ผู้หญิงของบ้านสีน้ำ

8.0

เขียนโดย candle

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.26 น.

  1 ตอน
  5 วิจารณ์
  4,278 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556 16.29 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

     

           ฝนพร่างสายบางเบาและหนักขึ้นเป็นลำดับ  หากแต่ว่าคนหนุ่มผู้หนึ่งริมระเบียงยังคงยืนร่ำไห้  ผมยาวของเขาเปียกลู่แนบกับตัวเปล่าเปลือย  ข้างกันนั้นภาพเขียนภาพหนึ่งค้างคาอยู่บนขาหยั่ง  น้ำฝนสาดซัดจนสีเลอะเลือนไหลลงเป็นทาง  ใครคนอื่นมองดูอาจไม่สามารถรู้ได้ว่าก่อนหน้านั้นเป็นภาพของสิ่งใด  นอกจากซึมซับรับรู้ได้ถึงความโศกสลดโดยบรรยากาศรอบข้างของคนหนุ่มผู้นั้น

 

           สายตาของ “เลย์” พร่ามัว  เขาทอดกายแนบลงกับพื้นเพ่งมองท้องฟ้ามืดมัวผ่านสายฝน  เขาถามตัวเองในสิ่งที่เกิดขึ้น  ทำไมเธอถึงทำอย่างนั้น  มีอะไรที่เลย์ยังไม่รู้อีกมากมาย  แม้ว่าหญิงสาวของเขาอยู่ในบ้านสีน้ำถึงหนึ่งเดือนเต็ม  และเลย์กับเคนไม่เฉลียวใจแม้สักนิด

 

           เลย์เรียกเธอว่า “ผู้หญิงของเรา” “ผู้หญิงของบ้านสีน้ำ” ไม่มีใครเลยจะไม่หลงรักหญิงสาว  หากเลย์จะรู้ย่อมมีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่รักหญิงสาวนางนี้  เขาทำร้ายเธออย่างยากจะเยียวยา

 

 

           ***************

 

           เกือบสองทุ่มเลย์วางพู่กันลง  เขาบิดตัวเพื่อให้คลายเมื่อยขบ  วันนี้เขาทำงานได้ดีมากวันหนึ่ง  เขาพอใจที่จะนั่งเขียนรูปที่นี่  เรียกได้ว่ารุ่งสางภาพของคนหนุ่มผมยาวหอบของพะรุงพะรัง  เดินเข้ามาในสวนสาธารณะก็เป็นภาพที่คุ้นเคยสายตาของคนเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ดี  เขาจะเขียนจนกว่าแสงไฟในสวนสาธารณะจะเปิดขึ้น  เขาชมชอบช่วงเวลาแห่งค่ำคืน

 

           เลย์เตรียมเก็บของและจากไป  หากสายตาของเขาไม่ได้เหลือบแลไปเห็นใครคนหนึ่งยังนั่งไกวชิงช้าอยู่ไม่ห่างจากเขานัก  เธอเป็นหญิงสาว

 

           “มันคงไม่ปลอดภัย  ถ้าเธอจะนั่งอยู่อย่างนี้”  เลย์พูดกับหญิงสาว  ซึ่งขณะนี้เขาไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

 

           หญิงสาวหยุดไกวชิงช้าเงยหน้าขึ้นมองเขา

 

           ในความสลัวของแสงไฟเลย์เห็นใบหน้าเธอไม่ชัดนัก  แต่เขาแน่ใจว่าเธอไม่ใช่คนในเมืองนี้  เลย์ไม่เคยเห็นว่าจะมีหญิงสาวซึ่งแลดูอ้างว้างอย่างนี้มาก่อนเลย

 

           “เธอได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า”  เขาก้มลงถามอีกเมื่อเธอไม่พูดอะไร

           “อยู่ที่ไหนล่ะ  ฉันจะไปส่งให้เอง”

           “...............”

           “ฉันจะไปเก็บของก่อนนะ”

 

           เลย์กำลังจะเดินจากไป  หญิงสาวรั้งมือเขาไว้  นั่นเป็นเหตุให้เลย์หันมายิ้มให้อย่างใจดี  และปลอบโยนอันเป็นลักษณะประจำตัวของเขา

 

           “ฉันไม่ทิ้งเธอนะ  มาเถอะไปด้วยกัน”  เลย์ยื่นมือออกไป

     

           หญิงสาวจับมือเขาลุกเดินตาม

 

           เลย์อาจไม่รู้ในรอยยิ้มและลักษณะของตนเอง  ส่วนคนอื่นนั้นเล่าไม่เคยมีใครปฏิเสธได้  รอยยิ้มแสนอบอุ่น  มิตรภาพที่ดีของความโดดเดี่ยวอ้างว้าง  คล้ายดั่งจะปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง  เพียงมือนั้นยื่นมาสัมผัส  ไร้สิ่งเคลือบแฝงที่ไม่ว่าคนหรือสัตว์ถูกทอดทิ้งถามหา  และยินดีติดตามเขาไป

 

           บนโลกเรานี้ขอเพียงมีคนประเภทนี้อยู่กึ่งหนึ่ง  การทำร้ายกันไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ ย่อมไม่ปรากฏ

 

           ฉากแรกของการเริ่มต้นเกิดขึ้นอย่างนั้น

 

           “เคนนายอยู่ที่ไหน  ออกมาหน่อยสิ”  เลย์ร้องเรียกเพื่อนตั้งแต่หน้าบ้าน

 

           คนหนุ่มหุ่นเท่ห์ผมสั้นเกรียน  ผู้สวมวิญญาณพ่อครัวเอกปิดเตาแก๊สรีบออกมา  ผ้ากันเปื้อนยังสวมอยู่กับตัวเขา

 

           “หมอนั่นจะเก็บอะไรมาอีกล่ะ”  เคนพึมพำ

 

           ไม่หมาก็แมวจรจัดที่เลย์พบเห็น  เขาจะเอาพวกมันกลับมาบ้านด้วยเสมอ  ตอนนี้บ้านเหมือนจะเป็นสถานเลี้ยงสัตว์กำพร้าไปเสียแล้ว

 

           “มันเดินตามฉันมา  มันอยากอยู่กับฉันแกว่ามั๊ย”

 

           เคนคิดว่าเขาน่าจะได้ยินคำพูดทำนองนี้  จากเลย์อย่างไม่ต้องสงสัย

 

           “คราวนี้นายเอาอะไรมาอีกห๋า...เลย์”  เคนมาพร้อมคำถามในมือเขาถือตะหลิวออกมาด้วย

           “ผู้หญิงนี่หว่า”  เคนอุทานเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไร  ผู้หญิงหุ่นเพรียวลมผมยาวยืนอยู่กลางห้อง

 

           “ขอโทษนะ  ไม่คิดว่าจะเป็นคน”  เคนเอามือแตะหน้าผากทำหน้ายู่

           “เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้น  คือเลย์ไม่เคยเก็บแบบเธอมา”

           “...............”  เคยเป่าลมออกจากปาก  นี่เขาใช้คำว่าเก็บกับเธอได้ยังไง

           “มันทำให้ฉันแปลกใจมากกว่า”  เคนถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อจบประโยคได้

           “ใช่มั๊ยเลย์”  เขาขอคำยืนยันจากเพื่อน

           “ไม่ต่างกันหรอก”

           “นายหมายความว่า  เธอเหมือนเจ้าพวกนั้น”  เคนชี้สุนัขหลายตัวที่นอนเรียงรายอยู่นอกบ้าน  กับแมวสีสวาทตัวหนึ่งที่นอนทับปลายเท้าเลย์อยู่

           “แววตา  เธอกำลังหลงทาง”

 

           เคนหัวเราะ

 

           “หลายครั้งที่ฉันสงสัยว่า  เข้าใจนายรึเปล่า”  เคนเปรยขึ้น

           “ยินดีต้อนรับสู่บ้านสีน้ำ  จะอยู่ที่นี่ได้จนกว่าไม่อยากอยู่”

 

           เคนยิ้ม  ยื่นมือออกไปหมายทายทัก

 

           แววตาสงบนิ่งตื่นตระหนกขึ้นมา  หญิงสาวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง  เธอก้มมองเจ้าเหมียวเมื่อมันเข้าไปคลอเคลียแข้งขา  เธออุ้มมันขึ้นมาเดินไปนั่งข้างเลย์  คล้ายขอให้เขาเป็นเกราะป้องกันตัว

 

           “เธอกลัวเขาหรือ”  เลย์ถามวางมือบนหัวเธอ

 

           หญิงสาวมองหน้าเคน

 

           “เขาชื่นเคน  เป็นเพื่อนของเราเขาไม่ทำอะไรเธอหรอก  ไว้ใจเขาได้เหมือนที่เธอไว้ใจฉัน  ถูกมั๊ย”  เลย์หมายถึงประโยคสุดท้าย

 

           เป็นครั้งแรกที่เคนเห็นปากเธอขยับ  เขาจับได้ว่าหญิงสาวพูดคำว่าขอโทษ  แต่ว่ากลับไม่มีเสียงเปล่งออกมา

 

           “ไม่เป็นไรหรอก  ว่าแต่เธอจะไม่พูดอะไรเลยเหรอ  อย่างเช่นว่าบอกเราถึงชื่อของเธอ”

           “...............”

           “ไม่อยากบอกหรือพูดไม่ได้”  เคนถามอีก

 

           หญิงสาวพยักหน้า  คนหนุ่มสองคนสบตากัน

 

 

           ***************

 

           "ลุกเถอะ  มาคุยกับฉันหน่อย”  เลย์ปลุกเพื่อนผู้หลับสนิทบนเตียง

           “อะไรวะเลย์”  เคนลุกนั่งขยี่ตา

           “อ้าว...นายไม่ออกไปเขียนรูปเหรอ”

           “ฉันไม่อยากทิ้งเธอไว้คนเดียว”

           “ใคร  ฉันรึไง”  เคนลืมผู้หญิงคนเมื่อคืนเสียสนิท

           “อ๋อ...ฉันนึกออกแล้วผู้หญิงคนนั้น  เอ๊ะ...แกไม่ไว้ใจ”

           “เปล่าไม่ใช่อย่างนั้น  ฉันเป็นห่วงเธอมากเธอดูหวาดกลัว  ซึมเศร้าหรือเสียใจกับอะไรมาสักอย่าง”

           “ฉันก็รู้สึกอย่างนั้น”  เคนยอมรับ

           “จะช่วยเธอได้ยังไง”  เลย์เป็นทุกข์

           “เลย์  การที่แกพาเธอมา  แกก็ช่วยเธอแล้ว  และต่อไปเราก็จะปกป้องเธอ”

           “เรา”  เลย์ย้ำ

           “ใช่เรา”

           “ฉันรักนาย”  เลย์สวมกอดเคน

           “คิดว่าฉันใจดำนักรึไง ฮึ”

 

           ในบางคราวเลย์อ่อนไหวจนคล้ายผู้หญิง  และชอบที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว  แม้แต่กับเคนเอง  บ่อยครั้งที่สองคนไม่พูดคุยอะไรกันเลยทั้งวัน

 

           “ขอโทษ  นอนต่อเถอะ  ไว้อาหารเช้าเสร็จฉันจะปลุก” เลย์ผลักเคนให้นอนลง

 

           เคนยิ้ม  ก่อนจะเอาผ้าห่มคลุมโปง

 

           “อย่าไปคิดมากเลย  บางทีอาจไม่เลวร้ายนักก็ได้”  เคนอู้อี้ในผ้าห่ม

           “ฉันหวังให้เป็นอย่างนั้น”                   

 

 

           ***************

 

           นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา  เธอจึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านส้ำ  หญิงสาวคอยช่วยดูแลงานบ้าน  ช่วยล้างพู่กันให้เลย์เมื่อเขาเสร็จจากงานเขียนรูปในแต่ละวัน  ไปฟังเคนร้องเพลงในร้านเหล้า  ช่วยกันเขียนผ้าบาติคเพื่อจะเอาไปฝากขายกับร้านเพื่อนอีกทีหนึ่ง

 

           และมันก็ดำเนินอยู่อย่างนี้  ทั้งที่หญิงสาวอยู่ท่ามกลางความรักของคนหนุ่มสองคน  ใครจะรู้ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

 

           และในเช้าวันหนึ่งเธอกลับไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย  บนพื้นห้องกราดเกลื่อนไปด้วยเม็ดยานอนหลับจำนวนหนึ่ง  ร่วงลงมาจากมือซึ่งตกลงมาข้างเตียง

 

           เคนได้อ่านสมุดบันทึกเล่มนี้แล้วตั้งแต่ต้นจนจบ  เขาเจอมันซุกอยู่ในกล่องกีต้าร์และไม่กล้าเปิดอ่าน  ทั้ง ๆ ที่มีจดหมายฉบับเล็ก ๆ เสียบอยู่  เขียนไว้ว่า “จากผู้หญิงของบ้านสีน้ำ” กว่าที่เขาจะตัดสินใจอ่านก็เมื่อเธอจากไปเป็นวันที่สอง  เพราะอะไรนะหรือ  เขากลัวสิ่งที่จะได้รับรู้  เรื่องของอดีต  เรื่องของผู้หญิงของพวกเขา  อันเป็นเหตุนำพาให้หญิงสาวคร่าชีวิตตัวเอง  มันจะเป็นอย่างที่เขาหวาดวิตก  หรือว่าร้ายกว่านั้นหลายเท่านัก  และเพื่อเลย์เพื่อนของเขา

 

           เคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี  กลับไปบ้านและมอบมันให้กับเลย์  เขาอยากทำอย่างนั้นและไม่อยากเท่า ๆ กัน  เลย์จะเป็นยังไงหากรู้เรื่องราว  เขาจะทุกข์โศกขนาดไหน  เคนไม่ต้องการให้เพื่อนรักแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่อีกแล้ว  เลย์ไม่ยอมออกไปเขียนรูปและไม่ปริปากพูดอะไรเลยสักนิด  ตั้งแต่วันนั้นที่เลย์อยู่ในโลกส่วนตัว

 

 

            ***************

 

           “เลย์นายเป็นไงบ้าง”  เคนถามเมื่อเลย์ลืมตา

           “นายเองเหรอ”  เลย์พึมพำ

           “แกนอนตากฝนอยู่ตรงระเบียงตลอดคืน  ฉันเพิ่งมาเมื่อเช้านี่เอง”

           “ไม่เป็นไร  แค่ปวดหัวนิดหน่อย”

           “ทานยาเสียหน่อยไหม”

           เลย์ส่ายหน้า

           “ฉันว่าแกควรจะอ่านมัน”  เคนยื่นสมุดบันทึกให้

           “ผู้หญิงของเราทิ้งไว้”

 

           เธอถูกผู้ชายที่รักนักหนาขืนใจ  ด้วยความที่เธอไว้ใจและรักเขา  เป็นเหตุผลเดียวของสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้น  เขาล้อเล่นกับความรักของเธอ  และพวกเขาไม่สามารถฉุดเธอขึ้นมาจากร่องของความสูญเสียได้เลย

 

           “เคน  นายอยู่คนเดียวได้ไหมตอนนี้”

           “คิดจะไปไหน”

         

           เลย์ส่ายหน้า

 

           “งั้นเราไปด้วยกัน  ปิดบ้านไว้สักพัก  เป็นเดือนสองเดือนหรือเป็นปี  เมื่อความโศกเศร้าลดลงเราค่อยกลับมา”

 

           เลย์สวมกอดเคน

 

           เช้าที่แดดทอสาย  คนหนุ่มสองคนขับรถกะบะออกจากเมืองแห่งนี้  ไม่มีใครรู้จุดหมายปลายทางของเขาสองคน 

 

           กับคนหัวใจอ่อนไหว  นี่ย่อมไม่ใช่ฉากจบ  แต่เป็นฉากแรกของการเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่งและต่อ ๆ ไป. 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา