Dolphinman

6.7

เขียนโดย ฮางมะ

วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21.35 น.

  1 ตอน
  6 วิจารณ์
  3,853 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 19.33 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
Dolphin Man
 
ปี ค.ศ.2030
     
      “โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว โลกได้เผชิญวิกฤต หลากหลายทั้งเรื่องภัยธรรมชาติ วิกฤตด้านพลังงานที่หร่อยหรอ ภัยจากสงครามการแย่งชิงพลังงาน ผู้คนจึงต้องดำรงชีวิตในช่วงที่ยากลำบาก ต้องใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบแข่งขัน ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้นไม่มีสายตาแห่งความห่วงใยต่อผู้ใดทั้งสิ้น มนุษย์ทำงานเพื่อความอยู่รอดไปวันๆ ผู้คน ฆ่าตัวตายมากขึ้น สังคมไม่แยแส เรื่องราวใดๆที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง เราจึงเห็น โจรมากขึ้น จิตใจของมนุษย์มิเคยตกต่ำถึงขีดสุดแบบนี้มาก่อน แม้จะมีคนฆ่ากันตายถูกทำร้ายกลางถนน ผู้คนที่เดินไปมาไม่ใส่ใจ ต่อเสียงร้องให้ช่วย พวกเขาทำอย่างเดียวคือเดินต่อไม่ แม้แต่จะหยุดดู   งานของตำรวจล้นมือ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อ่อนแรงอ่อนใจ ต่อวิกฤต ทางจิตใจของสังคมมนุษย์มาก  เมื่อไม่มีใครใส่ใจต่อใครสังคมนี้ประเทศนี้หรือโลกใบนี้ก็คงถึงคราว ล่มสลาย เราต้องช่วยกัน สร้างสังคมแห่งความอารีให้กลับมาอีกครั้ง”
 
      สิ้นสุดเสียงบรรยาย ของ ดร กนก ไฟในห้องประชุมก็สว่างอีกครั้งหลังจากฉายภาพสไลด์เสร็จ  ผู้บรรยายยังยืนยู่บนเวที ด้วยท่วงท่า มั่นใจแม้จะไร้เสียงปรบมือ ชายผู้นี้จะมีอายุมากสังเกตุจากสีผม ที่ขาวโพลนไปทั้งศรีษะ
 
      “แล้วเราจะทำอย่างไรละครับทุกประเทศก็เจอปัญหาแบบเดียวกันหมด มนุษย์คิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น หรือท่านไม่คิดแบบนั้น ท่าน ด็อกเตอร์”  เสียงใครคนหนึ่งถาม
 
      ดร. กนก ยิ้ม ยังไม่ทันกล่าวอะไรก็มีคนหนึ่งพูดขึ้น
 
      “ผมเชื่อในความสามารถของคุณ โครงการ ผลิตไฟฟ้าแรงงานมนุษย์ของคุณกระจายไปทั่วประเทศ ทำให้ปะเทศของเรายังไม่ขาดแคลนพลังงานเท่ากับประเทศอื่นๆ นับว่าได้ช่วยคนมีงานทำและยังช่วยประเทศ มีพลังงานใช้ จนต่างประเทศ ยังนำวิธีของคุณไปใช้เลย”
 
      “ก็แค่ให้คนที่เคยเป็นขอทานคนตกงานไปปั้นจักรยานสร้งพลังงานเท่านั้นไม่เห็นจะได้เรื่องอะไร”  เสียงของคนเดิมนั้นยังพูดเหมือนไม่เชื่อความสามารถของ ดร.กนก
 
      “ผมแค่อยากจะมาบอกทุกท่านเท่านั้นแหละครับว่า วิกฤตนี้ มันอันตรายเพียงใด ส่วน โครงการที่ผมจะเสนอคือ โครงการฮีโร่”
 
      “โครงการฮีโร่?” หลายเสียงถามอย่างสงสัย เรียกเสียงอื้ออึงทั่วห้องประชุม
 
      “ใช่ครับ โลกไม่เคยต้องการ ฮีโร่ มากเท่าครั้งนี้เลย มนุษย์ควรจะมีคนช่วยปกป้อง ช่วยเหลือ อีกอย่างงานของตำรวจก็ล้นมือ เกินไป”
 
      “คุณคิดว่า ชีวิตจริงมันเป็น หนังการ์ตูนหรืออย่างไรด็อก ถึงคิดอะไรไร้สาระขึ้นมาได้”
 
      “ไม่ใช่ครับ ท่านผู้ บัญชาการ นคริน ผมเพียงแต่อยากบอกว่า เราต้องมีคนทีช่วยจัดการคนไม่ดี และช่วยปลุกสำนึกแห่งความเมตตาของมนุษย์ขึ้นมาอีกครั้ง”
 
      “ยังไงผมก็คิดว่าโครงการของคุณมันไร้สาระมาก แต่ก็ขอบคุณ ด๊อกเตอร์ พวกเราต้องประชุมกันต่อแล้ว เชิญคุณไปได้”
 
     
      ดร.กนก ยิ้มก่อนจะเดินออกจาก ห้องประชุมไป เขาคิดไว้แล้วว่าพวกมีอำนาจต้องมองว่าเรื่องนี้มันไร้สาระ แต่สำหรับเขาแล้ว เขาต้องทำให้มันเป็นจริงให้ได้ชายวัยห้าสิบห้า กระชับแว่นตาก่อนเดิน ไปที่รถ ไฟฟ้า
               
      เมื่อขึ้นรถที่อัดแน่นยิ่งกว่าปลากระป๋อง  ไม่นานก็เกิดเสียงเอ๊ะอะขึ้น  มีคนบอกว่ามีโจร มาจี้ขโมยเงินกับหญิงท้องแก่ เมือ ดร. ได้ยินก็เดินแหวกผู้คนเข้าไปหมายจะช่วยเหลือแต่ด้วยผู้คนที่แน่นขนัดเขาจึงเข้าไปไม่ถึง ขณะผู้คนที่อยู่ใกล้ ก็ไม่เข้าไปช่วยเหลือ โจรมีมีดในมือชี้นิ้วไปทั่วหมายบอกว่าใครอย่าได้เข้ามายุ่ง ซึ่งก็ได้ผลผู้คนตีวงกว้างอย่างขลาดกลัว  บางคนนั่งเล่นโทรศัพท์เฉยเลยด้วยซ้ำ ราวกับไม่รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ตำรวจก็เจอปัญหาอย่างเดียวกัน คือเดินฝ่าฝูงชนมาไม่ถึง หญิงท้องแก่เองก็ไม่ยอมให้กระเป๋าสะพายแก่มิจฉาชีพ แต่ก็อ่อนแรงขึ้นมาทุกที เหตุการณ์ ยิ่งแย่ไปเรื่อยๆ ดร. มองอย่างเจ็บใจนี่เขาช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือ? แล้วเขาก็เห็นโอกาส
 
      ทันใดนั้นเอง ร่างของชายหนุ่มนักศึกษา ก็ถลาแอ่นตัวไปที่โจร มีดเกือบจะปักถูกอกชายหนุ่มแล้วแต่เขาเอี้ยวตัวหลบได้แล้วตัวก็ชนกับโจร จนล้มไป ผู้คนในแตกวงฮือ เป็นโอกาสที่ ดร. ได้วิ่งเข้าไปเตะมีดที่ตก ให้ออกห่างจากมือมิจฉาชีพพร้อมๆกับตำรวจก็เขามารวบตัว โจรไว้ได้
 
      ดร. วัยห้าสิบเศษ มองนักศึกษาใจกล้าที่เข้าไปช่วยหญิงสาวเอาไว้ได้ ซึ่งจะหาใครที่จะมีจิตใจคิดช่วยเหลือผู้อื่น ในยุคสมัยนี้มันยากมากๆ เขายื่นมือเพื่อให้ชายหนุ่มจับเพื่อยันตัวลุกขึ้น นักศึกษาหนุ่มมองอย่างไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมจับมือโดยดี
               
      “คุณไม่เป็นไรนะ”
               
      “ครับ” พูดเสร็จก็จะเดินจากไป ทันที แต่ดร.เหมือนคิดอะไรบางอย่างได้จึงเดินตามไป
               
      “คุณกล้ามากนะที่เข้าไปสู้กับคนร้ายแบบนั้นได้”
               
      “เอ่อ ครับ” สายตาที่มอง อย่างไม่แน่ใจว่าชายคนนี้จะมาแบบเป็นมิตรหรือไม่
               
      “คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมแค่ชื่นชมคนทำความดี” 
               
      ‘ทำความดี?หึ ไม่รู้ใคร ห่าที่ไหน ถีบกูมาหาโจรนั่น คิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย’ ชายหนุ่มคิด
 
      จากนั้นดร. กนก ก็ได้คุยกับชายหนุ่มหลายอย่างแม้จะมีสีหน้าลำคาญใจแบบ คนสมัยใหม่ที่ไม่อยากจะสนใจใครและไม่อยากให้ใครมายุ่งกับตน แต่เขาก็ไม่หวั่น เพราะเขาคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้แหล่ะ ที่เขาตามหา เพื่อจะให้มาเป็นฮีโร่ แล้วเขาก็เอ่ยปากชวนนักศึกษาทันที ชายหนุ่มคิดว่า ชายสูงวัยคนนี้คงบ้าไปแล้วแน่ จึง เดินลงไปจาก รถไฟฟ้าทันทีที่ถึงจุดหมาย แต่กระนั้น เด็กหนุ่มก็หนีไม่พ้น
 
 
      “คุณคิดดูสิ คุณอยากให้โลกเราเป็นแบบนี้เหรอ ผู้คนต่างไม่สนใจกันใครจะเป็นจะตายไม่ใส่ใจกัน คุณมาร่วมงานกับผมเถอะเราจะมาสร้างสังคมแห่งความสงบสุขด้วยกัน”
 
      “นี่ลุง! ผมขอละนะ เลิกมาวุ่นวายกับผมสักที!” ชายหนุ่มแผดเสียง สิ้นเสียงตวาด ดร.ก็ยื่นนามบัตรให้ ชายหนุ่มรับไปดูก่อนจะเงยหน้ามอง
 
      “คุณคือ ดร.กนกจริงๆเหรอ?”  สายตาของชายหนุ่มสงสัย แน่นอนเขาเคยได้ยินชื่อ ดร. คนนี้ตามข่าว เขาเป็นผู้พลิกวิกฤต ด้านพลังงานของประเทศ
 
      ดร.กนกยิ้มรับ “ผมอยากให้คุณ คิดให้ดีๆ คุณจะได้เป็นผู้พลิกวิกฤต ปัญหาของชาติ!”
 
      “แต่นั้นมันไม่ใช่เรื่องของผม ใครมันจะเป็นห่าอะไรตายก็ช่าง แค่ผมและครอบครัวของผม รอดก็พอ” 
 
      ดร.ยิ้มให้กับความคิดแบบตัวใครตัวมันของคนในสมัยนี้ ซึ่งมันก็ไม่ผิดที่คนจะคิดแบบนี้กัน เพราะสังคมที่แก่งแย่งแข่งขัน ตัวใครตัวมัน ยิ่งนานวันปัญหานี้ยิ่งลุกลาม เขาอยากให้มีอะไรมากระตุกเตือนคนให้คิด อย่างน้อยได้สร้างจิตสำนึกแก่คนในสังคมบ้างก็ยังดี เขาถอนลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
 
      “คุณจะอยู่แบบไม่สนใจใครก็แล้วแต่ แต่…สักวันหนึ่ง ปัญหาที่คุณหรือใครในสังคมนี้ต่างเพิกเฉยคิดว่ามันไม่ใช่เรื่อง วันหนึ่งมันจะมาทำร้ายคุณแน่ ไม่คุณเจอเอง ก็ญาติของคุณ คนรักของคุณ! รับบัตรนั่นไว้ ถ้าเปลี่ยนใจโทรมาหาผม” พูดจบ ดร.ก็เดินจากไป พร้อมกับความสับสนของชายหนุ่ม
 
 
 
      “คุณพร้อมหรือยัง นิว?” ดร.กนกถามชายหนุ่ม ที่อยู่ในชุดสวมรัดรูปสีเทาดำและก็สวมหน้ากาก สีดำรูปโลมา
     
      ดร.กนกซ่อนยิ้มในท่าทางของเด็กหนุ่ม
 
      “ทำไมเป็นฮีโร่ต้องใส่ชุดอะไรแบบนี้ด้วย” นักศึกษาหนุ่มว่า ‘นี่ตัวเองคิดผิดหรือเปล่านี่ที่มาทำอะไรไร้สาระกับด็อกเตอร์นี่ ไอ้ที่เขาว่า อัจฉริยะกับคนบ้ามันมีเส้นบางๆคั่นอยู่ ท่าจะจริง ’  ชายหนุ่มนึกถึงตอนเจอ ด็อกเตอร์วันนั้น ตอนนั้นเขายอมรับว่าไม่สนใจ…แต่ใครจะคิดว่า คำพูดของ ด็อกเตอร์นั่นจะเป็นจริงเพราะวันต่อมา แฟนของเขาถูกโจรจี้เอาเงินไปแล้วก็ถูกแทงจนบาดเจ็บ ทำให้เขาได้คิดและคล้อยตามคำพูดของ
 
       ด็อกเตอร์ กนก จากวันนั้นมา ผู้อำนวยการโครงการ ฮีโร่ ก็ ให้เขาไปเรียน วิชาป้องกันตัว อย่างจริงจัง จนคล่องแคล่ว
 
      “นี่คือชุดกันกระสุนอย่างดีเราได้ทำมาเพื่อเธอ ส่วนอาวุธ คือปืนไฟฟ้า เอาไว้แค่ซ็อตได้เท่านั้น เราแค่ช่วยคน ไม่ใช่ฆ่าคน ส่วนที่เป็นเหมือนครีพหลังนั้นเป็นไอพ่นขนาดเล็กสามารถทำให้เธอบินได้ ส่วนที่ว่า เป็นฮีโร่ทำไมต้องใส่ชุดปิดหน้าปิดตาแบบนั้น เพราะฮีโร่ คือผู้ที่ทำงานช่วยคนแบบปิดทองหลังพระ สังคมเราปัจจุบันนี้ขาดคนที่ทำหน้าทีนี้มาก ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องที่สำคัญ และ อีกอย่าง ถ้าตัวจริงของเธอเปิดเผยไป คนรอบตัวเธออาจได้รับอันตรายได้”
 
      “ทำไมต้องเป็นปลาโลมา ผมไม่เห็นว่ามันจะเข้ากันตรงไหน เราจับโจรบนบกนะ ไม่ใช่ในน้ำ อีกอย่างโลมาเนี่ย ไม่เห็นน่าเกรงขามตรงไหน” นิวถามอีก สีหน้าท่าทางไม่ศรัทธาชุดที่ตัวเองสวมใส่อยู่
 
      “ที่ต้องเป็นโลมา มันสื่อถึงความชอบช่วยเหลือมนุษย์ เคยได้ยินเรื่องเล่าไหม โลมาเคยช่วยคนในทะเลตอนเรือแตก มันก็เปรียบเหมือนสังคมเราตอนนี้ ที่แตกสลายแล้ว เราต้องมีโลมามาช่วยผู้คนที่เดือดร้อน อีกอย่างนะ   นิว โลมาไม่ใช่ปลามันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนคนเรา”                
 
      “ดร. คิดว่าผมจะเป็นได้เหรอ ฮีลงฮีโร่อะไรเนี่ย กับสังคมแบบเนี้ย ไม่มีใครสนใจเราหรอกไม่มีใครอยากให้มีคนช่วยด้วยซ้ำ” ด็อกเตอร์ กนกเอื้อมมือ มาแตะไหล่ ฮีโร่ของเขาเบาๆ
 
      “นิว ฮีโร่อาจไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ ต้องการหรือโหยหาแต่ฮีโร่เกิดขึ้นมาจากจิตสำนึกที่ชอบช่วยเหลือของฮีโร่เอง เราไม่ต้องรอให้ใครต้องการเรียกให้ช่วย แต่เราจะเข้าไปช่วยเองด้วยเพราะเรามี” ด็อกเตอร์ กนกใช้นิ้วจิ้มที่หน้าอกซ้ายของเด็กหนุ่ม “จิตใจที่อยากจะช่วยเหลือ ทุกคนเป็นฮีโร่ได้ถ้ามีจิตใจที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์แล้วยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เหมือนเธอทำวันนั้นที่ รถไฟฟ้าไง”
 
      เด็กหนุ่มพยักหน้ายิ้มเจื๋อน ‘จะบอก ดร.ยังไงว่าวันนั้นเขาก็แค่ถูกถีบให้ไปช่วย’ นิวเดินไปชิด ริมขอบตึกก้มมองเบื้องงล่างที่มืดมิด ใจสั่น กลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ
 
      “จำเป็นด้วยเหรอที่ต้องโดดลงไปแบบนี้ นี่มันชีวิตจริงนะไม่ใช่ในหนัง” เด็กหนุ่มชักไม่อยากกระโดดลง แม้จะเคยฝึกซ้อมมาแล้วก็ตาม
 
      “ไปเถอะไปช่วยเหลือทุกคน” จบเสียงพูดของ ดร.กนก ก็ใช้เท้ายันร่างของเด็กหนุ่มให้ร่วงลงไปจากตึก พร้อมเสียงร้องโหยหวนในความมืดก่อน ดร.จะเห็นร่างของ โลมาแมน บินไปข้างหน้า อย่างปลอดภัย เขายิ้ม   ‘เขาจะบอกเด็กหนุ่มอย่างไรว่าที่ในรถไฟฟ้าวันนั้น เขาเป็นคนถีบ เด็กหนุ่มเอง เหมือนกับคืนนี้ ไม่เป็นไร บางทีในระยะแรกเราคงต้องหาฮีโร่ด้วยวิธีนี้ก่อน’
 
 
      ร่างของนิว บินถลาลงอย่างสวยงาม แว่นสายตาอินฟราเรต ทำให้มองเห็นความมืดได้ชัดแจ้ง เพียงไม่นาน เมืองที่มืดมิด เพราะต้องประหยัดพลังงาน ซึ่งจะมีใช้ไฟได้แค่บางจุดเท่านั้น ก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ชายหนุ่ม ร่อนลงด้วยปุ่มควมคุมการบังคับ เครื่องไอพ่น ก่อนจะลงถึงพื้นเขาก็ยิงปืนไฟฟ้าออกมาที่โจรคนหนึ่ง ร่างนั้น ชักกระตุกทันทีที่โดน ปืนช็อตไฟฟ้ายิง นิวรีบเปลี่ยนหัวยิงไฟฟ้าสำรองมาใส่ ก่อนจะ ยิ่งเพื่อนร่วมขบวนการโจร อีกคนล้มลง เขาหันไปมองหญิงสาวที่เป็นเหยื่อ ที่นอนแน่นิ่ง เพราะถูกทำร้ายร่างกาย
 
      “คุณ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขย่าตัว ไม่นาน หญิงสาวก็เริ่มขยับตัวเมื่อมองเห็นชายหนุ่มในร่างที่สวมชุดสีเทาดำ เธอก็หวีดร้องขึ้น
 
      “กรี๊ด!อย่าเข้ามานะไอ่บ้า!” ว่าแล้วหญิงสาว ก็เอากระเป๋าทุบชายหนุ่ม จนฮีโร่มือใหม่ต้องถอยร่นหญิงสาวออกตัว วิ่งหนี ไปเจอกับตำรวจ จึงให้ผู้พิทักษสันติราษฎร์ช่วยจับ โลมาแมนไว้ ชายหนุ่มแก้ตัวเป็นพัลวัน แต่ก็ไม่มีใครฟังจึงหนีออกมาอย่างทุลักทุเล หมดท่า ฮีโร่
 
 
  
      “ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะของ ดร.กนก เขาเอามือกุมท้องอย่างขบขัน
 
      “ผมเล่าให้คุณฟัง คุณยังจะมาหัวเราะอีกเหรอ” ฮีโร่นิว ทำหน้าบึ้ง “ผมไม่ปงไม่เป็นมันแล้วฮีลงฮีโร่เนี่ย พอกันที”
 
      ผู้อำนวยการโครงการฮีโร่เดินเข้าไปตบบ่าของเด็กหนุ่ม
 
      “คุณต้องอดทน การช่วยเหลือผู้อื่นสิ่งที่ต้องมีคืออดทนให้มาก การปิดทองหลังพระเป็นสิ่งที่คนทำต้องเสียสละเป็นอย่างมาก”
 
      “ไม่ พอกันที ผมไม่เอาด้วยแล้ว!” เด็กหนุ่มก็เดินจากไป ดร.เดินไปลับตา
 
      …แล้ววันหนึ่งเธอจะเข้าใจ…
 
 
 
 
      “ช่วยด้วยๆ เด็กจมน้ำ!” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาขณะที่ เด็กหนุ่มนั่งอยู่สวนสาธารณะ เขารีบรุดเข้าไปดู เห็นเด็กหญิงวัยห้าขวบกำลัง ตะเกียกตะกายอยู่กลางผืนน้ำในทะสาบขนาดย่อมของสวนสาธารณะ รอบด้านผู้คนเดินกันไปมามีแต่คนมุงดูไม่มีใครช่วยเหลือ เด็กหนุ่มเห็นเพียงแต่ผู้หญิงคนหนึ่งร่ำร้องให้คนช่วย คงเป็นมารดาของเด็กน้อยคนนั้น นิวรู้สึกแปลกๆกับตัวเอง ว่ามีความรู้สึกอะไรบางอย่างกระตุ้นให้เขาทำอะไรบางอย่าง แต่ก็กล้าๆกลัวๆ ร่างของเด็กหญิงเริ่มอ่อนแรงลงมือที่ตีน้ำเริ่มอ่อนล้า แม่ของเด็กน้อยร่ำร้องเรียกให้คนช่วย ปริ่มจะขาดใจ
     
      ตุ้ม! น้ำแตกกระจาย บนผิวน้ำนั้นก็ปรากฎร่างของชายคนหนึ่งว่ายน้ำไปช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้นไว้ได้ เขาพาร่างของเด็กน้อยมาส่งให้แม่ที่รอรับอยู่ พร่ำขอบคุณเขาไม่รู้กี่ครั้ง แม้ครั้งนี้อาจจะไม่มีเสียงปรบมือดังกึกก้อง แต่ชายหนุ่มยืนยิ้มรับความสุข ที่ได้ช่วยเหลือ อย่างนี้เอง ความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น เขานึกถึงคำของดร.กนก
 
 
 
      ... ทุกคนเป็นฮีโร่ได้ถ้ามีจิตใจที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์แล้วยื่นมือเข้าช่วยเหลือ…
 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา