My Diary
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14.09 น.
แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2562 13.18 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
14) เรื่องไม่เป็นเรื่อง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ4 เมษายน 2555;17.00 น.
วันนี้ฉันถือโอกาสกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหาย(จากวงการ)ไปเสียนาน จนสมุดไดอารี่เล่มนี้มีฝุ่นเกาะหนาเตอะทีเดียว ฉันคงต้องปัดฝุ่นมันไปพร้อมๆกับนำ “เรื่องไม่เป็นเรื่อง” มาเล่าให้ฟังเพื่อเป็นการแบ่งปันประสบการณ์กันสักหน่อยดีกว่า…
เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับตัวฉันเองเมื่อประมาณ 3 วันที่ผ่านมา ความจริงมันก็เป็น “เรื่องไม่เป็นเรื่อง” อย่างที่เกริ่นเอาไว้ในตอนแรก เพราะในความไม่มีอะไรที่ใครหลายๆคนคิด มันกลับมีอะไรบางอย่างสำหรับฉันไปเสียอย่างนั้น เอ๊ะ! ยังไงกันหว่า หลายๆคนคงเริ่มมีคำถามในหัวกันมั่งแล้ว เอาล่ะเริ่มต้นเล่าเรื่องกันเลยดีกว่า เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรื่องก็มีอยู่ว่า…
“ในวันอาทิตย์ที่เป็นวันเริ่มต้นของเดือนที่อากาศร้อนที่สุดวันแรก พูดง่ายๆก็คือวันที่ 1ของเดือนเมษายน ปกติทุกวันฉันมักท่องโลกอินเตอร์เน็ตเป็นประจำสม่ำเสมอ จนเรียกว่าได้ว่าติดงอมแงมเลยเชียวล่ะ โดยเฉพาะการสื่อสารในโลกออนไลน์หรือการเข้าระบบเครือข่าย Social Networks ต่างๆ โดยเฉพาะ Facebook ซึ่งฉันมักเข้าไปใช้บริการเครือข่ายเหล่านี้เป็นประจำแทบขาดไม่ได้ และแต่ละครั้งฉันก็มักใช้เวลาหมกมุ่นกับมันอยู่เป็นเวลานานๆตามประสาคนว่างงาน(ชั่วขณะ)
แต่วันนี้แปลกหน่อย จู่ๆขณะที่ฉันกำลังตั้งหน้าตั้งตาเอาจริงเอาจังกับการเล่นเกมออนไลน์ใน Facebook อยู่นั้น จู่ๆโปรแกรมก็ขึ้นการเตือนมาบอกว่าเพื่อนชายคนหนึ่งที่ฉันเคยแอดไป(ตั้งนานมาแล้ว)เขายอมรับคำขอเป็นเพื่อนของฉันแล้ว อืม ฉันเห็นคำเตือนนะ แต่ก็เฉยๆไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งเขามาโพสต์แสดงความเห็นบนรูปของฉันรูปหนึ่ง ทำให้ฉันต้องเข้าไปอ่านตามสัญชาตญาณการอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ เหอะๆ
มันเป็นเรื่องที่แปลกมากจริงๆสำหรับฉัน เพราะเพื่อนคนนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่ไม่คุ้นเคยและไม่สนิทเลย แทบจะเรียกได้ว่าไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ หรืออาจจะเคยแต่นับครั้งได้ล่ะ เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมฯกันธรรมดาๆที่พอจะรู้จักชื่อและหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นเอง แล้วจู่ๆหลังจากหายไปนานราวๆเกือบห้าปีได้ เราต่างก็เปลี่ยนไปมาก แต่น่าแปลกมากที่เขากลับจำฉันได้และรับฉันเป็นเพื่อนพร้อมกับมาโพสต์ทักทายฉันบนรูปประจำโปรไฟล์ฉันอีกต่างหากแน่ะ ทำเอาฉันรู้สึกครึ้มอกครึ้มใจอย่างไรบอกไม่ถูกแฮะ
ฉันโพสต์ตอบคำทักทายของเขาไปโดยไม่ลังเล และสุดท้ายด้วยความที่การสนทนาบางอย่างฉันไม่อยากออกสื่อนัก เลยส่งข้อความที่เห็นได้เฉพาะบุคคลไปให้เขา และเราก็โต้ตอบกันทางการส่งข้อความอยู่พักนึง น่าแปลกนะ เราเป็น “เพื่อน” ที่แทบจะไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เรากลับคุยกันออกรสออกชาติ เรียกได้ว่าคุยกันถูกคอไปเสียอย่างนั้น จู่ๆเขาก็พิมพ์ข้อความมาถามฉันว่า “แต่งงานหรือยัง” โอ้!พระเจ้าคำถามนี้ทำให้ฉันแอบคิดมากไปพักใหญ่ๆ แต่ในที่สุดคำตอบของเราก็ตรงกัน คือ “โสดทั้งคู่” ฉันแอบดีใจเล็กๆอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยๆก็ได้คุยกับเพื่อนคนโสดเหมือนกัน มันก็กระชุ่มกระชวยหัวใจแล้วล่ะ คุณว่าไหมล่ะ???
เราพิมพ์ข้อความส่งโต้ตอบกันไปมาพักใหญ่ ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ในบทสนทนาดูเหมือนเขาจะสนใจถามไถ่ถึงเรื่องราวของฉันเป็นพิเศษจนทำให้ฉันแอบคิดเข้าข้างตัวเองไปซะแล้ว ฉันแทบลืมว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดเขาก็ขอเบอร์โทรศัพท์ฉัน ซึ่งตอนแรกฉันก็ปฏิเสธนะ เพราะปกติก็ไม่ชอบคุยโทรศัพท์กับใครเท่าไหร่ โดยเฉพาะช่วงที่ว่างงานแบบนี้ เพราะคร้านจะตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องงานเรื่องการ และอีกอย่างฉันก็ไม่ชอบคุยกับใครก็ตามที่ฉันไม่รู้สึกสนิทด้วยเอาเสียเลย แต่เมื่อเขาคะยั้นคะยอขอเบอร์โทรศัพท์ฉัน ฉันก็เลยตัดสินใจให้ไป โดยเขาให้เหตุผลว่า “ไม่เจอกันนาน เลยอยากถามข่าวคราว” อีกทั้งเขาบอกว่าเขาไม่ค่อยได้เล่น Facebook ด้วย คุณว่ามันน่าแปลกไหมล่ะ ที่จู่ๆ เพื่อนคนหนึ่งที่คุณกับเขาแทบจะไม่รู้จักสนิทสนมกันเลยด้วยซ้ำ เขาบอกกับคุณว่าอยากคุยกับคุณ เขาสนใจจะรู้ข่าวคราวของคุณขึ้นมา
แต่ว่าหลังจากนั้น หลังจากที่เขาโทรหาฉันแล้ว หัวใจของฉันกลับมาชุ่มชื้นได้ไม่นาน ก็ต้องอับเฉาซึมเศร้าไปอีกคราจนได้ เพราะเจ้าความ “คิดไปเอง”ของฉันแท้ๆ …
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ