พรหมลิขิต
7.9
เขียนโดย Canopus
วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 21.55 น.
1 ตอน
8 วิจารณ์
5,625 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2562 21.06 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ " พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจชั้นจึงได้มาใกล้กับเธอ" เพลงนี้เป็นเพลงที่เราสองคนชอบมากใช่ไหมจ้ะ ผมร้องให้คุณฟังกี่รอบแล้วคุณพอจำได้ไหม มองหน้าผมสิที่รัก เห็นแววตาผมไหม ทุกความรู้สึกที่ผมไม่อาจอธิบายได้กำลังฉายบอกคุณอยู่ทางเรืองประกายดวงตาทั้งสองข้างของผม ผมพูดพลางกระชับวงแขนกอดเธอที่รักแน่นยิ่งขึ้น ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่อากาศดีเหลือเกิน เราสองคนกำลังนั่งชมวิวอยู่บนกระเช้าลอยฟ้าส่วนตัวของผม สายลมพัดกรูกราวหอบกลิ่นต้นไม้บริสุทธิ์ผสมกลิ่นดินอ่อนๆเข้าสัมผัสทางเดินหายใจ เบื้องล่างเป็นทัศนียภาพสีเขียวชอุ่มอันสุดลูกหูลูกตาแผ่ปกคลุมโอบล้อมเราสองคนรวมไว้ด้วยกันกับธรรมชาติ ผมหันกลับมามองเธออีกครั้งพลันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาข้างหูของเธอ" ผมรักคุณน่ะ " ........................................................... ผู้คนต่างพากันกรูเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อขึ้นเครื่องกระเช้าลอยฟ้า ณ สวนสนุก แห่งหนึ่ง มือขวาผมถือไส้กรอก มือซ้ายถือแก้วน้ำขนาดจัมโบ้" เมื่อไหร่จะถึงเวลาได้ขึ้นกับเขาเสียที แล้วจะทันไหมเนี่ย เวลาก็ปาเข้าไปสี่โมงห้าสิบแล้ว อีกสิบนาทีเขาก็จะปิดรอบสุดท้ายนี้ลง "ผมชำเรืองตามองซ้ายขวา เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเลยที่จะไม่สนใจเครื่องกระเช้าลอยฟ้าเช่นเดียวกับผม ผมดึงไส้กรอกชิ้นล่างสุดที่เหลือเพียงชิ้นเดียวเข้าใส่ปากพลางเสียบไม้ลงในถุงพลาสติกตามเดิม โยนทิ้งถังขยะที่อยู่ใกล้มือขาของผมค่อยๆขยับพาร่างกายเดินตามคำเชิญชวนผู้ถือบัตรกระเช้าเต็มมือสิบยี่สิบใบ ผมหยุดแล้วยื่นบัตรให้กับพี่ที่ยืนเก็บตั๋ว แต่ก็ต้องชะงักตัวลง" เต็มแล้วครับ "" อ้าวพี่ผมยืนรอตั้งนาน ช่วยเพิ่มรอบให้อีกไม่ได้เหรอครับ "" ไม่ได้ครับมันเป็นกฎทางสวนสนุก " เขาพูดพลางใช้มือห้ามปรามการเบียดตัวของผม ผมก้มหน้างุดดูบัตรภายในมือพลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ " ไม่เป็นไรค่ะ "ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาในขณะที่ผมกำลังจะถอดใจ" คุณขึ้นมานั่งกับฉันก็ได้ค่ะ เพราะฉันก็มาคนเดียวไม่ได้เดือดร้อนอะไร "ผมมองหน้าเจ้าของเส้นเสียงนั้นด้วยแววตาที่มีความหวัง" เชิญครับ "ผมยื่นบัตรตามด้วยการก้าวขาขึ้นกระเช้าลอยฟ้าผมลุกลี้ลุกลนเลยทำให้ศีรษะนั้นเผลอโขกเข้ากับกระเช้าเสียเต็มประดา หญิงสาวหน้าตาสดใสพยายามเก็บเสียงหัวเราะที่ไม่ได้ทำให้ผมสบายใจขึ้นได้เลยเพียงนิด เธอยกมือขึ้นป้องปากพลางยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรผมหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามกับเธอด้วยท่าทีเขอะเขินเป็นที่สุด กระเช้าลอยฟ้าได้เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ เวลานี้พระอาทิตย์กำลังเฉิดฉายเปล่งรัศมีแสงอมส้มสาดส่องเข้าต้องกับใบหน้าอันงดงามของเธอ ผมทำท่าทีเป็นมองชมวิวเบื้องล่าง กระนั้นก็ตามผมไม่อาจฝืนความปรารถนาที่เรียกร้องก้องอยู่ในหัวใจไม่ได้ว่า ผมอยากสำรวจใบหน้าหญิงสาวที่ใจดีผู้นี้เสียเหลือเกิน ผมยกแก้วน้ำทำท่าทีขึ้นมาดูดกลบเกลื่อนอาการลนลาน เมื่อเธอผู้นั้นหันหน้าเพื่อชมวิวบ้างผมจึงแอบใช้สายตาชำเรืองมองอย่างสุดความสามารถเธอผมยาวประมาณช่วงเอวประกอบกับใบหน้าอันเรียวยาวได้รูปทรง ดวงตานั้นกลมโตทว่าแฝงความอ่อนโยนอยู่ภายในลึกๆ จมูกโด่งรับกับปากอันอิ่มเอิบที่เน้นด้วยลิปกรอสสีชมพูแลสดใส ผมนั้นเคลิบเคลิ้มในการลอบสังเกตเธอจนผมอดที่จะยิ้มแก้มปริไม่ได้เหมือนเธอจะรู้ตัวว่าผมแอบมองอยู่ หญิงสาวผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางใช้มือเหน็บผมที่ป้องใบหน้าของเธอขึ้นทัดข้างใบหู" ว่าแต่คุณชื่ออะไรเหรอค่ะ"ความเงีบยได้ยุติลงทันทีเมื่อเธอเป็นผู้เอ่ยปากทำความรู้จัก" ผมชื่อกานต์ครับแล้วคุณล่ะ"" พลอยค่ะ"เราสองคนต่างยิ้มให้กันเล็กน้อย ผมสบตากับเธอเป็นครั้งแรก แล้วผมก็รู้สึกว่าหัวใจผมนั้นเต้นเร็วผิดปกติครั้นเมื่อเธอจ้องหน้าผม ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก แล้วผมก็ได้รู้จักชื่อของเธอ
นอกจากเสียงหัวใจที่มันเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะแล้วนั้นยังมีอีกเสียงหนึ่งดังก้องกังวานอยู่เบื้องลึกจิตใจประหนึ่งจะออกมาฮัม " พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจชั้นจึงได้มาใกล้กับเธอ"มันเป็นเพลงตัวแทนความรู้สึกของผมที่ผมอยากให้เธอผู้นั้นได้รับรู้ว่าผมได้ตกหลุมรักเธอครั้นที่ผมได้พบกับเธอแค่เพียงแรกพบ ความคับแคบของพื้นที่ทำให้ผมยิ่งรู้สึกใกล้ชิดกับเธอมากยิ่งขึ้น ลมหายใจที่เข้าออกของเธอ ผมสามารถสัมผัสมันได้อย่างดี ความอบอุ่นที่เธอได้สร้างไว้เวลานี้ ช่างลืมยากเสียจริงผมหายใจจังหวะเดียวกับเธอ หนึ่งครั้งไม่พอ สองครั้งและสามครั้ง กระทั่งผสานเป็นอนึ่งเดียวกัน ผมสบตากับเธอ เรียกร้องเธอ ผมอยากบอกเธอเหลือเกินว่าผมอยากดูแลเธอตั้งแต่บัดนี้ตราบนิจนิรันดร์ผมรู้สึกเหมือนพรหมลิขิตบันดลให้เรามาพบเพื่อรักกัน ผมเหม่อมองออกไปจดจำภาพรอบข้างอันเต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้พลันขยับขาเล็กน้อยอันเนื่องจากผมรู้สึกเมื่อยล้าจากอาการนั่งเกร็งกระเช้าลอยรักของผมเคลื่อนจวนจะสุดปลายทางเสียแล้ว ผมไม่อยากห่างจากเธอไปเลย ผมขยับลำตัวเข้าไปใกล้เธอมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ผมปรารถนาไว้ก็บังเกิดฝนเริ่มลงเม็ดมาเป็นสายบางๆกระทั่งเป็นเม็ดใหญ่กระหน่ำลงสู่หลังคาด้วยเสียงอันดัง สายฝนกระเซ็นกระทบเข้าใบหน้าของเธอ ผมถอดแจ็กเก็ตออกพลางยกขึ้นปกป้องคลุมลำตัวของเธอ ผมรู้สึกได้ถึงร่างอันสั่นสะท้านในอ้อมอก สองมือของหญิงสาวเปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำอันเย็นฉ่ำ เธอกอดผมพลางซุกมือเข้าไปยังเสื้อตัวในสีขาวอันเปียกปอน สายตาผมจับจ้องไปยังใบหน้าของหญิงสาว เธอหลับตาด้วยความหนาวเหน็บ ผมเบียดกายเข้าไปนั่งยังฝั่งเดียวกับเธอ ห่มเธอด้วยเสื้อแจ็กเก็ตพลางใช้อ้อมแขนกอดเธอไว้ในอ้อมอกหัวใจของผมเต้นดังและรัวจนเธอรู้สึกได้ถึงความปรารถนาที่ผมมี เธอค่อยๆปรากฎแววตาอันอ่อนโยนขึ้น พลางกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของเธอ " ผมรู้สึกตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกพบ คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่ผมอยากเป็นคนดูแลคุณตลอดชีวิต" ครั้นพอผมพูดจบลงเธอกอดกายผมแนบแน่น ลมหายใจที่พรั่งพรูรดรินลงสู่ใบหน้าทั้งสองคนความหนาวเหน็บมลายหายไป ผมค่อยๆขยับหน้าเข้าไปใกล้เธอยิ่งขึ้น พลางหลับตาใช้ปากอันอุ่นประกบทับบนปากของเธอที่รัก ผมสะท้านเยือกด้วยความรักอันแผ่ซ่านออกสู่แรงลมหายใจอันแผ่วเบา ผมคลายริมฝีปากออกพลันบรรจงจูบอย่างละเมียดละไมอีกครั้ง เธอตอบรับผมด้วยแรงบีบบนต้นแขนที่ไม่ได้เจ็บปวดทว่าเบาบางเสียกว่าฝนที่กระหน่ำเราสบตาอันครู่หนึ่ง ประกายเรืองแห่งรักได้ถูกแฝงไว้บนแววตาทั้งสองบนกระเช้ารักแห่งนี้ นับตั้งแต่วันนั้นที่ผ่านพ้นมา รักของเราสองคนเนิ่นน่านแล้วมีความสุขอยู่ท่วมท้นทุกๆวัน ผมดูแลเธอด้วยรักที่ไม่เคยเจือจางเลยแม้แต่น้อย เราใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของผมมีต้นไม้ให้เราดูแล มีน้องหมาน้อยขนปุยสีขาวสะอาดตาพันธุ์เทอเรียไว้เป็นเพื่อนเล่นกับเจ้าอ้วนแมวตัวกลมที่หยอกล้อจนทำให้บ้านเปื้อนคราบดินอยู่บ่อยครั้งเราสองคนจะทำเมนูจานเด่นจากตำราที่ศึกษาด้วยกันอย่างเพลิดเพลินใจ ผมชอบหยอกเธอด้วยจิ้งจกปลอมครั้นเมื่อเธอหันหลังทำกับข้าวอย่างใจลอย เธอแสดงท่าทีตกใจและหัวเราะร่าเริงพลันวิ่งสาละวนรอบบ้านเพื่อจะมาตีต้นแขนของผมพอตกกลางคืนผมจะร้องเพลงพรหมลิขิตคลอให้ฟังเบาๆก่อนเธอหลับใหลในยามค่ำคืน จนกระทั่งรุ่งเช้าเราสองคนจะอยู่ในท่าที่เธอนอนกอดลำตัวผมและผมโอบร่างกายเธอจนผมคิดว่าชีวิตนี้คงหาความทุกข์มาเยือนไม่ได้ถ้าไม่มีวันนั้น วันที่เธอล้มลงขณะเช็ดกระเช้าของเราสองคน เธอลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้นอย่างทุรนทุราย พลางเบิกตาโพลงด้วยใบหน้าระทมสุดแสนจะต้านทานไหว เธอสะดุ้งเฮือกแล้วหยุดไป ในขณะที่ผมวิ่งกระวนวายใจปรี่เข้าบ้านควานหาโทรศัพท์กดเบอร์โทรไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ผมได้เห็นเธอ ภาพของเธอที่มีรอยเปื้อนยิ้มบนใบหน้ายังคงผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน น้ำใสๆจากดวงตาผมไหลลงสู่พื้นบ้านที่เธอเคยเดินผ่าน ณ วันนี้ผมเหลือแค่เพียงเสียงที่ร่ำร้องเรียกหาเธอ อย่าจากผมไปเลยที่รัก ช่วยทำกับข้าวให้ผมที เราจะต้องเข้านอนกันแล้วน่ะ อย่าทิ้งผมไปได้โปรด ได้โปรด เวลานี้ผมอ่อนแอเหลือเกิน " พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจชั้นจึงได้มาใกล้กับเธอ" เพลงนี้เป็นเพลงที่เราสองคนชอบมากใช่ไหมจ้ะ ผมร้องให้คุณฟังกี่รอบแล้วคุณพอจำได้ไหม มองหน้าผมสิที่รัก เห็นแววตาผมไหม ทุกความรู้สึกที่ผมไม่อาจอธิบายได้กำลังฉายบอกคุณอยู่ทางเรืองประกายดวงตาทั้งสองข้างของผม ผมพูดพลางกระชับวงแขนกอดเธอที่รักแน่นยิ่งขึ้น ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่อากาศดีเหลือเกิน เราสองคนกำลังนั่งชมวิวอยู่บนกระเช้าลอยฟ้าส่วนตัวของผม สายลมพัดกรูกราวหอบกลิ่นต้นไม้บริสุทธิ์ผสมกลิ่นดินอ่อนๆเข้าสัมผัสทางเดินหายใจ เบื้องล่างเป็นทัศนียภาพสีเขียวชอุ่มอันสุดลูกหูลูกตาแผ่ปกคลุมโอบล้อมเราสองคนรวมไว้ด้วยกันกับธรรมชาติ ผมหันกลับมามองเธออีกครั้งพลันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาข้างหูของเธอ" ผมรักคุณน่ะ ผมรักคุณจนไม่อาจทิ้งคุณให้ทนทุกข์ทรมานอยู่ได้ ผมจะดูแลคุณตราบจนวันสุดท้ายที่ลมหายใจผมยังคั่งค้างอยู่ "
นอกจากเสียงหัวใจที่มันเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะแล้วนั้นยังมีอีกเสียงหนึ่งดังก้องกังวานอยู่เบื้องลึกจิตใจประหนึ่งจะออกมาฮัม " พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจชั้นจึงได้มาใกล้กับเธอ"มันเป็นเพลงตัวแทนความรู้สึกของผมที่ผมอยากให้เธอผู้นั้นได้รับรู้ว่าผมได้ตกหลุมรักเธอครั้นที่ผมได้พบกับเธอแค่เพียงแรกพบ ความคับแคบของพื้นที่ทำให้ผมยิ่งรู้สึกใกล้ชิดกับเธอมากยิ่งขึ้น ลมหายใจที่เข้าออกของเธอ ผมสามารถสัมผัสมันได้อย่างดี ความอบอุ่นที่เธอได้สร้างไว้เวลานี้ ช่างลืมยากเสียจริงผมหายใจจังหวะเดียวกับเธอ หนึ่งครั้งไม่พอ สองครั้งและสามครั้ง กระทั่งผสานเป็นอนึ่งเดียวกัน ผมสบตากับเธอ เรียกร้องเธอ ผมอยากบอกเธอเหลือเกินว่าผมอยากดูแลเธอตั้งแต่บัดนี้ตราบนิจนิรันดร์ผมรู้สึกเหมือนพรหมลิขิตบันดลให้เรามาพบเพื่อรักกัน ผมเหม่อมองออกไปจดจำภาพรอบข้างอันเต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้พลันขยับขาเล็กน้อยอันเนื่องจากผมรู้สึกเมื่อยล้าจากอาการนั่งเกร็งกระเช้าลอยรักของผมเคลื่อนจวนจะสุดปลายทางเสียแล้ว ผมไม่อยากห่างจากเธอไปเลย ผมขยับลำตัวเข้าไปใกล้เธอมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ผมปรารถนาไว้ก็บังเกิดฝนเริ่มลงเม็ดมาเป็นสายบางๆกระทั่งเป็นเม็ดใหญ่กระหน่ำลงสู่หลังคาด้วยเสียงอันดัง สายฝนกระเซ็นกระทบเข้าใบหน้าของเธอ ผมถอดแจ็กเก็ตออกพลางยกขึ้นปกป้องคลุมลำตัวของเธอ ผมรู้สึกได้ถึงร่างอันสั่นสะท้านในอ้อมอก สองมือของหญิงสาวเปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำอันเย็นฉ่ำ เธอกอดผมพลางซุกมือเข้าไปยังเสื้อตัวในสีขาวอันเปียกปอน สายตาผมจับจ้องไปยังใบหน้าของหญิงสาว เธอหลับตาด้วยความหนาวเหน็บ ผมเบียดกายเข้าไปนั่งยังฝั่งเดียวกับเธอ ห่มเธอด้วยเสื้อแจ็กเก็ตพลางใช้อ้อมแขนกอดเธอไว้ในอ้อมอกหัวใจของผมเต้นดังและรัวจนเธอรู้สึกได้ถึงความปรารถนาที่ผมมี เธอค่อยๆปรากฎแววตาอันอ่อนโยนขึ้น พลางกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของเธอ " ผมรู้สึกตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกพบ คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่ผมอยากเป็นคนดูแลคุณตลอดชีวิต" ครั้นพอผมพูดจบลงเธอกอดกายผมแนบแน่น ลมหายใจที่พรั่งพรูรดรินลงสู่ใบหน้าทั้งสองคนความหนาวเหน็บมลายหายไป ผมค่อยๆขยับหน้าเข้าไปใกล้เธอยิ่งขึ้น พลางหลับตาใช้ปากอันอุ่นประกบทับบนปากของเธอที่รัก ผมสะท้านเยือกด้วยความรักอันแผ่ซ่านออกสู่แรงลมหายใจอันแผ่วเบา ผมคลายริมฝีปากออกพลันบรรจงจูบอย่างละเมียดละไมอีกครั้ง เธอตอบรับผมด้วยแรงบีบบนต้นแขนที่ไม่ได้เจ็บปวดทว่าเบาบางเสียกว่าฝนที่กระหน่ำเราสบตาอันครู่หนึ่ง ประกายเรืองแห่งรักได้ถูกแฝงไว้บนแววตาทั้งสองบนกระเช้ารักแห่งนี้ นับตั้งแต่วันนั้นที่ผ่านพ้นมา รักของเราสองคนเนิ่นน่านแล้วมีความสุขอยู่ท่วมท้นทุกๆวัน ผมดูแลเธอด้วยรักที่ไม่เคยเจือจางเลยแม้แต่น้อย เราใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของผมมีต้นไม้ให้เราดูแล มีน้องหมาน้อยขนปุยสีขาวสะอาดตาพันธุ์เทอเรียไว้เป็นเพื่อนเล่นกับเจ้าอ้วนแมวตัวกลมที่หยอกล้อจนทำให้บ้านเปื้อนคราบดินอยู่บ่อยครั้งเราสองคนจะทำเมนูจานเด่นจากตำราที่ศึกษาด้วยกันอย่างเพลิดเพลินใจ ผมชอบหยอกเธอด้วยจิ้งจกปลอมครั้นเมื่อเธอหันหลังทำกับข้าวอย่างใจลอย เธอแสดงท่าทีตกใจและหัวเราะร่าเริงพลันวิ่งสาละวนรอบบ้านเพื่อจะมาตีต้นแขนของผมพอตกกลางคืนผมจะร้องเพลงพรหมลิขิตคลอให้ฟังเบาๆก่อนเธอหลับใหลในยามค่ำคืน จนกระทั่งรุ่งเช้าเราสองคนจะอยู่ในท่าที่เธอนอนกอดลำตัวผมและผมโอบร่างกายเธอจนผมคิดว่าชีวิตนี้คงหาความทุกข์มาเยือนไม่ได้ถ้าไม่มีวันนั้น วันที่เธอล้มลงขณะเช็ดกระเช้าของเราสองคน เธอลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้นอย่างทุรนทุราย พลางเบิกตาโพลงด้วยใบหน้าระทมสุดแสนจะต้านทานไหว เธอสะดุ้งเฮือกแล้วหยุดไป ในขณะที่ผมวิ่งกระวนวายใจปรี่เข้าบ้านควานหาโทรศัพท์กดเบอร์โทรไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ผมได้เห็นเธอ ภาพของเธอที่มีรอยเปื้อนยิ้มบนใบหน้ายังคงผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน น้ำใสๆจากดวงตาผมไหลลงสู่พื้นบ้านที่เธอเคยเดินผ่าน ณ วันนี้ผมเหลือแค่เพียงเสียงที่ร่ำร้องเรียกหาเธอ อย่าจากผมไปเลยที่รัก ช่วยทำกับข้าวให้ผมที เราจะต้องเข้านอนกันแล้วน่ะ อย่าทิ้งผมไปได้โปรด ได้โปรด เวลานี้ผมอ่อนแอเหลือเกิน " พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจชั้นจึงได้มาใกล้กับเธอ" เพลงนี้เป็นเพลงที่เราสองคนชอบมากใช่ไหมจ้ะ ผมร้องให้คุณฟังกี่รอบแล้วคุณพอจำได้ไหม มองหน้าผมสิที่รัก เห็นแววตาผมไหม ทุกความรู้สึกที่ผมไม่อาจอธิบายได้กำลังฉายบอกคุณอยู่ทางเรืองประกายดวงตาทั้งสองข้างของผม ผมพูดพลางกระชับวงแขนกอดเธอที่รักแน่นยิ่งขึ้น ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่อากาศดีเหลือเกิน เราสองคนกำลังนั่งชมวิวอยู่บนกระเช้าลอยฟ้าส่วนตัวของผม สายลมพัดกรูกราวหอบกลิ่นต้นไม้บริสุทธิ์ผสมกลิ่นดินอ่อนๆเข้าสัมผัสทางเดินหายใจ เบื้องล่างเป็นทัศนียภาพสีเขียวชอุ่มอันสุดลูกหูลูกตาแผ่ปกคลุมโอบล้อมเราสองคนรวมไว้ด้วยกันกับธรรมชาติ ผมหันกลับมามองเธออีกครั้งพลันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาข้างหูของเธอ" ผมรักคุณน่ะ ผมรักคุณจนไม่อาจทิ้งคุณให้ทนทุกข์ทรมานอยู่ได้ ผมจะดูแลคุณตราบจนวันสุดท้ายที่ลมหายใจผมยังคั่งค้างอยู่ "
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ