ใต้ก้อนหิน

10.0

เขียนโดย อิสรชัย

วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 21.53 น.

  1 ตอน
  5 วิจารณ์
  4,584 อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
           หล่อนวางหนังสือพิมพ์บนโต๊ะแล้วนั่งเหม่อลอยเหมือนเช่นทุกครั้งที่หยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มาอ่าน ซึ่งเป็นฉบับที่ทุกคนรู้ว่าหล่อนรักและหวงมากแต่ทุกครั้งที่หยิบมาอ่าน หล่อนจะมีอาการเช่นนี้ทุกครั้งไปที่นั่งมองหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น นั่นคือการนั้งซึมเศร้าพร้อมกับหยาดน้ำตาที่รินไหลอาบแก้ม สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ระทมทุกข์ทุกครั้งไป
           ในความเป็นจริงหล่อนคงไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นหรอก หล่อนคงนั่งดูภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นมากกว่า ภาพที่ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตาตื่นคงเป็นภาพที่อยู่ในใจของหล่อนตลอดไป แล้วทำไมหล่อนต้องมาดูภาพครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่อย่างนี้และทุกครั้งก็เกิดความเศร้าเสียใจอยู่อย่างนี้
            หากแต่เป็นเพราะวันนั้นคือวันที่ทำให้หล่อนต้องมานั่งเศร้าอยู่กับความทุกข์ที่ต้องเผชิญอยู่ในทุกวันนี้นั้นเอง ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๐.๐๐ น. หล่อนนั่งอยู่บนบ้านพร้อมหลานอีกสองคนที่อยู่ในวัยที่น่ารัก อายุห่างกันคนละ ๓ ปี หลานชายคนโตอายุ ๖ ขวบส่วนหลานชายคนเล็กอายุคนเล็กอายุ ๓ ขวบกว่า สามี ของหล่อนนั่งสานตะกร้าไม้ไฝ่อยู่ใต้ถุนบ้านภายนอกบ้านฝนยังคงตกพรำๆ มีหนักบ้างเป็นบางครั้งบางคราวฝนตกติดต่อกันวันที่ ๓ แล้ว
            เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายังคงฉ่ำด้วยเมฆฝน พยากรณ์อากาศของโทรทัศน์ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ประกาศให้พี่น้องภาคใต้ระวังน้ำท่วมเฉียบพลันและน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่เกือบตลอดทั้งภาค เรือประมงห้ามออกจากฝั่งเนื่องจากมีคลื่นลมแรง คลื่นสูงสองถึงสามเมตรและให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด หล่อนรู้ดีว่าเมื่อฝนตกอย่างนี้สวนยางพาราที่อยู่เชิงเขาไกลออกไปห้ากิโลเมตรไม่สามารถกรีดยางได้อีกต่อไปรายได้ประจำวันที่มาจากสวนยางพาราจำนวน ๑๐ ไร่ ก็ต้องรอต่อไปจนกว่าสภาพอากาศสู่ภาวะปกติ ในช่วงนี้ราคายางพาราตกต่ำลงจากต้นปีมากที่เดียวแต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเป็นอาชีพเดียวของครอบครัวที่ทำอยู่ในตอนนี้
            ลูกชายกับสูกสะใภ้เข้าเมืองพร้อมกับนำแผ่นยางพาราไปขายที่ในเมือง ซึ่งเป็นยางที่กรีดไว้ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา เมื่อได้เงินมาก็จำนำไปซื้อสิ่งของเครื่องใช้ที่ร่อยหรอไป โดยเฉพาะเครื่องใช้ในครัวที่เริ่มหมดไปอย่างน้อยได้มีอาหารตุนไว้ในช่วงหน้าฝนก็ไม่เสียหายอะไร แม้ว่าในปี่ที่ผ่านมาแม้ฝนตกหนักน้ำที่ท่วมไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมาก จึงให้ลูกชายใช้เวลาช่วงนี้ไปซื้อสิ่งของเครื่องใช้และดูนมให้หลานคนเล็กด้วย
             ก่อนนำรถปิดอัพออกไปได้ตักเตือนให้ระวังในการขับรถเพราะฝนยังไม่ขาดเม็ด ถนนลื่น ขอให้รีบไปรีบกลับถ้าหากว่าน้ำท่วมก็ให้รีบกลับไปขายวันอื่นก็ได้เครื่องครัว เครื่องใช้ที่มีอยู่คงอยู่ได้อีกหลายวันไม่เดือดร้อนมากนักนั้นคือสิ่งที่แม่ได้กำชับในวันนั้น อย่างไรก็ตามหล่อนยังคงอุ่นใจอยู่บ้างที่หมู่บ้านนี้ ในช่วงหน้าน้ำหลากก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่มากนักด้วยระดับน้ำที่ท่วมไม่ได้สูงจนทำให้การสัญจรไปมาไม่ได้แต่ประการใด แต่หล่อนก็อดห่วงกังวลกับฝนฟ้าที่ตกมาตลอดทั้งวัน จึงเป็นเรื่องที่ไว้วางใจไม่ได้
              หล่อนนั่งมองลูกชายขนแผ่นยางใส่ท้ายรถจนเสร็จสิ้น หล่อนครุ่นคิดในใจว่าถ้าแผ่นยางเหล่านี้ขายไปเมื่อเดือนที่แล้ว คงได้เงินเพิ่มมากทีเดียวเพราะช่วงนั้นราคายางสูงมาก แต่วันนี้จะรอให้ราคาขยับสูงขึ้นไปอีกคงไม่ได้เพราะราคายางตกลงมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อเกิดสินามิถล่มประเทศญี่ปุ่น หล่อนดูข่าวนี้แล้วสงสารคนญี่ปุ่นเหลือเกินที่ประสบกับเคราะห์กรรมอย่างน่าเวทนายิ่งนัก เพราะผู้คนที่ยังค้นหาศพไม่เจอมีอีกจำนวนมาก แต่วันนี้ต้องมาประสบกับปัญหาใหม่นั้นคือภัยจากการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีจากเตาปฏิกรณ์ที่อยู่ในพื้นที่และยังหาวิธีแก้ไขไม่ได้และในเวลาเดียวกันความต้องการยางพาราที่ญี่ปุ่นสั่งซื้อจากประเทศของเราก็หยุดชะงักตามสภาพปัญหาที่ปะทุขึ้น
              หล่อนดีใจเหลือเกินที่ประเทศไทยยังไม่มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ มิฉะนั้นหากเกิดเหตุขึ้นความไร้วินัยของคนไทยคงสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย คงไม่เห็นภาพการเข้าแถวรอคอยเพื่อซึ้อสินค้าในร้านค้าย่อยที่ผู้คนรอคอยด้วยความใจเย็นเหมือนเช่นชาวญี่ปุ่น เพราะในอดีตที่ผ่านมาภาพที่เราพบเห็นคือการปล้นสะดมทุบร้านค้าเพื่อให้ได้สิ่งของที่ต้องการหรือทำลายให้ย่อยยับไปโดยขาดจิตสำนึกที่ดีว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นคือการประจานพฤติกรรมของตนว่าเป็นบุคคลเช่นไร การแสดงความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ในทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นสิ่งที่น่าละอายยิ่งเป็นช่วงวิกฤติเช่นนี้ ใครกระทำยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ต่างชาติหยามหมิ่นเกียรติของคนในชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราได้สร้างภาพลบให้เห็นมาหลายต่อหลายครั้งที่เกิดวิกฤติในประเทศไทย
               หล่อนประทับใจกับภาพของชาวญี่ปุ่นที่เข้าแถวรอรับบริการนั้นเหลือเกินและนำมาสอนให้หลายชายวัยเด็กทั้งสองคนได้รู้ว่านั้นคือสิ่งที่ดีที่หลานต้องทำเมื่อเติบโตขึ้นมา เพราะสิ่งเหล่านี้แสดงถึงคุณภาพของคนที่นำสิ่งที่ได้รับการหล่อหลอมมาใช้ในชีวิตประจำวัน หล่อนอยากเห็นประเทศไทยมีพลเมืองแสดงออกอย่างนี้บ้าง นั้นคือความชื่นชมของแม่ในครั้งนั้น
                       ********************
                ลูกชายและลูกสะใภ้ออกไปเพียงไม่นานแม่ตกใจมากกับเสียงดังบนภูเขา เป็นเสียงดังที่น่ากลัวมาก เสียงลั่นเปรี้ยงปร้างและครืนครืน หล่อนหัวใจจะหยุดเต้นให้ได้ด้วยไม่เคยได้ยินเสียงอะไรที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนตะโกนถามสามีที่นั่งอยู่ใต้ถุนว่าเป็นเสียงอะไร ไม่นานนักสามีหล่อนระล่ำระลักด้วยความตระหนกและบอกนางว่าคงเป็นเสียงน้ำป่า น้ำป่าคงจะไหล่บ่ามาจากภูเขาข้างบน หรืออาจเป็นฝายน้ำล้นที่สร้างไว้สำหรับทำน้ำประปาพัง เพราะรับน้ำไม่ไหวแล้วพังลงมา พ่อบอกว่าถ้าฝายบนภูเขาพังมันน่ากลัวอาจเกิดอันตรายต่อบ้านของเราได้ถ้าน้ำลงมาทางนี้
                เขารีบเก็บสิ่งของใต้ถุนขึ้นมาไว้บนบ้านเพื่อความปลอดภัย หล่อนรีบลงไปช่วยเก็บเพื่อช่วยเบาแรงสามี โดยให้หลายชายทั้งสองคนนั่งเล่นอยู่บนบ้าน แต่เมื่อหล่อนลงไปถึงใต้ถุนบ้าน หล่อนไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะกระแสน้ำที่กระหน่ำลงมานั้นคือต้นเหตุที่แยกหล่อน หลานชาย สามี หล่อนตกใจอย่างมากตะเกียกตะกายหาที่ยึดเหนี่ยวและดึงตัวเองให้รอด
                 หล่อนไม่รู้ว่าในวินาทีและในเวลาต่อมาหล่อนรอดชีวิตมาได้อย่างไร หรือเป็นเพราะเหรียญศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่คล้องคอช่วยชีวิตเอาไว้ รู้แต่ว่าเมื่อฟื้นคืนสติได้มาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว แต่สามี ลูกสะใภ้และหลานชายหล่อนรู้เพียงว่าไปกับกระแสน้ำในวันนั้น บ้านทั้งหลังที่ไม่เคยมีน้ำท่วมตั้งแต่อยู่มาก็หายไปกับสายน้ำเช่นเดียวกัน ทำไมหล่อนไม่ตายไปพร้อมกับคนอื่นในหมู่บ้านในวันนั้น ทำไมต้องให้หล่อนมารับรู้กับเรื่องราวที่เจ็บปวดอย่างนี้ สิ่งที่สร้างความหายนะกับครอบครัวของหล่อน คนในหมู่บ้านนี้ทำกรรมอะไรไว้ถึงทำให้ทุกคนต้องมารับผลกรรมอย่างนี้
                  หล่อนรู้คำตอบแล้วว่าทุกคนในหมู่บ้านล้วนตกเป็นเหยื่อของคนมีเงิน ที่วางแผนเพื่อการครอบครองที่ดินเชิงเขา และบนภูเขา เพราะเขาใช้ให้ผู้นำของหมู่บ้านเป็นแกนนำอพยพคนจากที่อื่นเข้ามาแผ้วถางที่ทำกินอย่างขนานใหญ่ จนขยายพื้นที่ขึ้นไปบนภูเขาเรื่อย นั้นคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดวันนี้ คนที่เป็นต้นเหตุแห่งความหายนะยังอยู่ในสังคมโดยที่ตนเองไม่มีความผิดในการยุยงให้ชาวบ้านบุกรุกในครั้งนั้น หากแต่ที่บุกรุกที่อยู่บนภูเขาชาวบ้านไม่มีใครได้ครอบครองด้วยทางราชการได้แจ้งให้ออกจากพื้นที่ก่อนที่จะติดคุก ชาวบ้านจึงเหลือพื้นที่ทำกินเล็กน้อยอยู่ที่ราบเชิงเขาที่ราชการออกเอกสาร ในการครอบครองให้ในเวลาต่อมา แต่บนภูเขาการปลูกยางและปาล์มน้ำมันขยายพื้นที่ออกไปเรื่อยๆ คนในหมู่บ้านได้รับการว่าจ้างให้เปิดป่าเพิ่มขึ้นโดยอ้างว่าราชการจะทำฝายเก็บน้ำสำหรับประชาชนให้มีน้ำประปาไว้ใช้ ส่วนพื้นที่รอบๆ เป็นการสร้างอาชีพสำรองสำหรับคนไม่มีที่ทำกินให้ขึ้นมาดูแลสวนยางพาราและทำปาล์มให้กับท่านผู้นำ ท่านที่เป็นผู้มีหน้ามีตาในสภา ท่านที่อ้างความชอบธรรมสำหรับการทำงานเพื่อประชาชน
              หล่อนรู้ว่านั้นคือต้นเหตุแห่งความล่มสลายของครอบครัว หากมองว่านี้คือกรรมคงเป็นกรรมที่หล่อนทำไว้อย่างมหันตในอดีตภพ จึงทำให้กรรมแห่งอดีตมาเอาคืนกับทุกคนในหมู่บ้าน แล้วทำไมจึงให้หล่อนต้องอยู่รับรู้กรรมอีกต่อไป ทำไมไม่ให้หล่อนไปชดใช้กรรมในภพใหม่พร้อมกับเพื่อนบ้านหลานและสามี หล่อนยังจำวันที่มีการติดต่อให้ขึ้นไปแผ้วถางที่ทำกินบนภูเขาและเชิงเขาเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันและยางพารา ด้วยที่ดินที่หายากขึ้นทุกวันจึงเป็นแรงจูงใจให้คนในหมู่บ้านขึ้นไปบุกรุก เมื่อทุกคนทำการปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันจนกรีดยางได้สามปี เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาแจ้งเรื่องการบุกรุกที่ป่าสงวน ขอให้ออกจากพื้นที่ไปจะไม่ติดคุก โดย ส.ส.ได้เข้ามาชี้แจงให้รู้ว่าเขาจะช่วยเหลือให้มีที่ดินที่ครอบครองอยู่ที่ราบเชิงเขาเป็นที่ทำกินของแต่ละคน ส่วนที่บนภูเขานั้นเขาช่วยไม่ได้
                 เมื่อทุกคนได้ฟังสารพัดเหตุผลก็คล้อยตามเพราะอย่างน้อยที่ทำกินที่ราบด้านล่างนั้นคงเพียงพอสำหรับครอบครัวเล็กๆ ได้มีอยู่มีกินได้ต่อไป ส่วนบนภูเขาก็คืนให้แผ่นดินนำไปใช้ประโยชน์สำหรับทุกคนโดยการสร้างฝายน้ำล้นสำหรับนำน้ำมาทำประปา ทุกคนปฏิบัติตามโดยยอมรับในการบุกรุกและไม่อยากเป็นคดีความซึ่งอาจทำให้ที่ครอบครองทั้งหมดไม่เหลือเลยก็ได้นั้นคือเหตุการณ์ในอดีตที่เป็นต้นเหตุของมหันตภัยที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อประชาชนลงมาแล้วมีการสร้างฝายบนภูเขา ชาวบ้านหลายคนไปเป็นแรงงานรับค่าจ้างรายวันในช่วงนั้นด้วย จนฝายเสร็จสิ้นทุกคนลงจากภูเขา ปล่อยให้บนภูเขาเป็นอดีตที่ทุกคนไม่มีสิทธิครอบครอง
                 แต่หลังจากนั้นสิ่งที่ทุกคนรับรู้ว่าบนภูเขายังเกิดสวนยางพาราที่ขยายพื้นที่ออกไปเรื่อยๆ พร้อมสวนปาล์ม การขยายพื้นที่เหล่านี้มีแรงงานชาวพม่าที่ได้รับการว่าจ้างให้ขึ้นไปแผ้วถางแล้วสร้างกระท่อมอยู่ในสวนยาง ทุกคนไม่สามารถปริปากพูดอะไรได้ด้วยรู้ดีว่าเจ้าของที่ดินที่ขยายออกไปบนภูเขานั้นคือใคร แต่ที่น่าเจ็บใจคือที่ดินที่ชาวบ้านปลูกยางพาราไว้ก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นที่ของเขาเช่นกัน
                            ***************************
“แม่ครับ แม่ต้องลืมเหตุการณ์วันนั้น ให้ได้เรามาอยู่ที่ใหม่ที่เป็นที่ราชพัสดุ อย่างน้อยคงไม่เกิดดินถล่มมาใส่”  “แม่จะลืมได้อย่างไรลูกเอ๋ย ดินกลบหน้าแม่ตายไปแล้วแม่ก็ไม่รู้ว่าแม่จะลืมได้หรือไม่”                           เมื่อตอบลูกชายแล้วหล่อนก็นั้งเหม่อมองไปที่หนังสือพิมพ์นั้นอีก                                                       “แม่ไม่มีเพื่อนบ้านเก่าเลยหรือลูก เขาไปอยู่ที่ไหน ทำไมไม่มาอยู่ใกล้กันที่นี้ แม่จะได้มีเพื่อนบ้าง”               ลูกชายพูดอะไรต่อไปไม่ได้ เพราะแม่รู้คำตอบดีแล้วนี้ว่า ทั้งหมู่บ้านตรงนั้นมีแม่และเขาที่รอดชีวิต รอดชีวิตมาเพื่อเป็นพยานให้รู้ว่ากรรมมันเกิดขึ้นทันตาจริงๆ เพราะวันที่น้ำถล่ม ส.ส.ได้เดินทางมาเยี่ยมประชาชนเพื่อเตรียมการเลือกตั้งในรอบใหม่ แต่การเลือกตั้งที่เขาจะได้รับต้องไปเลือกกันในยมโลกนั้นแหละด้วยผืนป่าที่เขาทำลายได้นำชีวิตของเขาไปด้วยจนวันนี้ ยังค้นหาร่างไม่เจอเลยไม่อยู่ว่าจมอยู่ใต้ก้อนหินใหญ่ก้อนไหน
                                  ******************************

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา