ได้โปรดหยุดที
-
1) ได้โปรดหยุดที
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเรื่องสั้น๒ - ได้โปรดหยุดที
เงาสะท้อนของดวงไฟสีแดงฉานสะท้อนอยู่บนดวงตาทั้งสองของชายหนุ่มผู้มีสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ ความเย็นแล่นจับไปทั่วทั้งร่างจนชายผู้นั้นแทบจะไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป หูได้ยินเสียงที่ดังขึ้นราวกับมีเครื่องขยายเสียงนับร้อยอยู่รอบตัว เขาได้ยินกระทั่งเสียงหัวใจของตัวเองเต้นรัวอยู่ในอก ภาพด้านข้างนั้นพร่าเลือนจนเห็นเป็นเพียงเส้นสีมัวๆที่วูบไหวไปมา ขณะที่ภาพเบื้องหน้ายังคงแจ่มชัด และดูเหมือนจะชัดขึ้นทุกทีๆ รถเก๋งสีแดงเงาปลาบทั้งคัน
'คงจะเป็นรถใหม่' ชายหนุ่มคิด
เสียงล้อยางเสียดสีกับผิวถนนดังแสบแก้วหูเหลือเกิน สีหน้าของชายในรถคันนั้นดูตระหนกตกใจเหลือกำลัง มือที่กุมพวงมาลัยอยู่พยายามจะเลี้ยวรถเพื่อหลบรถของเขาที่กำลังพุ่งข้ามสี่แยกเข้าไปหา
รถของเขากำลังพุ่งข้ามสี่แยกไป ทั้งๆที่ไฟแดงยังสว่างโร่ และเท้าของเขาเหยียบมิดอยู่ที่เบรค
'อา...ใช่แล้ว ก้รถเราเบรคแตกนี่นา' ชายหนุ่มบอกกับตัวเองเมื่อได้สติ พยายามกุมพวงมาลัยเอาไว้มั่น สมองพยายามนึกทบทวนถึงวิธีที่จะทำให้รถหยุด เขาเหยียบครัทช์ แล้วสับเกียร์เป็นเกียร์ต่ำอย่างไม่รอช้า จากนั้นกระชากเบรคมือขึ้น เหงื่อกาฬไหลซึมไปทั้งร่าง ประสาทเครียดเขม้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หากเป็นทางาสายโล่งเขาคงถอดใจไปแล้ว แต่นี่เป็นกลางสี่แยกไฟแดงที่เต็มไปด้วยรถมากมาย และที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด คือสายตาของเด็กหญิงตัวน้อยที่จ้องมองมาจากเบาะหลังของรถคันนั้น...
"ก้มลงเร็วคุณ!" เสียงคุ้นหูของชายคนหนึ่งดังขึ้นแจ่มชัดในโสตประสาท ภาพเก่าจากความทรงจำฉายซ้อนขึ้นมาในมโนแห่งความคิด ภาพเหตุการณ์ที่มองไม่เห็นอะไรนอกจากเสี้ยวใบหน้าของพ่อที่กำลังตะโกน ลำตัวของแม่ที่ถลาเข้ามา วงแขนของแม่ที่รวบเอาตัวของเขาเข้าไปกอดไว้แนบอก กับแรงกระแทกพร้อมเสียงที่ดังกัมปนาทราวกับฟ้าผ่าเท่านั้น
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น สิ่งเดียวที่เด่นชัดอยู่ในความทรงจำของเขาก็คือ
-ความโดดเดี่ยว-
ความโดดเดี่ยวที่เขาไม่ต้องการให้ใครได้รับอีก ยิ่งเป็นความโดดเดี่ยวที่เกิดจากเขาเป็นต้นเหตุยิ่งไม่ต้องการ
"ได้ดปรดหยุดทีเถอะ" เขาร้องออกมา ขบกรามแน่นด้วยความกดดัน เบรคมือถูกดึงขึ้นลงสลับกันขณะที่มือขวาประคองพวงมาลัยเอาไว้ไม่ให้รถส่ายจนคุมไม่อยู่...หากจะต้องมีคนไปขอให้เป็นเขา
ชายหนุ่มหักพวงมาลัยบังคับให้รถพุ่งไปยังเกาะกลางถนนพร้อมกับชะลอความเร็วทุกวิถีทางในใจก็ได้แต่ภาวนาถึงสิ่งทั้งหลายที่เขาไม่เคยเชื่อว่ามีอยู่จริง 'ได้โปรดหยุดทีเถิด' เขาภาวนาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
รถเก๋งสีเงินกระแทกถากสีข้างของรถเก๋งสีแดงคันงาม กวาดเอาสีแดงสดหลุดไปเป็นแถบๆฝากรอยแผลสีดำกับรอยบุบนิดหน่อยเอาไว้ให้กับรถสีแดงคันงาม ฝ่ายรถสีเงินก็พุ่งเข้าไปยังเกาะกลางถนน แทรกเข้าไปในกอเฟื่องฟ้าสีสวยที่ปลูกประดับเอาไว้ ร่างของบชายหนุ่มกระเด้งไปมาตามแรงกระเทือนของรถ แม้จะคาดเข็มขัดนิระภัยเอาไว้ แต่แรงกระเทือนก็ทำให้เขาหัวหมุนอยู่ดี
"โครม!"
รถสีเงินกระแทกเข้ากับเสาไฟกลางเกาะอย่างจังจนหน้ารถยุบ ร่างของคนขับถูกเหวี่ยงกระแทกหน้าหลังอย่างแรงจนเกือบหมดสติ แต่ภาพที่สะท้อนอยู่บนกระจกข้าง ก็ทำให้เขาเผยอยิ้มออกมาอย่าโล่งใจ
-------
วาทยกร-"ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ"
เงาสะท้อนของดวงไฟสีแดงฉานสะท้อนอยู่บนดวงตาทั้งสองของชายหนุ่มผู้มีสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ ความเย็นแล่นจับไปทั่วทั้งร่างจนชายผู้นั้นแทบจะไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป หูได้ยินเสียงที่ดังขึ้นราวกับมีเครื่องขยายเสียงนับร้อยอยู่รอบตัว เขาได้ยินกระทั่งเสียงหัวใจของตัวเองเต้นรัวอยู่ในอก ภาพด้านข้างนั้นพร่าเลือนจนเห็นเป็นเพียงเส้นสีมัวๆที่วูบไหวไปมา ขณะที่ภาพเบื้องหน้ายังคงแจ่มชัด และดูเหมือนจะชัดขึ้นทุกทีๆ รถเก๋งสีแดงเงาปลาบทั้งคัน
'คงจะเป็นรถใหม่' ชายหนุ่มคิด
เสียงล้อยางเสียดสีกับผิวถนนดังแสบแก้วหูเหลือเกิน สีหน้าของชายในรถคันนั้นดูตระหนกตกใจเหลือกำลัง มือที่กุมพวงมาลัยอยู่พยายามจะเลี้ยวรถเพื่อหลบรถของเขาที่กำลังพุ่งข้ามสี่แยกเข้าไปหา
รถของเขากำลังพุ่งข้ามสี่แยกไป ทั้งๆที่ไฟแดงยังสว่างโร่ และเท้าของเขาเหยียบมิดอยู่ที่เบรค
'อา...ใช่แล้ว ก้รถเราเบรคแตกนี่นา' ชายหนุ่มบอกกับตัวเองเมื่อได้สติ พยายามกุมพวงมาลัยเอาไว้มั่น สมองพยายามนึกทบทวนถึงวิธีที่จะทำให้รถหยุด เขาเหยียบครัทช์ แล้วสับเกียร์เป็นเกียร์ต่ำอย่างไม่รอช้า จากนั้นกระชากเบรคมือขึ้น เหงื่อกาฬไหลซึมไปทั้งร่าง ประสาทเครียดเขม้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หากเป็นทางาสายโล่งเขาคงถอดใจไปแล้ว แต่นี่เป็นกลางสี่แยกไฟแดงที่เต็มไปด้วยรถมากมาย และที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด คือสายตาของเด็กหญิงตัวน้อยที่จ้องมองมาจากเบาะหลังของรถคันนั้น...
"ก้มลงเร็วคุณ!" เสียงคุ้นหูของชายคนหนึ่งดังขึ้นแจ่มชัดในโสตประสาท ภาพเก่าจากความทรงจำฉายซ้อนขึ้นมาในมโนแห่งความคิด ภาพเหตุการณ์ที่มองไม่เห็นอะไรนอกจากเสี้ยวใบหน้าของพ่อที่กำลังตะโกน ลำตัวของแม่ที่ถลาเข้ามา วงแขนของแม่ที่รวบเอาตัวของเขาเข้าไปกอดไว้แนบอก กับแรงกระแทกพร้อมเสียงที่ดังกัมปนาทราวกับฟ้าผ่าเท่านั้น
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น สิ่งเดียวที่เด่นชัดอยู่ในความทรงจำของเขาก็คือ
-ความโดดเดี่ยว-
ความโดดเดี่ยวที่เขาไม่ต้องการให้ใครได้รับอีก ยิ่งเป็นความโดดเดี่ยวที่เกิดจากเขาเป็นต้นเหตุยิ่งไม่ต้องการ
"ได้ดปรดหยุดทีเถอะ" เขาร้องออกมา ขบกรามแน่นด้วยความกดดัน เบรคมือถูกดึงขึ้นลงสลับกันขณะที่มือขวาประคองพวงมาลัยเอาไว้ไม่ให้รถส่ายจนคุมไม่อยู่...หากจะต้องมีคนไปขอให้เป็นเขา
ชายหนุ่มหักพวงมาลัยบังคับให้รถพุ่งไปยังเกาะกลางถนนพร้อมกับชะลอความเร็วทุกวิถีทางในใจก็ได้แต่ภาวนาถึงสิ่งทั้งหลายที่เขาไม่เคยเชื่อว่ามีอยู่จริง 'ได้โปรดหยุดทีเถิด' เขาภาวนาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
รถเก๋งสีเงินกระแทกถากสีข้างของรถเก๋งสีแดงคันงาม กวาดเอาสีแดงสดหลุดไปเป็นแถบๆฝากรอยแผลสีดำกับรอยบุบนิดหน่อยเอาไว้ให้กับรถสีแดงคันงาม ฝ่ายรถสีเงินก็พุ่งเข้าไปยังเกาะกลางถนน แทรกเข้าไปในกอเฟื่องฟ้าสีสวยที่ปลูกประดับเอาไว้ ร่างของบชายหนุ่มกระเด้งไปมาตามแรงกระเทือนของรถ แม้จะคาดเข็มขัดนิระภัยเอาไว้ แต่แรงกระเทือนก็ทำให้เขาหัวหมุนอยู่ดี
"โครม!"
รถสีเงินกระแทกเข้ากับเสาไฟกลางเกาะอย่างจังจนหน้ารถยุบ ร่างของคนขับถูกเหวี่ยงกระแทกหน้าหลังอย่างแรงจนเกือบหมดสติ แต่ภาพที่สะท้อนอยู่บนกระจกข้าง ก็ทำให้เขาเผยอยิ้มออกมาอย่าโล่งใจ
-------
วาทยกร-"ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ"
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ