แผนลับ กับ คนอัจฉริยะ ภาค 2
-
2) วันที่สองในคุก กับ การค้นหาจุดอ่อน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนับว่าเรือนจำอยุธยาจะเป็นเรือนจำที่มีชื่อที่สุดสำหรับเรื่องความเถื่อน ความโหด ความน่ากลัว และความเหี๊ยนจากวิญญาณของคนที่ได้เสียชีวิตไปในเมืองเล็กๆที่เรียกกันว่า เรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา ที่นี่มีแต่เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นไม่เว้นวัน บ้างก็มีผู้คุมมาห้ามปราม แต่บางครั้งกลับมีแต่ผู้ชมที่คอยลุ้นและคอยเชียร์ว่าใคร หรือ ฝ่ายใดจะชนะ การสู้กันเกือบทุกครั้งในเรือนจำนี้จะต้องมีเม็ดเงินมหาศาลไหลเวียนในระบบ ไม่ใช่แค่นักโทษเท่านั้น แต่ผู้คุมเองก็ไม่เคยพลาด ดังนั้นแล้วพวกเขาจะเข้ามาห้ามการต่อสู้เกือบทุกครั้งที่ไม่มีการบอกกล่าวกันล่วงหน้า ผู้คุมจะได้เงินจากนักโทษในฐานะเป็นผู้จัดให้มีการต่อสู้ในนี้ และนักโทษก็ได้เงินจากการพนัน บางคนได้บางคนเสียบางคนไม่ยอมจ่ายบางคนถูกฆ่าตาย นับว่าเป็นเมืองเล็กๆที่ไม่มีความน่าอยู่เลยสำหรับคนดีๆหลายๆคน ที่นี่เปรียบได้กับสถาบันสอนคนดีให้กลายเป็นคนเลว คนที่พ้นโทษไปจากที่นี่ไม่มีเลยสักคนที่เปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีได้ มีแต่เลวลงกว่าเดิม
ดิ๊น เจมส์ และสมิทยังคงปรับตัวเข้ากับสถานที่สุดจะทนที่นี่ไม่ได้ นี่ก็สองวันแล้วที่พวกเขาได้มาอยู่ร่วมกันในเรือนจำนี่ พวกเขายังคงมองหาจุดอ่อนต่างๆในเรือนจำนี้ พวกเขาเดินไปทุกๆจุด ไปทุกๆที่ที่สามารถไปได้ ถามทุกๆคนที่พวกเขาสามารถถามได้ พวกเขาต้องรู้จักที่นี่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถหาได้ ข้อมูลของพวกเขาจะต้องเอาไปให้ บิ๊น น้องชายฝาแฝดของดิ๊น ผู้ซึ่งเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้การหนีของพวกเขาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ที่นี่มีนักโทษรวมกันอยู่ เกือบๆ 500 ชีวิต แบ่งกันเป็นราวๆ 3 แก๊งใหญ่ๆ หลายคนก็ไม่มีแก๊งสังกัด คนเหล่านั้นจะต้องจ่ายเงินให้กับหัวหน้าแก๊งต่างๆ เป็นค่าธรรมเนียม หนึ่งในคนเหล่านั้นคือ พวกดิ๊น แต่พวกเขาทั้งสามไม่มีเงินติดตัวกันเลยสักนิด พวกเขาจำเป็นต้องทำงานแทนเงินที่พวกเขาทั้งสามไม่มีจ่าย งานที่ไม่มีใครอยากจะทำเป็นแน่ ข้อดีของการได้ทำงานคือ การได้ไปในที่ที่พวกเขามีโอกาสยากที่จะไป เจมส์คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่งเขา เขาไม่ยอมทำตาม ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นกับเจมส์นอกเสียจาก การได้เข้าไปนอนห้องพยาบาลหนึ่งคืน เจมส์ถูกแก๊งหนึ่งกระทืบสะยับเลยทีเดียว จริงๆแล้วการที่เจมส์เลือกที่จะให้ตัวเขาโดนกระทืบนั้น เป็นเพราะเขาต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสารวัตรป๊อป ป๊อปคงเป็นตำรวจนายเดียวที่ติดคุกในที่นี่ เขาต้องการเข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าเจมส์ ความแค้นที่เจมส์ฆ่าเพื่อนรักของเขายังคงอัดอั้นอยู่ในใจป๊อปเสมอ ไม่มีบทลงโทษใดที่จะดีไปกว่าการส่งเจมส์ไปลงนรกอีกแล้วในความคิดของป๊อป ป๊อปมีเส้นสายจำนวนมากกับผู้คุมหลายคนที่นี่ ทุกครั้งที่เจมส์ เดินผ่านป๊อป สายตาของป๊อปบอกเจมส์เสมอว่าเขามีเป้าหมายอะไรในการเข้ามาที่นี่ ป๊อปรอเวลาที่จะฆ่าเจมส์เท่านั้น
สมิท และดิ๊นเริ่มประชุมกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่พวกเขาหามาได้ในวันนี้ ดิ๊นเริ่มเล่าข้อมูลที่เขาหามาได้เป็นคนแรก ดิ๊นเล่าว่า “ที่นี่มีผู้คุมตรวจตราตลอดทั้งวัน แต่ข้อดีคือ ตอนกลางคืนพวกเราเป็นอิสระ ผู้คุมที่นี่กลัวเรื่องเล่าความเหี๊ยนของเรือนจำแห่งนี้ ด้านหลังของเรือนจำเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา มันต้องมีท่อน้ำไหลออกคลองเป็นแน่ แต่ปัญหาติดอยู่ที่ว่า ท่อขนาดที่พวกเราสามารถคลานออกไปสู่คลองได้นั้น มันอยู่กลางลานกว้างขนาดใหญ่ที่ห้ามนักโทษคนใดเหยียบย่างเข้าไปเว้นแต่พวกเขาจะไม่มีวิญญาณในร่างแล้ว ด้านหลังนั่นมีทหารหนึ่งนายยืนอยู่ด้านบนหอสูง พวกเขาจะยิงทันทีเมื่อเห็นนักโทษคนใดเดินเหยียบพื้นดินด้านหลังนั้น เราอาจจะหาทางไปที่นั่นในตอนกลางคืน และคลานออกสู่คลองโดยไม่มีใครเห็น นั่นเป็นวิธีเดียวที่ฉันคิดได้ในตอนนี้”
สมิทเริ่มพูดสนับสนุนความคิดดิ๊น “ความคิดนายน่าสนมาก ถ้าเราจะไปตอนกลางคืน เราคงต้องเตรียมชุดสีดำ เรื่องนั้นฉันจะจัดการให้เอง ส่วนทางไปคงมีทางเดียวคือห้องครัว ที่นั่นมีประตูบานหนึ่งที่ถูกล๊อกไว้ ฉันมั่นใจว่านั่นเป็นประตูบานเดียวที่สามารถออกไปสู่ลานกว้างนั่นได้ พวกเราจะรอให้เจมส์กลับออกมาจากห้องพยาบาลก่อน พวกเราต้องพึ่งเขาในการเปิดประตูนั่น” นับว่าแผนของเขาสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ที่เหลือก็แค่รอบลุ้นว่าเวลาใดจะเป็นเวลาที่ทหารคนนั้นจะเปิดทางสว่างให้พวกเขาในการหลบหนี ทันใดนั้นเอง มีเสียงบางอย่างดังมาจากด้านหลังของสมิท และดิ๊น เขาทั้งสองวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปดูว่ามีใครได้ยินแผนการของเขาหรือไม่ แต่ทันทีที่เขาทั้งสองวิ่งไป พวกเขาก็ไม่เห็นผู้ใดแอบฟังพวกเขาอยู่ มันอาจเป็นแค่เสียงการทะเลาะวิวาทด้านนอกก็เป็นได้
เวลา 15.00 น. เสียงประกาศดังขึ้น “เจมส์ สมิท ดิ๊น มีคนมาเยี่ยม” สมิทและดิ๊นเท่านั้นที่เดินไปยังบริเวณเยี่ยมนักโทษ เจมส์ยังคงนอนอยู่ในห้องพยาบาล พวกเขาทั้งสองนั่งลงเพื่อรอ บิ๊นนั่นเอง บิ๊นนั่งลงและพูดขึ้นว่า “เป็นไงบ้าง ได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง หรือต้องการอะไรจากข้างนอกก็บอกฉันมาได้เลย” “ตอนนี้สิ่งที่เรารู้ยังมีไม่มาก แต่ก็พอจะมีวิธีหนีออกไปจากที่นี่อยู่หนึ่งวิธี มันน่าจะง่ายและปลอดภัยที่สุดเท่าที่ฉันคิดได้ในตอนนี้ ” ดิ๊นเล่าแผนการหนีที่เขาคิดไว้กับสมิทให้กับบิ๊นได้ฟัง บิ๊นตกลงจะจัดการเรื่องการหลบหนีด้านนอกหลังจากที่เจมส์ สมิท และดิ๊นหนีออกไปได้ ดิ๊นทำหน้าตาตกใจเล็กน้อย “เดี๋ยวก่อน ฉันลืมไปเลย เมื่อคืนฝนทำท่าจะตกแต่กลับไม่ตก มันคงไปตกที่ไหนสักแห่ง ฉันอยากรู้ว่ามันไปตกที่ไหน แล้วนายช่วยดูให้ฉันหน่อยว่าน้ำทะเลขึ้นสูงสุดและต่ำสุดวันไหน” ดิ๊นเริ่มคิดถึงปัญหาเล็กน้อยที่เขาลืมคิดไปในตอนแรก บิ๊นเช็คข้อมูลทางมือถือของเขาทันที “ฝนไปตกที่ไหนไม่รู้ แต่ฉันคิดว่าคงเป็นจังหวัดสุพรรณบุรี หรือไม่ก็อ่างทอง ช่วงนี้ลมพัดมาจากฝั่งตกวันตกบ่อย และน้ำขึ้นสูงสุดในวันพรุ่งนี้ ” ทันทีที่บิ๊นพูดจบ ดิ๊นถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ เราต้องรอไปอีกเกือบหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้ถึงช่วงน้ำลง ฝนที่ตกมาเมื่อวานนี้จะไหลผ่านมาที่แม่น้ำเจ้าพระยา และมันคงทำให้ท่อน้ำที่ไหลออกไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาคงจะเต็มไปด้วยน้ำแน่ในช่วง 2 – 3 วันนี้ ” ดิ๊นบอกให้บิ๊นเตรียมการด้านนอกเพื่อรอพวกเขาในอีกราวๆ หนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า บิ๊นเดินหันหลังกลับไป เขาต้องรีบเตรียมการด้านนอกเพื่อให้การหลบหนีผ่านไปได้ด้วยดี
ดิ๊นและสมิทเดินกลับไปยัง ส่วนของนักโทษ ระหว่างทางดิ๊นได้พูดกับสมิทว่า “ หมอนั่นมันก็ฉลาดดีนะ แต่เสียอยู่ตรงที่เขาไม่ค่อยฟังคำพูดของฉันเลย หมอนั่นมั่นใจในตัวเองสูงมาก บางทีเราก็ต้องหวังพึ่งตัวเองมากกว่าที่จะพึ่งไอ้บิ๊นมัน ” ดิ๊นและสมิท หัวเราะกันเล็กน้อยหลังจากที่พูดจบ ทั้งที่ดิ๊นจะพึ่งบิ๊น แท้ๆ แต่เขากลับไม่มั่นใจเลยว่าบิ๊นจะพาพวกเขารอดจากการจับกุมในครั้งที่สองหรือไม่ เวลาผ่านไปจนกระทั่งกลางคืน ดิ๊นยืนหันหน้าไปยังทหารนายหนึ่งที่ยืนอยู่บนหอสูง ดิ๊นต้องการรู้ว่าจุดอ่อนของทหารนายนั้นคืออะไร และพวกเขาจะวิ่งไปถึงท่อกลางลานด้านหลังอย่างไรโดยที่ไม่ให้ทหารนายนั้นเห็น กระทั่งเวลาสามทุ่มกว่าๆ กลับไม่มีจุดอ่อนของทหารนายนั้นให้เห็น ไม่หันหน้าไปที่อื่นเลยแม้แต่น้อย ไม่ง่วง ไม่หาว ทั้งดิ๊นและทหารนายนั้นไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์เลยสักนิด
ระหว่าที่ดิ๊นยืนมองออกไปทางด้านหลังของเรือนจำอยู่นั่นเอง มีสมาชิกของแก๊งๆหนึ่งมาลากตัวดิ๊นไปใช้งาน ดิ๊นไม่สามารถขัดขืนชายกลุ่มนั้นได้ ทางเดียวที่ดิ๊นจะปลอดภัยคือการยอมทำตามที่พวกเขาสั่ง ดิ๊นยอมตามชายเหล่านั้นไป ส่วนสมิทเองยังคงมองหาผ้าหรืออะไรก็ได้ที่มีสีดำเพื่อพวกเขาจะได้ ใช้ในการหลบหนีในราวๆหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า พวกเขาต้องรอให้ถึงช่วงน้ำลงก่อน และยังต้องรอให้เป็นข้างแรกอีกด้วย ไม่งั้นแสงจากดวงจันทร์จะทำให้ทหารเห็นการเคลื่นไหวในลานนั่นเป็นแน่ สมิทเองก็พยายามหากลวิธีต่างๆที่พวกเขาจะใช้ในการออกไปจากที่นี่ สมิทแบ่งหน้าที่กับดิ๊นในการทำงานนี้ เจมส์คงสบายที่สุดเพราะเขาไม่ต้องทำอะไร ได้นอนพักอย่างๆสบายๆในห้องพยาบาล
ตอนนี้ดิ๊นถูกใช้ให้ไปทำความสะอาดห้องน้ำที่แสนจะสกปรก มันเหม็น และเต็มไปด้วยของเหลวที่มีสีเหลือง ดิ๊นแทบไม่อยากจะหายใจ เขาถึงกับต้องถอนหายใจกับสิ่งที่เขาเห็นและกลิ่นที่เขาได้สูดเข้าไป ทันทีที่ดิ๊นเริ่มหยิบจับที่ทำความสะอาดนั่นเอง มีเสียงดังมาจากทางลานด้านหลัง ปั๊ง ๆ ๆ ราวกับเสียงปืนยิงกัน เสียงในยามค่ำคืนนั้นดังสนั่นหวั่นไหว มันทำให้คนที่นอนหลับอยู่ถึงกับตื่น คนที่ทำธุระหนักเบาในห้องน้ำก็ถึงกับหยุด ทุกคนที่เมืองเล็กๆแห่งนี้ไม่เว้นแม้กระทั้งผู้คุมต่างวิ่งตามเสียงนั่นไป เสียงปืนดังอยู่หลายนัดกว่ามันจะหยุดลง ไฟส่องสว่างขึ้นทั่วทั้งลานด้านหลังของเรือนจำ มีศพชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่หน้าท่อระบายน้ำขนาดใหญ่กลางลานกว้างนั่น แสงไฟสปอร์ตไลท์ถูกเปิดขึ้น ภาพที่เห็นคือฝาท่อระบายน้ำถูกเปิดออก ผู้คุมหลายคนลากตัวนักโทษที่ไร้วิญญาณออกจากลานกว้างด้านหลังเรือนจำทันที ผู้คุมหนึ่งนายยืนก้มมองลงไปยังท่อระบายน้ำ
ดิ๊นวิ่งไปหาสมิททันที และถามสมิท สมิทเองยืนดูเหตุการณ์ก่อนที่ดิ๊นจะวิ่งไปถึง “เกิดอะไรขึ้น สมิท หมอนั่นออกไปข้างนอกได้ไง แล้วมันเป็นใคร” “มันคงได้ยินเราพูดกันเกี่ยวกับแผนการแหกคุก ฉันเดาว่ามันคงไม่รู้ว่าในนั้นมันจะมีน้ำเต็มไปหมดแบบนี้ พอมันไปถึงที่นั่นเข้าก็คงทำอะไรไม่ถูก เลยถูกยิงเอา” สมิทอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น เขาวิ่งมาทันในตอนที่กระสุนถูกยิงในนัดแรกๆ สมิทพูดต่อว่า “ฉันถามเด็กคนหนึ่งแล้ว มันบอกว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนเวร ทหารที่คุมอยู่จะปีนลงมา มันไม่มีบันไดให้เดิน ทหารที่มาเปลี่ยนเวรต้องรอให้ข้างบนลงมาก่อนจึงจะสามารถปีนขึ้นไปทำหน้าที่ต่อได้ และมันใช้เวลาราวๆ 1 นาที เคยมีคนใช้จังหวะนั้นพยายามวิ่งไปยังกำแพง แต่เขาไปไม่ทัน หมอนี่คงเป็นคนที่สองแล้ว ที่ตายในลานนั่น” “แผนพังจนได้ แผนเดิมคงทำไม่ได้อีกแล้ว เราต้องเปลี่ยนแผนไหม” ดิ๊นกลับมาหน้าเครียดอีกครั้ง ทุกคนเริ่มเดินแยกย้ายกันกลับห้องขัง ดิ๊นยืนนิ่งทันทีเมื่อเขากลับถึงห้องขัง ส่วนสมิทเองก็เหนื่อยกับการถูกใช้งานและการคิดวิธีหนีออกจากที่นี่เต็มทน เขาล้มตัวลงนอนอย่างกับคนที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว
ดิ๊น เจมส์ และสมิทยังคงปรับตัวเข้ากับสถานที่สุดจะทนที่นี่ไม่ได้ นี่ก็สองวันแล้วที่พวกเขาได้มาอยู่ร่วมกันในเรือนจำนี่ พวกเขายังคงมองหาจุดอ่อนต่างๆในเรือนจำนี้ พวกเขาเดินไปทุกๆจุด ไปทุกๆที่ที่สามารถไปได้ ถามทุกๆคนที่พวกเขาสามารถถามได้ พวกเขาต้องรู้จักที่นี่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถหาได้ ข้อมูลของพวกเขาจะต้องเอาไปให้ บิ๊น น้องชายฝาแฝดของดิ๊น ผู้ซึ่งเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้การหนีของพวกเขาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ที่นี่มีนักโทษรวมกันอยู่ เกือบๆ 500 ชีวิต แบ่งกันเป็นราวๆ 3 แก๊งใหญ่ๆ หลายคนก็ไม่มีแก๊งสังกัด คนเหล่านั้นจะต้องจ่ายเงินให้กับหัวหน้าแก๊งต่างๆ เป็นค่าธรรมเนียม หนึ่งในคนเหล่านั้นคือ พวกดิ๊น แต่พวกเขาทั้งสามไม่มีเงินติดตัวกันเลยสักนิด พวกเขาจำเป็นต้องทำงานแทนเงินที่พวกเขาทั้งสามไม่มีจ่าย งานที่ไม่มีใครอยากจะทำเป็นแน่ ข้อดีของการได้ทำงานคือ การได้ไปในที่ที่พวกเขามีโอกาสยากที่จะไป เจมส์คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่งเขา เขาไม่ยอมทำตาม ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นกับเจมส์นอกเสียจาก การได้เข้าไปนอนห้องพยาบาลหนึ่งคืน เจมส์ถูกแก๊งหนึ่งกระทืบสะยับเลยทีเดียว จริงๆแล้วการที่เจมส์เลือกที่จะให้ตัวเขาโดนกระทืบนั้น เป็นเพราะเขาต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสารวัตรป๊อป ป๊อปคงเป็นตำรวจนายเดียวที่ติดคุกในที่นี่ เขาต้องการเข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าเจมส์ ความแค้นที่เจมส์ฆ่าเพื่อนรักของเขายังคงอัดอั้นอยู่ในใจป๊อปเสมอ ไม่มีบทลงโทษใดที่จะดีไปกว่าการส่งเจมส์ไปลงนรกอีกแล้วในความคิดของป๊อป ป๊อปมีเส้นสายจำนวนมากกับผู้คุมหลายคนที่นี่ ทุกครั้งที่เจมส์ เดินผ่านป๊อป สายตาของป๊อปบอกเจมส์เสมอว่าเขามีเป้าหมายอะไรในการเข้ามาที่นี่ ป๊อปรอเวลาที่จะฆ่าเจมส์เท่านั้น
สมิท และดิ๊นเริ่มประชุมกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่พวกเขาหามาได้ในวันนี้ ดิ๊นเริ่มเล่าข้อมูลที่เขาหามาได้เป็นคนแรก ดิ๊นเล่าว่า “ที่นี่มีผู้คุมตรวจตราตลอดทั้งวัน แต่ข้อดีคือ ตอนกลางคืนพวกเราเป็นอิสระ ผู้คุมที่นี่กลัวเรื่องเล่าความเหี๊ยนของเรือนจำแห่งนี้ ด้านหลังของเรือนจำเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา มันต้องมีท่อน้ำไหลออกคลองเป็นแน่ แต่ปัญหาติดอยู่ที่ว่า ท่อขนาดที่พวกเราสามารถคลานออกไปสู่คลองได้นั้น มันอยู่กลางลานกว้างขนาดใหญ่ที่ห้ามนักโทษคนใดเหยียบย่างเข้าไปเว้นแต่พวกเขาจะไม่มีวิญญาณในร่างแล้ว ด้านหลังนั่นมีทหารหนึ่งนายยืนอยู่ด้านบนหอสูง พวกเขาจะยิงทันทีเมื่อเห็นนักโทษคนใดเดินเหยียบพื้นดินด้านหลังนั้น เราอาจจะหาทางไปที่นั่นในตอนกลางคืน และคลานออกสู่คลองโดยไม่มีใครเห็น นั่นเป็นวิธีเดียวที่ฉันคิดได้ในตอนนี้”
สมิทเริ่มพูดสนับสนุนความคิดดิ๊น “ความคิดนายน่าสนมาก ถ้าเราจะไปตอนกลางคืน เราคงต้องเตรียมชุดสีดำ เรื่องนั้นฉันจะจัดการให้เอง ส่วนทางไปคงมีทางเดียวคือห้องครัว ที่นั่นมีประตูบานหนึ่งที่ถูกล๊อกไว้ ฉันมั่นใจว่านั่นเป็นประตูบานเดียวที่สามารถออกไปสู่ลานกว้างนั่นได้ พวกเราจะรอให้เจมส์กลับออกมาจากห้องพยาบาลก่อน พวกเราต้องพึ่งเขาในการเปิดประตูนั่น” นับว่าแผนของเขาสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ที่เหลือก็แค่รอบลุ้นว่าเวลาใดจะเป็นเวลาที่ทหารคนนั้นจะเปิดทางสว่างให้พวกเขาในการหลบหนี ทันใดนั้นเอง มีเสียงบางอย่างดังมาจากด้านหลังของสมิท และดิ๊น เขาทั้งสองวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปดูว่ามีใครได้ยินแผนการของเขาหรือไม่ แต่ทันทีที่เขาทั้งสองวิ่งไป พวกเขาก็ไม่เห็นผู้ใดแอบฟังพวกเขาอยู่ มันอาจเป็นแค่เสียงการทะเลาะวิวาทด้านนอกก็เป็นได้
เวลา 15.00 น. เสียงประกาศดังขึ้น “เจมส์ สมิท ดิ๊น มีคนมาเยี่ยม” สมิทและดิ๊นเท่านั้นที่เดินไปยังบริเวณเยี่ยมนักโทษ เจมส์ยังคงนอนอยู่ในห้องพยาบาล พวกเขาทั้งสองนั่งลงเพื่อรอ บิ๊นนั่นเอง บิ๊นนั่งลงและพูดขึ้นว่า “เป็นไงบ้าง ได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง หรือต้องการอะไรจากข้างนอกก็บอกฉันมาได้เลย” “ตอนนี้สิ่งที่เรารู้ยังมีไม่มาก แต่ก็พอจะมีวิธีหนีออกไปจากที่นี่อยู่หนึ่งวิธี มันน่าจะง่ายและปลอดภัยที่สุดเท่าที่ฉันคิดได้ในตอนนี้ ” ดิ๊นเล่าแผนการหนีที่เขาคิดไว้กับสมิทให้กับบิ๊นได้ฟัง บิ๊นตกลงจะจัดการเรื่องการหลบหนีด้านนอกหลังจากที่เจมส์ สมิท และดิ๊นหนีออกไปได้ ดิ๊นทำหน้าตาตกใจเล็กน้อย “เดี๋ยวก่อน ฉันลืมไปเลย เมื่อคืนฝนทำท่าจะตกแต่กลับไม่ตก มันคงไปตกที่ไหนสักแห่ง ฉันอยากรู้ว่ามันไปตกที่ไหน แล้วนายช่วยดูให้ฉันหน่อยว่าน้ำทะเลขึ้นสูงสุดและต่ำสุดวันไหน” ดิ๊นเริ่มคิดถึงปัญหาเล็กน้อยที่เขาลืมคิดไปในตอนแรก บิ๊นเช็คข้อมูลทางมือถือของเขาทันที “ฝนไปตกที่ไหนไม่รู้ แต่ฉันคิดว่าคงเป็นจังหวัดสุพรรณบุรี หรือไม่ก็อ่างทอง ช่วงนี้ลมพัดมาจากฝั่งตกวันตกบ่อย และน้ำขึ้นสูงสุดในวันพรุ่งนี้ ” ทันทีที่บิ๊นพูดจบ ดิ๊นถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ เราต้องรอไปอีกเกือบหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้ถึงช่วงน้ำลง ฝนที่ตกมาเมื่อวานนี้จะไหลผ่านมาที่แม่น้ำเจ้าพระยา และมันคงทำให้ท่อน้ำที่ไหลออกไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาคงจะเต็มไปด้วยน้ำแน่ในช่วง 2 – 3 วันนี้ ” ดิ๊นบอกให้บิ๊นเตรียมการด้านนอกเพื่อรอพวกเขาในอีกราวๆ หนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า บิ๊นเดินหันหลังกลับไป เขาต้องรีบเตรียมการด้านนอกเพื่อให้การหลบหนีผ่านไปได้ด้วยดี
ดิ๊นและสมิทเดินกลับไปยัง ส่วนของนักโทษ ระหว่างทางดิ๊นได้พูดกับสมิทว่า “ หมอนั่นมันก็ฉลาดดีนะ แต่เสียอยู่ตรงที่เขาไม่ค่อยฟังคำพูดของฉันเลย หมอนั่นมั่นใจในตัวเองสูงมาก บางทีเราก็ต้องหวังพึ่งตัวเองมากกว่าที่จะพึ่งไอ้บิ๊นมัน ” ดิ๊นและสมิท หัวเราะกันเล็กน้อยหลังจากที่พูดจบ ทั้งที่ดิ๊นจะพึ่งบิ๊น แท้ๆ แต่เขากลับไม่มั่นใจเลยว่าบิ๊นจะพาพวกเขารอดจากการจับกุมในครั้งที่สองหรือไม่ เวลาผ่านไปจนกระทั่งกลางคืน ดิ๊นยืนหันหน้าไปยังทหารนายหนึ่งที่ยืนอยู่บนหอสูง ดิ๊นต้องการรู้ว่าจุดอ่อนของทหารนายนั้นคืออะไร และพวกเขาจะวิ่งไปถึงท่อกลางลานด้านหลังอย่างไรโดยที่ไม่ให้ทหารนายนั้นเห็น กระทั่งเวลาสามทุ่มกว่าๆ กลับไม่มีจุดอ่อนของทหารนายนั้นให้เห็น ไม่หันหน้าไปที่อื่นเลยแม้แต่น้อย ไม่ง่วง ไม่หาว ทั้งดิ๊นและทหารนายนั้นไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์เลยสักนิด
ระหว่าที่ดิ๊นยืนมองออกไปทางด้านหลังของเรือนจำอยู่นั่นเอง มีสมาชิกของแก๊งๆหนึ่งมาลากตัวดิ๊นไปใช้งาน ดิ๊นไม่สามารถขัดขืนชายกลุ่มนั้นได้ ทางเดียวที่ดิ๊นจะปลอดภัยคือการยอมทำตามที่พวกเขาสั่ง ดิ๊นยอมตามชายเหล่านั้นไป ส่วนสมิทเองยังคงมองหาผ้าหรืออะไรก็ได้ที่มีสีดำเพื่อพวกเขาจะได้ ใช้ในการหลบหนีในราวๆหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า พวกเขาต้องรอให้ถึงช่วงน้ำลงก่อน และยังต้องรอให้เป็นข้างแรกอีกด้วย ไม่งั้นแสงจากดวงจันทร์จะทำให้ทหารเห็นการเคลื่นไหวในลานนั่นเป็นแน่ สมิทเองก็พยายามหากลวิธีต่างๆที่พวกเขาจะใช้ในการออกไปจากที่นี่ สมิทแบ่งหน้าที่กับดิ๊นในการทำงานนี้ เจมส์คงสบายที่สุดเพราะเขาไม่ต้องทำอะไร ได้นอนพักอย่างๆสบายๆในห้องพยาบาล
ตอนนี้ดิ๊นถูกใช้ให้ไปทำความสะอาดห้องน้ำที่แสนจะสกปรก มันเหม็น และเต็มไปด้วยของเหลวที่มีสีเหลือง ดิ๊นแทบไม่อยากจะหายใจ เขาถึงกับต้องถอนหายใจกับสิ่งที่เขาเห็นและกลิ่นที่เขาได้สูดเข้าไป ทันทีที่ดิ๊นเริ่มหยิบจับที่ทำความสะอาดนั่นเอง มีเสียงดังมาจากทางลานด้านหลัง ปั๊ง ๆ ๆ ราวกับเสียงปืนยิงกัน เสียงในยามค่ำคืนนั้นดังสนั่นหวั่นไหว มันทำให้คนที่นอนหลับอยู่ถึงกับตื่น คนที่ทำธุระหนักเบาในห้องน้ำก็ถึงกับหยุด ทุกคนที่เมืองเล็กๆแห่งนี้ไม่เว้นแม้กระทั้งผู้คุมต่างวิ่งตามเสียงนั่นไป เสียงปืนดังอยู่หลายนัดกว่ามันจะหยุดลง ไฟส่องสว่างขึ้นทั่วทั้งลานด้านหลังของเรือนจำ มีศพชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่หน้าท่อระบายน้ำขนาดใหญ่กลางลานกว้างนั่น แสงไฟสปอร์ตไลท์ถูกเปิดขึ้น ภาพที่เห็นคือฝาท่อระบายน้ำถูกเปิดออก ผู้คุมหลายคนลากตัวนักโทษที่ไร้วิญญาณออกจากลานกว้างด้านหลังเรือนจำทันที ผู้คุมหนึ่งนายยืนก้มมองลงไปยังท่อระบายน้ำ
ดิ๊นวิ่งไปหาสมิททันที และถามสมิท สมิทเองยืนดูเหตุการณ์ก่อนที่ดิ๊นจะวิ่งไปถึง “เกิดอะไรขึ้น สมิท หมอนั่นออกไปข้างนอกได้ไง แล้วมันเป็นใคร” “มันคงได้ยินเราพูดกันเกี่ยวกับแผนการแหกคุก ฉันเดาว่ามันคงไม่รู้ว่าในนั้นมันจะมีน้ำเต็มไปหมดแบบนี้ พอมันไปถึงที่นั่นเข้าก็คงทำอะไรไม่ถูก เลยถูกยิงเอา” สมิทอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น เขาวิ่งมาทันในตอนที่กระสุนถูกยิงในนัดแรกๆ สมิทพูดต่อว่า “ฉันถามเด็กคนหนึ่งแล้ว มันบอกว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนเวร ทหารที่คุมอยู่จะปีนลงมา มันไม่มีบันไดให้เดิน ทหารที่มาเปลี่ยนเวรต้องรอให้ข้างบนลงมาก่อนจึงจะสามารถปีนขึ้นไปทำหน้าที่ต่อได้ และมันใช้เวลาราวๆ 1 นาที เคยมีคนใช้จังหวะนั้นพยายามวิ่งไปยังกำแพง แต่เขาไปไม่ทัน หมอนี่คงเป็นคนที่สองแล้ว ที่ตายในลานนั่น” “แผนพังจนได้ แผนเดิมคงทำไม่ได้อีกแล้ว เราต้องเปลี่ยนแผนไหม” ดิ๊นกลับมาหน้าเครียดอีกครั้ง ทุกคนเริ่มเดินแยกย้ายกันกลับห้องขัง ดิ๊นยืนนิ่งทันทีเมื่อเขากลับถึงห้องขัง ส่วนสมิทเองก็เหนื่อยกับการถูกใช้งานและการคิดวิธีหนีออกจากที่นี่เต็มทน เขาล้มตัวลงนอนอย่างกับคนที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ