ความฝัน สิ่งสำคัญ ห่างกัน หายไป
9.0
เขียนโดย นายน่าเบื่อ
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.28 น.
3 ตอน
4 วิจารณ์
7,547 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556 16.16 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) เจอสิ่งที่หายไป
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเจอสิ่งที่หายไป
ห้าปี หลังเพื่อนสนิทหายไป
13.38 น
แสงแดดจ้าส่องจากดวงตะวัน ในช่วงบ่ายของวัน อาจจะทำให้ใครหลายคน ข้างนอนห้างดังแห่งนี้ ร้อนอบอ้าวแต่ไม่สามารถทำไรให้ผมร้อนได้เลย นะขณะนี้ เพราะผมนั่งยิ้ม ตากแอตาเยิ้มอยู่ในร้านกาแฟ และนั่งมองดูหน้าเพื่อนสนิทที่ใช้มือข้างขวาลูบลอยช้ำข้างขอบตาขวาอยู่ เพื่อนสนิทที่หายไป 5 ปี และไม่รู้ว่าเป็นความซวย หรือเรืองดีดี ของมันก็ไม่ทราบได้ที่มันมาเจอผม
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเห็นจะได้ ผมซึ่งต้องมาธุระที่ต่างจังหวัดกับพี่สุดที่รัก ผู้ซึ้งบังคับข่มเหงให้ผมมาเป็นเพื่อนอย่างเต็มใจ หลังจากทำธุระส่วนตัวของพี่เสร็จ ผมก็ขอตัวแยกออกมาเดินรอยชายซื้อของฝากที่ห้างแห่งนี้ เดินซื้อของฝาก ? ไม่สิที่จริงไม่ได้กะจะมาซื้อของฝากหลอกแค่จะมาเดินเล่นหาหนังสือซักสามสี่เล่มกลับไปอ่านมากกว่า ชีวิตนี้ขาดไม่ได้จริง ๆ กระดาษปึกหนา ๆ ที่เข้าเล่มอย่างเป็นระเบียบสวยงามน่าจับนั้น เฮ้ออ
ในตอนที่ผมเดินดูของฝาก(ให้ตัวเอง) อย่างใจลอยคิดนู้นนี้นั้น สารพัน ความคิดที่แสนจะไรสาระอยู่นั้น
ปึก
“ขอโทษคับ” “ขอโทษคับ” แล้วเค้าก็ถอยห่างผมไปสามก้าว หลังจากเดินชนผม หรือผมเดินชนเค้าหว่า ?
ผมไล่สายตาขึ้นมองหน้าคู่กรณีที่เดิมมาชนผม มั่ง เหมือนกับที่เค้าก็มองผมอยู่ สายตาเราสบกัน ต่างคนต่างมองหน้ากัน
แล้วภาพบางภาพก็แล่นเข้ามาในห้วงความคิดของผม ไฟล์ ภาพที่บันทึกไว้ในความทรงจำแต่เล็กจนโตหล่นลงดังปุ ในหัวของผม
“มึง” “มึง” เราสองคนพูดขึ้นพร้อมกันอีกครั้งเป็นรอบที่สองของวัน ดุถ้าแล้วไม่ได้มีแต่ผมสินะที่นึกภาพออก
“หายไปไหนมาวะเพื่อน” ผมถามมันด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ มากที่ได้เจอมัน เพื่อนสนิทที่หายไปนาน
“ทำงานเว้ย เห็นมั้ยกูเป็นเสี่ยแล้ว” มันพูดพร้อมกับชูแหวนทองที่มือให้ผมดู ผมเริ่มสำรวจตัวมันอีกครั้ง มันเป็นเสี่ยจริง ๆ แทบไม่อยากเชื่อสายตัวว่าจะเป็นคนเดียวกะคนที่ร้องไห้ในวันนั้น มันประสบ ความสำเร็จแล้วจริง ๆ สินะ ผมดีใจกับมันจริง ๆ แต่มันจะรู้มัยว่าการจากมาอาจจะไม่ได้เห็นสิ่งที่จากมาก็ได้
“เออ ดีใจด้วยเว้ย แหมหายไป 5 ปี รวยขึ้นนะเรา มามา เข้ามาใกล้ ๆ มากอดที” ผมพูดพร้อมกับเรียกมันเข้ามาใกล้ ๆ
“เฮ้ยเอาจริง ก็ได้เว้ย มามา” มันเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับกางแขนจะกอดผม
ผัวะ! เสียงหมันตรงผมส่งไปกระทบเป้าที่ตาขวาเต็ม ๆ มันเดินเซถอยหลังมองผมตาค้าง หึหึ มึงคงคาดไม่ถึงสินะ
แล้วผมก็เดินเข้าไปกอดมันไว้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “กูดีใจนะที่เจอมึง”
“มึงดีใจแล้วมึงต่อยกูทำไมวะ หอกนิ”
“นั้นสำหรับ มึงทิ้งกุไว้กางฝนเว้ย 555 แล้วนี้จะกลับบ้านเมื่อไหล กลับพร้อมกูมั้ย”
“กลับ ตอนแลกกะจะกลับพรุ่งนี้แต่กลับพร้อมมึงก็ดี” มันพูดพร้อมกับใช้มือกุมหน้าไปด้วย
“ เออ ไปหาที่นั่งคุยกัน 55 ตามึงเขียวแน่” ผมเปลี่ยนจากกอดมากอดคอมมันแล้วใช้มือจิ้มตรงที่โดนต่อยข้างตามันหนึ่งที
“โอ๊ย จิ้มไมวะ แม่งต่อยมาได้” แล้วผมก็ลากมันมาที่ร้านกาแฟนี้แหละ
.....
...
..
.
ผมนั่งมอง นั่งคุยกับมันมาจนมาถึงคำถามหนึ่งที่ผมต้องหุบยิ้ม และไม่ได้เตียมคำตอบไว้เลย
“พ่อ แม่ กูสบายดีมั้ยวะ” มันถามขึ้นขนะที่เรากำลังคุยเรื่อง หมาที่บ้านผมตายอยู่ = =
“ ก็ ก็ เอ่อ สบายดี ทั้งสองสบายดี แต่ไม่เท่ากันวะ”ผมตอบมันไป ด้วยเสียงที่นิ่งเรียบ
“พ่อกู ไม่โกรธกูแล้วใช่มั้ย ที่กูเอ่อ หนีมานะ” เป็นอีกคำถามที่ผมไม่รู้จะตอบยังไง จะบอกมันว่าเค้าไม่โกรธแต่งอลดีมั้ย ?
“มึง พ่อมึงไม่โกรธหลอก เค้าดูมึงอยู่ตลอดแหละ เชื่อดิ” เป็นสิ้งเดียวที่ผมคิดได้ และตอบไป คงไม่มีพ่อที่ไหนจะโกรธลูกและไม่มีลูกที่ไหนจะหนีพ่อและครอบครัวพนหลอก ผมเชื่ออย่างนั้น
“เค้าจะดูกูได้ไง กูอยู่ตั้งไกล” ผมมองหน้าเข้าไปในตาของผม ผมปูพื้นไว้แล้ว สำหรับความจริงที่เจ็บปวดของมัน ไม่ว่ามันจะรับได้มั้ย แต่มันจะต้องผ่านไปได้
“ ได้ดิ มองจากฟ้า จากข้างหน้า ข้างหลัง มึง พ่อมึง ไปสบายแล้วนะเว้ย เค้าต้องเห็น ต้องดูมึงอยู่แน่” แล้วผมก้เล่าเหตุการณ์ในช่วงฤดูน้ำหลากเมื่อสางปีก่อนให้มัน “และเช้าวันนั้น ตอนที่ดินถล่ม จากภูเขา ก้เจอศพลุง ที่สไลลงมากับดินด้วย แม่กับน้อง มึงรู้เข้า ก็ร้องไห้เสียใจมาก กูก็เสียใจเว่ย ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเลย”
จบประโยคของผมสีหน้าของมันก็เศร้าหม่นหมองตกใจ ลงอย่างเห็นได้ชัด แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มของมันอีกครั้ง
“ พ พ่อ ตายแล้วเหรอ มึงจะบอกว่าพ่อตายแล้ว ระ เหรอ” มันถามกลับมาใบหน้าซีดแสนเศร้าที่มีน้ำตาเป็นสิ่งชะล้างด้วยน้ำเสียงสั่นคลอของความเสียใจ
ไม่มีคำหลุดจากปากผมเป็นคำตอบ มีเพียงการพยังหน้า ขึ้นลงเบา ๆ เท่านั้น เพียงเท่านี้ มันก็ตั้งหน้าร้องไห้ถ้ามกลางร้านกาแฟในห้าง ดังของที่นี้ ภาพของมันร้องไห้ อีกแล้ว ภาพนี้อีกแล้วมันทำให้ผมเสียใจไปกำมันอย่างถึงที่สุดจริง ๆ
“ก กู ยังฮึก ไม่ได้บอกพ่อเลย ฮืออ บอกรักพ่อ กูยังไม่ได้ทำเลย ฮื้อออ” มันพูดแล้วจากนั้นก็รองต่ออย่างไม่อายใคร
ผมนั่งมองเพื่อนสนินร้องแล้วก็คิดได้หลากหลาย มากมายในเหตุการณ์นี หากวันนั้น มันไม่ได้เดินหนีออกมาจากบ้านเป็นสิ่งสำคัญที่หายไป ผมก็เชื่อว่ามันคงไม่บอกรักพ่อเช่นกัน แต่มันจะได้อยู่และดูแลพ่อสิ่งสำคัญของมันแน่นอน
แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ามันไม่เดินออกมา มันก็คงจะไปประสบความสำเร็จอย่างในวันนี้ แต่ผมก็คิดว่ามันผิดอยู่ดี ทำไมมันถึงไม่เลือกที่จะรอเวลาให้มันเดินมาช้า ๆ ให้มันเดินพาและเราเดินเข้าหา ความสำเร็จอย่างช้า ๆ ไปกับมัน
บางครั้ง การที่เราหายไปจากชีวิตคนสำคัญคนที่รักเราและเรารัก มันก็ยากรำบากทั้งคู่สำหรับการทำใจเพราะเราจะเป็นสิ่งที่หายไปของเค้าและเค้าจะเป็นสิ้งที่หายไปของเราเช่นกัน เพราะงั้นเราจึงมีสิทธิเลือกว่าเราจะเป็นสิ่งสำคัญที่หายไปหรือจะอยู่กับสิ่งสำคัญของเรา
มาถึงตรงนี้ผมเริ่มคิดว่าโลกเราไม่แน่นอนจริง ๆ เมื่อวานนี้ เราอาจจะได้อยู่กับสิ่งสำคัญ วันนี้ เราอาจจะจากสิ่งสำคัญไปและแน่นอนพรุ่งนี้ ไม่มีใครรู้ แล้วผมก็คงทำได้เพียงแค่นั่งมอง โลกที่แสนน่าเบื่ออย่างไม่น่าเบื่อเท่านั้นเอง
---------------------------------------------------------------------------------------------
พนมมือก้มลงกราบอย่างขอบคุณครับ
อย่าจากสิ่งสำคัญ และอย่าให้มันหายไปหละคับ ^ ^
มีคำผิดเยอะแน่นอนรับประกันเลย 5555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคับ และขอบคุณมาก ๆ ที่แสดงความคิดเห็นและติชม คับผม
ห้าปี หลังเพื่อนสนิทหายไป
13.38 น
แสงแดดจ้าส่องจากดวงตะวัน ในช่วงบ่ายของวัน อาจจะทำให้ใครหลายคน ข้างนอนห้างดังแห่งนี้ ร้อนอบอ้าวแต่ไม่สามารถทำไรให้ผมร้อนได้เลย นะขณะนี้ เพราะผมนั่งยิ้ม ตากแอตาเยิ้มอยู่ในร้านกาแฟ และนั่งมองดูหน้าเพื่อนสนิทที่ใช้มือข้างขวาลูบลอยช้ำข้างขอบตาขวาอยู่ เพื่อนสนิทที่หายไป 5 ปี และไม่รู้ว่าเป็นความซวย หรือเรืองดีดี ของมันก็ไม่ทราบได้ที่มันมาเจอผม
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเห็นจะได้ ผมซึ่งต้องมาธุระที่ต่างจังหวัดกับพี่สุดที่รัก ผู้ซึ้งบังคับข่มเหงให้ผมมาเป็นเพื่อนอย่างเต็มใจ หลังจากทำธุระส่วนตัวของพี่เสร็จ ผมก็ขอตัวแยกออกมาเดินรอยชายซื้อของฝากที่ห้างแห่งนี้ เดินซื้อของฝาก ? ไม่สิที่จริงไม่ได้กะจะมาซื้อของฝากหลอกแค่จะมาเดินเล่นหาหนังสือซักสามสี่เล่มกลับไปอ่านมากกว่า ชีวิตนี้ขาดไม่ได้จริง ๆ กระดาษปึกหนา ๆ ที่เข้าเล่มอย่างเป็นระเบียบสวยงามน่าจับนั้น เฮ้ออ
ในตอนที่ผมเดินดูของฝาก(ให้ตัวเอง) อย่างใจลอยคิดนู้นนี้นั้น สารพัน ความคิดที่แสนจะไรสาระอยู่นั้น
ปึก
“ขอโทษคับ” “ขอโทษคับ” แล้วเค้าก็ถอยห่างผมไปสามก้าว หลังจากเดินชนผม หรือผมเดินชนเค้าหว่า ?
ผมไล่สายตาขึ้นมองหน้าคู่กรณีที่เดิมมาชนผม มั่ง เหมือนกับที่เค้าก็มองผมอยู่ สายตาเราสบกัน ต่างคนต่างมองหน้ากัน
แล้วภาพบางภาพก็แล่นเข้ามาในห้วงความคิดของผม ไฟล์ ภาพที่บันทึกไว้ในความทรงจำแต่เล็กจนโตหล่นลงดังปุ ในหัวของผม
“มึง” “มึง” เราสองคนพูดขึ้นพร้อมกันอีกครั้งเป็นรอบที่สองของวัน ดุถ้าแล้วไม่ได้มีแต่ผมสินะที่นึกภาพออก
“หายไปไหนมาวะเพื่อน” ผมถามมันด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ มากที่ได้เจอมัน เพื่อนสนิทที่หายไปนาน
“ทำงานเว้ย เห็นมั้ยกูเป็นเสี่ยแล้ว” มันพูดพร้อมกับชูแหวนทองที่มือให้ผมดู ผมเริ่มสำรวจตัวมันอีกครั้ง มันเป็นเสี่ยจริง ๆ แทบไม่อยากเชื่อสายตัวว่าจะเป็นคนเดียวกะคนที่ร้องไห้ในวันนั้น มันประสบ ความสำเร็จแล้วจริง ๆ สินะ ผมดีใจกับมันจริง ๆ แต่มันจะรู้มัยว่าการจากมาอาจจะไม่ได้เห็นสิ่งที่จากมาก็ได้
“เออ ดีใจด้วยเว้ย แหมหายไป 5 ปี รวยขึ้นนะเรา มามา เข้ามาใกล้ ๆ มากอดที” ผมพูดพร้อมกับเรียกมันเข้ามาใกล้ ๆ
“เฮ้ยเอาจริง ก็ได้เว้ย มามา” มันเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับกางแขนจะกอดผม
ผัวะ! เสียงหมันตรงผมส่งไปกระทบเป้าที่ตาขวาเต็ม ๆ มันเดินเซถอยหลังมองผมตาค้าง หึหึ มึงคงคาดไม่ถึงสินะ
แล้วผมก็เดินเข้าไปกอดมันไว้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “กูดีใจนะที่เจอมึง”
“มึงดีใจแล้วมึงต่อยกูทำไมวะ หอกนิ”
“นั้นสำหรับ มึงทิ้งกุไว้กางฝนเว้ย 555 แล้วนี้จะกลับบ้านเมื่อไหล กลับพร้อมกูมั้ย”
“กลับ ตอนแลกกะจะกลับพรุ่งนี้แต่กลับพร้อมมึงก็ดี” มันพูดพร้อมกับใช้มือกุมหน้าไปด้วย
“ เออ ไปหาที่นั่งคุยกัน 55 ตามึงเขียวแน่” ผมเปลี่ยนจากกอดมากอดคอมมันแล้วใช้มือจิ้มตรงที่โดนต่อยข้างตามันหนึ่งที
“โอ๊ย จิ้มไมวะ แม่งต่อยมาได้” แล้วผมก็ลากมันมาที่ร้านกาแฟนี้แหละ
.....
...
..
.
ผมนั่งมอง นั่งคุยกับมันมาจนมาถึงคำถามหนึ่งที่ผมต้องหุบยิ้ม และไม่ได้เตียมคำตอบไว้เลย
“พ่อ แม่ กูสบายดีมั้ยวะ” มันถามขึ้นขนะที่เรากำลังคุยเรื่อง หมาที่บ้านผมตายอยู่ = =
“ ก็ ก็ เอ่อ สบายดี ทั้งสองสบายดี แต่ไม่เท่ากันวะ”ผมตอบมันไป ด้วยเสียงที่นิ่งเรียบ
“พ่อกู ไม่โกรธกูแล้วใช่มั้ย ที่กูเอ่อ หนีมานะ” เป็นอีกคำถามที่ผมไม่รู้จะตอบยังไง จะบอกมันว่าเค้าไม่โกรธแต่งอลดีมั้ย ?
“มึง พ่อมึงไม่โกรธหลอก เค้าดูมึงอยู่ตลอดแหละ เชื่อดิ” เป็นสิ้งเดียวที่ผมคิดได้ และตอบไป คงไม่มีพ่อที่ไหนจะโกรธลูกและไม่มีลูกที่ไหนจะหนีพ่อและครอบครัวพนหลอก ผมเชื่ออย่างนั้น
“เค้าจะดูกูได้ไง กูอยู่ตั้งไกล” ผมมองหน้าเข้าไปในตาของผม ผมปูพื้นไว้แล้ว สำหรับความจริงที่เจ็บปวดของมัน ไม่ว่ามันจะรับได้มั้ย แต่มันจะต้องผ่านไปได้
“ ได้ดิ มองจากฟ้า จากข้างหน้า ข้างหลัง มึง พ่อมึง ไปสบายแล้วนะเว้ย เค้าต้องเห็น ต้องดูมึงอยู่แน่” แล้วผมก้เล่าเหตุการณ์ในช่วงฤดูน้ำหลากเมื่อสางปีก่อนให้มัน “และเช้าวันนั้น ตอนที่ดินถล่ม จากภูเขา ก้เจอศพลุง ที่สไลลงมากับดินด้วย แม่กับน้อง มึงรู้เข้า ก็ร้องไห้เสียใจมาก กูก็เสียใจเว่ย ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเลย”
จบประโยคของผมสีหน้าของมันก็เศร้าหม่นหมองตกใจ ลงอย่างเห็นได้ชัด แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มของมันอีกครั้ง
“ พ พ่อ ตายแล้วเหรอ มึงจะบอกว่าพ่อตายแล้ว ระ เหรอ” มันถามกลับมาใบหน้าซีดแสนเศร้าที่มีน้ำตาเป็นสิ่งชะล้างด้วยน้ำเสียงสั่นคลอของความเสียใจ
ไม่มีคำหลุดจากปากผมเป็นคำตอบ มีเพียงการพยังหน้า ขึ้นลงเบา ๆ เท่านั้น เพียงเท่านี้ มันก็ตั้งหน้าร้องไห้ถ้ามกลางร้านกาแฟในห้าง ดังของที่นี้ ภาพของมันร้องไห้ อีกแล้ว ภาพนี้อีกแล้วมันทำให้ผมเสียใจไปกำมันอย่างถึงที่สุดจริง ๆ
“ก กู ยังฮึก ไม่ได้บอกพ่อเลย ฮืออ บอกรักพ่อ กูยังไม่ได้ทำเลย ฮื้อออ” มันพูดแล้วจากนั้นก็รองต่ออย่างไม่อายใคร
ผมนั่งมองเพื่อนสนินร้องแล้วก็คิดได้หลากหลาย มากมายในเหตุการณ์นี หากวันนั้น มันไม่ได้เดินหนีออกมาจากบ้านเป็นสิ่งสำคัญที่หายไป ผมก็เชื่อว่ามันคงไม่บอกรักพ่อเช่นกัน แต่มันจะได้อยู่และดูแลพ่อสิ่งสำคัญของมันแน่นอน
แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ามันไม่เดินออกมา มันก็คงจะไปประสบความสำเร็จอย่างในวันนี้ แต่ผมก็คิดว่ามันผิดอยู่ดี ทำไมมันถึงไม่เลือกที่จะรอเวลาให้มันเดินมาช้า ๆ ให้มันเดินพาและเราเดินเข้าหา ความสำเร็จอย่างช้า ๆ ไปกับมัน
บางครั้ง การที่เราหายไปจากชีวิตคนสำคัญคนที่รักเราและเรารัก มันก็ยากรำบากทั้งคู่สำหรับการทำใจเพราะเราจะเป็นสิ่งที่หายไปของเค้าและเค้าจะเป็นสิ้งที่หายไปของเราเช่นกัน เพราะงั้นเราจึงมีสิทธิเลือกว่าเราจะเป็นสิ่งสำคัญที่หายไปหรือจะอยู่กับสิ่งสำคัญของเรา
มาถึงตรงนี้ผมเริ่มคิดว่าโลกเราไม่แน่นอนจริง ๆ เมื่อวานนี้ เราอาจจะได้อยู่กับสิ่งสำคัญ วันนี้ เราอาจจะจากสิ่งสำคัญไปและแน่นอนพรุ่งนี้ ไม่มีใครรู้ แล้วผมก็คงทำได้เพียงแค่นั่งมอง โลกที่แสนน่าเบื่ออย่างไม่น่าเบื่อเท่านั้นเอง
---------------------------------------------------------------------------------------------
พนมมือก้มลงกราบอย่างขอบคุณครับ
อย่าจากสิ่งสำคัญ และอย่าให้มันหายไปหละคับ ^ ^
มีคำผิดเยอะแน่นอนรับประกันเลย 5555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคับ และขอบคุณมาก ๆ ที่แสดงความคิดเห็นและติชม คับผม
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ