สูญเสีย เศร้า แล้วเข้าใจ
เขียนโดย นายน่าเบื่อ
วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 17.34 น.
แก้ไขเมื่อ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556 17.49 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) สูญเสีย เศร้า แล้วเข้าใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสูญเสีย เศร้า แล้วเข้าใจ
สายลมพัดผ่านยอดหญ้าเขียวขจีในทุ่งกว้างข้างทาง ทำให้หยดน้ำบนปลายยอดร่วงลงสู่พื้นดิน และต้นหญ้าเอนพลิ้วไหวไปตามแรงลมไล่ไปเป็นลูกคลื่นตามที่ลมพัดผ่าน เมฆครึ้มสีเทา มีแสงส่องผ่านเพียงน้อยนิด ทำให้ใครที่พบเห็นอาจคิดว่าภาพนี้ติดลบลง 1 – 2 คะแนนเลยก็เป็นได้ แต่ว่ามันกลับดูงดงามในสายตาผม จนอดทนไม่ได้ต้องยกกล้องขึ้นมากด บันทึกภาพไว้เพื่อจดจำความงามของธรรมชาติน้อยนิดของวันนี้ วันที่เหล่าญาติทางฝั่งของแม่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ของการเวลาที่มาในรูปแบบของความชรา
ผมซึ่งแม่โทรตามมา เผ่าศพญาติ ของท่าน ในวันที่เขาเสียไปแม่โทรมาบอกผมแล้วร้องไห้อย่างหนัก ผมจึงบอกปลอบใจแม่ “แม่ เค้าไปดีแล้วนะ” แม่หยุดร้องไปชั่วขณะนะหนึ่ง ท่านคิดอะไรอยู่ผมไม่อาจรู้ได้เลย แล้วแม่ก็ร้องไห้อีกครั้ง
“กลับมาเผ่าลุงด้วยนะ ลูก” เป็นคำพูดสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดของแม่ในวันนั้น ไม่สิฟังดูเหมือนคำสั่งมากกว่า
ผมไม่เข้าใจจริง ๆ การที่สูญเสียคนสำคัญไป กับการที่ห่างคนสำคัญอันไหนจะเสียใจมากกว่ากัน ? ไม่ใช่ว่าชีวิตของผม ไม่เคยสูญเสียคนสำคัญ ผมสูญเสียตา ไปเมือปีที่แล้ว ตาจากไปด้วยโรคชรา ในวันที่ตาเสีย แม่ร้องไห้หนักมาก จนผมเกือบร้องตาม ถ้าไม่ได้เห็นยาย เสียก่อน
ยายผมยื่นยิ้ม จับมือตาลูบเบา ๆ แล้วพูดกับร้างที่ไร้วิญญาณของตาว่า “ แกไปก่อนฉันแบบนี้แกต้องเหงาแน่ เพราะฉันยังมีลูก มีหลาน และอาจจะอยู่เห็นเหลน โหลน เลยก็ได้ (ยิ้ม)” แม่ยังคงร้องไห้ พ่อเข้าไปพยุงแม่ออกมาแล้วนั่งปลอบ
ผมยังคงยืนดุยายอยู่อย่างนั้นกับ พี่ชาย ที่มีน้ำตาไหลอาบแก้มไม่เหลือมาดคุณชายจอมถึงที่เพื่อน ๆ พากันตั้งให้เลย ผมเห็นพี่ร้องแล้วน้ำตามันก็คลอ ๆ อยู่ แต่ไม่ร้อง
“ยายไม่เสียใจเหรอ หึก ที่ตา จากไปหืออ” พี่ชาย ถามยายทั้งน้ำตา
“เสียใจสิลูก มานี้มา ” ยายดึงพี่ชายเข้าไปกอดแล้วยิ้มให้ผม “คนเรานะ ตั้งแต่เกิดก็มีร่างกายติดตัวมาตลอด แต่ร่างกายนะมันไม่ใช้ของเราหลอกลูก คนเราสักวันก็ต้องตายกันทุกคน”
ผมได้ยินดังนั้นก็ซึ้งในรสพระธรรมของยายจริง ๆ น้ำตาที่คลอ ๆ เพราะมองดูพี่ชายร้องไห้นั้นก็หายไปหมด ยายชั่งเป็นคนธรรมมะจริง ๆ แล้วผมก็ยิ้มให้ยาย อย่างขอบคุณ เมื่อเราเข้าใจโลกแบบยาย เราคงจะมีความสุขกว่านี้สินะ
ยายยังลูบหัวพี่ที่นั่งคุกเข่ากอดยายอยู่ ผมเห็นภาพนี้แล้วก็อดขำไม่ได้ มีความรู้สึกเหมือนเห็น หญิงชราตัวเล็กที่กำลังปลอบหมี(ควาย) ตัวใหญ่จริง ๆ
เล่ามาถึงตรงนี้ ผมก็ขับรถมาถึงศาสนสถานทำพิธีชาปนกิจ ให้คนที่แม่เรียกว่าลุงวันนี้ เป็นเมรุที่ตั้งอยู่ในป่าที่ไม่ลึก ห่างจากชุมชนไม่มาก ผู้คนใส่ชุดดำ นั่งพนมมือไหว พระสวดกันเต็มสารา ผมมาช้าไปรึเปล่านะ ผมจอดรถใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคือต้นอะไรเหมือนกัน = =
เมื่อลงจากรถก็เดินเข้าไปหาแม่ใน ศาลาพิธี อ่อบางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่ทำเมรุไว้ในวัด ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในความคิดผมคือที่นี้เป็นป่าช้า ที่นี้ คือที่ ๆ เค้าเคยใช้เผาตั้งแต่ยังไม่มีเมรุ
ผมเดินไปนั่งข้าง ๆ แม่ที่ไหวพระอย่างใจลอยอยู่กับยาย ผมสะกิดแขนแม่เบา ๆ แม่ตกใจเล็กน้อย แล้วหันมา ตาของแม่บวมแดง คงจะร้องไห้หนักสินะ
“ไม่เป็นไรนะ แม่” ผมยิ้มให้แม่แล้วก็กอดไว้ กลางงานศพขณะพระสวด ยายหันมาทำตาดุใส่แล้วก็ตีแขนผมหนึ่งที
“มาช้านะ หลานคนนี้นิ (ยิ้ม)” ยายยิ้มให้ผม ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ผิดกับแม่มาก ยายยังคงเข้มแข็ง เหมือนเดิม
“พ่อหละคับแม่” เมื่อสังเกตแล้วว่าพ่อไม่ได้อยู่กับแม่ ผมก็ถามหาตามมารยาท ลูกที่ดี = =
“พ่อ ออกไปอ่านประวัตินะ” หือ พ่อเนี่ยนะ - -
ผมหันไปมองดูข้างหน้าที่มีโฆษก กำลังอ่านรายนามของผู้วางผ้าสุกุลอยู่ หลังจากที่โฆษกอ่านรายนามหมด พ่อก็ขึ้นอ่านประวัติของลุงคนนั้น ทำให้ผมรู้ว่าเค้าคือพี่ คนละแม่ของแม่ผม หรือลูกของตากับเมียอีกคน และยังเป็นเพื่อนกับพ่ออีกด้วย เมื่อ พิธีเสร็จหมดโฆษกก็ประกาศให้ชาวบ้านขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ ผู้คนหลั่งไหลกันไปวางดอกไม้จันทน์บนโลงที่ตั่งอยู่หน้าเตาเผาบนเมรุอย่างคับแน่น เหล่าญาติแบ่งกันไปยืน อยู่สองฝั่งทางลงเพื่อไหวขอบคุณละแจกของชำร่วยแก่ผู้มาร่วมงานวันนี้ เมื่อคนหมด เหล่าญาติก็พากันไปวางดอกไม้จันทน์และดูหน้า ลุงครั้งสุดท้าย ถึงตรงนี้ ทุกคนต่างพากันโร้องไห้เสียใจกับการจากไปของลุงออกมาอีกครั้ง ผมที่เดินประคองยาย อยู่กลับอดยิ้มกับภาพของศพในโลงไม่ได้
ภาพที่เค้าหลับตาแล้วยิ้ม อย่างสบายใจ เหมือนคนนอนหลับไปพร้อมกับความสุขที่ได้ฝันดี มาตลอด63 ปีด้วยซ้ำ
ผมหันไปดูคนอื่นที่ร้องไห้ แล้วกลับมาหยุดที่ยายอีกครั้ง ยายก็ยังคงยิ้ม อย่างอบอุ่นให้กับร่างไร้วิญญาณของลุงคนนี้เหมือนเดิม
มาถึงตรงนี้ ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า บางครั้งที่คนเราเอาแต่เสียใจ จนลืมนึกถึงบางสิงที่ทำให้มีความสุขก็อาจจะทำให้ทุกอย่างนั้นหยุดนิ่งจนกว่าเราจะลืมตามองโลกใหม่ในแบบที่ทำใจได้แล้ว นั้นละมั่ง เราถึงจะหยุดเสียใจและเดินไปอย่างสุข ต่างกับคนที่นึกถึงความเป็นจริง แม้จากไปให้คนข่างหลังเสียใจ แต่เค้าก็ยังมีความสุข เพราะเค้าคงรู้ว่าทุกคน ก็จะมีความสุขแน่ถ้าผ่านเวลา
ซา ๆ ๆ แล้วสายฝนก็โปรยลงมาชำละล่างความเศร้า ความเสียใจ ตกลงมาสวนทางกับควันไฟ ที่ลอยหายเข้าไปในอากาศ
พื้นดินชุ่มฉ่ำ
ท้องฟ้า โปรงขึ้น แต่ยังคงไม่โปรงใส เหมือนใจของเหล่าญาติ
ผมลาแม่ ยาย พ่อและญาติ ๆ กลับทันทีที่เผ่าเสร็จ ขับรถไปเลื่อย ๆ อย่างเอื่อย ๆ จนถึงทุ่งหญ้าที่เดิม แต่ตอนนี้ มันกลับดูหม่น ๆ เพราะความมืด ของเวลาเย็น ที่ไม่มีแสงแดดสีแดง อมม่วง ของพระอาทิตย์ มีเพียงก้องเมฆสีเทาแดง และแสงรอดออกมา จากก้อนเมฆเท่านั้น แต่ที่ยังคงมีคือความงามจากทุ่งหญ้า
และสายลมที่สดชื่นพัดผ่านไป
และผ่านมา ใหม่ เฟื่อทำให้หญ้าดูพลิ้วไหว สวยเหมือนเดิม
ผมจอดรถกดถ่ายภาพอีกครั้ง มันเปลี่ยนไป ไม่ได้สวยเหมือนเมื่อตอนสาย ที่ถ่ายไว้ภาพแลก
แต่มันสวยในแบบของ มัน ในตอนเย็น
ผมมองมัน เป็นเวลานานเท่าไรไม่รู้ แต่ผมมีความสุข ที่ได้นั่งมองมัน นั่งมองโลกของมันที่เป็นไป
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ