ฤารักครั้งแรก
7.4
1) ชีวิตที่น่าเบื่อของห้อง 505
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้วตอนที่ผมเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าห้อง505 ขณะที่ผมยื่นมือจะไขกุญแจเข้าห้องพักตัวเองก็ด้ยินเสียงปัดกวาดจากห้องข้างๆผมจึงเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย
" มีคนจะย้ายเข้ามาใหม่หรือครับพี่ใจ" ผมชะโงกหน้าถามแม่บ้านประจำอพาร์ตเมนท์
" อ้าว คุณป้อง ใช่แล้วค่ะ คุณนายว่าห้องนี้มีคนมาดูและทำสัญญาเช่าแล้ว อีกสองสามวันคงย้ายเข้า ใจกล้ามากเลยนะค่ะที่มาเช่าห้องที่เคยมีคนตายแบบนี้" ประโยคท้ายแม่บ้านเดินมากระซิบกับผมเบาๆ
" แล้วมาทำความสะอาดคนเดียวไม่กลัวหรือไงครับ " ผมถามยิ้มๆ เธอจึงค้อนใส่
" กลัวซิค่ะ ถึงได้เอาอีน้อยขึ้นมาด้วย " เธอพยักหน้าไปทางเด็กสาวซึ่งน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผมที่ยืนเช็ดกระจกอย่างอายๆอยู่ตรงระเบียง ผมหันไปยิ้มให้ เธอจึงก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย
" อ้าวๆ อีน้อย เช็ดกระจกแล้วก้มมองพื้นนะ มันจะสะอาดได้มั้ย แหมมม เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้นะ" พี่ใจหันไปหยอกอีกฝ่าย
" งั้นผมเข้าห้องก่อนนะครับ แล้วเราคงได้รู้กันว่าผู้เช่าใจกล้าคือใคร" ผมพูดยิ้มๆแล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป
ผมเช่าอยู่อพาร์ตเมนท์นี้มาได้สองปีกว่าแล้ว โชคดีตอนที่เกิดเรื่องคดีฆ่าตกรรมห้องข้างๆนั้นผมไม่อยู่ เพราะเป็นช่วงปิดภาคเรียนพอดี ผมจึงไปอยู่กับยายในชนบนอีกอำเภอหนึ่ง ช่วงนั้น "คุณนาย" หรือ "ป้าพร" ป้าของผมได้รับผลกระทบจากข่าวนักศึกษาแทงแฟนสาวในอพาร์ตเมนท์ของตัวเองอย่างหนัก ทั้งๆที่อพาร์ตเมนท์นี้เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน แต่ด้วยทำเลที่ดีและสภาพห้องที่ยังใหม่ ประกอบกับแกลดค่าเช่าให้สำหรับคนที่ยังทำการเช่าต่อ ไม่นานผู้คนก็ทำเป็นลืม และเมื่อไม่ได้มีเหตการณ์ชวนขนลุกเกิดขึ้น ทุกคนจึงเริ่มลืมได้จริงๆ เว้นแต่ห้องต้นเหตุที่กี่รายๆมาเช่าแล้วต้องขอย้ายออกทุกราย ไม่ว่าจะแกให้พระมาสวดปัดรังควานหรือ ประกาศลดค่าเช่ายังไงก็ยังไม่กล้ามีใครมาเช่า เพื่อนผมต่างพากันยกนิ้วให้ที่ผมยังอยู่ห้องเดิม จำได้ว่าช่วงนั้นไม่มีใครมาเยี่ยมหาผมหลายเดือนเลยทีเดียว สำหรับตัวผมนั้น ผมไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับเหตการณ์หรือเรื่องชวนสยองขวัญที่อาจจะเกิดเลยสักนิด ผมกลับรู้สึกเศร้าใจกับสองหนุ่มสาวอดีตเจ้าของห้องเช่ามากกว่า " พี่ฝ้าย" กับ "พี่น้ำ" แกมาเช่าก่อนที่ผมจะเข้ามาอยู่ได้สักครึ่งปี ทั้งสองดูรักและห่วงใยกันดีในสายตาของผม พี่ฝ้ายนั้นไม่ค่อยพูดแต่เป็นผู้หญิงที่ใจดีมาก แกชอบแบ่งขนมมาให้ผมเป็นประจำ ในขณะที่พี่น้ำเป็นคนมีอารมณ์ขัน เวลาแกอารมณ์ดีก็ออกมาดีดกีต้าร์ร้องเพลง จีบเบียร์เย็นตรงๆระเบียงห้องเป็นประจำ ผมเข้ามาร่วมวงกับแกหลายครั้ง ผมไม่เข้าใจเลย ว่าคนที่อยู่ด้วยกันเหมือนสามีภรรยา คนที่รักที่ห่วงใยกัน มีสาเหตุอะไรที่ทำให้ต้องฆ่าแกงกันเอง สำหรับผมแล้ว มันเหมือนความฝันเสียมากกว่าที่นิยายรักของสองคนที่ผมรู้จักกลับต้องจบอย่างโหดร้ายเช่นนั้น ผมโยนกระเป๋านักเรียนลงบนโซฟาอย่างไม่ไยดี มือคว้ารีโมทเปิดทีวีด้วยความเคยชินก่อนเดินเข้าไปในครัวหยิบน้ำดื่มเย็นๆให้ตัวเอง ผมพาตัวเองนั่งลงบนโซฟา ใจไม่ได้จดจ่อกับรายการทีวีที่ฉายอยู่สักนิด หลายครั้งที่ผมในยามที่ได้นิ่งๆ ผมเฝ้าถามตัวเองว่า "ผมเกิดมาทำไม" ชีวิตเด็กมัธยมปลายอันแสนจะสุขสบาย ใช้ชีวิตด้วยตัวเองในห้องพักดีๆ ไม่ต้องทำอะไรก็มีเงินโอนเข้าบัญชีเลขไม่ต่ำกว่าหกหลักทุกเดือน มีรถส่วนตัวใช้ ไปโรงเรียนเอกชนแพงๆ ดูเหมือนชีวิตจะสบายไปเสียทุกอย่าง แต่ข้างในผมกลับรู้สึกอ้างว้างและโดดเดี่ยว ยิ่งเวลาต้องกลับมาอยู่ในห้องเงียบๆที่มีแต่เสียงทีวีเป็นเพื่อนแบบนี้ ผมยิ่งรู้สึก "ไร้ตัวตน" ผมถอนหายใจพร้อมกับสลัดความคิดแย่ๆออกไปจากหัว ก่อนหันไปปิดทีวีแล้วเปิดเพลงร๊อคตามสมัยนิยมดังลั่นห้อง ผมหยิบกระเป๋านักเรียนเข้าไปวางเป็นที่เป็นทางในห้องนอน เตรียมตัวจะอาบน้ำ ไอโฟนในกระเป๋านักเรียนส่งสัญาณเมื่อมีข้อความเข้า ผมจึงเปิดอ่านดู เป็น "ไอ้มิน" ที่นัดผมไปทานข้าวร้านข้าวแกงใกล้ๆซึ่งเป็นร้านประจำของผมกับมัน "มิน หรือ ปรมิทร์" เป็นเพื่อนร่วมห้องของผม เราไปไหนมาได้ด้วยกันบ่อยเพราะว่าเป็นนักกีฬาทีมบาสโรงเรียนเหมือนกัน อีกอย่างมันเช่าอพาร์ตเมนท์ถัดไปอีกซอยหนึ่ง เราจึงเจอกันง่ายกว่าคนอื่นในก๊วน ดูเหมือนชีวิตผมมีเพียงเท่านี้ ตื่นนอน ไปเรียน ซ้อมกีฬา เรียนพิเศษ กลับบ้าน กินข้าว ทำการบ้าน นอน วนเวียนอยู่แบบนี้ทุกวัน ไม่นับเรื่องผู้หญฺิงที่เข้ามาเป็นระยะๆแต่ผมไม่เคยรู้สึกอะไรจริงจัง วูบวาบไปตามอารมณ์แล้วก็เลยผ่านไป เป็นชีวิตที่น่าเบื่อจริงๆ
" มีคนจะย้ายเข้ามาใหม่หรือครับพี่ใจ" ผมชะโงกหน้าถามแม่บ้านประจำอพาร์ตเมนท์
" อ้าว คุณป้อง ใช่แล้วค่ะ คุณนายว่าห้องนี้มีคนมาดูและทำสัญญาเช่าแล้ว อีกสองสามวันคงย้ายเข้า ใจกล้ามากเลยนะค่ะที่มาเช่าห้องที่เคยมีคนตายแบบนี้" ประโยคท้ายแม่บ้านเดินมากระซิบกับผมเบาๆ
" แล้วมาทำความสะอาดคนเดียวไม่กลัวหรือไงครับ " ผมถามยิ้มๆ เธอจึงค้อนใส่
" กลัวซิค่ะ ถึงได้เอาอีน้อยขึ้นมาด้วย " เธอพยักหน้าไปทางเด็กสาวซึ่งน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผมที่ยืนเช็ดกระจกอย่างอายๆอยู่ตรงระเบียง ผมหันไปยิ้มให้ เธอจึงก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย
" อ้าวๆ อีน้อย เช็ดกระจกแล้วก้มมองพื้นนะ มันจะสะอาดได้มั้ย แหมมม เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้นะ" พี่ใจหันไปหยอกอีกฝ่าย
" งั้นผมเข้าห้องก่อนนะครับ แล้วเราคงได้รู้กันว่าผู้เช่าใจกล้าคือใคร" ผมพูดยิ้มๆแล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป
ผมเช่าอยู่อพาร์ตเมนท์นี้มาได้สองปีกว่าแล้ว โชคดีตอนที่เกิดเรื่องคดีฆ่าตกรรมห้องข้างๆนั้นผมไม่อยู่ เพราะเป็นช่วงปิดภาคเรียนพอดี ผมจึงไปอยู่กับยายในชนบนอีกอำเภอหนึ่ง ช่วงนั้น "คุณนาย" หรือ "ป้าพร" ป้าของผมได้รับผลกระทบจากข่าวนักศึกษาแทงแฟนสาวในอพาร์ตเมนท์ของตัวเองอย่างหนัก ทั้งๆที่อพาร์ตเมนท์นี้เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน แต่ด้วยทำเลที่ดีและสภาพห้องที่ยังใหม่ ประกอบกับแกลดค่าเช่าให้สำหรับคนที่ยังทำการเช่าต่อ ไม่นานผู้คนก็ทำเป็นลืม และเมื่อไม่ได้มีเหตการณ์ชวนขนลุกเกิดขึ้น ทุกคนจึงเริ่มลืมได้จริงๆ เว้นแต่ห้องต้นเหตุที่กี่รายๆมาเช่าแล้วต้องขอย้ายออกทุกราย ไม่ว่าจะแกให้พระมาสวดปัดรังควานหรือ ประกาศลดค่าเช่ายังไงก็ยังไม่กล้ามีใครมาเช่า เพื่อนผมต่างพากันยกนิ้วให้ที่ผมยังอยู่ห้องเดิม จำได้ว่าช่วงนั้นไม่มีใครมาเยี่ยมหาผมหลายเดือนเลยทีเดียว สำหรับตัวผมนั้น ผมไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับเหตการณ์หรือเรื่องชวนสยองขวัญที่อาจจะเกิดเลยสักนิด ผมกลับรู้สึกเศร้าใจกับสองหนุ่มสาวอดีตเจ้าของห้องเช่ามากกว่า " พี่ฝ้าย" กับ "พี่น้ำ" แกมาเช่าก่อนที่ผมจะเข้ามาอยู่ได้สักครึ่งปี ทั้งสองดูรักและห่วงใยกันดีในสายตาของผม พี่ฝ้ายนั้นไม่ค่อยพูดแต่เป็นผู้หญิงที่ใจดีมาก แกชอบแบ่งขนมมาให้ผมเป็นประจำ ในขณะที่พี่น้ำเป็นคนมีอารมณ์ขัน เวลาแกอารมณ์ดีก็ออกมาดีดกีต้าร์ร้องเพลง จีบเบียร์เย็นตรงๆระเบียงห้องเป็นประจำ ผมเข้ามาร่วมวงกับแกหลายครั้ง ผมไม่เข้าใจเลย ว่าคนที่อยู่ด้วยกันเหมือนสามีภรรยา คนที่รักที่ห่วงใยกัน มีสาเหตุอะไรที่ทำให้ต้องฆ่าแกงกันเอง สำหรับผมแล้ว มันเหมือนความฝันเสียมากกว่าที่นิยายรักของสองคนที่ผมรู้จักกลับต้องจบอย่างโหดร้ายเช่นนั้น ผมโยนกระเป๋านักเรียนลงบนโซฟาอย่างไม่ไยดี มือคว้ารีโมทเปิดทีวีด้วยความเคยชินก่อนเดินเข้าไปในครัวหยิบน้ำดื่มเย็นๆให้ตัวเอง ผมพาตัวเองนั่งลงบนโซฟา ใจไม่ได้จดจ่อกับรายการทีวีที่ฉายอยู่สักนิด หลายครั้งที่ผมในยามที่ได้นิ่งๆ ผมเฝ้าถามตัวเองว่า "ผมเกิดมาทำไม" ชีวิตเด็กมัธยมปลายอันแสนจะสุขสบาย ใช้ชีวิตด้วยตัวเองในห้องพักดีๆ ไม่ต้องทำอะไรก็มีเงินโอนเข้าบัญชีเลขไม่ต่ำกว่าหกหลักทุกเดือน มีรถส่วนตัวใช้ ไปโรงเรียนเอกชนแพงๆ ดูเหมือนชีวิตจะสบายไปเสียทุกอย่าง แต่ข้างในผมกลับรู้สึกอ้างว้างและโดดเดี่ยว ยิ่งเวลาต้องกลับมาอยู่ในห้องเงียบๆที่มีแต่เสียงทีวีเป็นเพื่อนแบบนี้ ผมยิ่งรู้สึก "ไร้ตัวตน" ผมถอนหายใจพร้อมกับสลัดความคิดแย่ๆออกไปจากหัว ก่อนหันไปปิดทีวีแล้วเปิดเพลงร๊อคตามสมัยนิยมดังลั่นห้อง ผมหยิบกระเป๋านักเรียนเข้าไปวางเป็นที่เป็นทางในห้องนอน เตรียมตัวจะอาบน้ำ ไอโฟนในกระเป๋านักเรียนส่งสัญาณเมื่อมีข้อความเข้า ผมจึงเปิดอ่านดู เป็น "ไอ้มิน" ที่นัดผมไปทานข้าวร้านข้าวแกงใกล้ๆซึ่งเป็นร้านประจำของผมกับมัน "มิน หรือ ปรมิทร์" เป็นเพื่อนร่วมห้องของผม เราไปไหนมาได้ด้วยกันบ่อยเพราะว่าเป็นนักกีฬาทีมบาสโรงเรียนเหมือนกัน อีกอย่างมันเช่าอพาร์ตเมนท์ถัดไปอีกซอยหนึ่ง เราจึงเจอกันง่ายกว่าคนอื่นในก๊วน ดูเหมือนชีวิตผมมีเพียงเท่านี้ ตื่นนอน ไปเรียน ซ้อมกีฬา เรียนพิเศษ กลับบ้าน กินข้าว ทำการบ้าน นอน วนเวียนอยู่แบบนี้ทุกวัน ไม่นับเรื่องผู้หญฺิงที่เข้ามาเป็นระยะๆแต่ผมไม่เคยรู้สึกอะไรจริงจัง วูบวาบไปตามอารมณ์แล้วก็เลยผ่านไป เป็นชีวิตที่น่าเบื่อจริงๆ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ