ถึง "ชู" เพื่อนรัก (ตลอดไป)
7.9
1) ชูเพื่อนรัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผมชื่อต้นครับ หลายๆคนอาจคิดว่าผมต้องเป็นคนที่เสียสติแน่ๆที่ชอบเล่นกับเด็กที่มีปัญหา ส่วนใหญ่คนปกติก็มักจะไม่ค่อยเล่นกับพวกผมสักเท่าไหร่เพราะว่าผมมันเข้ากับพวกนั้นได้ยากมากซึ่งเรื่องมันก็คือ
ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อว่า “ชู” หรือ ด.ช. ปัญชู ครับ ผมและชูเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เรายังเด็กเราไม่เคยห่างกันเลยไม่ว่าจะมีปัญหาหรืออุปสรรคใดๆเกิดขึ้นเรามักจะฝ่าฟันมันไปด้วยกันเสมอ
และที่ผมต้องไปไหนกับมันบ่อยๆเสมอคือ ชู เขาเป็นเด็กที่มีพัฒนาการด้อยกว่าคนอื่นๆ หรือเรียกง่ายๆว่า “เด็กปัญญาอ่อน” ครับ เขาเป็นคนที่เรียนช้ากว่าใครในห้องและยังมีความคิดเหมือนเด็กอยู่ตลอดเวลาทั้งๆที่เป็นวัยรุ่นแล้วก็ตามแต่ที่น่าแปลกก็คือ ชูตั้งใจเรียน และได้คะแนนดีกว่าคนปกติอีกด้วยและในตอนนี้ผมก็ยังคงอยู่กับชูไม่ว่าจะวันไหน เวลาไหนก็ตาม เรายังคงเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเพื่อนในห้องจะล้อพวกผมแรงขนาดไหนก็ตาม เราต้องทน เพราะเราคือเพื่อนกันและที่สำคัญ “เพื่อนรัก” กันเสียด้วย...
“เฮ้ย! พวกเรา ไอ้ชู เดี๋ยวนี้มันขยันนะ ดูสิ ตั้งหน้าตั้งใจเรียนหนังสือ แหม! กะจะเอาที่ 1 มาครองในห้อง เอ๋อ ซะขนาดนี้”
เสียงพวกนักเลง(นักเรียน)พากันหัวเราะเยอะชูไปวันๆไม่ยอมทำการบ้านแถมยังมาล้อเพื่อนในห้องอีก มาล้อชูเมื่อเห็นว่ากำลังทำการบ้านอยู่
ในขณะที่ผมเริ่มจะมีน้ำโหกับพวกนั้นเมื่อเห็นว่าพวกนั้นจะไปหาเรื่องชู ยังไม่ทันที่ผมจะเดินเข้าไปหาชู ชูก็ถูกพวกนักเรียนนักเลงกระชากคอเสื้อเพื่อที่จะมามีเรื่องชกต่อยมีหรือที่ผมจะยอม ผมรีบหันหลังวิ่งไปปะทะกับพวกนักเลง โดยที่ชูตอนนี้กำลังทำท่าเหมือนจะร้องไห้ยังไม่ทันที่พวกนั้นจะมาต่อยผม คุณครูนางฟ้าก็เข้ามาช่วยพวกผมไว้ได้ทันเสียก่อน พวกผมเรียกคุณครูนางฟ้าเพราะคุณครูใจดีและช่วยแก้ปัญหาได้ทันทุกเวลาพวกผมเลยเรียกคุณครู “จริยา” ว่า คุณครูนางฟ้า
หลังจากที่นักเรียนนักเลงได้เข้าห้องฝ่ายปกครองพวกผมเลยถือโอกาสออกมาเปิดหูเปิดตาคุยกันเรื่องเดิมๆซึ่งเราพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ยังไม่มีเบื่อเลย
“ต้น เรานำปัญหามาให้นาย อะ...อีกแล้ว ใช่ไหม เพราะ ...เพราะ เรา ทะ..แท้ๆ ละ..ละ เลย”
ชูพูดด้วยน้ำเสียงขาดๆหายๆ กระสับกระส่ายไปจากเดิมจนผมเริ่มไม่แน่ใจว่าชูจะร้องไห้ หรืออะไรกันแน่ ปกติชูจะเป็นคนเงียบ เก็บกด ไม่ค่อยคุยกับใครเท่าที่ควร เป็นเด็กที่มีโรคส่วนตัวสูงมาก บางทีถึงขั้นพูดอยู่คนเดียวเลยก็มีจนผมไม่กล้าเข้าไปคุยด้วยเดี๋ยวโดนของเอา..
“ชู ฟังนะเราเป็นเพื่อนกันมานานนายไม่เคยสร้างปัญหาให้กับเรา อย่าลืมสิ เราเป็นเพื่อนกัน และที่สำคัญเพื่อนรักด้วยเวลามีปัญหาเราจะช่วยกันเรายังมีคุณครูนางฟ้าอยู่นะ อย่าลืมสิ เรามีกันและกัน”
ผมตบไหล่ขวาชูเบาๆ ก่อนจะปลอบใจ สักพักชูเริ่มดีขึ้น ผมจึงชวนชูไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดด้วยกันเผื่อเวลาสอบเราจะทำคะแนนดีได้บ้างและยังเผื่อแผ่ความรู้ไว้ใช้ในอนาคตอีกด้วย..
ทุกๆวันของเราจะมีผมและชูเท่านั้นครับ ที่ออกมาเล่นกันตรงสนามเด็กเล่นซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าพวกเราสองคนเสียสติ แน่ๆทั้งๆที่โตแล้ว และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมและชูมาเล่นกันที่นี่ วันนี้วันเสาร์พวกเรานัดกันว่าจะมาเล่นกันที่สนามเด็กเล่นหลังโรงเรียนแห่งนี้ทุกอาทิตย์ และเครื่องเล่นที่เป็นเครื่องเล่นสุดโปรดจะเป็นอะไรไม่ได้เลยคือ กระดานหก และชิงช้า ซึ่ง ชูจะชอบมาก เมื่อเรามาเล่นกันที่นี่ทุกๆเช้าของวันเสาร์เพราะเป็นวันที่อากาศที่แจ่มใส เราคุยกันเรื่องเดิมๆ ในโรงเรียนเล่าประสบการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต เคยเจอเรื่องเลวร้ายอย่างไรบ้าง ถึงแม้ว่าผมจะรู้เรื่องที่ชูเล่าให้ฟังได้นิดหน่อย เพราะชูพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ถามอย่างหนึ่งกลับตอบไปอีกแบบหนึ่ง แต่ยังไงผมก็รักเพื่อนสนิทคนนี้มากเลยทีเดียว…
จนวันแรกของการสอบก็มาถึง ผมและชูเตรียมความพร้อมและความมั่นใจมาเต็มที่หนึ่ง อ้อ! เกือบลืมไปเราสองคนยังมีเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งคอยช่วยเหลือเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน หรืออะไรต่างๆ คนนี้ชื่อ “ฟ้า” เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักและเรียนเก่งมาก เวลาในห้องใครเสียงดังฟ้าก็จะมาเตือนเบาๆ แม้กระทั่งเตือนพวกนักเลง ฟ้าไม่เคยกลัวหรือหวาดหวั่นกับสิ่งใด และวันนี้อีกเช่นเคย..
“ชู ต้น สู้ๆนะ สอบให้ได้นะเราเป็นกำลังใจให้จ๊ะ”
วันไหนที่เราสองคนเหนื่อยหรือท้อลำบาก สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยคิดจะถอยเลย คือ การที่เรามีเพื่อนดีๆ สักคนมาอยู่เป็นเพื่อนเรา ไม่ว่าจะทุกข์ สุข หรือ เศร้า เพื่อนคนนี้ก็จะอยู่เคียงข้างเพื่อนเสมอมา และฟ้าก็เป็นสมาชิกในกลุ่มของผมและชูด้วยเช่นกัน พวกเราสามคนตั้งหน้าตั้งตาทำข้อสอบเพื่อให้ผลออกมาดีที่สุดตามความสามารถของตนเอง โดยมีคุณครูนางฟ้าของพวกเราเป็นผู้คุมสอบในครั้งนี้ ผมเลยมีโอกาสได้ใช้คุณครูเป็นเครื่องมือเวลาที่พวกนักเลงนักเรียนมาหาเรื่องชู ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ยินดีจะชดใช้ความผิดเพียงคนเดียว..ถ้าทำให้ชู เพื่อนรักของผมปลอดภัยจากพวกนักเลง(นักเรียน)
หลังจากที่พวกเราทั้งสามสอบเสร็จ พวกเราจึงตกลงปรงใจกันว่าจะไปเล่นที่สนามเด็กเล่นดังเช่นเคย แต่ครั้งนี้ฟ้าก็มากับเราด้วย เราทั้งสามจึงได้คุย และทำความรู้จักกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผมกับฟ้าเราคุยกันอย่างถูกคอ แต่กับชู เขายังเงียบและคุ้ยดินเล่นอีกตามเคย ดูลึกๆผมแอบคิดว่าชูคงน้อยใจที่ผมคุยแต่กับฟ้าเพียงคนเดียว ดังนั้นผมจึงขอตัวไปหาชูบ้าง...
ชูนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ที่เราเคยเล่นด้วยกันอยู่หลายปีก่อนด้วยกันผมยังจดจำมันไม่เปลี่ยนแปลงก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆกับชูแล้วจึงพูดว่า
“ชู เป็นอะไรไปล่ะ สีหน้าไม่ดีเลย เรากลับไปหาฟ้ากันดีกว่า เดี๋ยวฟ้าจะเหงานะ” ผมรีบชวนชูทันทีก่อนที่ชูจะน้อยใจไปมากกว่านี้
“ปะ...ปะ เปล่าเราไม่เป็น ระ..รัย สบายดี”
สีหน้าของชูในตอนนี้บ่งบอกผมว่าชูกำลังมีปัญหาอะไรในใจแน่นอนแต่ไม่กล้าที่จะบอกผม ซึ่งชูเป็นเด็กที่เก็บกดมากทีเดียว แต่ผมก็ไม่อยากจะเซ้าซี้เพื่อนนักหรอกครับ แต่เพราะผมอยากรู้เลยต้องถามออกไป
“ตกลงมีอะไรหรือเปล่าชู บอกเราได้นะเพื่อนกันนิเราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหา อย่าลืมนะว่าเราไม่ทิ้งกันไม่ว่าจะมีปัญหาจะใหญ่ขนาดไหนก็ตาม”
ผมเตรียมพร้อมที่จะรับฟังปัญหาของชูทุกๆอย่างและในที่สุดผมก็ได้เรื่องมาว่า ที่บ้านของชู พ่อและแม่ของชู ทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงด้วยเรื่องเงินและการดูแลรักษาสุขภาพของชู จนถึงขั้นที่พ่อและแม่ของชูจะขอหย่าร้างขาดกันไปเลยทีเดียวและวันนั้นชูบังเอิญไปได้ยินเข้าจึงเก็บมาคิดหนักและร้องไห้ตลอดทั้งคืนและในตอนนี้เศรษฐกิจทางการเงินก็ยังไม่มีจะกิน พ่อและแม่จึงขอแยกทางกัน และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือ บ้านและที่ดินของชูกำลังจะถูกยึดไปจากธนาคารเพราะครอบครัวชูมีปัญหาทางการเงินไม่มีเงินใช้หนี้ พ่อและแม่ของชูจึงตัดสินใจย้ายออกจากบ้านหลังนั้นทันที และชูก็ได้บอกกับผมว่าเขาจะต้องไปจากที่นี่แล้ว เพราะทางบ้านเขาไม่มีเงิน ผมตกใจกับคำพูดของชูมาก เหมือนกับผมกำลังจะเสียเพื่อนที่ผมรักและที่รักผมมากที่สุดไป ตอนนั้นสมองของผมมันเบลอคิดว่าเป็นความฝันแต่จริงๆแล้วมันคือความจริงผมต้องทำใจยอมรับความจริงนั้นให้ได้และชูก็กำลังจะไป…
จนวันสุดท้ายที่เราต้องจากกัน ผมยังจำวันนั้น ภาพวันนั้นได้อย่างติดตา คือภาพที่ชูและพ่อแม่ขึ้นรถก่อนขับออกไปจากนอกเมืองจนหายไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็หายลับไป บัดนี้มันเหลือเพียงความว่างเปล่า น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินลงอาบแก้มทั้งสอง ตอนนี้ในหัวสมองคิดแต่เพียงว่าชูจะอยู่อย่างไร? จะมีความสุขไหม? เมื่อมีปัญหาท่วมท้นมากมาย จนจะแก้ไขไม่ได้ ผมไม่สามารถรู้ว่าชูจะเป็นอย่างไรในอนาคตรู้แค่เพียงว่าขอให้เพื่อนรักมีความสุขและไม่ต้องมีปัญหาอะไรเข้ามาในชีวิตอีกและเพื่อนคนนี้จะไม่ทิ้งเพื่อนแม้ว่าอีกคนจะเป็นเช่นไร และไม่มีวันจะทิ้งกันได้.. เพราะอย่างน้อยผมยังเหลือฟ้าเพื่อนที่ดีที่สุดของผมอีกคนหนึ่ง ...
และวันสุดท้ายที่ผมรู้ตัวว่า....
“ชู” เพื่อนสุดที่รักของผมได้เสียชีวิตลงไปแล้วด้วยวัย 16 ปีเท่านั้น!! หัวใจผมแหลกสลายไปในพริบตา..ถ้าวันนั้นผมห้ามชูไว้ก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์ในวันนี้ เพราะ วันนั้นเป็นวันที่ชูและครอบครัวของเขาได้ขับรถออกจากเมืองนี้ไป ชูประสบอุบัติเหตุรถคว่ำบนถนนรถเสียหลักระเบิดอย่างรุนแรง เสียชีวิตทั้งครอบครัว..
ในปัจจุบันผมมีครอบครัวมีคนที่ผมรักแต่ผมยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชูได้เขียนอะไรบางอย่างก่อนเสียชีวิตในครั้งนั้น ชูแอบเขียนโดยไม่มีใครรู้แม้แต่ผมกับฟ้า เขาพยายามเขียนใส่ในกระดาษว่า
“เพื่อน ไม่เคย ไม่เคยทิ้งกันไม่ว่าความฝันนั้นจะไกลสักเท่าใด
สัญญาว่าเราจะไม่ทิ้งกัน จะรักกันตลอดไป รักเพื่อนคนนี้มาก ต้น ฟ้า ชู”
เขาพยายามที่จะเขียนด้วยลายมือบรรจงที่สวยงามที่สุดลงในกระดาษขาวบางๆ ถึงแม้เขาจะเป็นเด็กที่ไม่ค่อยสมประกอบก็ตาม แต่ความพยายามที่จะเขียนจดหมายฉบับหนึ่งไว้ให้ผมและฟ้าทำให้ผมได้รู้ว่าคำว่าเพื่อนมันมีความหมายกับผมมากแค่ไหนเวลาที่ผมหยิบรูปภาพเก่าๆสมุดบันทึกของเราสองคนขึ้นมามันทำให้ผมคิดถึงชูขึ้นมาในทันที ผมพยายามนึกถึงวันเก่าๆที่ดี ของเราสองคนรวมทั้งฟ้าด้วย ป่านนี้ฟ้าก็คงจะมีครอบครัวเหมือนกับผมแล้ว แล้วตอนนี้ผมก็มีครอบครัว มีภรรยาและมีลูก ลูกผม ผมให้ชื่อว่า ชูเกียรติเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนใจว่าผมจะไม่มีวันทิ้งชู และไม่มีวันลืมชู ถึงแม้ว่าชูจะจากไป 43 ปีแล้วก็ตาม ผมเขียนบันทึกเป็นเพลงไว้ที่หน้าสุดท้ายว่า…..
“เธอกับฉัน เราเป็นเพื่อนกันตลอดไป แม้จาก..กัน..ไกล.. เคยรักกันอย่างไร เรารักกันเหมือนเดิม”
ก่อนจะบันทึกไว้ที่สมุดในหน้าปกสมุดของชูว่า “ ถึง..ชู..เพื่อนรัก(ตลอดไป)”
(ขออภัยค่ะ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ยังไม่ได้จัดหน้าบรรทัด ผิดถูกอย่างไร วิจารณ์ได้ไม่ยั้งเช่นเคยค่ะ) ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ.. อย่างน้อยครีมก็แต่งอย่างสุดความสามารถค่ะ
ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อว่า “ชู” หรือ ด.ช. ปัญชู ครับ ผมและชูเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เรายังเด็กเราไม่เคยห่างกันเลยไม่ว่าจะมีปัญหาหรืออุปสรรคใดๆเกิดขึ้นเรามักจะฝ่าฟันมันไปด้วยกันเสมอ
และที่ผมต้องไปไหนกับมันบ่อยๆเสมอคือ ชู เขาเป็นเด็กที่มีพัฒนาการด้อยกว่าคนอื่นๆ หรือเรียกง่ายๆว่า “เด็กปัญญาอ่อน” ครับ เขาเป็นคนที่เรียนช้ากว่าใครในห้องและยังมีความคิดเหมือนเด็กอยู่ตลอดเวลาทั้งๆที่เป็นวัยรุ่นแล้วก็ตามแต่ที่น่าแปลกก็คือ ชูตั้งใจเรียน และได้คะแนนดีกว่าคนปกติอีกด้วยและในตอนนี้ผมก็ยังคงอยู่กับชูไม่ว่าจะวันไหน เวลาไหนก็ตาม เรายังคงเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเพื่อนในห้องจะล้อพวกผมแรงขนาดไหนก็ตาม เราต้องทน เพราะเราคือเพื่อนกันและที่สำคัญ “เพื่อนรัก” กันเสียด้วย...
“เฮ้ย! พวกเรา ไอ้ชู เดี๋ยวนี้มันขยันนะ ดูสิ ตั้งหน้าตั้งใจเรียนหนังสือ แหม! กะจะเอาที่ 1 มาครองในห้อง เอ๋อ ซะขนาดนี้”
เสียงพวกนักเลง(นักเรียน)พากันหัวเราะเยอะชูไปวันๆไม่ยอมทำการบ้านแถมยังมาล้อเพื่อนในห้องอีก มาล้อชูเมื่อเห็นว่ากำลังทำการบ้านอยู่
ในขณะที่ผมเริ่มจะมีน้ำโหกับพวกนั้นเมื่อเห็นว่าพวกนั้นจะไปหาเรื่องชู ยังไม่ทันที่ผมจะเดินเข้าไปหาชู ชูก็ถูกพวกนักเรียนนักเลงกระชากคอเสื้อเพื่อที่จะมามีเรื่องชกต่อยมีหรือที่ผมจะยอม ผมรีบหันหลังวิ่งไปปะทะกับพวกนักเลง โดยที่ชูตอนนี้กำลังทำท่าเหมือนจะร้องไห้ยังไม่ทันที่พวกนั้นจะมาต่อยผม คุณครูนางฟ้าก็เข้ามาช่วยพวกผมไว้ได้ทันเสียก่อน พวกผมเรียกคุณครูนางฟ้าเพราะคุณครูใจดีและช่วยแก้ปัญหาได้ทันทุกเวลาพวกผมเลยเรียกคุณครู “จริยา” ว่า คุณครูนางฟ้า
หลังจากที่นักเรียนนักเลงได้เข้าห้องฝ่ายปกครองพวกผมเลยถือโอกาสออกมาเปิดหูเปิดตาคุยกันเรื่องเดิมๆซึ่งเราพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ยังไม่มีเบื่อเลย
“ต้น เรานำปัญหามาให้นาย อะ...อีกแล้ว ใช่ไหม เพราะ ...เพราะ เรา ทะ..แท้ๆ ละ..ละ เลย”
ชูพูดด้วยน้ำเสียงขาดๆหายๆ กระสับกระส่ายไปจากเดิมจนผมเริ่มไม่แน่ใจว่าชูจะร้องไห้ หรืออะไรกันแน่ ปกติชูจะเป็นคนเงียบ เก็บกด ไม่ค่อยคุยกับใครเท่าที่ควร เป็นเด็กที่มีโรคส่วนตัวสูงมาก บางทีถึงขั้นพูดอยู่คนเดียวเลยก็มีจนผมไม่กล้าเข้าไปคุยด้วยเดี๋ยวโดนของเอา..
“ชู ฟังนะเราเป็นเพื่อนกันมานานนายไม่เคยสร้างปัญหาให้กับเรา อย่าลืมสิ เราเป็นเพื่อนกัน และที่สำคัญเพื่อนรักด้วยเวลามีปัญหาเราจะช่วยกันเรายังมีคุณครูนางฟ้าอยู่นะ อย่าลืมสิ เรามีกันและกัน”
ผมตบไหล่ขวาชูเบาๆ ก่อนจะปลอบใจ สักพักชูเริ่มดีขึ้น ผมจึงชวนชูไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดด้วยกันเผื่อเวลาสอบเราจะทำคะแนนดีได้บ้างและยังเผื่อแผ่ความรู้ไว้ใช้ในอนาคตอีกด้วย..
ทุกๆวันของเราจะมีผมและชูเท่านั้นครับ ที่ออกมาเล่นกันตรงสนามเด็กเล่นซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าพวกเราสองคนเสียสติ แน่ๆทั้งๆที่โตแล้ว และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมและชูมาเล่นกันที่นี่ วันนี้วันเสาร์พวกเรานัดกันว่าจะมาเล่นกันที่สนามเด็กเล่นหลังโรงเรียนแห่งนี้ทุกอาทิตย์ และเครื่องเล่นที่เป็นเครื่องเล่นสุดโปรดจะเป็นอะไรไม่ได้เลยคือ กระดานหก และชิงช้า ซึ่ง ชูจะชอบมาก เมื่อเรามาเล่นกันที่นี่ทุกๆเช้าของวันเสาร์เพราะเป็นวันที่อากาศที่แจ่มใส เราคุยกันเรื่องเดิมๆ ในโรงเรียนเล่าประสบการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต เคยเจอเรื่องเลวร้ายอย่างไรบ้าง ถึงแม้ว่าผมจะรู้เรื่องที่ชูเล่าให้ฟังได้นิดหน่อย เพราะชูพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ถามอย่างหนึ่งกลับตอบไปอีกแบบหนึ่ง แต่ยังไงผมก็รักเพื่อนสนิทคนนี้มากเลยทีเดียว…
จนวันแรกของการสอบก็มาถึง ผมและชูเตรียมความพร้อมและความมั่นใจมาเต็มที่หนึ่ง อ้อ! เกือบลืมไปเราสองคนยังมีเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งคอยช่วยเหลือเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน หรืออะไรต่างๆ คนนี้ชื่อ “ฟ้า” เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักและเรียนเก่งมาก เวลาในห้องใครเสียงดังฟ้าก็จะมาเตือนเบาๆ แม้กระทั่งเตือนพวกนักเลง ฟ้าไม่เคยกลัวหรือหวาดหวั่นกับสิ่งใด และวันนี้อีกเช่นเคย..
“ชู ต้น สู้ๆนะ สอบให้ได้นะเราเป็นกำลังใจให้จ๊ะ”
วันไหนที่เราสองคนเหนื่อยหรือท้อลำบาก สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยคิดจะถอยเลย คือ การที่เรามีเพื่อนดีๆ สักคนมาอยู่เป็นเพื่อนเรา ไม่ว่าจะทุกข์ สุข หรือ เศร้า เพื่อนคนนี้ก็จะอยู่เคียงข้างเพื่อนเสมอมา และฟ้าก็เป็นสมาชิกในกลุ่มของผมและชูด้วยเช่นกัน พวกเราสามคนตั้งหน้าตั้งตาทำข้อสอบเพื่อให้ผลออกมาดีที่สุดตามความสามารถของตนเอง โดยมีคุณครูนางฟ้าของพวกเราเป็นผู้คุมสอบในครั้งนี้ ผมเลยมีโอกาสได้ใช้คุณครูเป็นเครื่องมือเวลาที่พวกนักเลงนักเรียนมาหาเรื่องชู ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ยินดีจะชดใช้ความผิดเพียงคนเดียว..ถ้าทำให้ชู เพื่อนรักของผมปลอดภัยจากพวกนักเลง(นักเรียน)
หลังจากที่พวกเราทั้งสามสอบเสร็จ พวกเราจึงตกลงปรงใจกันว่าจะไปเล่นที่สนามเด็กเล่นดังเช่นเคย แต่ครั้งนี้ฟ้าก็มากับเราด้วย เราทั้งสามจึงได้คุย และทำความรู้จักกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผมกับฟ้าเราคุยกันอย่างถูกคอ แต่กับชู เขายังเงียบและคุ้ยดินเล่นอีกตามเคย ดูลึกๆผมแอบคิดว่าชูคงน้อยใจที่ผมคุยแต่กับฟ้าเพียงคนเดียว ดังนั้นผมจึงขอตัวไปหาชูบ้าง...
ชูนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ที่เราเคยเล่นด้วยกันอยู่หลายปีก่อนด้วยกันผมยังจดจำมันไม่เปลี่ยนแปลงก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆกับชูแล้วจึงพูดว่า
“ชู เป็นอะไรไปล่ะ สีหน้าไม่ดีเลย เรากลับไปหาฟ้ากันดีกว่า เดี๋ยวฟ้าจะเหงานะ” ผมรีบชวนชูทันทีก่อนที่ชูจะน้อยใจไปมากกว่านี้
“ปะ...ปะ เปล่าเราไม่เป็น ระ..รัย สบายดี”
สีหน้าของชูในตอนนี้บ่งบอกผมว่าชูกำลังมีปัญหาอะไรในใจแน่นอนแต่ไม่กล้าที่จะบอกผม ซึ่งชูเป็นเด็กที่เก็บกดมากทีเดียว แต่ผมก็ไม่อยากจะเซ้าซี้เพื่อนนักหรอกครับ แต่เพราะผมอยากรู้เลยต้องถามออกไป
“ตกลงมีอะไรหรือเปล่าชู บอกเราได้นะเพื่อนกันนิเราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหา อย่าลืมนะว่าเราไม่ทิ้งกันไม่ว่าจะมีปัญหาจะใหญ่ขนาดไหนก็ตาม”
ผมเตรียมพร้อมที่จะรับฟังปัญหาของชูทุกๆอย่างและในที่สุดผมก็ได้เรื่องมาว่า ที่บ้านของชู พ่อและแม่ของชู ทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงด้วยเรื่องเงินและการดูแลรักษาสุขภาพของชู จนถึงขั้นที่พ่อและแม่ของชูจะขอหย่าร้างขาดกันไปเลยทีเดียวและวันนั้นชูบังเอิญไปได้ยินเข้าจึงเก็บมาคิดหนักและร้องไห้ตลอดทั้งคืนและในตอนนี้เศรษฐกิจทางการเงินก็ยังไม่มีจะกิน พ่อและแม่จึงขอแยกทางกัน และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือ บ้านและที่ดินของชูกำลังจะถูกยึดไปจากธนาคารเพราะครอบครัวชูมีปัญหาทางการเงินไม่มีเงินใช้หนี้ พ่อและแม่ของชูจึงตัดสินใจย้ายออกจากบ้านหลังนั้นทันที และชูก็ได้บอกกับผมว่าเขาจะต้องไปจากที่นี่แล้ว เพราะทางบ้านเขาไม่มีเงิน ผมตกใจกับคำพูดของชูมาก เหมือนกับผมกำลังจะเสียเพื่อนที่ผมรักและที่รักผมมากที่สุดไป ตอนนั้นสมองของผมมันเบลอคิดว่าเป็นความฝันแต่จริงๆแล้วมันคือความจริงผมต้องทำใจยอมรับความจริงนั้นให้ได้และชูก็กำลังจะไป…
จนวันสุดท้ายที่เราต้องจากกัน ผมยังจำวันนั้น ภาพวันนั้นได้อย่างติดตา คือภาพที่ชูและพ่อแม่ขึ้นรถก่อนขับออกไปจากนอกเมืองจนหายไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็หายลับไป บัดนี้มันเหลือเพียงความว่างเปล่า น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินลงอาบแก้มทั้งสอง ตอนนี้ในหัวสมองคิดแต่เพียงว่าชูจะอยู่อย่างไร? จะมีความสุขไหม? เมื่อมีปัญหาท่วมท้นมากมาย จนจะแก้ไขไม่ได้ ผมไม่สามารถรู้ว่าชูจะเป็นอย่างไรในอนาคตรู้แค่เพียงว่าขอให้เพื่อนรักมีความสุขและไม่ต้องมีปัญหาอะไรเข้ามาในชีวิตอีกและเพื่อนคนนี้จะไม่ทิ้งเพื่อนแม้ว่าอีกคนจะเป็นเช่นไร และไม่มีวันจะทิ้งกันได้.. เพราะอย่างน้อยผมยังเหลือฟ้าเพื่อนที่ดีที่สุดของผมอีกคนหนึ่ง ...
และวันสุดท้ายที่ผมรู้ตัวว่า....
“ชู” เพื่อนสุดที่รักของผมได้เสียชีวิตลงไปแล้วด้วยวัย 16 ปีเท่านั้น!! หัวใจผมแหลกสลายไปในพริบตา..ถ้าวันนั้นผมห้ามชูไว้ก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์ในวันนี้ เพราะ วันนั้นเป็นวันที่ชูและครอบครัวของเขาได้ขับรถออกจากเมืองนี้ไป ชูประสบอุบัติเหตุรถคว่ำบนถนนรถเสียหลักระเบิดอย่างรุนแรง เสียชีวิตทั้งครอบครัว..
ในปัจจุบันผมมีครอบครัวมีคนที่ผมรักแต่ผมยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชูได้เขียนอะไรบางอย่างก่อนเสียชีวิตในครั้งนั้น ชูแอบเขียนโดยไม่มีใครรู้แม้แต่ผมกับฟ้า เขาพยายามเขียนใส่ในกระดาษว่า
“เพื่อน ไม่เคย ไม่เคยทิ้งกันไม่ว่าความฝันนั้นจะไกลสักเท่าใด
สัญญาว่าเราจะไม่ทิ้งกัน จะรักกันตลอดไป รักเพื่อนคนนี้มาก ต้น ฟ้า ชู”
เขาพยายามที่จะเขียนด้วยลายมือบรรจงที่สวยงามที่สุดลงในกระดาษขาวบางๆ ถึงแม้เขาจะเป็นเด็กที่ไม่ค่อยสมประกอบก็ตาม แต่ความพยายามที่จะเขียนจดหมายฉบับหนึ่งไว้ให้ผมและฟ้าทำให้ผมได้รู้ว่าคำว่าเพื่อนมันมีความหมายกับผมมากแค่ไหนเวลาที่ผมหยิบรูปภาพเก่าๆสมุดบันทึกของเราสองคนขึ้นมามันทำให้ผมคิดถึงชูขึ้นมาในทันที ผมพยายามนึกถึงวันเก่าๆที่ดี ของเราสองคนรวมทั้งฟ้าด้วย ป่านนี้ฟ้าก็คงจะมีครอบครัวเหมือนกับผมแล้ว แล้วตอนนี้ผมก็มีครอบครัว มีภรรยาและมีลูก ลูกผม ผมให้ชื่อว่า ชูเกียรติเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนใจว่าผมจะไม่มีวันทิ้งชู และไม่มีวันลืมชู ถึงแม้ว่าชูจะจากไป 43 ปีแล้วก็ตาม ผมเขียนบันทึกเป็นเพลงไว้ที่หน้าสุดท้ายว่า…..
“เธอกับฉัน เราเป็นเพื่อนกันตลอดไป แม้จาก..กัน..ไกล.. เคยรักกันอย่างไร เรารักกันเหมือนเดิม”
ก่อนจะบันทึกไว้ที่สมุดในหน้าปกสมุดของชูว่า “ ถึง..ชู..เพื่อนรัก(ตลอดไป)”
(ขออภัยค่ะ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ยังไม่ได้จัดหน้าบรรทัด ผิดถูกอย่างไร วิจารณ์ได้ไม่ยั้งเช่นเคยค่ะ) ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ.. อย่างน้อยครีมก็แต่งอย่างสุดความสามารถค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ