นาฬิกาทราย
4) ชิดใกล้..
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแพรวพัฒนาขึ้นตามกระทำที่ใส่ใจซึ่งกันและกัน สวนสาธารณะเป็นที่ซึ่งพบเจอแพรวบ่อยครั้ง แพรวจะมีข้าวกล่องมาให้เราสองคนทานด้วยกันที่นี่ เธอห่วงใยอย่างน่าชื่นชม ครั้นพอเปิดฝาข้าวกล่อง เธอจะเป็นผู้เสียสละให้ผมได้ทานก่อน โดยเธอจะใช้ช้อนของเธอตักขึ้น ใช้มือรองรับใต้ช้อน ค่อยๆประคองเม็ดข้าวไม่ให้ล่วงหล่น รอผมอ้าปากด้วยสีหน้ายิ้มแย้มจนดวงตานั้นพลันรีเล็กลง ผมกินด้วยความอิ่มเอมใจในความที่เธอเป็นผู้หญิงที่แสนดีและเอาใจเก่ง
ผมใช้เวลาวันหยุดนี้เพื่อเดินเล่นชมต้นไม้สีเขียวที่อยู่รายล้อม หยุดพักบ้าง นอนหนุนตักชวนเธอพูดคุย
“แพรว ถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่ามาสิค่ะ”
ผมขยับกายให้มองเห็นสายตาคู่ที่กำลังจ้องลงมาที่ใบหน้าผม
“คุณดูแลสุขภาพดีแค่ไหนเมื่อครั้งเยาว์วัย ใบหน้าทั้งยังผิวพรรณของคุณ ถึงงดงามเกินกว่าผมจะทรยศต่อความปรารถนาของตนเองในการห้ามปรามสายตาเพ่งพินิจดู และกริยาคุณนั่นอีก นุ่มนวล ทำให้ผมยากยิ่งที่จะไม่อ่อนไหว”
“โฟล์คเยินยอแพรวเกินไปหรือปล่าวคะ แพรวไม่ได้สวยมากมายหรอก แค่เพียงหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน ที่ซึ่งคอยมีกฎระเบียบข้อบังคับให้กระทำตาม” ถึงประโยคนี้น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความเศร้าหมอง
“แพรวมีเสรีทางความคิดบ้างไหม”
“แพรวไม่ได้มีอิสระดั่งเช่นเด็กทั่วไป ที่จะคิดได้ทำตามอารมณ์ปรารถนาของตนเอง แพรวจำต้องนั่งคิดเงียบๆคนเดียวบ่อยครั้ง ทุกครั้งแพรวต้องเลือกในสิ่งที่แม่บอกว่าถูกต้อง ทั้งที่ในใจแพรวร่ำร้องอย่างทุกข์ทรมาน แพรวทำทุกอย่างเพื่อคนที่บ้าน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่เคยเป็นที่พึงพอใจ บางครั้งแพรวได้แต่นั่งร้องไห้คนเดียวและมองดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า ภาวนาให้เจอใครสักคนหนึ่งที่จะทำให้แพรวมีความสุขและเป็นตัวของตัวเองได้เวลาชิดใกล้ แต่คนที่เข้ามามีทีท่าจีบแพรว เขาก็มีสิ่งที่เขาต้องการในเรื่องของตัณหา ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนเห็นผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง แพรวไม่เคยได้รับความรักที่แท้จริงเสียที ดนตรีจึงเป็นสิ่งที่ทำให้แพรวยิ้มได้ทุกเมื่อ แต่แม่ของแพรวไม่รู้หรอกน่ะ แพรวแอบซื้อมันมา ถึงคราวกลับบ้านก็ต้องฝากเพื่อนข้างบ้านไว้ แล้วจึงกลับไปพบท่าน”
ผมมองดูวงหน้าของแพรว บัดนี้หยดน้ำที่คั่งค้างอยู่ในดวงตา ค่อยๆไหลรดรินสู่ลงมาบนใบหน้าผม สายน้ำที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอทำให้ใจผมสั่นสะท้านทรมานไม่น้อยไปกว่าเธอ ผมลุกขึ้นมาแล้วโอบร่างอันสั่นเทาไว้ในอ้อมอก แผ่ซ่านความรักและความอบอุ่นไปยังกายเธอ มือของเธอรัดรึงผมแนบแน่นพลันซุกหน้าแนบชิดหัวใจ
ผมอยู่ดูแลเธอจนกระทั่งความมืดโรยตัว ผมประคองเธอลุกขึ้น อาสาไปส่งเธอที่บ้าน
หลังจากที่ผมส่งเธออย่างปลอดภัยแล้ว ผมเดินทางกลับบ้านตนเองพลางครุ่นคิด นึกเป็นห่วงแพรวจับใจ ผมอยากเป็นผู้ดูแลเธอ ไม่อยากให้เธอเหมือนนกอยู่ในกรงทองที่ขาดซึ่งอิสระเสรี บั่นทอนให้ปวดร้าวอยู่ร่ำไป ผมเลยตั้งปณิธานกับตนเองไว้ว่า ผมจะไม่รักใครนอกจากแพรว และจะอยู่ดูแลเธอให้ดีที่สุด
ความรักของเรานั้นผลิบานขึ้นเรื่อยๆ ผมกับแพรวจะชอบมานั่งดูพระอาทิตย์อัสดงกันที่บนตึก อาบแสงแดดเรืองระเรื่อที่สาดสะท้อนลงมา
เธอนั่งลงข้างกายแล้วพูดกับผมว่า ผมเป็นคนรักในอุดมคติที่เธอเฝ้ารอมาแสนนาน ถ้อยคำของเธอทำให้ผมนั่งยิ้มหน้าบานโต้ลมเสียเนิ่นนาน ผมพูดกึ่งรำพึงว่าผมคิดถึงเธอก่อนเข้านอนทุกเมื่อ ทุกลมหายใจเข้าออกมีแต่เธอวนเวียนตามจังหวะแรงหายใจ เธอหันมายิ้มให้ผม ประทับรอยจูบแสนหวานบนแก้มอย่างอ่อนโยน เวลานี้ผมมีความสุขเหลือเกิน และผมมีความคิดว่า ผมจะขอเธอแต่งงานครั้นเรียนจบ จะเป็นผู้สวมแหวนให้เธอบนนิ้วอันเรียวงาม และจุมพิตบนมือขาวนวลอย่างอ่อนโยน
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ