มิติสยอง..ชิมิ

8.5

เขียนโดย RATH

วันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 22.28 น.

  2 chapter
  11 วิจารณ์
  6,633 อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1 ความฝันหรือเรื่องจริง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

http://www.keedkean.com

 

 

ผลงานเรื่องสั้นเรื่องที่สองเสนอ 



มิติสยอง..ชิมิ 

 

 

 

ตอนที่ 1 ความฝันหรือเรื่องจริง

 

 


ายหนุ่มหน้าตาอมทุกข์ รอบขอบดวงตาจะมีก้อนขี้ตาสีดำก้อนเล็กๆเกาะติดไว้มันแสดงว่าชายหนุ่มเป็นคนสกปรกอย่างมากๆและคงไม่มีใครต้องการจะคบค้าสมาคมกับชายหนุ่มด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงพอจะสรุปได้ว่าไม่มีใครต้องการจะเกี่ยวข้องหรือเข้าใกล้ชายหนุ่มผู้มีลักษณะอุปนิสัยและการดูแลร่างกายตัวเองเช่นนี้... หรือที่สุดแสนจะสกปรกเช่นนี้เป็นแน่ แต่ในความเป็นจริงแล้วชายหนุ่มมิใช่เป็นคนเช่นนั้นเลยแม้แต่เพียงนิดเดียว ชายหนุ่มเป็นคนที่ชอบการอ่านหนังสือ หรือดูหนัง ดูละครแนวสยองขวัญ แนวฆาตกรรม ตลอดจนแนวจิตวิญญาณ หรือ แนวผีๆ อยู่เป็นประจำดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ค่อยมีเวลาที่จะดูแลร่างกายของตัวเอง ดังนั้นในบางครั้งร่างกายของชายหนุ่มจึงมีสภาพสกปรกอยู่บ้างเป็นครั้งเป็นคราว บางวัน หรือบางค่ำคืน... ตลอดจนในค่ำคืนราตรีกาลหลังจากที่ชายหนุ่มเริ่มอ่านหนังสือและดูหนังดูละครแนวผีๆแนวจิตวิญญาณจบลงแล้ว ชายหนุ่มก็มักจะนอนหลับฝันร้ายและละเมอ ไปพร้อมๆกัน อยู่เสมอทุกเวลา แต่ไม่ใช่ในค่ำคืนของวันนี้อย่างแน่นอน...

 

“มีใครอยู่มั้ยครับ พวกเราขออาศัยพักค้างแรมด้วยสักคืนได้มั้ยครับ รถของพวกเราเสียอยู่ข้างนอกไม่สามารถไปต่อได้ครับ พวกเรามีคนบาดเจ็บมาด้วยครับ ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วยเถอะครับ”

 

ชายหนุ่มในสภาพอิดโรยเพราะนอนไม่เพียงพอและไม่ค่อยจะหลับ แต่ยังคงได้ยินเสียงตะโกนพร้อมเสียงเคาะประตูซ้ำๆกันหลายครั้ง แม้ชายหนุ่มจะอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นแต่ก็ยังพอจะรับรู้ได้ว่าในขณะนี้มีน้ำเสียงตะโกนขอความช่วยเหลืออยู่ข้างนอกประตูบ้าน ชายหนุ่มลุกเดินลงมาจากบันได้จนใกล้จะถึงยังประตูบ้าน ชายหนุ่มอยุ่ในสภาพดังเช่นคนกำลังละเมอหรือเหมือนดังเช่นผีกำลังอำหรือเข้าสิงในร่างกายให้ทำตามสิ่งที่ต้องการ กึ่งบังคับแขนและขาของชายหนุ่มให้เดินตรงไปยังประตู และเดินตรงไป ตามเสียงเคาะดังๆที่หน้าประตู ..ที่กำลังดังขึ้นและดังขึ้น เป็นระยะๆ อีกครั้งและอีกครั้ง

 

“ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ ช่วยพวกเราด้วยพวกเราประสบอุบัติเหตุรถชนครับ มีคนได้บาดเจ็บด้วยครับ ได้โปรดเมตตาช่วยเหลือพวกเราด้วยเถอะครับ”

 

ชายหนุ่มเดินตรงไปยังสวิทซ์สำหรับเปิดไฟพร้อมกดปุ่มเปิดไฟในทันที

 

“ปิ๊ปๆๆ บ้าเอ๊ย...ไฟดับ ไฟฉาย กับเทียนไขอยู่ไหนกันล่ะเนี๊ยะ”

 

“รอสักครู่นะครับ ผมยังหาเทียนไขไม่พบเลยครับ สงสัยไฟมันจะดับในช่วงฝนตกนะครับ ที่นี้เป็นแบบนี้ประจำเลยครับ”

 

ชายหนุ่มตะโกนบอกเหตุผลกับคนด้านนอกประตูบ้าน และก็ได้ยินเสียงตะโกนตอบกับมาเช่นกัน

 

“ไม่เป็นไรครับ พวกเราไม่รีบ ค่อยๆหาก็ได้ครับ”

 

ใช่เวลาไม่นานชายหนุ่มก็ค้นหาจนพบเทียนไขและเริ่มจุดให้แสงสว่างพอที่จะสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมภายในได้เพียงบางส่วน...

 

“เรียบร้อยแล้วครับ ผมหาเทียนไขพบแล้ว เดี๋ยวผมเปิดประตูให้นะครับ”

 

“ขอบคุณมาก คุณเมตตากับพวกเราจริงๆเลย”

 

ชายหนุ่มเดินตรงไปยังประตูแล้วทำการเปิดประตูออกอย่างระมัดระวังในอันตรายหรือกับกลุ่มโจรผู้ร้าย แต่สิ่งที่ชายหนุ่มพบเจอก็คือใบหน้าของผู้ชายวัยกลางคนและผู้หญิงวัยกลางคน คาดว่าน่าจะเป็นภรรยาของผู้ชายคนที่ได้ตะโกนเรียกให้เขาช่วยเปิดประตูให้ ชายวัยกลางคนผู้มีเลือดติดอยู่ตามศีรษะเพียงเล็กน้อยหรือเพียงบางส่วน และถัดจากชายและหญิงวัยกลางคนก็คือเด็กชายและเด็กหญิงในช่วงก่ำกึ่งวัยหนุ่มสาว พวกเ็ด็กๆต่างยืนจ้องมองดูชายหนุ่มที่กำลังยืนถือเทียนไขอยู่อย่างเงียบๆและใช้ความคิดแต่ไม่ได้ส่งเสียงสิ่งใดออกมา

 

“พวกคุณคงได้รับบาดเจ็บกันมา เชิญข้างในก่อนเถอะครับ ผมมียาพอที่จะรักษาบาดแผลพวกคุณได้บ้างครับ”

 

“ขอบคุณ คุณมาก แต่ไม่ต้องก็ได้ครับ เราบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเองครับ”

 

“แต่ผมเห็นเลือดพวกคุณออกกันมากเลยนะครับนั้น”

 

“มันไม่ใช่เลือดจริงๆหรอกครับ ลูกชายและลูกสาวของผม พวกเขาเป็นศิลปินชอบวาดรูป ตอนรถชนกันสีที่ใช้วาดรูปมันเกิดแตกกระจายเต็มรถของพวกเราและกระจายใส่เสื้อผ้าของพวกเราด้วย คุณเลยเห็นสภาพของพวกเราดูแย่กว่าที่คิดไว้”

 

“จริงหรือครับ”

 

“จริงซิครับ วันนี้พวกเราแค่มาขอพักค้างแรมด้วยชั่วคราวเท่านั้น แล้วพรุ่งนี้เช้าพวกเราก็จะรีบไปเพื่อรักษาบาดแผลจริงๆจังๆกันครับ”

 

“อย่างนั้นก็ได้ครับ ผมพอมีห้องว่างอยู่บ้าง อาจจะไม่สะดวกสบายกันหน่อยนะครับ เพราะผมอยู่ตัวคนเดียว วันนี้ไฟก็เกิดมาดับด้วย ผมมีเทียนไขอยู่ไม่มากครับ ผมพอจะแบ่งให้พวกคุณเอาไปใช่ได้บ้างครับ”

 

“ไม่จำเป็นหรอกจ๊ะ พ่อหนุ่มพวกเราต่างก็ชินกับความมืดกันดีแล้ว พ่อหนุ่มไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ พวกเราไม่ต้องการเทียนไขอะไรหรอกจ๊ะ พ่อหนุ่มเก็บไว้ใช่เถอะนะจ๊ะ”

 

“เอาอย่างนั้นหรือครับ”

 

“จ๊ะพ่อหนุ่ม ช่างเป็นผู้มีเมตตาต่อคนทุกข์คนยากอย่างพวกเราจริงๆเลย พวกเราจะไม่ลืมบุญคุณของพ่อหนุ่มเลยจริงๆนะจ๊ะ...พ่อหนุ่ม”

 

“เชิญเข้ามานั่งพักข้างในกันก่อนเถอะนะครับ ผมจะหาน้ำมาให้ดื่มครับ”

 

“ขอบใจจ๊ะพ่อคุณ” “ขอบใจนะพ่อคุณ คุณช่างใจดีจริงๆเลย”

 

“เชิญเถอะครับ เชิญนั่งที่เก้าอี้นี้ก่อนนะครับ รอสักครู่ เดี๋ยวผมกลับมาครับ”

 

ชายหนุ่มเดินหายเข้าไปในมุมมืดและสักพักก็เดินกลับมาพร้อมน้ำดื่ม พร้อมผลไม้และขนมเล็กๆ น้อยๆ

 

“ผมไม่มีอะไรจะให้ทานมากนะครับ ผมอยู่ตัวคนเดียว ลูกๆกับเมียก็ต่างตายจากผมไปหมดแล้ว ผมมีอาหารที่พอจะรับรองได้ก็แค่นี้เองครับ เชิญทานกันตามสบายเถอะนะครับ”

 

“ไม่เห็นต้องยุ่งยากเลย  พวกเราไม่รู้สึกหิวกันเลยสักนิด พ่อหนุ่มเก็บไว้ทานเองเถอะนะจ๊ะ”

 

“อย่าได้เกรงใจผมเลยครับ เพื่อเด็กๆอาจจะอยากทานเล่นกัน วางทิ้งไว้เถอะนะครับ เชิญดื่มน้ำกันครับ”

 

“ขอบคุณมากพ่อหนุ่ม ขอบคุณมากจริงๆเลย ไม่คิดว่าพวกเราจะโชคดีมาพบกับคนใจดีมีเมตตาอย่างคุณได้”

 

“พวกคุณมาทำอะไรกันแถวนี้หรือครับ แถวนี้มันไม่ค่อยมีบ้านคนอาศัยอยู่กันเยอะหรอกนะครับ”

 

“เรามาตามหาบ้านของน้องสาวของฉันเองนะพ่อหนุ่ม น้องสาวฉันเธอเพิ่งจะตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมลูกชายและลูกสาวของเธอเอง จนกระทั้งพวกเรามาเกิดอุบัติเหตุรถชนกันซ้ำซ้อนข้างๆซอยนั้นล่ะจ๊ะ ดีที่คนที่พวกเราขับรถชนไม่เป็นอะไร ยังพอขับรถต่อไปกันได้อีก แต่พวกเรานี้ซิ กลับไม่สามารถขับรถไปต่อกันได้เลย... วันนี้จึงต้องมาขออาศัยพักค้างอ้างแรมด้วยสักคืน พ่อหนุ่มคงไม่ถือสาหรือรังเกียจพวกเราหรอกนะจ๊ะ”

 

“ไม่หรอกครับ ดีซะอีกผมจะได้มีเพื่อนคุย ผู้ชายอยู่ตัวคนเดียวก็อย่างนี้ล่ะครับ กินนอนไม่เป็นเวล่ำเวลา เดี๋ยวหลับเดี๋ยวตื่น ก็หลับๆ ตื่นนะครับ ตอนที่ผมได้ยินเสียงตะโกนและเสียงเคาะประตูผมยังเข้าใจว่าตัวเองฝันไปเลยครับ ผมชอบนอนละเมอบ่อยๆนะครับ”

 

“จริงหรือจ๊ะพ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มคงไม่ได้กำลังคิดว่าพวกเราเป็นแค่ความฝันของคุณหรอกนะจ๊ะ พวกเราเป็นคนจริงๆมนุษย์จริงๆมีเลือดมีเนื้อจริงๆ นะจ๊ะ ไม่ใช่ความฝันและไม่ใช่ผี หรือวิญญาณที่มาเพื่อคอยตามหลอก ตามหลอนพ่อหนุ่มหรอกนะจ๊ะ”

 

“โธ่ ผมจะไปคิดอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ ถึงผมจะชอบอ่านหนังสือหรือดูหนังผีบ่อยๆก็ไม่คิดว่าในโลกนี้มันจะมีผีอยู่จริงๆ หรอกนะครับ”

 

“แต่เรื่องแบบนี้ก็อย่าได้ลบหลู่นะจ๊ะพ่อหนุ่ม พูดแล้วจะหาว่าเล่าเรื่องผีและวิญญานให้พ่อหนุ่มกล้วเล่น ฉันกับสามีเราต่างก็เจอะเจอประสบการณ์ผีหรือวิญญาณกันมาแบบจังๆสดๆร้อนๆ เมื่อสักครู่นี้เองล่ะจ๊ะ พ่อหนุ่ม”

 

“จริงหรือครับ เล่าให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ”

 

“ได้ซิจ๊ะพ่อหนุ่ม เรื่องนี้มันยังสดๆร้อนๆ อยู่เลยล่ะจ๊ะ..เรื่องที่พากเราได้บอกเล่าให้แก่พ่อหนุ่มฟังว่าพวกเราขับรถชนคนแล้วจึงได้เกิดอุบัติเหตุน่ะจ๊ะ ...พวกเราโกหกพ่อหนุ่มนะจ๊ะ ...ความจริงแล้วพวกเราไม่ได้ขับรถชนกับใครหรืออะไรเลย แต่ฉันกับสามีขอรับรองได้ว่าเราเห็นผู้หญิงกับเด็กสองคนยื่นอยู่กลางถนนในระยะปะชิดมากๆ จริงๆ เลยน่ะจ๊ะ ...สามีฉันเขาเหยียบเบรกไม่ทันเลยขับรถชนเข้าอย่างจังๆเลยคาดว่าน่าจะตายคาที่.. พ่อหนุ่มก็คงสังเกตเห็นสภาพของพวกเราในตอนนี้แล้วใช่มั้ยล่ะ สภาพของเรายับเยินอย่างที่เห็นนี้ล่ะ... ฉันกับสามีมั่นใจมากๆว่าสิ่งที่พวกเราเห็นและขับรถชนต้องเป็นผีหรือวิญญาณอย่างแน่ๆเลยล่ะจ๊ะ พ่อหนุ่ม”

 

“น่ากลัวมากเลยนะครับ แต่ผมเองก็อาศัยอยู่แถวนี้มานานหลายปีแล้วกับไม่เคยได้พบเจอกับประสบการณ์ผีหรือวิญญาณมาก่อนเลยนะครับ นอกจากจะอ่านเจอในหนังสือหรือดููในหนังในละครเท่านั้นเองครับ ถ้าพวกคุณสนใจผมยินดีให้ยืมหนังสือไปอ่านได้นะครับ ผมมีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องหลอนๆ เรื่องผีๆ อยู่มากเลยที่เดี๋ยวล่ะครับ”

 

“มันก็ดีอยู่หรอกนะพ่อหนุ่มแต่เวลานี้พวกเราคงไม่สามารถอ่านมันได้หรอกนะ”

 

“หึ หึ มันก็จริงครับผมเองก็ลืมไป วันนี้ฝนตก และไฟก็เกิดมาดับไปเสียอีกด้วย พวกคุณคงยังไม่ง่วงนอนหรอกนะครับ ถ้าเกิดง่วงนอนกันแล้วก็ชิญไปที่ห้องด้านหลังที่เห็นประตูนั่นได้เลยนะครับ”

 

“ผมกับภรรยายังไม่ง่วงหรอกนะ พ่อหนุ่ม ”

 

“แต่เด็กๆอาจจะอยากที่จะพักผ่อนกันแล้วนะครับ อย่างนั้นให้พวกเด็กๆ ไปนอนพักกันก่อนเถอะนะครับ นี้ครับเทียนไขเอาไปใช่กันเถอะครับ”

 

“ไม่ต้องหรอกพ่อหนุ่มเวลานี้แสงจันทร์นวลผ่องพวกเราไม่ต้องใช่มันหรอกนะจ๊ะ พวกเราสองคนสามีพอจะเดินมองเห็นทางได้จ๊ะ ไม่ต้องลำบากกับเราสองคนหรอกจ๊ะ”

 

“อย่างนั้นก็ได้ครับ”

 

“พ่อหนุ่มบอกว่าอยู่ตัวคนเดียวแล้วภรรยากับลูกๆ ได้ยินพ่อหนุ่มว่าเสียไปแล้วหรือจ๊ะ น่าสงสารจริงๆเลย”

 

“ครับ...ผมเสียภรรยากับลูกๆ ไปในอุบัติเหตุรถชนกันนะครับ ที่หน้าปากซอยข้างหน้านี้เองครับ แต่ตอนนี้ผมก็นึกหรือจำหน้าตาลูกๆ กับภรรยาไม่ได้แล้วล่ะครับ”

 

“อุ๊ย หรือว่าที่พวกเราพบเจอเมื่อสักครู่จะเป็นภรรยาและลูกๆของพ่อหนุ่มเองล่ะจ๊ะ”

 

“โธ่...พวกคุณอย่าล้อผมเล่นเลยครับผีหรือวิญญาณไม่มีจริงหรอกครับ และคนธรรมดาอย่างเราๆจะมองเห็นผีหรือวิญญาณได้อย่างไรกัน นอกจากพวกคุณและผมเองจะตายและกลายเป็นผีหรือวิญญาณกันไปแล้วเท่านั้น ถึงจะมองเห็นผีหรือวิญญาณแบบเดียวกันเองได้ จริงมั้ยล่ะครับ และตอนนี้พวกเราก็ต่างเป็นคนมีเลือดมีเนื้อแล้วจะมองเห็นผีหรือวิญญาณกันได้อย่างไรกันล่ะครับ”

 

“พ่อหนุ่มนี้เป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เลยนะจ๊ะ อย่างนั้นก็ตามใจเถอะจ๊ะ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจนะจ๊ะ พ่อหนุ่ม”

 

“ครับผม”

 

“อ๊อ เห็นว่าพ่อหนุ่มชอบอ่านหนังสือและดูหนังแนวผีหรือวิญญาณ ฉันกับสามีขอเดาว่าพ่อหนุ่มต้องทำงานเป็นนักเขียนแน่ๆเลย ใช่มั้ย ล่ะจ๊ะ”

 

“จริงครับ ผมมีอาชีพเป็นนักเขียนนิยายแนวผีๆ หรือจิตวิญญาณนะครับ ดังนั้นผมจึงมักจะไม่เชื่อเรื่องในแนวๆผีๆหรือวิญญาณนี้สักเท่าไรครับ ตั้งแต่ภรรยากับลูกๆของผมเสียไป ผมก็นอนรอและเฝ้ารอคอยให้ลูกๆและภรรยาของผมกลับคืนมาหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแต่ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาหรือสัญญาณบ่งบอกอะไรเลย ว่าพวกเขาอยู่ข้างๆหรือใกล้ๆ ผม ดังนั้นผมจึงไม่เชื่อและผมเริ่มมั่นใจได้ว่าผีหรือวิญญาณไม่มีอยู่จริงๆหรอกครับ”

 

“พ่อหนุ่มอยากมีประสบการณ์เห็นผีหรือวิญญาณจริงๆหรือจ๊ะ”

 

“ครับผมอยากมีประสบการณ์เห็นผีหรือวิญญาณจริงๆครับ เสียดายที่ไม่มีใครช่วยเหลือผมได้เลย”

 

“ไม่จริงหรอกจ๊ะ คนที่มีความมุ่งมั่นสักวันต้องเจาะเจอกับสิ่งที่คาดหวังไว้ได้แน่นอนเลยจ๊ะ”

 

“ขอบคุณมากนะครับ ที่ต่อเติมความหวังให้กับผม ผมอยากพบเจอลูกๆและเมียรัก อีกสักครั้งจริงๆครับ”

 

“ถ้าพวกเราตามหาลูกเมียของพ่อหนุ่มมาได้ พวกเราก็อยากที่จะตามหามาให้ แต่ในตอนนี้พวกเราทำไม่ได้จริงๆจ๊ะ”

 

“โธ๋...ใครจะตามหาผีหรือวิญญาณมาให้ได้ล่ะครับ อย่าพูดล้อกันเล่นอยู่เลยครับ ...ตอนนี้ก็ได้เวลาเข้านอนแล้ว เชิญพวกคุณไปพักผ่อนกันเถอะครับ ตัวผมเองก็จะกลับขึ้นไปนอนแล้วเช่นกัน ขอให้พวกคุณและลูกๆนอนหลับฝันดีกันทุกคนนะครับ”

 

“พ่อหนุ่มเองก็นอนหลับฝันดีนะจ๊ะ และขอให้ฝันเห็นลูกๆและเมียรัก ของพ่อหนุ่มตามที่คาดหวังไว้นะจ๊ะ”

 

“ขอบคุณครับ”

 

ชายหนุ่มก้าวเดินกลับขึ้นไปยังห้องนอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เหมือนในทุกๆค่ำคืนที่ต่างฝันและละเมอเดินเล่นแบบนี้บ่อยๆ  และชายหนุ่มคาดหวังว่าผู้มาอาศัยพักค้างแรมจะเป็นแค่ความฝันในอีกช่วงหนึ่งของค่ำคืนที่เคยผ่านๆ มาด้วยเช่นกัน มันอาจจะเป็นแค่ความฝันอีกค่ำคืนหนึ่งก็ได้ ค่ำคืนนี้ไม่มีใครมาขอพักอาศัยอยู่ด้วย ไม่มีผู้ชายวัยกลางคนกับภรรยา หรือลูกๆ อีกสองคน พวกเขาต่างก็เป็นแค่ความฝันเท่านั้น เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพวกคนที่มาขออาศัยอยู่ด้วยก็จะจางหายไป เมื่อชายหนุ่มคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มท่าทางอมทุกข์ก็ล้มตัวลงนอนหลับบนเตียงนุ่มๆอีกครั้ง และเริ่มฝันเห็นผีและวิญญาณอีกครั้งด้วยเช่นกัน...


"คุณค่ะเมื่อกี่นี้ คุณว่าชายหนุ่มคนนั้นพูดอะไรแปลกไปหรือเปล่าค่ะ"


"อะไรหรือที่ว่าแปลกๆน่ะ ที่รัก"


"เหมือนเขาจะพูดทำนองว่าเรามาด้วยกันมากกว่าสองคน ฉันเข้าใจว่าชายหนุ่มคนเมื่อสักครู่กำลังพูดหรือสนทนาอยู่กับคนสักสี่คนได้นะค่ะคุณ แต่จริงๆแล้วพวกเรามากันแค่สองคนน่ะคะคุณ ลูกสาวกับลูกชายเราก็ไม่ได้ติดตามมาด้วย แล้วเมื่อสักครู่นี้ผู้ชายคนนั้นพูดถึงเด็กที่ไหนกันหรือค่ะคุณ"

 

"คุณฟังผิดไปหรือเปล่า"


"ไม่ผิดหรอกคะคุณ ฉันได้ยินเต็มสองหูเลยค่ะคุณ เขาพูดทำนองว่าให้พวกเด็กๆไปนอนกันก่อนหรืออะไรสักอย่างนี้แหละค่ะคุณ ฉันฟังไม่ผิดหรอกค่ะ ไม่ผิดแน่ๆเลย"


 

.............................................................

 

โปรดติดตามตอนที่ 2 ไขอดีตความหลอน 


 

ขอบคุณที่อ่านเรื่องสั้นเรื่องที่สองของผมครับ..หึ หึ..อ่านแล้วช่วยวิเคราะห์หน่อยนะครับว่าพระเอกของเราเจอผีหลอกหรือเปล่า..ฮ่าๆๆหลอนนนนนนๆๆนะครับไม่รู้ว่าจะเข้าถึงความหลอนหรือเปล่าเพิ่งเคยแต่งแนวผีหรือวิญญาณครั้งแรก



 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา