นาฬิกาทราย

8.0

เขียนโดย Canopus

วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 19.52 น.

  5 ตอน
  8 วิจารณ์
  11.18K อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) แรกพบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

             ความละเอียดที่ดูพลิ้วไหว ประหนึ่งสะกดสายตาให้จับจ้องเฝ้ามองอย่างสนใจ ดั่งมนตราผลักดันให้ยืนดูคลื่นทะเลซัดผ่านเข้าฝั่ง กระทั่งหายลับสายตา เม็ดทรายที่ถูกสายน้ำนำพาละจากจุดเดิมสวยงามคล้ายกับนาฬิกาทรายที่ถืออยู่   
          
            หากแต่มันถูกควบคุมด้วยแรงปรารถนาของผู้ครอบครอง ไหลวนเวียนกลับไปยังครั้งก่อนหน้าได้ตามความรู้สึก นุ่มนวล และอ่อนโยนยิ่งนัก
        ..................................................................................
        
            ดอกลีลาวดีปลิดคว้างตามกระแสแรงลมที่พัดต้องล่วงโรยอย่างแผ่วเบา ละลิ่วล่องทอดกลีบลงสู่พื้นลานกว้างร้างผู้คน เสียงกระซิบจากต้นไม้ชวนให้ปรายตามองด้วยความสนใจ เห็นเจ้านั้นกำลังแกว่งไกวสัดส่วนโอนเอนไปมา
          
            ผมนั่งมองพื้นที่สีเขียวที่โอบล้อมด้วยความผ่อนคลาย กลิ่นดอกลีลาวดีหอมอบอวลยากแก่การหักห้ามใจเก็บขึ้นมาพินิจ แนบจมูกสูดดมพลันหลับตาพริ้ม มวลหอมอ่อนๆของเจ้าคล้ายคนเหงาโดดเดี่ยวยิ่ง ดั่งหญิงสาวผู้อ่อนแอยืนอยู่ท่ามกลางป่ารกร้าง เงียบสงัด และวังเวง ผมลืมตาขึ้น ทอดกายลงบนม้าหินอ่อน ประสานมือทั้งสองไว้หลังท้ายทอย ความเย็นซึมซาบเข้าตามอณูแผ่นหลัง ปล่อยความคิดให้ไหลวนเวียนไปกับทิศทางลม
         
             ครั้นแว่วยินเสียงฝีเท้ามาแต่ไกล แล้วหยุดลงข้างกาย ปรากฏภาพบุคคลเบื้องหน้าเป็นหญิงสาวสวมชุดแซกสีชมพู กริยานุ่มนวลชวนฝัน  เธอปรายตามองผมซึ่งนอนแผ่กายเหยียดขาอย่างสบายใจด้วยแววตาใคร่สงสัย ผมจ้องมองเธอ กวาดสายตาตั้งแต่วงหน้าอันเรียวงามได้รูป ดวงตากลมโตแฝงประกายเรืองรองวาววับ เธอนั้นตรึงอารมณ์ให้คล้อยตามจังหวะการเต้นของหัวใจ ประหนึ่งถูกรั้งไว้ในห้วงคำนึง เธองดงามเหลือเกิน ถ้อยคำพรรณนาเอ่อท้นกึกก้องล้นหัวใจดุจความฝันแสนหวาน  เธอเดินลับสายตาไปแล้วเนิ่นนาน คั่งค้างไว้เพียงลมหายใจที่รวยริน กระวนกระวายหวังจะได้เจอเธออีกครา
           
            เสียงดนตรีคล้อยบรรเลงตามนิ้วมือที่กรีดสายจากบนสู่ล่าง ผมนั่งเล่นกีตาร์โปร่งแสนหวงแหนบนตึกด้านหลังมหาลัย ที่แห่งนี้เป็นบริเวณโล่งกว้าง มองเห็นท้องฟ้ามีริ้วรอยแต่งแต้มครั้นพระอาทิตย์อัสดงลงสวยงาม ผมชอบใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ทำกิจกรรมส่วนตัวในที่ผู้คนวนเวียนน้อยที่สุด ผมร้องเพลงคลอเบาๆโดยมีใจความเนื้อเพลงที่บรรเลงสื่อได้ว่า

             มีบุคคลหนึ่งเฝ้ามองเธอด้วยความรัก แม้เธอไม่อาจรับรู้ว่าใจของฉันนั้นเป็นเช่นไร คงไม่ต้องการสิ่งอื่นใดที่มีค่าเท่ากับแอบมองเธออีกแล้ว ฉันพอใจกับที่เป็นอยู่ เพียงมุมเล็กๆของฉัน โดยปราศจากเงื่อนไข ครอบครองเธอในอ้อมกอด            
         
             สายลมพัดกรูกราว กระทั่งนำพาหนังสือเรียนเล่มบางลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ผมวางกีตาร์ลงข้างลำตัว เดินไป โน้มตัวลงเพื่อเก็บ สายตาจดจ้องที่คว้ามา หากแต่มืออันเรียวบางฉวยด้วยระยะเวลาไวกว่าเจ้าของ ผมมองบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าแทบหยุดหายใจ หญิงสาวผู้นั้นเอง คนที่ผมรอวันจะได้พบกับเธออีกครั้ง
          
            รอยยิ้มฉายบนใบหน้าเธอแลดูจริงใจ ผมยืนนิ่งงัน ไร้คำพูดเล็ดลอดออกจากปาก มือยื่นรับหนังสือคล้ายหมดแรง  ผมกล่าวคำขอบคุณอย่างอึกอัก ก้มมองเท้าตนเอง พลันหันหลังเดินไปที่โต๊ะดังเดิม โดยไม่คิดจะหันกลับอีก หัวใจตอนนี้เต้นโครมคราม จังหวะไม่ปกติ มือแนบอก สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด คลายออกอย่างแผ่วเบา สักสองสามครั้งคงหายตื่นเต้น ผมคิดเช่นนั้น
          
            ท้องฟ้ายามนี้ปกคลุมด้วยเมฆสีเทาหม่นสลัว ฝนจะตกแล้วอย่างแน่นอนหากไม่รีบทัน ขาทั้งสองข้างนำพาร่างดั่งไร้จิตวิญญาณออกจากมหาลัย เหตุเพราะไม่มีสิ่งใดบดบังสายฝนได้ดีเลย เว้นเสียแต่กีตาร์ที่ถืออยู่
         
             อากาศโลมเลียผิวนั้นเย็นวาบ ผมยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์รอคอยยูโร 80 มือกอดร่างตนเอง คิดในใจเมื่อไหร่รถจะมาเสียที เพียงเพราะเสื้อนักศึกษาตัวเดียวไม่สามารถอุ่นได้เพียงนิด
      
             ต้นไม้รอบข้างเริ่มลู่ใบ ลมกรรโชกจนเศษใบไม้ละจากพื้นที่ร่อนไปทั่วบริเวณ ละอองฝุ่นปลิวเข้าตา เม็ดฝนแหมะลงบนหัว มือสัมผัสดู จ้องมองพลันถอนหายใจ ไม่ทันแล้วละ สงสัยคงต้องหาที่หลบฝนเสียก่อน
        
            การตัดสินใจของผมเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน สายตาเหลือบไปเห็นป้อมตำรวจที่ร้างมานาน วิ่งเข้าไปยังภายใน รอจนกว่าฝนจะเบาบาง    
         
          ข้างในนี้ค่อนข้างมืดทีเดียว หันซ้าย แลขวา มือจับกีตาร์ไว้มั่น ห่วงกลัวจะเปียก เลยวางไว้บนเท้า ตอนนี้ผมรู้สึกหนาวเหลือเกิน ขาทั้งสองข้างสั่นระริก ฟันกระทบกันจนเกิดเสียงดัง กึก กึก กึก ขนลุกตั้งชัน เสียววาบจากแผ่นหลังขึ้นสู่ใบหู มองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เข็มสั้นชี้เลขเจ็ด เข็มยาวชี้เลขสาม ผมคงได้แต่ทำใจ รอเบื้องบนระบายความรู้สึกจนดีขึ้น ผมจึงได้มีโอกาสที่ตัวจะเปียกน้อยที่สุด
        
           ความเหงาแผ่ปกคลุมจิตใจ ครั้นเมื่อมองสายฝนทีไร ผมจะรู้สึกหวิวข้างในห้วงอารมณ์เสมอ เมื่อนึกย้อนไปยังอดีต หรือไม่ก็เรื่องเลวร้ายต่างๆที่ผ่านพ้นมา  ผมยื่นฝ่ามือออกไป สัมผัสถึงน้ำหนักหยดน้ำที่กระทบบนมือ ไม่รู้สึกเจ็บ หากแต่รู้สึกเย็นชื่น ฝนที่กำลังตกลงมาทำให้ภาพบนท้องถนนนั้นดูพร่างพรายเป็นสีขาว อยากคิดถึงใครสักคนหนึ่ง แต่ใครกันเล่า? ผมไม่มีความทรงจำที่ดีที่จะทำให้คล้อยตามกับบรรยากาศได้เลย
        
             สายตามองออกไปไร้จุดมุ่งหมาย ได้กลิ่นหอมอ่อนๆโชยแตะจมูก ครุ่นคิด คือกลิ่นอะไรนะ รู้สึกเหมือนเคยได้กลิ่นนี้มาก่อน ที่ไหนกันนะ คิ้วขมวดเข้าหากัน เหมือนติดอยู่ที่ปาก กลิ่นนั้นเบียดใกล้เข้ามากยิ่งขึ้น ด้วยลมนำพา ปรายตามองทิศทางลมพัดผ่านเข้ามาด้านข้าง

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา