รักครั้งแรกแห่งทวิภพ2
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
สายลมพริ้วไหวกลางสายน้ำยามเย็น พัดกรวดหินและดินทรายคลุ้งเป็นละอองฝุ่น
ท่ามกลางผู้คนจอแจพลุกพล่านในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งใจกลางเมืองใหญ่
อากาศต้นฤดูหนาวเย็นสบาย สายลมเคล้าเสียงนกจิบจับมากมายรื่นใหล
ไปตามยอดไม้ ดั่งเสียงดนตรีมีปีกน้อยๆจากธรรมชาติกำลังปลุกปั่นให้ทุกชีวิตยามเย็นสดชื่นมี
ชีวิตชีวาเหมือนเช่นทุกๆวันที่ผ่านมา แต่เพียร์ส กลับนั่งถอนหายใจอยู่เพียงลำพังที่ริมน้ำ เขามองเงาตะวันแดงก่ำยามเย็นจัดสั่นไหวบนผิวน้ำอย่างเหม่อลอย
คงเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนวันก่อน ตอนที่เขาได้บังเอิญพบกับชายแก่ลึกลับคนหนึ่งเข้า ชายแก่ผู้นั้นได้บอกกับเขาว่า เขาจะได้ไปที่แห่งหนึ่งในอีกหกวันข้างหน้า
ช่างคำพูดที่แสนจะธรรมดา แต่เป็นวาจาที่ขยันทำให้เขาไม่สบายใจเอาเสียเลย เขาหวั่นวิตกเพราะคำพูดบ้าบอนั่นของตาเฒ่าสติเพี๊ยนคนนั้นมาสองวันเต็มแล้ว เจ้าของคำพูดที่ไม่น่าปรารมภ์นี้จะรู้ใหมนะว่าเพียร์สรู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีที่นึกถึงคำพูดบ้าบอนั่น
ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อน ที่ฟุตบาทริมถนนซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาได้พบกับชายแก่ครั้งแรก
" โครมมมมมมมม!!!!!!!! " เสียงอะไรซักอย่างล้มลงฟาดถนน และ ไถลอย่างแรง
มันดังขึ้นบนผิวถนนเย็นเฉียบและเงียบสงัดกลางดึกของคืนวันหนึ่ง
ชายหนุ่มพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นด้วยทีท่ามึนงงเล็กน้อย พลางมองช็อปเปอร์สีดำถึกซึ่งนอนแน่นิ่งไปเสียเรียบร้อยแล้ว เขายกมือกุมขมับเมื่อรู้ว่ากีตาร์สุดรักแสนแพงของเขาก็ถูกแรงกระแทกเด็ดออกเป็นสองท่อนเรียบร้อยเช่นเดียวกัน เพียร์สทรุดตัวลงนั่งพักริมฟุตบาท
เขายกมือกุมขมับอีกหน ไรคิ้วคมสีดำเข้มขมวดเป็นปมเหนือดวงตาสีนิลกาฬที่กำลังกลิ้งกลอกไปมา เหมือนพยายามคิดคำตอบของข้อกังขาอะไรสักอย่าง
" เกิดอะไรขึ้น "
" นี่เราเป็นอะไรกันแน่นะ " เพียร์สพึมพำกับตัวเองอย่างสงสัย เพราะอาการปวดขมับรุนแรงของเขากำเริบขึ้นอีกแล้ว และที่น่าแปลกก็คือเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย และเขาก็ไม่เคยมีประวัติเอาหัวไปประสบอุบัติเหตุที่ใหนด้วย มันรุนแรงขึ้นทุกครั้ง
และครั้งนี้หนักหนาจนสติของเขาขาดผึงและดับวูบลง จนพาหนะราคาแพง เสียหลักไถล ไกลจากจุดเกิดเหตุหลายเมตร ร่างของเขาก็กระเด็นกระดอนกระแทกโน่นกระแทกนี่อีกที สติของเขาจึงกลับมาฉายใหม่เหมือนเดิม
แต่อาการปวดหัวกลับยังไม่หายไป ตอนนี้มันกำลังถาโถมชายหนุ่มทีละนิด เขาไม่กล้าเสี่ยงฝืนขับรถกลับบ้านแน่ เพราะถ้าหากสติของเขาขาดผึงอีกรอบ เขาจะแน่ใจได้ไงว่าตื่นขึ้นมาจะไม่เห็นตัวเองนอนอยู่ใต้ท้องรถ หรือจบที่คำว่าร่วมไว้อาลัยแด่...........การจากไปของเขา
สามสิบนาทีผ่านไป...............อาการของเขาไม่ดีขึ้นเลย ชายหนุ่มนอนดิ้นบิดเป็นเกรียวอยู่ริมฟุตบาทอย่างทรมาน ถนนสายนี้ทุกคืนรถวิ่งสวนกันไปสวนกันมาแทบจะประสานงากันตายทุกคืน คืนนี้กลับไม่มีใครผ่านมาเลย ไม่มีใครผ่านมาเลยซักคน มันเงียบกริบราวกับว่าเขากำลังนอนดิ้นบิดไปมาด้วยความเจ็บปวดข้างถนนของเมืองร้างตายซาก มันสงัดจนเขาไม่รู้ตัวเลยว่า
ท่ามกลางแสงไฟริบหรี่ของสองข้างถนน ความเงียบงันของบรรยากาศปรากฏเงาลางๆกำลังเคลื่อนผ่านมาที่ตัวเขา
" เป็นยังไงบ้างเพียร์ส " ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก!
เสียงแหบต่ำของชายปริศนาผู้หนึ่งดังขึ้นข้างๆเขา เพียร์สค่อยๆลืมตาตอบสนอง แม้ภาพที่เห็นจะเลือนลางฝ้าฟางไปบ้าง แต่เขามั่นใจว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่ผิดแน่ ชายผู้นั้นเป็นชายชราหง่อม ผอม สูง ผมและเคราขาวโพนเป็นระเบียบราวกับนำเกร็ดหิมะมาถักทอเป็นเส้นใหม ดวงตาอิ่มบารมีคู่นั้นประกายเบาๆใต้แสงไฟสลัว และที่น่าประหลาดใจที่สุด
ชายแก่กำลังยิ้มให้เขาอยู่.....................
ทีท่าเขาดูสงบเยือกเย็น ใบหน้าเงียบนิ่งนั้นล้ำลึกดูไม่เหมือนคนปกติทั่วไป เขาไม่สะทกสะท้านร้อนรนแม้แต่น้อยเมื่อเห็นคนนอนเจ็บตรงหน้า รึจะว่าไปแล้วเพียร์สไม่คิดว่าชายลึกลับผู้นี้จะมีสติสมประกอบซักเท่าไหร่
" ช่วย ผมด้วย " เพียร์สโอดครวญ แต่คำขอร้องไม่เป็นผลซักนิด เพราะฝั่งตรงข้ามกลับคุ้ยหาบางอย่างในกระเป๋าอย่างใจเย็น
ชายแก่มีสีหน้าครุ่นคิดขณะควานหาบางสิ่งในกระเป๋าผ้าที่มี รอยดุนเข็มเย็บพรุนเต็มไปหมด เขาหยิบสิ่งหนึ่งออกมา มันเป็นวัตถุประหลาดที่สุดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มันดูคล้ายกับเข็มทิศ แตกต่างตรงที่ด้านในหน้าปัดไม่มีเข็มกับตัวเลขบอกองศาใดๆเลย แต่กลับมีวงล้อโลหะมากมายหมุนทวนสวนกันไปมา
แต่ละวงสลักอักษรโบราณกำกับไว้ทั้งวง
ชายแก่หัวเราะหึหึขณะดู ราวกับว่าวัตถุชิ้นนั้นกำลังบอกเรื่องน่าขบขันสำหรับเขาอยู่ จะอย่างไรก็ตามชายแก่คงดูเข้าใจ เพราะเขาใส่มันกลับเข้าไปในกระเป๋าดังเดิม และเอ่ยออกมาอย่างอารมภ์ดีว่า
" โชคยังดี เธอยังมีเหลือเวลาอีก 144 ชั่วโมง ก่อนจะได้ไปที่แห่งหนึ่งในอีกหกวันข้างหน้า ฉันแนะนำให้เธอเก็บเกี่ยวความสุขให้ได้มากที่สุด เพราะที่นั่นบรรยากาศไม่ดีเอาเสียเลย " ชั่วแวบหนึ่งหลังจากสิ้นเสียงน้ำคำ เพียร์สรู้สึกกลัวเขาขึ้นมาทันทีความรู้สึกมันทั้งหนาวทั้งร้อน เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันเป็นเพราะอะไรถึงกลัวคำพูดนั่น
เวลาของอะไรที่จะจบลงด้วย 144 ชั่วโมงข้างหน้า และเขาจะได้ไปที่ใหน มันฟังดูเหมือนเวลาของเขากำลังจะหมดยังไงยังงั้น
ชายแก่ล้มตัวลงนั่งข้างๆเขา มือหยาบย่นโปนมีแต่กระดูกของแก
พยุงเพียร์สลุกขึ้นนั่งพลางควักขวดใสบรรจุของเหลวสีอำพันประกายระยับกรอกปากชายหนุ่ม ประหลาด! น่าอัศจรรย์!
มันน่าประหลาด ทันทีที่่ของเหลวนั้นสัมผัสกับริมฝีปาก ความทรมานของเขาทั้งหมด
ก็ค่อยๆสลายหายไปฉับพลันทันที มันอบอุ่นอาบใหลไปทั่วร่างราวกับว่าเขากำลังนอนแช่อยู่ในน้ำอุ่นก็ไม่ปาน
" ดีขึ้นใช่มั้ย " ชายแก่ถามเบาๆด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขาพยักหน้ารับแต่สายตายังคงจับแน่นที่ปากขวด เพียร์สมองมันอย่างกึ่งทึ่งกึ่งฉงน น้ำยาอันน่าพิศวงสนเท่ห์นี่ แทบจะละลายความทรงจำที่ทุกข์ที่สุดของเขาไปด้วย
" ยาบรรทมทุกข์น่ะ "
ชายแก่บอกก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามด้วยซ้ำ
" ยานี่ ปกติแล้ว เราจะใช้กันกับคนที่มีอาการสาหัสทางใจ มันสกัดจากหยาดน้ำตาของผู้ที่สูญเสียซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งความหวัง ความปรารถนา และ ความทรงจำ
มันมีฤทธิ์เพียงแค่กล่อมความโศรกเศร้าให้หลับใหล มันจะช่วยให้เธอลืมความทรงจำอันน่าหดหู่ไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น แต่สมานแผลภายในใจให้หายขาดไม่ได้ ถ้าจะว่าไป ฉันคิดว่ามันยังไม่ใช่ยาที่ดีนัก "
เขาไม่รู้ว่าชายแก่จะรู้หรือไม่ แต่มันไม่ได้ช่วยทำให้เขาเข้าใจอะไรเลย ชายหนุ่มเหงื่อตกเขาสับสนและงุนงงไปหมด คำถามมากมายวิ่งวนวุ่นวายภายในหัวสมองทึมทึบที่เพิ่งจะหายจากความเจ็บปวด เขาพยายามจะหาคำพูด แต่มันสับสนมึนงงจนเขาคิดอะไรไม่ออกเลยซักนิด
แต่อย่างน้อยชายหนุ่มก็ยังมีสติมากพอที่จะ โพล่งคำถามหนึ่งขึ้นมาได้
" เอ่อ....ลุงเป็นใคร " ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าชายแก่ไม่ตอบ แต่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
" ผมกำลังจะไปใหน และเวลาของอะไรจะจบลงที่ 144 ชั่วโมงข้างหน้า "
ชายแก่ลุกขึ้นเหยียดแขนด้วยทีท่าผ่อนคลาย " โอ............ให้ตายสิ " เขาทำท่าตกใจเล็กน้อย " เอาหล่ะ ฉันสายมากแล้ว .....เห็นทีต้องไปแล้วสินะ มีงานต้องทำน่ะ
อ้อ ถ้าไม่ว่าอะไร ฉันจะขอยานั่นคืนด้วย "
เพียร์สรู้ว่าชายแก่บ่ายเบี่ยงจึงรีบยิงคำถามรั้งตัวแกไว้
" เพียร์สคือชื่อของผม ลุงรู้ชื่อของผมได้ยังไง "
ชายแก่ไม่ตอบอีกหน เขาลงมือจัดสัมภาระให้เข้าที่ก่อนจะเตรียมตัวเดินจากไป
" เดี๋ยวก่อน............. แล้วลุงชื่ออะไร " ชายแก่ชงักหยุดนิดหนึ่งก่อนจะหันมาตอบเบาๆด้วยรอยยิ้มว่า
" เรียกฉันว่ายาอัยเถอะ ใครๆก็เรียกฉันแบบนั้น "
สิ้นประโยคคำตอบสั้นๆ ยาอัยก็เดินจากไป และแทบจะหายไปในทันทีที่พ้นแสงสว่างจากเสาไฟฟ้าสองข้างทางริมถนน
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ