10 Years Later...

-

เขียนโดย The_Paper

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.40 น.

  4 chapter
  1 วิจารณ์
  7,539 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 14.49 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1 การพบกัน ณ คาเฟ่ต์เล็กๆแห่งหนึ่ง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 1 การพบกัน ณ คาเฟ่ต์เล็กๆแห่งหนึ่ง

 

 

                ฮารุเนะรู้สึกได้ถึงจังหวะของหัวใจที่กำลังเต้นแรงผิดปกติอยู่ในขณะนี้เป็นอย่างดี    วันนี้เธอเลือกใส่ชุดกระโปรงเดรสยาวระดับเข่าโทนครีมที่ให้ความรู้สึกเบาสบาย    แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลเข้มทับอีกชั้นก่อนจะปล่อยผมสีดำที่ยาวสลวยของตนเองให้เป็นอิสระอยู่บนแผ่นหลัง     ใกล้เวลานัดมากขึ้นทุกทีฮารุเนะอดไม่ได้ที่จะมองไปที่นาฬิกาอีกครั้ง...ที่จริงเธอแทบจะเหลือบมองนาฬิกาทุกห้านาทีอยู่แล้วด้วยซ้ำ

 

               “กรุ๊ง...กริ๊ง”  ในที่สุดฮารุเนะก็ตัดสินใจผลักประตูเข้าไปภายในคาเฟ่ต์แห่งหนึ่งเพื่อหลบหนีความหนาวเย็นจากาอากาศภายนอกจนได้    เสียงของกระดิ่งที่ติดอยู่ตรงประตูทางเข้าทำให้เธอรู้สึกเป็นจุดเด่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

 

               “คนแรกจริงๆด้วยสินะ”  ฮารุเนะบ่นพึมพำกับตนเอง  เมื่อนั้นเองก็มีพนักงานคนหนึ่งของร้านเดินเข้ามาหาเธอพอดี

 

              “ยินดีต้อนรับคะ  มาท่านเดียวหรือคะ?”

 

              ฮารุเนะพลันถอนหายใจออกมา 

 

              “สี่ที่คะ  รบกวนช่วยหาโต๊ะที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวให้หน่อยนะคะ”

 

              พนักงานหญิงคนนั้นยิ้มกว้างก่อนจะออกเดินนำไปในทันที       ฮารุเนะก้าวเท้าตามหลังไปในขณะที่กวาดสายตาไปทั่วร้าน     การตกแต่งภายในร้ายเรียบง่ายไม่ฉูดฉาดแต่ก็ดูมีเอกลักษณ์และชวนให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก        เมื่อเดินลึกเข้าไปในร้าน...ฮารุเนะก็พลันสังเกตเห็นเวทีเล็กๆแห่งหนึ่งที่ตั้งเอาไว้อยู่ที่มุมหนึ่งของคาเฟ่ต์      เวทีนั้นคงจะเป็นสร้างขึ้นเพื่อให้วงดนตรีมาทำการแสดงสดในช่วงกลางคืนเป็นแน่   

 

              ฮารุเนะพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าร้านนี้เปิดทั้งกลางคืนและกลางวัน     ตอนกลางวันที่นี่จะเป็นคาเฟ่ต์ที่เสิร์ฟเพียงเครื่องดื่มและของหวานเท่านั้น           แต่ในยามค่ำคืนคาเฟ่ต์เล็กๆแห่งนี้ก็จะกลายสภาพเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ที่มีดนตรีสดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เบาๆสำหรับรองรับลูกค้าที่ต้องการมานั่งดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนในที่แห่งนี้ดูเก๋ไก๋ไม่เบาทีเดียว

 

             ในไม่ช้าฮารุเนะก็ถูกจัดให้นั่งที่โต๊ะขนาดสำหรับสี่คนซึ่งตั้งหลบอยู่ในมุมหนึ่งของร้าน   น่าแปลกที่บริเวณนี้ก็ยังคงสามารถมองเห็นเวทีได้อย่างชัดเจน

 

             “ระหว่างที่รอจะรับอะไรก่อนไหมคะ?”

 

            “ขอเป็นน้ำเปล่าก่อนแล้วกันคะ  ฉันอยากจะรอให้ทุกคนมาพร้อมกันก่อน”

 

            “เข้าใจแล้วคะ”  พนักงานคนนั้นรับคำอย่างยิ้มแย้มก่อนที่จะเดินจากไป

 

             ฮารุเนะพิงหลังลงกับพนักเก้าอี้...เธอมักจะมาถึงที่นัดหมายเป็นคนแรกของกลุ่มอยู่เสมอ   ตอนแรกหญิงสาวชะงักไปเพราะคิดว่าน่าจะโทรหาใครสักคน    แต่แล้วไม่กี่วินาทีถัดมาเธอก็เปลี่ยนใจ

 

             นั้นสินะ.... ส่วนเพื่อนๆคนอื่นก็คงจะ....

 

             “กรุ๊ง...กริ๊ง”   ห้วงความคิดของฮารุเนะสะดุดลงในทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้น  ฮารุเนะเงยหน้าขึ้นมองอย่างมีความหวัง    แล้วหลังจากนั้นเธอก็พบว่าตัวเองกำลังยิ้มกว้าง

 

            “โทโมะจัง!”  ฮารุเนะร้องเรียกด้วยความดีใจ

 

            หญิงสาวที่เพิ่งก้าวเข้ามาในร้านรีบโบกมือตอบกลับไปด้วยความตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน  เธอไว้ทรงบ๊อบสั้นสีน้ำตาลเข้ม...วันนี้เธออยู่ในชุดเสื้อแขนตุ๊กตาสีชมพูเข้ากับกระโปรงมินิเสกิร์ตสีฟ้าอย่างลงตัว

 

            “ฮารุจัง!”

 

            ทันทีที่สองสาวห่างกันในระยะเอื้อมถึงทั้งสองก็พลันโอบกอดกันแน่นด้วยความคิดถึง

 

            “ฮารุจังสบายดีใช่ไหมจ๊ะ...เธอยังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” โทโมโกะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงสนิทสนมก่อนจะทรุดลงนั่งอย่างนุ่มนวล

 

           “โทโมะจังเองก็เหมือนกันนะ...พอตัดผมแล้วดูดีไปอีกแบบเลยนี่หน่าเหมาะกับเธอดี” ฮารุเนะเอ่ยตอบ  ในความทรงจำของเธอโทโมโกะเป็นเด็กสาวน่านักน่าทะนุถนอมที่มักจะถัดเปียมาโรงเรียนอยู่เสมอ    อย่างไรก็ตามตอนนี้โทโมโกะก็ยังคงน่ารัก  อ่อนโยน  และให้ความรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ฮารุเนะมีเธอคนนี้เป็นเพื่อน

 

           “ถึงฉันจะมาหลังเธอ...แต่เราสองคนก็มาก่อนเวลาเหมือนอย่างเคยสินะ” โทโมะโกะเอ่ยออกมาพร้อมกับหัวเราะ   คำพูดนั้นทำให้ฮารุเนะอดหัวเราะตามออกมาไม่ได้จริงๆ

 

          “นั้นสิๆ...พวกเรานัดกันไว้ตอนสิบเอ็ดโมงตรงนี่หน่า  นี่ก็ได้เวลาแล้วด้วย  ถ้าอย่างนั้นทำไมอาริทจังถึงยังไม่มาอีกนะ?”

 

          “กรุ๊ง...กริ๊ง”   เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้งสองสาวหันขวับไปทางประตูโดยที่ไม่ได้นัดหมายกันเลยแม้แต่น้อย   วินาทีถัดมาทั้งสองก็ไม่อาจกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ได้อีกต่อไป

 

         “ฮ่าๆ...อาริทจังจริงๆด้วย” โทโมโกะเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น

 

         “ทางนี้เลยจ้าอาริทจัง” ฮารุเนะโบกมือเรียก

 

         หญิงสาวที่ปรากฏตัวคนนี้เธอมาถึงในชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินแลดูสง่างามและเป็นทางการแบบสุดๆ  เธอโบกมือตอบด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม   ผมสีน้ำตาลหยักศกที่ยาวสลวยถึงกลางหลังปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด   ตอนนี้อาริทสุเลือกที่จะใช้แว่นตากรอบกลมต่างจากเมื่อก่อนที่เธอมักจะสวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมอยู่เสมอ   ในไม่ช้าเธอก็ก้าวมาถึงโต๊ะที่เพื่อนๆทั้งสองรออยู่ด้วยฝีเท้าที่มั่นคง

 

          ในสายตาของฮารุเนะมีสิ่งหนึ่งที่อาริทสุไม่เคยเปลี่ยนไปเลยก็คือบรรยากาศรอบๆตัวเธอ   ความเป็นลูกสาวคน เดียวของตระกูลใหญ่อันแสนมั่งคั่งทำให้อาริทสุดูยิ่งใหญ่ภูมิฐานอยู่เสมอ   กริยาท่าทางของเพื่อนเธอคนนี้อาจทำให้คนนอกมองว่าเธอเป็นคนหยิ่ง       แต่สำหรับเพื่อนๆในกลุ่มแล้วท่าทางแบบนี้แหละถึงจะเรียกได้ว่าเป็นอาริทสุตัวจริง   เท่าที่ฮารุเนะเคยพบพานคนมามากมายเธอยังไม่เคยเห็นใครฉลาดเฉลียวเท่าอาริทสุผู้นี้เลย

 

          “มากันเร็วตามคาดเลยนะพวกเธอทั้งสองคน”  น้ำเสียงที่แสนจะวางอำนาจนั้นทำให้เพื่อนทั้งสองรู้สึกคิดถึงอดีตไปแทนเสียอย่างนั้น

 

          “และยัยนั่นก็ยังไม่มาตามเคย...” คราวนี้หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเยาะเย้ยอย่างชัดเจนขณะที่ตนเองก็ทรุดตัวนั่งลงอีกคน

         เมื่อได้มาเจอบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นต่างจากอากาศอันหนาวเย็นบนท้องถนนแล้ว   อาริทสุก็รู้สึกอารมณ์ดีและสดชื่นขึ้นมามากทีเดียว   เธอบรรจงคลี่กระดาษขึ้นมาซับใบหน้าที่แต่งเติมเครื่องสำอางมาอย่างดีนั้นแบบทะนุถนอม

 

       “นี่พวกเธอยังไม่ได้สั่งเครื่องดื่มอะไรกันเลยใช่ไหม?” อาริทสุเปรยขึ้นมา

 

       “อืม....ฉันสองคนคิดว่าเราน่าจะรอให้คนอื่นๆมากันครบก่อนน่ะสิ”  โทโมโกะเป็นคนเอ่ยตอบ

 

       “เฮ้อ...ยัยนั่นต้องมาสายกว่าที่นัดไว้ไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว   สั่งอะไรกันไปเลยเถอะ...ไม่ต้องรอหรอกยัยนั่นก็คงสั่งอะไรเหมือนทุกครั้งแหละหน่า”  อาริทสุเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดเมื่อเอ่ยชื่อของเพื่อนอีกคนออกมา

 

        ฮารุเนะแอบนึกขำอยู่ในใจ   ถึงปากกับท่าทางจะดูไม่พอใจมากแค่ไหนแต่เธอก็รู้ว่าอาริทสุต้องจำได้อย่างแน่นอนว่าอายะชอบสั่งอะไร   แม้ว่าสองคนจะมักไม่ถูกกันอยู่เสมอ      แต่แท้จริงแล้วทั้งสองก็คือเพื่อนที่สนิทกันมากที่สุดนั่นเอง

 

        “เอางั้นก็ได้จ๊ะ  อาริทจังสั่งกาแฟสินะ  ส่วนฮารุก็ช็อคโกแลต   ของฉันชานม    เอ...แล้วของอายะจังนี่มันต้องอะไรน๊า...?”  โทโมโกะทำท่านึกอย่างหนัก

 

       “ชามะนาวยังไงล่ะ”  อาริทสุพลันเอ่ยสวนขึ้นมาในทันทีทันใด

 

       “อ๊ะ...จริงด้วย!” โทโมโกะนึกออกขึ้นมาในทันที   ในขณะที่ฮารุเนะต้องรีบเบือนหน้าไปอีกทางเพื่อแอบหัวเราะแทบไม่ทัน

 

        “ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมยัยนั่นต้องสั่งชามะนาวทุกทีด้วย   อากาศหนาวขนาดนี้ยังมีอารมณ์มาสั่งชามะนาวเย็นอีก      หวานจะตายอยู่แล้วแท้ๆแต่คุณเธอก็ยังต้องใส่น้ำตาลเพิ่มไปไม่รู้กี่ช้อนต่อกี่ช้อน    ถ้าทายไม่ผิดนะอีกไม่นานยัยนั่นจะต้องเป็นเบาหวานแน่   หึ....ถ้ายัยนั่นป่วยขึ้นมานะ  สักวันฉันจะ....”

 

       “ฉันจะ...ทำไมย่ะ!” ฮารุเนะกับโทโมโกะพากันตกใจ      แต่อาริทสุกลับไม่มีท่าทีตกใจนอกจากทำสีหน้าเอือมระอาเพียงเท่านั้น

 

        เจ้าของน้ำเสียงอันเต็มไปด้วยพลังนั้นยืนอยู่เบื้องหลังอาริทสุพร้อมกับกำลังยกมือขึ้นเท้าเอวด้วยสีหน้าเอาเรื่อง    ผมสีน้ำตาลแดงของอายาเมะที่ได้รับถ่ายทอดมาจากมารดาซึ่งเป็นชาวต่างชาตินั้นทำให้เธอดูโดดเด่นยิ่งกว่าใคร     ใบหน้าที่คมได้รูปและสวยสดนั้นถูกแต่งเติมให้ดูโฉบเฉียวยิ่งขึ้นจนไม่ว่าสายตาใดก็ต้องหยุดจ้องเธอสักนาทีแน่นอน   อายะค่อยๆถอดเสื้อคลุมออกเมื่อพบว่าอากาศภายในร้านค่อนข้างอบอุ่น   วันนี้เธอมาในชุดกางเกงรัดรูปดูทะมัดทะแมงกับเสื้อกล้ามเข้ารูปสีดำสนิทอันเน้นให้เห็นถึงสัดส่วนอันสมบูรณ์แบบของเธอ   การแต่งตัวของเธอดูจัดจ้านกว่าคนอื่นๆในกลุ่มอย่างชัดเจน     อายาเมะรวบผมยาวของเธอเป็นหางม้าเอาไว้เบื้องหลัง   ในไม่ช้าเธอก็ทรุดตัวนั่งลงอีกคน  

 

         ในที่สุดสมาชิกคนสุดท้ายก็มากันพร้อมแล้ว....

 

 

 

****************

 

 

 

          “ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าพวกเราจะได้มาเจอกันจริงๆ     พวกเราไม่ได้เจอกันนานเท่าไหร่แล้วนะ   พอได้มาเจอกันแบบนี้แล้วฉันรู้สึกดีใจมากจริงๆ” โทโมโกะเอ่ยออกมาขณะที่มีน้ำตาไหลซึมออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง    เธอเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว   ขี้แยและร้องไห้เก่งที่สุดในกลุ่ม   โทโมโกะเป็นคนที่อ่อนไหวต่อเรื่องราวต่างๆรอบตัวได้อย่างง่ายดายเสมอมา

 

          ฮารุเนะเอื้อมไปสัมผัสมือของโทโมโกะอย่างอ่อนโยน    ตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกต่างไปจากเพื่อนเลย

 

         “นั้นสิ....ฉันก็ดีใจมากจริงๆที่เราทุกคนยังไม่ลืมและได้มาพบกันตามคำสัญญาแบบนี้   พอฉันได้มาเห็นทุกคนแบบนี้ก็พลันรู้สึกว่าทุกคนดูต่างไปจากเมื่อก่อนจริงๆ”

 

          “แต่ฉันว่าฮารุจังไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่นะ   ตอนนี้ฮารุจังเป็นคุณครูอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังนั้นใช่ไหม?   สุดยอดไปเลยนะ”  โทโมโกะเอ่ยตอบพลางรีบกลับมามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอีกครั้งท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นขณะที่จะได้รู้ถึงความเป็นไปในชีวิตของเพื่อนแต่ละคน

 

         “จ๊ะ....แหม  แต่โทโมโกะก็ได้ทำงานเป็นนางพยาบาลตามที่ตัวเองใฝ่ฝันไว้แล้วนี่หน่า  ดีจริงๆ”

 

โทโมโกะยิ้มรับแต่ทว่ากลับเผยอาการเคอะเขินออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงวูบ   ฮารุเนะเอียงคอมองกิริยานั้นด้วยสงสัยในทันที    แต่โทโมโกะยังอึกๆอักๆอยู่จนอาริทสุเห็นแล้วทนไม่ไหวจนต้องโพล่งออกมาเสียเอง

 

        “โอ๊ย...บอกทุกคนไปเถอะว่าเธอลาออกจากงานพยาบาลมาได้หลายเดือนแล้ว  เพราะกำลังเตรียมตัวจะเป็นเจ้าสาวน่ะสิ  ที่สำคัญโทโมโกะก็....”

 

        “ฉันท้องได้สองเดือนแล้วล่ะจ๊ะ”  โทโมโกะเอ่ยต่อจนจบประโยค  การนัดพบครั้งนี้เธอตั้งใจที่จะบอกเรื่องสำคัญนี้กับทุกคนอยู่แล้ว

 

       “หา!”  อายาเมะอุทานออกมาด้วยเสียงอันดัง

 

       “ว่าไงนะ...” ฮารุเนะเองก็เหมือนกัน  เธอคาดไม่ถึงและไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย

 

        อายาเมะทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างออกมา  แต่อาริทสุกลับเอ่ยขัดอย่างรู้ทัน

 

        “ฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลเดียวกับยัยโทโมะเนี่ยล่ะ   ตอนรู้ครั้งแรกฉันเองก็อึ้งไปเหมือนกัน”

 

        “แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไงล่ะอาริทจัง?” ฮารุเนะเอ่ยถาม

 

        “ก็โทโมะจังมาหาฉันเพื่อให้ฉันเป็นแพทย์ประจำตัวให้น่ะสิ  ฉันเลยรู้เรื่องทั้งหมด  ตอนแรกก็อยากจะบอกพวกเธอเลยเหมือนกัน  แต่โทโมโกะอยากให้มาบอกกันวันนี้มากกว่า  เพราะงั้นพักนี้ฉันกับโทโมโกะก็เลยได้เจอกันบ่อยๆ”

 

         “อื้ม...เป็นอย่างที่อาริทจังพูดนั้นแหละจ๊ะ  ขอโทษทั้งสองคนมากนะ   ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากให้เธอสองคนไปร่วมงานแต่งงานของฉันอยู่แล้วล่ะ    นี่จ๊ะการ์ด...” ว่าแล้วโทโมโกะก็หยิบการ์ดแต่งงานขึ้นมายื่นให้ทั้งสองคนในทันที

 

         “สวยจัง...ดีใจด้วยนะโทโมะจัง” แม้ฮารุเนะยังตกใจอยู่มาก  แต่เมื่อเธอเห็นเพื่อนกำลังมีความสุขแบบนั้น  เธอก็รู้สึกดีใจไปด้วย  ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่าโทโมโกะผู้แสนไร้เดียงสาจะแต่งงานเป็นคนแรกของกลุ่ม  แถมยังเรื่องเด็กอีก

 

        “แต่ที่เธอเป็นคนทำคลอดให้โทโมะโกะด้วยเนี่ยยิ่งสุดยอดเข้าไปใหญ่เลยนะ” นานๆทีอายาเมะจะพูดชื่นชมอาริทสุออกมาอย่างเต็มปาก

 

        อาริทสุยักไหล่ทำทีเป็นไม่สนใจกับคำเอ่ยชมเหล่านั้น  “แน่นอนอยู่แล้วล่ะ...ว่าแต่ฉันแล้วเธอล่ะอายะ   อย่าบอกนะว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังเอาแต่แข่งรถอยู่น่ะ?”

 

        อายาเมะพลันยิ้มร่าออกมา   “แหม....แล้วเธอคิดว่ายังจะมีสิ่งอื่นที่เหมาะสมกับฉันมากกว่าการแข่งรถอีกหรือไงย่ะ?”

 

        “เฮ้อ...ว่าแล้วเชียว  ใช้ชีวิตอันตรายแบบนั้นอยู่ตลอดเวลาได้ยังไงนะ  ฉันว่าเธอลดไอ้เรื่องแข่งรถนี้ลงบ้างแล้วมองหาผู้ชายดีๆสักคนไม่ดีกว่าหรือไง”

 

       “หึ  รถนี่แหละคือผู้ชายในดวงใจของฉันย่ะ  อาริทสุเธอพูดแบบนี้แสดงว่าเธอหาผู้ชายดีๆได้สักคนแล้วหรือไง  ถ้าใช่ล่ะก็ผู้ชายคนนั้นคงโชคร้ายแย่”  อายาเมะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความท้าทาย

 

        อาริทสุยิ้มกริ่มก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นอกมั่นใจว่า “ฮึ...ฉันมีคู่หมั้นแล้วย่ะ  เขาคนนั้นเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่แถมเรายังจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนนับจากนี้ด้วย”

 

        “โกหกหน่า...” อายาเมะสวนขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าอาริทสุแบบจ้องจับผิด

 

        “ฉันจะไปโกหกเธอทำไม   ไม่ต้องห่วงพอการ์ดเสร็จฉันจะส่งไปที่บ้านเธอแน่นอน  ตอนนี้เธอใช้ที่อยู่ที่ไหนอยู่ล่ะจดมาให้ฉันเลยสิ”

 

        “เฮอะ...ของแบบนั้นก็อาจจะเป็นของปลอมได้นี่หน่า” อายาเมะจงใจพูดแหย่ขึ้นมา

 

       “ว่าไงนะ!”

 

        ก่อนที่ทั้งสองคนจะขึ้นเสียงกันไปมากกว่านี้โทโมโกะก็รีบเข้ามาห้ามทัพระหว่างทั้งสองเอาไว้ได้ทันท่วงที

 

        “อายะจังเรื่องที่อาริทสุพูดเป็นความจริงนะจ๊ะ”

 

        “น่าอิจฉาอาริทจังที่สุดเลยนะ  ว่าแต่เธอเคยเจอคู่หมั้นของอาริทจังแล้วหรือยังโทโมะจัง?”  ฮารุเนะเอ่ยออกมาอย่างยินดี

 

        “ครั้งนึงเองนะจ๊ะ  เขาเป็นลูกชายคนโตของโรงพยาบาลที่อาริทจังประจำอยู่นี่แหละจ๊ะ   แต่เขาไม่ได้เป็นแพทย์หรอกนะ”

 

        “โห...ฟังดูสุดยอดไปเลย”  ฮารุเนะกับโทโมโกะหันหน้ามาคุยกันเรื่องคู่หมั้นของอาริทสุอย่างออกรส  โดยลืมห้ามทัพของเพื่อนอีกสองคนไปเสียสนิท

 

         กว่าที่ทั้งสองจะรู้ตัวก็เห็นอาริทสุและอายาเมะนั่งจ้องหน้ากันแบบตาไม่กระพริบเสียแล้ว   ทั้งสองมีท่าทีแบบไม่มีใครยอมใครแต่ทว่ายังไม่ได้ใครเอ่ยปากโต้เถียงกันต่อขึ้นมา   ความเงียบพลันทำให้บรรยากาศโดนรอบตึงเครียดไปหมด  โทโมโกะชักจะรู้สึกไม่ดีเลยคิดจะพูดอะไรสักอย่างขึ้นมา   แต่แล้วอายาเมะก็กลับเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน

 

        “ยังไงก็ยินดีด้วยแล้วกัน”  สายตาของอายาเมะเบือนไปอีกทางขณะที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา

 

        อาริทสุที่ปั้นหน้าเคร่งเครียดอยู่ตั้งนานพลันหลุดหัวเราะออกมา    นี่เป็นครั้งแรกในวันนี้ที่อาริทสุหัวเราะออกมาโดยปราศจากท่าทีที่ปั้นแต่งขึ้นมา

 

        “โอ๊ย...แต่เธอต้องสัญญานะว่าจะไปงานแต่งฉันน่ะ”

 

        “แน่อยู่แล้ว    ฉันไม่มีวันพลาดที่จะไปบอกเจ้าบ่าวของเธอด้วยตนเองหรอกว่าเขาคิดผิดมากแค่ไหนที่เลือกเธอ”

 

        “ฮ่าๆๆๆ” อาริทสุหัวเราะออกมาอีกครั้งพร้อมกับอายาเมะ  ฮารุเนะกับโทโมโกะพลันหันมามองหน้ากันแล้วอดที่จะอมยิ้มไม่ได้เช่นกัน

 

        “อนาคตนี่คาดเดาไม่ได้จริงๆเนอะ   จำได้ไหมก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกันไปน่ะพวกเราต่างก็ตั้งใจทายกันมากว่าใครที่จะแต่งงานเป็นคนแรกของกลุ่ม     ท่าจำไม่ผิดทุกคนเทคะแนนให้เธอสินะฮารุเนะ” อายาเมะเอ่ยออกมา

 

        ฮารุเนะจำได้  เธอพยักหน้ารับเบาๆ

 

        “ฉันสิคิดว่าเธอต้องมีแฟนแล้วแน่ๆ  แต่ท่าทางเธอจะยังไม่มีใครเลยสินะ”

 

       “ฉันคงยังไม่เจอคนที่ใช่ล่ะมั้ง?”

 

       “ไม่เป็นไรนะฮารุ  เธอกับฉันเรามันพวกเดียวกันอยู่แล้ว   ผู้ชายน่ะไม่จำเป็นต่อชีวิตของพวกเราหรอก  ฮ่าๆๆๆ”  อายาเมะยกมือมาแตะที่ไหล่ของฮารุเนะ   

 

        “ฉันเห็นด้วยอย่างนึงนะ  ถ้าเกิดเราไม่เจอคนที่ใช่หรือว่าเหมาะสมกับเราแล้วจริงๆล่ะก็...ฉันคิดว่าอย่ามีซะจะดีกว่า”  อาริทสุเอ่ยแทรกขึ้นมา

 

        “อื้ม....แต่ถ้าเป็นในเวลานั้นคงไม่มีผู้ชายคนไหนสมบูรณ์แบบเท่า     “ชินอิจิคุง”   หรอกจริงไหมล่ะ?” โทโมโกะพูดขึ้นบ้าง   นาทีนั้นเองทุกคนในกลุ่มกันชะงักไปพร้อมๆกัน

 

         สีหน้าของอาริทสุพลันเศร้าวูบลง  ในขณะที่อายาเมะเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย ส่วนฮารุเนะก็ยกมือขึ้นมาแตะตรงตำแหน่งของหัวใจโดยไม่รู้ตัว    เมื่อนั้นโทโมโกะจึงพลันตระหนักได้ว่าตนเองได้หลุดปากพูดชื่อของคนๆนั้นออกมา    เธอพึ่งรู้ตัวว่าตนเองก็ยังคงหวนคิดถึงเขาคนนั้นอยู่เรื่อยมา

 

        บรรยากาศของวงสนทนาพลันเงียบกริบลงขณะที่ห้วงความคิดของแต่ละคนกำลังล่องลอยไปสู่อดีต     ทั้งสี่คนต่างก็ไม่อาจลืมเรื่องราวต่างๆที่เคยเกิดขึ้นได้เลย         วันวานที่ทุกคนมีร่วมกันกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีชื่อว่า  “ชินอิจิ”

 

 

********

 

 

 

ปล.  ตอนถัดไปจะมาลงต่อประมาณ 1 สัปดาห์นะคะ  ขอบคุณคุณท่านผู้อ่านทุกท่านมากจ้า

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา