เธอกับเขา และเรากับหมา
8.7
เขียนโดย ฮางมะ
วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 08.18 น.
4 ตอน
14 วิจารณ์
14.13K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 10.01 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เขาคือชายหนุ่ม ที่ไม่เชื่อในเรื่องพรหมลิขิต ไม่เชื่อในสิ่งที่ผู้คนเชื่อว่าพระเจ้าจับคู่มาให้แล้ว ไม่เชื่อๆๆๆๆๆๆไม่มี soulmate ไม่มีด้ายแดงผูกนิ้วก้อย ไม่มีๆๆๆๆๆแต่ สื่งที่เขากับเธอนี้เรียกว่าอะไร อะไรที่ทำให้ทั้งคู่มาพบกัน เขาตอบไม่ได้
จะว่ากลิ่นฮีทจากสุนัขเพศเมีย ที่ทำให้เจ้าโดโด้ สุนัขพันธุ์ ลาบาดอร์ วิ่งสะบัดเชือกหลุดจากมือของเขา แล้วก็ไปรวมร่างกับ แฟรี่สุนัขเพศเมีย ของเธอ ที่วิ่งหนีเจ้าของมา ไม่นานร่างงามก็วิ่งมาตามหาสุนัขพันธุ์ โกเด้นรีทีฟเวอร์ แล้วยืนตะลึงค้าง! กับภาพที่เห็น
พระเจ้าอย่างนั้นเหรอที่ผลักเราทั้งคู่มาพบกัน ไม่! เขาสะบัดความคิดนั้น ไม่มีพระเจ้า มีแต่ความบังเอิญ เท่านั้น มันก็แค่ วันธรรมดา ในเช้าตรู่ ที่สวนสาธารณะ ที่เขาออกวิ่งกับสุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ ความบังเอิญเท่านั้น ที่ทำให้เขามาเจอเธอ เธอ...เธอสวยราวกับหลุดมาจากภาพวาด เขาตะลึง ค้าง ไม่รู้ว่าเวลาได้หมุนผ่านไปเท่าไหร่ เธอหน้าแดงก่ำ ที่เห็น สุนัขสองตัวกำลังมีความสุข
"นั่นหมาคุณหรือเปล่า!" เธอตะโกนถาม ผมยืนอึ้ง ได้แต่พยักหน้าตอบ
"ทำอะไรสักอย่างสิ" เธอพูดแต่หันหน้าไปอีกทางด้วยความรู้สึก เขินอาย
เราเจอกันในสถานการณ์ อีหลักอีเหลือ เหลือเกิน พอหันไปทางไอ้โดโด้ โอ้โห มันกำลังแสดงบทรักอย่างไม่ได้เกรงใจเจ้านายของมันเลย
"ห้าม ไม่ ทันแล้ว" เขาว่า "ขอโทษ นะที่ เออ ที่หมาของผม เออ.."
กว่า ที่สุนัขของเขาทั้งสอง จะเสพสม แต่มีสม เสร็จ ก็กินเวลานาน เธอนั่งหน้าแดง อยู่ที่เก้าอี้ของสวนสาธารณะ ชายหนุ่มตามมานั่งอยู่ไม่ห่าง ก็ไหนๆก็ไหนๆ ที่ต้องรอ พวกมันเสร็จ กามกิจ จึงนั่ง อยู่ตรงนั้นเสียเลย ชายหนุ่มอยากพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เขากลับคิดคำพูดไม่ออกได้แต่ย้ำว่า ขอโทษ แทน เจ้าโดโด้ผู้หื่นกระหาย ของเขา
ขณะที่ หญิงสาวก็เอาแต่ก้มหน้าด้วยความเขินอาย
"แล้วมันจะท้องหรือเปล่านี่" เธอถามอย่างกังวล
"ผมไม่รู้หรอกมันก็ไม่แน่"
แล้วอีกนานไหมที่มันจะ.." ใบหน้าขาวของคนถามยิ่งแดงระเรื่อไปอีกเมื่อถามคำถาม
" อันนี้ก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน แต่คุณไม่ต้องกังวลหรอก ถ้ามันมีลูกผมจะรับเอามาเลี้ยงเอง" ผมยืนยัน
ความบังเอิญยังติดตามพวกเขาไปทุกที่ดั่งเงาตามตัว เมื่อสุนัขทั้งสอง ถึงสุขสุดขีดแล้วก็กลับมาหานายของพวกมัน เธอขอตัวกลับ ก่อนไปนั้นเธอยังพูดว่าให้หมาของตัวเองไปด้วย ชายหนุ่มก็เดินกลับเช่นกัน เมื่อเห็นว่า การวิ่งเช้านี้เป็นการส่งตัวเจ้าโดโด้ เข้าหอไป แต่เมื่อยิ่งเดิน ทั้งเขากับเธอก็มาอยู่บนเส้นทางเดียวกัน แล้วทั้งคู่ก็รู้ว่า ทั้งสองอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรโครงการเดียวกัน และที่บังเอิญไปยิ่งกว่านั้น บ้านของทั้งสอง อยู่ติดกัน! บังเอิญๆๆๆๆๆๆ มันจะอัสนีและวสันต์ไปถึงไหนกัน
ไม่ มีคำอธิบายไปกว่านั้น แต่เขาก็ไม่ใช้ความบังเอิญนั้นสร้างอารมณ์ เพื่อเข้าข้างตัวเองว่าเธอและเขา อาจเป็นเนื้อคู่กัน! แต่มันก็อดคิดไปแบบนั้นไม่ได้ เมื่อทุกอย่างเหมือนถูกพระเจ้าบรรจง สร้างสถานการณ์ ให้เขาและเธอ มาพบกัน หมาของทั้งคู่ ได้จู้ฮุกกรู้กัน บ้านอยู่ติดกัน มันคืออะไรละ?
แต่ หลังจากผ่านวันนั้นไปแล้วทั้งเขาและเธอก็ไม่ได้เจอกันอีก แม้ว่าจะอยู่บ้านติดกัน ตารางการทำงานของคนทั้งคู่สวนทางกันอย่างชัดเจน
หญิงสาวเป็นสาวนักออกแบบ ส่วนชายหนุ่ม คือนักดนตรี ที่เล่นอยู่ที่ร้านอาหาร วันอาทิตย์เท่านั้นที่ชายหนุ่มจะเห็น เธอซักแวบ แต่ก็ผ่านหน้าต่างห้องนอน เห็นเธอนั่งอ่านหนังสือที่สนามหญ้า แค่นั้นจริงๆ ชายหนุ่มอยากรู้จักอยากทักทายกับเธอ อยากให้มีความบังเอิญแบบเมื่อ ตอนนั้นอีก อยากให้หมาของเราทั้งคู่ชักจูงมาให้เจอกันอีก.....แต่ชายหนุ่มก็เก้อเขินจน เกินไป อีกทั้งไม่แน่ใจว่าเธอจะอยากเสวนาด้วยหรือเปล่า....เขาปล่อยให้เวลาล่วงเลย ไป จนกระทั่งวันหนึ่ง.....
เจ้า ของร้านอาหารที่ชายหนุ่มเล่นดนตรีอยู่เป็นนิจ ต้องการจะตกแต่งร้านใหม่ และหญิงสาวข้างบ้านผู้เป็นนักออกแบบภายใน ได้ลงพื้นที่มาวัดไซต์งานในช่วงเย็นวันหนึ่ง... ซึ่งก็เป็นความบังเอิญ (อีกแล้ว) ที่วันนั้นชายหนุ่มออกไปเยี่ยมเพื่อนในวงที่ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์คว่ำ ทำให้แขนหักไม่สามารถตีกลองได้ จึงมาที่ร้านเร็วกว่าปกติเพื่อบอกเจ้าของร้านชาย หนุ่มนั้นมาบอกเจ้าของร้านว่าให้ช่วยหามือกลองทดแทนก่อนสักคืนได้หรือไม่ หรืออาจจะจ้างวงใหม่มาเล่นแทนวงเขาเลยก็ได้ !!
หญิงสาวผู้รับฟังอยู่จึงจับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้คร่าวๆ และอาสาที่จะลองตีกลองให้สักคืน พร้อมเหตุผลที่ว่าเธอเคยเล่นมาก่อนสมัยเรียนมัธยม
ชาย หนุ่มทำท่าไม่เชื่อ อีกทั้งเจ้าของร้านก็พยายามอธิบายว่า การเล่นสดของวงชายหนุ่มเป็นตัวดึงลูกค้าในทุกคืน หากเกิดอะไรผิดพลาดจะทำให้เกิดความลำบาก ...ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินก้าวขึ้นไปบนเวที ถอดส้นสูงออก และลงมือหวดกลอง สะบัดไม้ต่อเนื่องราวกับสายน้ำ เสียงกลองหนักแน่นมิแพ้ผู้ชายตี .
..ตึงๆ ป๊ะ ตะลึง ตึงๆๆๆ ตุ้งๆๆ ตุ้ง ฉาด!! ชายหนุ่มกับเจ้าของร้านตกตะลึง เพราะคาดไม่ถึงว่าสาวหน้าหวานผู้นี้จะตีกลองได้หนักหน่วงมากๆ
"เชื่อมือฉันรึยัง" หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
ความเงียบคือคำตอบของชายหนุ่ม ส่วนเจ้าของร้านนั้นมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะได้ไม่ต้องไปหาคน หรือวงใหม่ทั้งวง !! ยิ่งเห็น ฝีมือ การรัวแฉ สบัดไฮแฮท และการกระทืบกระเดื่อง(ไม่ใช่กระเดื่องธรรมดานะ หากแต่เป็นกระเดื่องคู่) ราวกับพี่ชัช แห่งวงบอดี้สแลมมากระหนำกลองชุดนี้เอง !!!
หลัง จากที่หญิงสาววัดไซต์งานเสร็จแล้วก็โทรแจ้งที่ทำงานว่าจะส่งแปลนให้ทางเมล์ และไม่ขอกลับเข้าออฟฟิศเพราะอ้างว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนที่ รพ. และขอตัวกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้าน ชายหนุ่มอาสาไปส่ง ระหว่างทาง เธอกับเค้าได้สนทนากันอีกครั้ง
"คุณ จะเอ่อ.....เอ่อ...ว่าอย่างไรคะ ถ้าดิฉันจะบอกว่า" เธอกล่าวถามอย่างกล้าๆกลัวๆ พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ ไม่แน่ใจว่า จากการอายหรือการกระหนำกลองแน่
“หมาดิฉันมันตั้งท้องค่ะ !!”
!!!!!!!!!!!!!!!!!!
โปรดติดตามตอนต่อไป>>>>
จะว่ากลิ่นฮีทจากสุนัขเพศเมีย ที่ทำให้เจ้าโดโด้ สุนัขพันธุ์ ลาบาดอร์ วิ่งสะบัดเชือกหลุดจากมือของเขา แล้วก็ไปรวมร่างกับ แฟรี่สุนัขเพศเมีย ของเธอ ที่วิ่งหนีเจ้าของมา ไม่นานร่างงามก็วิ่งมาตามหาสุนัขพันธุ์ โกเด้นรีทีฟเวอร์ แล้วยืนตะลึงค้าง! กับภาพที่เห็น
พระเจ้าอย่างนั้นเหรอที่ผลักเราทั้งคู่มาพบกัน ไม่! เขาสะบัดความคิดนั้น ไม่มีพระเจ้า มีแต่ความบังเอิญ เท่านั้น มันก็แค่ วันธรรมดา ในเช้าตรู่ ที่สวนสาธารณะ ที่เขาออกวิ่งกับสุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ ความบังเอิญเท่านั้น ที่ทำให้เขามาเจอเธอ เธอ...เธอสวยราวกับหลุดมาจากภาพวาด เขาตะลึง ค้าง ไม่รู้ว่าเวลาได้หมุนผ่านไปเท่าไหร่ เธอหน้าแดงก่ำ ที่เห็น สุนัขสองตัวกำลังมีความสุข
"นั่นหมาคุณหรือเปล่า!" เธอตะโกนถาม ผมยืนอึ้ง ได้แต่พยักหน้าตอบ
"ทำอะไรสักอย่างสิ" เธอพูดแต่หันหน้าไปอีกทางด้วยความรู้สึก เขินอาย
เราเจอกันในสถานการณ์ อีหลักอีเหลือ เหลือเกิน พอหันไปทางไอ้โดโด้ โอ้โห มันกำลังแสดงบทรักอย่างไม่ได้เกรงใจเจ้านายของมันเลย
"ห้าม ไม่ ทันแล้ว" เขาว่า "ขอโทษ นะที่ เออ ที่หมาของผม เออ.."
กว่า ที่สุนัขของเขาทั้งสอง จะเสพสม แต่มีสม เสร็จ ก็กินเวลานาน เธอนั่งหน้าแดง อยู่ที่เก้าอี้ของสวนสาธารณะ ชายหนุ่มตามมานั่งอยู่ไม่ห่าง ก็ไหนๆก็ไหนๆ ที่ต้องรอ พวกมันเสร็จ กามกิจ จึงนั่ง อยู่ตรงนั้นเสียเลย ชายหนุ่มอยากพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เขากลับคิดคำพูดไม่ออกได้แต่ย้ำว่า ขอโทษ แทน เจ้าโดโด้ผู้หื่นกระหาย ของเขา
ขณะที่ หญิงสาวก็เอาแต่ก้มหน้าด้วยความเขินอาย
"แล้วมันจะท้องหรือเปล่านี่" เธอถามอย่างกังวล
"ผมไม่รู้หรอกมันก็ไม่แน่"
แล้วอีกนานไหมที่มันจะ.." ใบหน้าขาวของคนถามยิ่งแดงระเรื่อไปอีกเมื่อถามคำถาม
" อันนี้ก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน แต่คุณไม่ต้องกังวลหรอก ถ้ามันมีลูกผมจะรับเอามาเลี้ยงเอง" ผมยืนยัน
ความบังเอิญยังติดตามพวกเขาไปทุกที่ดั่งเงาตามตัว เมื่อสุนัขทั้งสอง ถึงสุขสุดขีดแล้วก็กลับมาหานายของพวกมัน เธอขอตัวกลับ ก่อนไปนั้นเธอยังพูดว่าให้หมาของตัวเองไปด้วย ชายหนุ่มก็เดินกลับเช่นกัน เมื่อเห็นว่า การวิ่งเช้านี้เป็นการส่งตัวเจ้าโดโด้ เข้าหอไป แต่เมื่อยิ่งเดิน ทั้งเขากับเธอก็มาอยู่บนเส้นทางเดียวกัน แล้วทั้งคู่ก็รู้ว่า ทั้งสองอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรโครงการเดียวกัน และที่บังเอิญไปยิ่งกว่านั้น บ้านของทั้งสอง อยู่ติดกัน! บังเอิญๆๆๆๆๆๆ มันจะอัสนีและวสันต์ไปถึงไหนกัน
ไม่ มีคำอธิบายไปกว่านั้น แต่เขาก็ไม่ใช้ความบังเอิญนั้นสร้างอารมณ์ เพื่อเข้าข้างตัวเองว่าเธอและเขา อาจเป็นเนื้อคู่กัน! แต่มันก็อดคิดไปแบบนั้นไม่ได้ เมื่อทุกอย่างเหมือนถูกพระเจ้าบรรจง สร้างสถานการณ์ ให้เขาและเธอ มาพบกัน หมาของทั้งคู่ ได้จู้ฮุกกรู้กัน บ้านอยู่ติดกัน มันคืออะไรละ?
แต่ หลังจากผ่านวันนั้นไปแล้วทั้งเขาและเธอก็ไม่ได้เจอกันอีก แม้ว่าจะอยู่บ้านติดกัน ตารางการทำงานของคนทั้งคู่สวนทางกันอย่างชัดเจน
หญิงสาวเป็นสาวนักออกแบบ ส่วนชายหนุ่ม คือนักดนตรี ที่เล่นอยู่ที่ร้านอาหาร วันอาทิตย์เท่านั้นที่ชายหนุ่มจะเห็น เธอซักแวบ แต่ก็ผ่านหน้าต่างห้องนอน เห็นเธอนั่งอ่านหนังสือที่สนามหญ้า แค่นั้นจริงๆ ชายหนุ่มอยากรู้จักอยากทักทายกับเธอ อยากให้มีความบังเอิญแบบเมื่อ ตอนนั้นอีก อยากให้หมาของเราทั้งคู่ชักจูงมาให้เจอกันอีก.....แต่ชายหนุ่มก็เก้อเขินจน เกินไป อีกทั้งไม่แน่ใจว่าเธอจะอยากเสวนาด้วยหรือเปล่า....เขาปล่อยให้เวลาล่วงเลย ไป จนกระทั่งวันหนึ่ง.....
เจ้า ของร้านอาหารที่ชายหนุ่มเล่นดนตรีอยู่เป็นนิจ ต้องการจะตกแต่งร้านใหม่ และหญิงสาวข้างบ้านผู้เป็นนักออกแบบภายใน ได้ลงพื้นที่มาวัดไซต์งานในช่วงเย็นวันหนึ่ง... ซึ่งก็เป็นความบังเอิญ (อีกแล้ว) ที่วันนั้นชายหนุ่มออกไปเยี่ยมเพื่อนในวงที่ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์คว่ำ ทำให้แขนหักไม่สามารถตีกลองได้ จึงมาที่ร้านเร็วกว่าปกติเพื่อบอกเจ้าของร้านชาย หนุ่มนั้นมาบอกเจ้าของร้านว่าให้ช่วยหามือกลองทดแทนก่อนสักคืนได้หรือไม่ หรืออาจจะจ้างวงใหม่มาเล่นแทนวงเขาเลยก็ได้ !!
หญิงสาวผู้รับฟังอยู่จึงจับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้คร่าวๆ และอาสาที่จะลองตีกลองให้สักคืน พร้อมเหตุผลที่ว่าเธอเคยเล่นมาก่อนสมัยเรียนมัธยม
ชาย หนุ่มทำท่าไม่เชื่อ อีกทั้งเจ้าของร้านก็พยายามอธิบายว่า การเล่นสดของวงชายหนุ่มเป็นตัวดึงลูกค้าในทุกคืน หากเกิดอะไรผิดพลาดจะทำให้เกิดความลำบาก ...ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินก้าวขึ้นไปบนเวที ถอดส้นสูงออก และลงมือหวดกลอง สะบัดไม้ต่อเนื่องราวกับสายน้ำ เสียงกลองหนักแน่นมิแพ้ผู้ชายตี .
..ตึงๆ ป๊ะ ตะลึง ตึงๆๆๆ ตุ้งๆๆ ตุ้ง ฉาด!! ชายหนุ่มกับเจ้าของร้านตกตะลึง เพราะคาดไม่ถึงว่าสาวหน้าหวานผู้นี้จะตีกลองได้หนักหน่วงมากๆ
"เชื่อมือฉันรึยัง" หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
ความเงียบคือคำตอบของชายหนุ่ม ส่วนเจ้าของร้านนั้นมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะได้ไม่ต้องไปหาคน หรือวงใหม่ทั้งวง !! ยิ่งเห็น ฝีมือ การรัวแฉ สบัดไฮแฮท และการกระทืบกระเดื่อง(ไม่ใช่กระเดื่องธรรมดานะ หากแต่เป็นกระเดื่องคู่) ราวกับพี่ชัช แห่งวงบอดี้สแลมมากระหนำกลองชุดนี้เอง !!!
หลัง จากที่หญิงสาววัดไซต์งานเสร็จแล้วก็โทรแจ้งที่ทำงานว่าจะส่งแปลนให้ทางเมล์ และไม่ขอกลับเข้าออฟฟิศเพราะอ้างว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนที่ รพ. และขอตัวกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้าน ชายหนุ่มอาสาไปส่ง ระหว่างทาง เธอกับเค้าได้สนทนากันอีกครั้ง
"คุณ จะเอ่อ.....เอ่อ...ว่าอย่างไรคะ ถ้าดิฉันจะบอกว่า" เธอกล่าวถามอย่างกล้าๆกลัวๆ พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ ไม่แน่ใจว่า จากการอายหรือการกระหนำกลองแน่
“หมาดิฉันมันตั้งท้องค่ะ !!”
!!!!!!!!!!!!!!!!!!
โปรดติดตามตอนต่อไป>>>>
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ