เส้นขอบฟ้าแห่งกาลเวลา
8.1
เขียนโดย moohin
วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.41 น.
3 ตอน
10 วิจารณ์
15.96K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556 21.57 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) ข้ามนภา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนี่คือบทสรุป บทสุดท้ายของเรื่องน่าเศร้าเรื่องนี้ อาจจะไม่ได้จบสวยงามเหมือนเรื่องสั้น
อื่นๆ แต่กลับจบลงในมุมที่มีความสุข ถึงแม้มุมความสุขนั้นจะไม่มีเหลือความหวังเลย
ก็ตาม...
ข้ามนภา
เป็นเวลาเนิ่นนานมากแล้วสินะ ที่แมวสีขาวและแมวสีดำได้ลาจากกันไป ความทรงจำที่ใช้เวลาร่วม
กันแม้จะเป็นเวลาเพียง 7 วันเท่านั้น แต่เหมือนกับว่าวันเวลาเหล่านั้นยังจำฝังแน่นอยู่ในจิตใจของ
เจ้าแมวสีขาวไม่มีวันเลือน… ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่เคียงข้างเจ้าแมวสีดำนั้นเป็นความรู้สึกที่ไม่
อาจรับรู้ได้ที่ไหนอีก ความรู้สึกที่ไม่ใช่ความพิศวาส ไม่ใช่ความรู้สึกที่รู้สึกกันอย่างเช่นหนุ่มสาว แต่
ความรู้สึกนั้นเป็นความรู้สึกอบอุ่น ทุกครั้งที่เจ้าแมวสีขาวได้อยู่ใกล้เจ้าแมวสีดำมันรู้สึกปลอดภัย อุ่น
ใจ อย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตของมันที่ขาดหายไปได้รับส่วนที่เติมเต็มกลับมา
ประหนึ่งว่าเจ้าแมวสีดำคือญาติมิตรที่ได้พรากจากกันเมื่อนานแสนนาน ! ซึ่งตัวมันเองก็ไม่รู้ได้ว่า
จากกันเมื่อนานเท่าไหร่แล้ว แต่ความรู้สึกขณะนี้นั้นมันต้องการที่จะพบเจ้าแมวสีดำอีกสักครั้ง เพื่อ
ถามคำถามที่มันต้องการคำตอบ เพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็เกินพอ …..
วันนี้อากาศสดใสเหมาะกับการไปเที่ยวชมดอกไม่นานาชนิด ไปเดินเล่นที่ริมชายหาด แมวหลาย
ตัวต่างก็กำลังเก็บของไปเที่ยวอย่างขะมักเขม่น แต่…..เจ้าแมวสีขาวกำลังรวบรวมสะเบียงเพื่อไป
ยังดินแดนแห่งความอ้างว้าง ดินแดนที่ไม่มีแมวตัวไหนอยากไปเยี่ยมเยียน นั่นคือ เกาะอันเป็นนิรัน
ดร์ แต่การจะไปเกาะนี้ได้นั้นต้องไปปรึกษาเส้นทางกับแมวเฒ่าผู้อาวุโสมากที่สุดในเกาะแห่งนี้เจ้า
แมวสีขาวมันไม่รอช้ามันรีบตรงดิ่งไปยังที่พักของแมวเฒ่าโดยทันที…..
“ท่านแมวอาวุโส ได้โปรดออกมาพบข้าด้วยเถิด”
บานประตูสีเทาหม่นที่ถูกปิดไว้อย่างเงียบสนิท…. ราวกับว่าข้างในนั้นจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ แต่
ทันใดนั้นก็มีเสียงแหบพล่าเล็ดลอดออกมา
“อื้ม…. เข้ามาสิ..”
แล้วประตูบานนั้นก็ค่อยๆแง้มออก เจ้าแมวสีขาวค่อยๆก้าวเท้าน้อยๆของมันเข้าไป ภายในบ้านที่
แสนจะทรุดโทรม มีกลิ่นเครื่องหอมตลบอบอวนคละคลุ้งไปทั่วข้าวของวางอย่างไม่เป็นระเบียบมีใย
แมงมุงเกาะอยู่มากมาย
“ว่าไง เจ้าแมวสีขาว มาพบข้าด้วยเหตุใด?”
เสียงแหบพล่านั้นจู่ๆก็ดังขึ้นพลอยทำให้เจ้าแมวสีขาวสะดุ้งโหยง
“ข้าจะมาขอคะ…..”
ไม่ทันที่เจ้าแมวสีขาวจะพูดจบประโยคเจ้าแมวเฒ่าก็พูดแทรกขึ้น
“อื้ม…ข้ารู้แล้วล่ะว่าเจ้ามาพบข้าด้วยเหตุใด..”
“ท่านรู้ได้อย่างไรเล่า”
“บ๊ะ!!!! เจ้านี่ ข้าเป็นใคร?? ข้ารู้ข้าเห็น หากแต่เจ้าจะทำเช่นนั้นจริงรึ ที่ตรงนั้นไม่เหมาะกับเจ้า
หรอกนะ ไปที่นั่นก็ไม่มีวันได้กลับมา..”
สายตาของเจ้าแมวเฒ่าประกายวาวถึงความโศกเศร้าอยู่ชั่วครู่แล้วก็ดับหายไป เหมือนไม่ต้องการ
ให้ใครรับรู้ถึงปมในใจ
“ข้าไม่กลัวสิ่งใดทั้งนั้น ข้า… ต้องการพบเขาให้ได้”
“เหตุใดเจ้าถึงต้องการพบแมวหนุ่มตนนั้เล่า?”
เจ้าแมวสีขาวก้มหน้าลงกลับพื้นก่อนน้ำตาจะร่วงหล่น มันไม่รู้ว่ามันต้องการสิ่งใดกันแน่ แต่ที่มันรู้
คือต้องไปพบเจ้าแมวสีดำให้จงได้
“ข้าไม่รู้ ….”
“เฮ้อ…… ข้าล่ะเบื่อเจ้าเสียจริง หนทางไปนั้นช่างน่ากลัวยิ่ง มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะฝ่าฟันไปได้
คือ ความเข้มแข็ง และพลังแห่งความกล้าหาญ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
“ข้าเข้าใจๆ และก็รู้อยู่แก่ใจ แต่ข้าต้องไปให้ได้ ได้โปรดแนะนำเส้นทางให้ข้าด้วย”
เจ้าแมวเฒ่าไม่พูดอะไร ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องมืดๆชื้นๆเพื่อไปหยิบบางอย่างออกมา
“เมื่อหลายพันปีก่อนเกาะของเราและเกาะอันเป็นนิรันดร์เคยเป็นแผ่นดินเดียวกัน เคยปกครองร่วม
กัน แต่…. มีเหตุบางอย่างทำให้เกาะสองเกาะต้องแตกแยก และได้ให้สัจสาบานกันว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยว
กันอีก หากสมาชิกของทั้งสองเกาะล่วงล้ำอานาเขตของอีกฝ่าย จะไม่มีการไว้ชีวิตกัน..มีเพียงครั้ง
เดียวเท่านั้นที่สามารถเดินทางได้นั่นคือวันที่ครบ 100 ปีที่เส้นขอบฟ้าจะเปิดแล้วเกาะทั้งสอง
สามารถเชื่อมโยงถึงกันและกันได้ และมีเวลาอยู่เพียง 7 วันเท่านั้น และห้ามพูดคุยกันกับสมาชิกใน
เกาะนั้นเด็ดขาด หึหึ น่าขำนัก เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นข้า มิอาจช่วยเจ้าได้ แล้วเจ้าจะยัง
อยากไปเกาะนั่นอีกหรือไม่?”
เจ้าแมวสีขาวพยักหน้าอย่างไม่ลังเล
“ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้า นี่คือแผนที่เส้นทางในนี้ข้าได้ใส่มนต์สะกดเอาไว้ จะมีเพียงสมาชิกในเกาะ
ของเราเท่านั้นที่จะเห็นมัน เจ้าจงมุ่งหน้าไปตามเส้นทางในนี้ แล้วเจ้าจะได้พบกับสิ่งที่เจ้าต้องการ
จะพบ จงจำเอาไว้ว่าในระหว่างการเดินทางนั้นเจ้าห้ามพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ในเส้นทางนี้
เจ้าจะได้พบกับปีศาจแมวร้ายมากมายหลายตัวมันจะพยายามมาถามไถ่เจ้า เจ้าจงนิ่งเงียบเสีย
ห้ามเอ่ยคำใดใดทั้งสิ้น หากเจ้าเผลอพูดออกมาปีศาจแมวเหล่านี้ก็จะได้กลิ่นอายความมีชีวิตของ
เจ้า แล้วพวกมันก็จะดูดความมีชีวิตของเจ้าให้หมดสิ้น และในที่สุดเจ้าก็จะมิอาจชีวิตกลับมา….”
“ข้าไม่กลัวสิ่งใดทั้งนั้น สิ่งที่ข้ากลัวมากที่สุดคือ….การไม่พบคำตอบอะไรบางอย่าง”
เจ้าแมวเฒ่ายิ้มเย็นเยือกก่อนจะพูดทิ้งท้ายไว้ว่า
“หวังว่าเจ้าคงมีชีวิตรอดกลับมา ขอให้เจ้าโชคดี….”
แล้วก็เดินจากไปในห้องชื้นๆนั่น ปล่อยให้เจ้าแมวสีขาวนั่งอ้างว้างอยู่คนเดียว เจ้าแมวสีขาวหยิบถุง
สำภาระก่อนเดินออกจากบ้านของเจ้าแมวเฒ่าโดยมันไม่รู้เลยว่าเจ้าแมวเฒ่ามองตามมันด้วยความ
เป็นห่วง…
เมื่อเจ้าแมวสีขาวเดินออกมากำลังจะพ้นเขตดินแดนของมัน มันอดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับมามอง
เพื่อเป็นการอำลาในใจนึกหวั่น หลังจากที่มันก้าวเท้าออกไปแล้วไม่รู้ว่ามันจะมีโอกาสกลับมา ณ ที่
แสนสุขแห่งนี้ได้หรือไม่…. แต่มันจำเป็นต้องไป ไปเพื่อหาคำตอบบางอย่างที่มันยังค้างคาในใจของ
มัน มันตัดสินใจหันหน้าไปยังจุดมุ่งหมาย นั่นก็คือ เกาะอันเป็นนิรันดร์ …..
2 วันผ่านไป เป็นการเดินทางที่ไกลที่สุดในชีวิตของมันมันไม่เคยเดินทางจากบ้านมาไกลขนาดนี้
เลย ไม่เคยเลย …
ถ้าดูจากแผนที่แล้วอีกไม่กี่ชั่วยามมันก็จะเข้าสู่เขตของป่านิรันดร์แล้วล่ะ เสียงของแมวเฒ่ายังดัง
กึกก้องในหัวของมันเพื่อเป็นการเตือนใจของมันอยู่เสมอ
“เจ้าจงนิ่งเงียบเสีย ห้ามเอ่ยคำใดใดทั้งสิ้น หากเจ้าเผลอพูดออกมาปีศาจแมวเหล่านี้ก็จะได้กลิ่น
อายความมีชีวิตของเจ้า แล้วพวกมันก็จะดูดความมีชีวิตของเจ้าให้หมดสิ้น และในที่สุดเจ้าก็จะมิ
อาจชีวิตกลับมา….”
อากาศรอบกายเริ่มเย็นยะเยือกขึ้นกลิ่นอายและกลิ่นคาวปีศาจฟุ้งไปทั่วในอากาศ น่าแปลกมาก
ท้องฟ้าที่กำลังสดใสจู่ๆก็มืดดำสนิทประหนึ่งว่าจะมีพายุลูกใหญ่ถาโถมเข้ามา สายลมสาบๆเริ่มปลิ่ม
ละล่องมาแตะจมูก เจ้าแมวสีขาวกล้าๆกลัวๆที่จะเดินต่อไป เมื่อความมืดคืบคลานมาความกลัวก็
บังเกิดขึ้น นอกจากความมืดแล้วความเงียบก็ไม่แพ้กัน เจ้าแมวสีขาวเคยได้ยินเรื่องเล่าขานมามาก
ที่ว่าเกาะแห่งนี้ไม่มีเสียงใดใดเลย ไม่มีแม้กระทั่งลมหายใจ…..ด้วยความกลัวเจ้าแมวสีขาวเริ่ม
หายใจแรงมากขึ้นเกรงว่าลมหายใจนั้นจะหมดไป…. แต่ทันใดนั้น!!!! ก็มีแมวหลากสีตัวหนึ่งปากฏ
ขึ้นพร้อมกับกลิ่นที่น่าขยะแขยง แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าเป็นปีศาจแมวตัวใหม่รึ?”
เจ้าแมวสีขาวยังมีสติมากพอที่จะไม่เอ่ยคำใดใด แล้วเจ้าปีศาจร้ายก็พูดขึ้นมาอีก
“เจ้านี่….ถามไม่ตอบ รีบๆเดินเข้าล่ะประเดี๋ยวจะไม่ทันพิธีทำลายอัมตะ ฮ่าๆๆๆ”
เจ้าปีศาจหัวเราะร่าก่อนหายตัวจากไป…. ทิ้งให้เจ้าแมวสีขาวงุนงง กับเหตุการณ์ พิธีทำลายอัมตะ
งั้นหรือ?? มันคือสิ่งใดกัน มันรู้สึกไม่สบายใจมันเหมือนกำลังจะสูญสิ้นบางสิ่งบางอย่างไป แต่มันก็
อ่อนเพลียเกินกว่าจะเดินต่อไป มันเลยตัดสินใจเอาปลาผอมที่มันซุกไว้ออกมากิน ก่อนจะเอนกาย
พักสายตา
ท่ามกลางบรรยากาศขมุกขมัว ณ เกาะอันเป็นนิรันดร์ใกล้ๆกับจุดที่เจ้าแมวพักอยู่นั่นเอง สายลม
แห่งความเหงาเปล่าเปลี่ยวเจ้าเก่าที่ผัดผ่านมาทุกวัน แต่หากวันนี้ภายในสายลมนี้กลับมีกลิ่นสาบ
แห่งความตายปะปนอยู่ด้วย! ที่ลานประชุมใหญ่ของเกาะแห่งนี้มีแมวอมตะมากกว่าร้อยชีวิตกำลังนั่ง
สงบนิ่งเหมือนรอบางสิ่งบางอย่างที่จะเผยออกมาจากที่ใดที่หนึ่ง เจ้าแมวสีดำกำลังนั่งเหม่อเช่นทุก
ครั้ง สายตาที่ว่างเปล่าและเยือกเย็นยังปรากฎให้เห็นดังเช่นทุกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เปลี่ยนสถาน
ที่มาเป็นตรงกลางที่ประชุม โดยมีสายตาหลายคู่จับตามองอยู่… แมวทุกตัวยังคงนั่งคอย … รอ
คอย…. และก็ยังรอต่อไป…. และในที่สุดบางสิ่งบางอย่างก็ค่อยๆ ปรากฏกายออกมาจากอากาศที่
ว่างเปล่าเป็นกลุ่มควันขมุกขมัวอย่างช้าๆ มันเป็นแมวตัวใหญ่ยักษ์ กลิ่นสาบแห่งความตายโชยออก
มาชวนให้ขนลุก สายตาของมันไร้ซึ่งความปรานี ยามเมื่อมันขยับตัวเยื่องย้ายร่างยักษ์ของมันไป
ข้างหน้าแผ่นดินก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วบริเวณ เสียงหายใจดังกระหึ่มสหนั่นสั่นไหวน่ากลัวยิ่ง
นัก วันนี้จะมีการตัดสินคดีใหญ่ซึ่งคดีนี้จะนำมาซึ่งความตาย …
เสียงนั่นดังสนั่นไปทั้งเกาะและลามเข้ามาในป่าที่เจ้าแมวสีขาวพักผ่อนอยู่ มันตกใจผวาตื่นขึ้นมา
แล้วรีบเร่งไปให้ถึงเสียงนั่น โดยไม่รีรอ ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นมันรู้แต่เพียงว่าต้องไปให้ถึงจุด
นั้นให้ได้
ไม่นานนักมันก็ผ่านป่าร้ายนั่นมาได้ และมายืนอยู่บนเกาะที่ขึ้นชื่อว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่มา ณ ที่แห่ง
นี้ได้จะไม่มีวันได้กลับออกไป.. มันแทบจะไม่เชื่อสายตาว่าจะมีสถานที่เช่นนี้อยู่ มันเป็นทะเลสาบ
กว้างใหญ่ สีดำทะมึน ท้องฟ้าสีหม่น หาดทรายสีดำ ทุกอย่างเงียบเชียบ…มีเพียงกลิ่นอาย
แปลกๆเท่านั้นที่โชยมา
สายตาของมันก็เหลือบไปเห็นกลุ่มแมวผอมๆกลุ่มใหญ่ยืนล้อมเป็นวงกลมขนาดใหญ่น่าแปลกที่แมว
ทุกตัวนั้นมีแววตาที่ประหลาด เป็นแววตานิ่งเฉยไร้ความรู้สึกใดใด และพวกมันก็ไม่มีลมหายใจ….
เจ้าแมวสีขาวเดินเข้าไปใกล้ๆ มันแทบจะเป็นลมเมื่อเห็นแมวร่างยักษ์นั่นมันน่ากลัวเหลือเกิน…
“วันนี้ เป็นวันตัดสินคดี ซึ่งแมวทุกตนในที่นี้เข้าใจในทำนองเดียวกันแล้วคือเจ้าแมวสีดำตัวนี้ได้ทำ
ผิดกฎมหันต์”
เสียงดังกึกก้องของเจ้าแมวยักษ์ตนนั้นอื้ออึงไปทั่ว เมื่อแมวสีขาวมองไปดูแมวที่กระทำผิด มัน
ตกใจแทบสิ้นสติเพราะแมวตัวนั้นคือเจ้าแมวสีดำตัวที่มันตามหาอยู่นั่นเอง….
“ตามกฎของเกาะแห่งนี้ เมื่อเส้นขอบฟ้าได้เปิดออก แมวทุกตัวที่เป็นอมตะจะมีโอกาสได้ไปสัมผัส
รสชาติแห่งชีวิต ณ เกาะแห่งความเบิกบาน และจะมีเวลา 7 วันเท่านั้น และห้าม ห้ามแมวตัวใดที่
ได้มีโอกาสไป ณ เกาะแห่งนั้นพูดคุยหรือกล่าววาจากับแมวในเกาะแห่งนั้น แต่!!! เจ้าแมวตัวนี้ได้
เอ่ยวาจากับแมวที่มีชีวิต ซึ่งนั่น! หมายความว่ามันได้กระทำความผิดลงไปแล้ว ตามกฎแล้วเจ้าแมว
ตัวนี้จะถูกสั่งทำลายความเป็นอมตะ มีใครจะคัดค้านหรือไม่! ”
เจ้าแมวสีขาวเมื่อฟังจบมันก็ตกใจเพราะจากที่มันเคยได้ยินตำนานที่เล่าขานกันมา การทำลายอมตะ
นั้นหมายความว่าฆ่าเจ้าแมวสีดำนั่นเองความตายโดยปกติคือการปลดปล่อยดวงวิญญาณไปสู่อีกภพ
เพื่อชดใช้กรรมและไปเกิดเมื่อพ้นกรรม นั่นมันเป็นคติของพวกที่มีชีวิต ส่วนคติของพวกที่เป็นอมตะ
นั้นมันโหดร้ายอย่างยิ่ง เหล่าแมวที่เป็นอมตะเมื่อได้รับความตายแล้วดวงวิญญาณมิอาจถูกปลด
ปล่อย แต่ก็มิใช่ถูกทำลายแต่หากเป็นการกักกันให้ดวงวิญญาณอยู่อย่างโดดเดี่ยวยิ่งกว่าเดิม หนาว
เหน็บยิ่งกว่าเดิม หิวโหยยิ่งกว่าเดิม ดวงวิญญาณเหล่านั้นจะไม่ได้ยินเสียงใดใดทั้งสิ้น พวกมันจะ
ไม่มีแม้กระทั่งกาย มันมีแต่พียงวิญญาณที่เป็นเพียงสายลมล่องลอยอยู่เช่นนั้นไม่มีการไปเกิด
ตลอดไป มันโหดร้ายเกินไป เจ้าแมวมิอาจยืนนิ่งเฉยได้มันจึงรีบพูดขึ้นมาโดยลืมคำเตือนของเจ้า
แมวเฒ่าเสียหมดสิ้น
“ช้าก่อน อย่าเพิ่งลงโทษเขา!!!!”
หลังที่มันได้เอ่ยวาจาไปทุกสายตาจับจ้องมาที่มันด้วยความแปลกใจกลิ่นหอมความมีชีวิตจากตัวมัน
ได้ฟุ้งกระจายไปทั่ว
“ขอข้าได้คุยกับเขาสักครั้งก่อนเถิด ได้โปรด …”
“เจ้า!!! เป็นแมวมีชีวิต! บังอาจนักที่บุกมาถึงเกาะแห่งนี้ได้ จับตัวมันไว้!”
“ช้าก่อน!! ท่านเจ้าแห่งอมตะ ได้โปรดให้แมวตัวนั้นได้เจรจากับข้าก่อน”
เสียงอันนุ่มลึกและอบอุ่นแผดขึ้น เสียงของเจ้าแมวสีดำนั่นเอง
“ได้… เมื่ออำลากันแล้วข้าจะลงโทษพวกเจ้าตามเดิม..”
“ขอบใจท่านมาก ” เจ้าแมวสีขาวพูดทั้งน้ำตา
“เหตุใดเจ้าถึงตามข้ามาที่แห่งนี้ ทั้งที่ตัวเจ้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า…” แมวสีดำเอ่ยขึ้น
ด้วยเสียงอันเยือกเย็นเช่นเคย แต่แววตานั้นกลับเปี่ยมล้นไปด้วยความโศกเศร้า เกินจะพรรณนา
“ตลอดเวลาที่ข้าและท่านจากกันในครานั้น มันมีบางสิ่งที่ยังค้างคาในใจของข้า แม่ของข้าบอกข้า
เสมอว่าให้นั่งรอบางอย่าที่เส้นขอบฟ้า เมื่อข้าเอ่ยถาม แม่ก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าเรารออะไร
และเพื่ออะไรแม่ได้แต่บอกว่า แม่ของข้า ยายของข้า และอีกหลายๆชั่วอายุคนของข้าก็ทำเช่นนี้มา
ตลอดเป็นเวลา 100 ปี โดยที่ไม่รู้ว่าทำไปเพื่อสิ่งใด จนในวันนึงที่ท่านได้เข้ามา… มันเหมือนจะ
ทำให้ข้ารู้อะไรบางอย่างแต่ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ นี่จึงเป็นสาเหตุให้ข้าตามท่านมา ณ ที่แห่งนี้”
แมวสีดำนิ่งเงียบ….สายตาของมันอ้างว้าง ไร้ซึ่งคำตอบที่จะตอบได้… แต่มันก็เอ่ยขึ้นมาแบบลอยๆ
เป็นเสียงเพลงที่โศกเศร้าเหลือคณานับใบหน้าของมันยิ้มสดชื่นแต่สายตากับว่างเปล่า….
“ดินแดนแห่งนี้ที่ว่างเปล่า ดินแดนแห่งนี้ที่เงียบเหงา ดอกไม้เริ่มเฉาตาย หลายชีวาวาย
ตายลงทีละหน่อย แต่เรายังรอคอย ความหวัง...หึหึ มันเป็นบทเพลงที่พ่อข้าขับกล่อม
ก่อนจะตาย ข้าเคยมีชีวิต ก่อนจะเดินทางมายังเกาะแห่งนี้เพราะ เกาะแห่งความเบิกบาน
เริ่มเหี่ยวเฉาแห้งแล้งแมวหลายชีวิตต้องอดตาย ข้าจึงมาที่นี่เพื่อมาตามหาสายลมที่หาย
ไป”
“ท่านได้สิ่งนั้นกลับไปหรือไม่?”
ทุกชีวิตในเกาะแห่งนี้นิ่งเงียบ ใจจดจ่ออยู่ที่แมวสีดำเหมือนลุ้นระทึกเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นอีก
“ได้สิ…ข้าได้มันกลับไปแต่ข้าต้องสูญเสียสิ่งมีค่าที่สุดของข้า นั่นคือลมหายใจ…ข้าเสียใจ
ที่ไม่อาจกลับบ้านตามสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ของข้า แม่ของข้าก็ยังเฝ้ารอต่อไป ….. นี่อาจ
เป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าต้องรอบางอย่าง… แต่เหตุใดข้าถึงจำเรื่องนี้ไม่ได้ข้าก็ไม่รู้…ข้า
ขอโทษ หากข้าให้คำตอบเจ้าในวันนั้นเจ้าก็คง…..ไม่มาจบชีวิตลง ณ เกาะแห่งนี้”
“ข้านี่แหละที่ลบความจำของเจ้า เอาล่ะจบการอำลาที่สุดแสนจะน่าอ้วกของเจ้าไว้แค่นี้ ถึง
อย่างไรเจ้าทั้งสองก็ต้องตายเช่นกัน ”
เจ้าแมวยักษ์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงและแววตาไร้ซึ่งความปรานี
“ได้โปรดลงโทษเพียงข้า แล้วปล่อยเจ้าแมวนี่ไปซะ!”
แมวสีดำพูดขึ้นด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
“อย่าทำเช่นนั้นเลย ข้ามาเองข้าทำผิดกฎเอง ฉะนั้นข้าก็ต้องได้รับโทษด้วยตัวของข้าเอง”
จากสายตาที่ดุร้ายของเจ้าแมวยักษ์ เมื่อได้ยินคำนี้มันก็แปรเปลี่ยนมาเป็นสายตาที่สุดแสน
จะ งุนงง ก่อนเดินมาตรงหน้าของเจ้าแมวทั้งสองแล้วถามว่า
“ทำไม พวกเจ้าถึงตายแทนกันได้ ”
เจ้าแมวทั้งสองเงียบไม่มีเหตุผลใดใดเอ่ยออกมา..
“หึหึ พวกเจ้ารู้หรือไม่ ตลอดการเป็นอมตะของข้านั้นไม่เคยรับรู้ถึงความห่วงใยจากใคร
สักคนเลย…. แต่วันนี้เจ้าทั้งสองทำให้ข้าเห็นว่าการห่วงใยนั้นเป็นเช่นไร หึ แต่ข้าก็ไม่อาจ
สัมผัสความรู้สึกนั่นได้…” เจ้าแมวยักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้า
“ไม่หรอก… เพียงแค่ท่านเข้าใจในชีวิต…” เจ้าแมวสีขาวเอ่ยขึ้น
“อย่างไร?”
“ชีวิต ถึงแม้ตั้งรับรู้ถึงความเจ็บปวด ความหิวโหย ความทรมาน แต่ชีวิตก็คือชีวิต เรา
สามารถห่วงใยคนรอบข้างของเรา สามารถรัก ….. สามารถคิดถึง นั่นแหละคือความสุข
ของชีวิต จึงไม่แปลกที่ข้าจะรักและห่วงใยเจ้าแมวสีดำ” น้ำเสียงอันอ่อนนุ่มละมุนละไม
และเพราะก้องกังวาลแต่ ไม่อาจทำให้เจ้าแมวยักษ์เข้าใจในความหมาย
“แต่…. ข้าไม่มีชีวิต ! แต่ กฎก็ต้องเป็นกฎข้าปกครองหลายชีวิตมิอาจละโทษให้พวกเจ้า
หรอกนะ ” สายตาหม่นหมองปรากฏในดวงตาของเจ้าแมวยักษ์ได้เพียงชั่ววูบก่อนจะหาย
ไป และถูกแทนด้วยสายตาอันโหดร้ายเช่นเดิม….
“หึ!! พอกันทีกับชีวิตน้ำเน่าของเจ้าทั้งสอง มารับโทษทันต์ที่เจ้าได้ก่อไว้ซะ ไม่ต้องกลัว
ว่าข้าจะพรากพวกเจ้าแต่… ข้าจะทำลายพวกเจ้าทั้งสองต่างหาก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
เจ้าแมวทั้งสองมองหน้ากันต่างฝ่ายต่างรับรู้ในชะตาของตัวเอง….
“เอาละ แมวทหาร! ไปเอากริชอาคมมา”
ไม่มีความปรานีใดใดปรากฏขึ้น เมื่อกริชอาคมถูกนำออกมาจากหีบคร่ำครึ่ เสียงฟ้าร้องก็
ดั่งสะหนั่นอย่างเจ็บปวด กริชอาคมเป็นกริชที่ หากแมวที่เป็นอมตะถูกแทงก็จะเป็นการ
ทำลายอมตะ หากแมวที่มีชีวิตถูกแทงก็จะสิ้นชีพในทันที เจ้าแมวยักษ์ไม่รอช้ามันเดินมา
ตรงหน้าของแมวทั้งสองก่อนจะยิ้มยะเยือกแล้วจับกริชอาคมชี้ขึ้นฟ้าแล้วแทงเจ้าแมวทั้ง
สองอย่าไม่มีความปรานี…… ไม่มีเสียงกรีดร้องของเจ้าแมวทั้งสอง มีเพียงสายตาที่ฉาย
แววความสุขออกมา ไม่มีห่วงใดใดให้ทั้งสองต้องทุกข์ใจเพราะมันทั้งสองได้คำตอบที่ใจ
ของมันเรียกร้องมาทั้งชีวิต แต่กลับกัน… ในสายตาของเจ้าแมวยักษ์จากแววตาดุร้ายกับ
กลายเป็นแววตาที่เศร้าหมองระทมทุกข์ มันรู้สึกผิด และยัง งุนงง กับคำว่า “ชีวิต ความ
รู้สึก ความห่วงใย และความรัก…”
จากวันนั้น ไม่มีแมวสีดำและแมวสีขาวอีกต่อไป….เหลือเพียงตำนานที่เล่าขานถึงความ
เสียสละของเจ้าแมวสีดำ และความไม่ย่อท้อของเจ้าแมวสีขาว ทุกครั้งที่มีการเล่าถึง
ตำนานนี้…. แน่นอนผู้ที่ฟังย่อมโศกเศร้ากับกาสูญเสียที่น่าสลดนี้ และก็ยังถูกเล่าต่อเป็น
ตำนานตราบนานเท่านาน….ตลอดกาล….
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ