพยายามเรียกร้องฟ้องอะไรสักอย่างด้วยการทำเสียงฟุดฟิดและขยับปีกถี่ๆ
“เข้าใจแล้ว ฉันขอโทษที่ทำให้เธอตกใจ”
ฉันมองพื้นที่เปียกชุ่ม บลูม่าคงกำลังเอาน้ำมาให้แต่เพราะตกใจกับเสียงร้องของฉันมันเลยทำน้ำหก ฉันยิ้ม บลูม่าทำเสียงขู่ก่อนที่กลีบดอกไม้ที่ห่อหุ้มเราเอาไว้ข้างในจะขยับเปิดออกให้บลูม่าบินออกไป ฉันจึงใช้จังหวะนี้หลบออกมา
เบรนด้าเมื่อกี๊มันคือความฝันหรือความจริงกันแน่?
ฉันเดินเรื่อยเปื่อยใจลอยจนกระทั่งรู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ที่สายน้ำแห่งหนึ่ง เมื่อมองออกไปยังอีกฟากฝั่งของแม่น้ำก็พบกับชายคนหนึ่งกำลังนั่งตกปลาอยู่ ไม่ผิดแน่เขาคือริงตัน ไม่รอช้าฉันรีบตะโกนเรียกโบกไม้โบกมืออย่างตื่นเต้น
“ริงตัน!” ฉันแผดเสียงร้อง
‘โนเอลเจ้าดูเฮริบเบิลคนนั้นสิ’ ไพร์แมลงเต้าทองส่งกระแสจิต
ได้ยินอย่างนั้นโนเอลจึงเงยหน้าขึ้นมามองบุคคลที่ไพร์ว่าด้วยสีหน้าและแววตาเยือกเย็น
‘เจ้ารู้จักนางเรอะ’ ไพร์กล่าวถาม
“ข้าไม่มีทางรู้จักเฮริบเบิลจอมโง่เง่าพันธ์นั้นหรอก” โนเอลว่าอย่างเรียบๆ
‘แต่ข้าว่าดูนางจะรู้จักเจ้านะ’
“ถึงจะรู้หรือไม่นางก็ทำได้ดีที่สุดก็แค่ตะโกนออกมาเพียงเท่านั้น” โนเอลว่าเขาไม่สนใจ
เป็นที่รู้กันอยู่ว่าชนเผ่าทั้งสองห้ามรุกล้ำเขตแดนซึ่งอยู่เหนือาณาเขตน่านน้ำแห่งนี้ ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนกฎมานานแล้วตั้งแต่สงครามคราวนั้น
‘โนอลข้าว่าเจ้าคิดผิดแล้วล่ะ ดูสินางมานู่นแล้ว’
“นางข้ามมาก็โง่เต็มที” เขาแสยะยิ้ม
เอลิซ่าบินมาได้เพียงครึ่งทาง ขาของเธอก็ถูกรั้งไว้ด้วยเถสวัลย์เส้นบางที่พุ่งตรงมาจากฝีมือของใครบางคนที่อยุ่บนฝั่ง
“โซเนีย!”
โซเนียดึงเอลิซ่ากลับขึ้นมาบนฝั่งซึ่งเป็นที่ที่เธอควรอยู่ซะมากกว่า
“เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้า! อยากตายมากงั้นรึ!” เธอตวาด
“ทำไมเธอต้องขึ้นเสียงด้วย ฉันแค่จะข้ามไปอีกฝั่งเพื่อพบเพื่อน” ฉันอธิบาย
“เพื่อนที่ฝั่งนั้นอย่างงั้นหรอ” เธอทำเสียงเข้มเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันบอก
“นั่นไงผู้ชายคนนั้น เขาชื่อริงตัน เขาเป็นเพื่อนฉัน” ฉันชี้ทว่าไม่พบใครอยู่แล้ว
“ข้าว่าเจ้าคงจำผิดคนแล้วล่ะ แล้วที่สำคัญเฮริบเบิลจะมีเพื่อนเป็นคราฟลินไม่ได้หรอก” เธอบอกด้วยเสียงเรียบ
“ทำไมล่ะ”
“ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังหลังจากที่เรากลับไปยังบ้านดอกไม้”
ฉันตัดสินใจทิ้งริงตันไว้เบื้องหลังและบินกลับไปยังบ้านดอกไม้ที่พิ่งจากมา
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ