สุดทีรัก..
-
3) กระวนกระวาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "ป้าครับน้ำปล่าขวดหนึ่ง"
ผมซื้อน้ำขณะที่ปาดเหงื่อบนหน้าผาก หัวใจของผมยังคงเต้นระส่ำไม่เป็นปกติสักที
"เฮ้อ.. นี่มัน อะไรกันเนี้ย ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกับถูกดึงจิตใต้สำนึกให้หลุดลอยไป ยังไงยังงั้น"
ผมยังคงขบคิดทะเล้นไม่หายในความรู้สึกอันน่าตื่นเต้นที่ได้ประสบพบเจอมาเมื่อสักครู่นี้
"นี่ปลายฟ้า เรา ไปดูเขาเล่นดนตรีสดด้านหลังมหาลัยกันมั้ย"
ฝนเพื่อนสนิทของผมคลายวังวลของผมช่วยขณะ
" อื้มไปสิ กำลังว่างอยู่พอดีเลย กะว่าจะหาอะไรทำให้ใจลืมๆไปซ่ะบ้าง"
ผมพูดด้วยสีหน้าอ่อนล้า
"ลืมอะไรว่ะแก"
ฝนถามด้วยหน้าตาอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก
"อย่ารู้เลยน่า"
ผมว่าพลางผลักไอเพื่อนตัวดีของผมเซไปด้านหน้า
" เออนี่ฝน ผู้หญิงที่นั่งข้างเราถัดไปโต๊ะนึงชื่อไรหรอ พอรู้ป่ะ "
ผมถามด้วยความตื่นเต้นจนฉายออกทางแววตาเห็นได้ชัด
"อ๋ออ คนนั้นอ่าหรอ อื้มม ใครว่ะแก "
ฝนเล่นทำเอาผมหน้าหงอยไปทันทีทันใด
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นน่าไอบ๊อง ผู้หญิงคนที่สวยๆ พูดจาไพเราะดูเรียบร้อยแต่เรียนเก่งคนนั้นใช่ม่ะ"
ฝนสาธยายพร้อมทำไม้ทำมือประกอบเชิงสร้างอรรถรส
" ใช่ๆๆ คนนั้นแหละ"
ผมว่าพลางทำตาเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ฝนรู้จักเธอ
"เค้าชื่อซาเดียร์อ่ะ เห็นคนอื่นพูดกันว่าพ่อแม่เค้าดุมากทีเดียวแถมผู้ชายคนอื่นก็รุมขายขนมจีบกันเยอะ ทำไมอ่ะแกชอบเค้าหรอ"
คำถามนี้เล่นเอาผมเขินจนบ่ายเบี่ยงทำเป็นเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น
" อื้ม ก็ชอบอ่ะดูเค้าเป็นคนจิตใจดี สายตาของเค้าดูไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ดูๆไปแล้วน่าจะเป็นคนดีที่แอบเหงาไม่มากก็น้อย"
ผมอธิบายความรู้สึกของตนเองให้เพื่อนตัวดีได้รู้
" แล้วแกเคยบอกชอบเค้ารึยังล่ะ"
ฝนถามพร้อมกับหยิบน้ำขึ้นมาดูด
" จะบ้าหรอ จะให้เดินไปสารภาพรักกับเค้าอ่ะน่ะเอ่ออ.. ซาเดียร์ครับ คือผมชอบคุณมานานแล้วอ่ะครับ คุณพอจะรับความรู้สึกดีๆนี้ไว้ได้รึเปล่าครับ ยังงี้อ่ะหรอ ดูหน้าเพื่อนแกด้วยสิ จะแหกมากแหกน้อยก็ไม่รู้"
ผมโต้เถียงกันจนถึงด้านหลังมหาลัย เสียงดนตรีป๊อบร็อคแว่วเข้ามาจนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้แถวด้านหน้า
"เออฝนวงนี้เล่นนานยังอ่ะ"
ผมถามใคร่รู้
" ก็คงสักพักแล้วล่ะ เพราะวงดนตรีเริ่มแสดงตั้งแต่สี่โมงครึ่ง แล้วนี่มันห้าโมงแล้วน่ะ เรามาไม่ทันวงแรกแต่ก็ไม่เป็นไรหรอก วงไหนจะสำคัญเท่าวงนี้ล่ะ"
วงดนตรีที่กำลังแสดงอยู่เป็นวงโปรดของผมและฝนเพื่อนซี้ ทันทีที่กำลังเคลิ้มกับเสียงเพลงอยู่นั้นสายตาผมดันไปเห็นซาเดียร์เข้า เธอกำลังยืนฟังเพลงเดียวกับผมอยู่พร้อมกับเพื่อนอีกสองคนพูดคุยสนุกสนานหยอกล้อกันตามประสาผู้หญิง ผมละสายตาจากหน้าเวทีอย่างตัดขาดโดยสิ้นเชิงแล้วหันมามองหน้าซาเดียร์แทน
"เอ้า ปลายฟ้าแกมองอะไรอยู่อ่ะ อ๋อ... กำลังมองซาเดียร์สุดที่รักอยู่นั่นเอง เดี๋ยวชั้นตะโกนเรียกเค้าให้เอามั้ย"
นี่ฝนอย่าน่ะผมยกมือทำบ่ายเบี่ยง
" ซาเดียร์ ซาเดียร์ "
ยุ่งล่ะสิเพื่อนตัวดีของผมมันดันตะเบงสุดเสียงหวังให้ได้ยินจนได้ล่ะ จะว่าโชคเข้าข้างรึปล่าวก็ไม่รู้ เธอหันมาสบตาผมอีกเป็นครั้งที่สอง หัวใจผมเต้นดังก้องกังวานยิ่งกว่าเสียงดนตรีที่กำลังแสดงอยู่บนเวทีเสียอีก เธอจ้องผมตาไม่กระพริบ ผมจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ ตื่นเต้นตัวสั่นไปหมดแล้ว ผมอยากเดินเข้าไปทักทายเธอเหลือเกินแต่กำลังแรงมันหมดไปเพราะความตื่นเต้นมันเข้ามาครอบครองเต็มประดา เธอจ้องมองผมเหมือนต้องการหาคำตอบ นี่เธอจะรู้หรือปล่าวน่ะว่าผมแอบชอบเธออยู่ ผมได้แต่พูดในใจคนเดียว นี่ผมมีความสามารถเท่านี้เองเหรอ
"นี่ปลายฟ้าลองเข้าไปทำความรู้จักกับเค้าหน่อยสิอย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่ง"
ฝนพูดให้กำลังใจผมยกใหญ่ เอาไงดีล่ะปลายฟ้าเอ๋ย เอ้า..เป็นไงเป็นกัน ผมก้าวขาออกไปแล้วสาวเดิน หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ผมนับในใจเพื่อปลอบความตื่นเต้นตนเอง
" สวัสดีครับ ผมชื่อปลายฟ้าน่ะครับ เรียนอยู่ห้องเดียวกับคุณ "
" ค่ะ ซาเดียร์เคยเห็นคุณมาแล้วเหมือนกัน"
เค้าจำเราได้ด้วยหรอเนี้ยดีใจจัง
" ว่าแต่ปลายฟ้ามากับเพื่อนคนที่ตะโกนเรียกซาเดียร์ม่ะกี้สองคนหรอค่ะ " เธอถามพร้อมกับสบตาจนผมเองทำตัวไม่ถูก
" ครับเรามากันแค่สองคนนี่แหละครับ"
ผมตอบพลางสบตาเธออย่างเขินอาย
" เรามาดูด้วยกันก็ได้น่ะค่ะ ดูกันเยอะๆสนุกดีออก"
เธอชักชวนด้วยสีหน้าเป็นมิตรอ่อนอะมุน
พวกเรายืนดูวงดนตรีกับซาเดียร์ตามคำเชิญชวน ผู้คนหนาแน่นยิ่งขึ้น ช่องว่างระหว่างผมกับซาเดียร์จึงมีน้อยลง ตัวเราสองคนแนบชิดกัน ผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอความหอมของเธอมือของผมกับเธอใกล้กันจนสามารถจับกันได้อย่างง่ายดาย คนเบียดเข้ามาอีกจนซาเดียร์เริ่มมองหน้าผม เราสบตากันเหมือนมีความในใจอยากจะพูดคุยกับเธอ มันใกล้เสียจนลมหายใจของผมกับเธอแลกเปลี่ยนอย่างพัลวัน ทุกครั้งที่เธอหายใจออกผมจะนำพาลมหายใจของเธอนั้นต่อชีวิตผม เธอคิดยังไงกับผมกันแน่น่ะ สายตาของเธอมันทำให้ผมแอบคิดเข้าข้างตัวเอง
" ปลายฟ้าค่ะ" ซาเดียร์เรียกผมอย่างแผ่วเบาเชิงกระซิบข้างหู
"ครับ" ผมประสานสายตาพร้อมเอ่ยตอบเธอ
" คุณรู้สึกยังไงกับคนที่เค้าแอบรักคนอื่นข้างเดียวบ้างค่ะ"
ผมยังไม่ตอบเธอ คำถามเมื่อสักครู่สร้างความสับสนกับตัวผมเองยิ่งนัก ทำไมเธอถึงถามผมแบบนี้น่ะ หรือว่าเธอรังเกียจความรู้สึกของผม
" คงจะรู้สึกเจ็บปวดไม่มากก็น้อยเพราะใจนึงอยากจะเอ่ยความในใจให้เธอได้รู้แต่อีกใจนึงก็กลัวว่าความจริงจะหวนกลับมาทำร้ายตัวเราเพราะเราไม่ใช่สำหรับเค้า"
ผมพูดพร้อมกับบ่ายเบี่ยงสีหน้าของตนเอง
" ค่ะ" เธอยิ้มบางๆ
"วันนี้ซาเดียร์กลับบ้านกี่โมงล่ะครับ"
ผมถามอย่างมีหวัง
" ไม่เกินหกโมงเย็นค่ะ"
ซาเดียร์พูดพลางดูนาฬิกาข้อมือสีชมพูงั้นให้ผมไปส่งได้มั้ยครับ" ผมพูดเสนอไปส่งเธอกลับบ้าน
" ค่ะ" เธอยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยแววตาอ่อนโยน ผมดีใจยิ่งนักที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอเป็นครั้งแรก
"บ้านคุณอยู่ไหนหรอครับ"
ผมเริ่มบทสนทนาขึ้นระหว่างเราสองคนเดินออกจากมหาลัย" อยู่ไม่ไกลจากแถวนี้หรอกค่ะ"
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง ผมกับซาเดียร์เดินมาจนถึงสี่แยกแถวมหาลัย แต่ทันใดนั้นเองรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งฝ่าไฟแดงมาทำท่าจะเฉี่ยวชน ผมรู้สึกตัวเร็วกว่าเธอจึงใช้มือตนเองฉุดดึงปกป้องเธอให้พ้นจากอันตราย เธอบีบมือผมแน่นความรู้สึกกลัวยังคงไม่หายไปจากสีหน้าของเธอที่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัด มือเราสองคนยังประสานกันอยู่เสมือนมือทั้งสองข้างนี้โหยหามานานแสนนาน
สายลมพัดเอื่อยๆ เรียกเส้นผมของเธอให้พริ้วไหวไปตามแรงลม ต้นไม้สีเขียวเข้มสูงตระหง่านรับลมรอบด้านที่ถาโถมเข้ามา ท้องฟ้าถูกขับออกด้วยแสงอาทิตย์ยามอัสดงสีส้มแกมเหลืองอ่อน บัดนี้พระอาทิตย์กำลังเคลื่อนตัวลงอย่างช้าๆ ความมืดค่อยบดบังทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ผมหยุดเดินแล้วหันไปสบตากับซาเดียร์
"คราวหน้าอย่าใจลอยแบบนี้อีกน่ะครับ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
" อะไรๆมันไม่แน่นอนนักหรอก คนเรามักอยากทำความปรารถนาของตนเองด้วยกันทั้งนั้น เรื่องความถูกต้องมีน้อยนิดนัก "
เธอรับฟังผมอย่างเข้าใจ
" ขอบคุณมากน่ะค่ะถ้าม่ะกี้ไม่ได้คุณช่วยไว้คงแย่แน่เลย ซาเดียร์ค่อนข้างกลัวการข้ามถนนน่ะค่ะ ม่ะกี้เลยทำอะไรไม่ถูกได้แต่กลัวเท่านั้น"
เธอพูดพร้อมกับหลบสีหน้าที่ดูเป็นกังวลใจ
" ดูนั่นสิครับ"
ผมพูดพร้อมกับชี้ให้เธอดูสิ่งที่สวยงามจับใจ มันกำลังเคลื่อนตัวอยู่ด้านหลังของเธอ ซาเดียร์หันไปดูทันทีที่ผมกล่าวบอก ภาพเบื้องหน้าเราสองคนเป็นพระอาทิตย์ฉายแสงสีส้มอ่อนโยนบางๆ กำลังลาลับขอบฟ้าอย่างช้าๆ หัวใจผมกำลังพองโต ภาพเบื้องหน้าสวยงามจับใจเหลือเกินเมื่อมีเธออยู่ข้างกายผม ผมคิดคนเดียวพลางหันไปหาซาเดียร์ที่กำลังดูอย่างสงบนิ่ง ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอยิ่งขึ้น ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากทำที่สุดคือได้สัมผัสแก้มเธอเบาๆด้วยริมฝีปากควบคู่กับเครื่องช่วยหายใจของผม ผมเข้าไปใกล้เธอยิ่งขึ้น จูบแก้มเธออย่างแผ่วเบาเสมือนกลัวแก้มเธอจะมีริ้วรอย เธอหันหน้ามาสบตากับผม ความรู้สึกนี้ยากที่จะลืมเลือนได้ยิ่งนัก หัวใจผมเต้นถี่เร็วไม่เป็นจังหวะ ลมหายใจเข้าออกอย่างไม่เป็นปกติ มือไม้ผมไม่อาจสงบนิ่งอยู่เฉยได้ เธอยังคงจ้องมองผมไม่ลดละสายตา แววตาเธอดูน่าถนุถนอมยิ่งนัก เธอจะว่าอะไรผมมั้ยน่ะ เธอรู้สึกอะไรไปบ้างในสิ่งที่ผมทำเมื่อสักครู่นี้ "ปลายฟ้าค่ะ"เธอเรียกผมด้วยน้ำเสียงเบาบาง
"ครับ" ผมตอบเธอเสียงสั่นเครือ
" คุณรู้สึกยังไงกับซาเดียร์ค่ะ "
ผมซื้อน้ำขณะที่ปาดเหงื่อบนหน้าผาก หัวใจของผมยังคงเต้นระส่ำไม่เป็นปกติสักที
"เฮ้อ.. นี่มัน อะไรกันเนี้ย ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกับถูกดึงจิตใต้สำนึกให้หลุดลอยไป ยังไงยังงั้น"
ผมยังคงขบคิดทะเล้นไม่หายในความรู้สึกอันน่าตื่นเต้นที่ได้ประสบพบเจอมาเมื่อสักครู่นี้
"นี่ปลายฟ้า เรา ไปดูเขาเล่นดนตรีสดด้านหลังมหาลัยกันมั้ย"
ฝนเพื่อนสนิทของผมคลายวังวลของผมช่วยขณะ
" อื้มไปสิ กำลังว่างอยู่พอดีเลย กะว่าจะหาอะไรทำให้ใจลืมๆไปซ่ะบ้าง"
ผมพูดด้วยสีหน้าอ่อนล้า
"ลืมอะไรว่ะแก"
ฝนถามด้วยหน้าตาอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก
"อย่ารู้เลยน่า"
ผมว่าพลางผลักไอเพื่อนตัวดีของผมเซไปด้านหน้า
" เออนี่ฝน ผู้หญิงที่นั่งข้างเราถัดไปโต๊ะนึงชื่อไรหรอ พอรู้ป่ะ "
ผมถามด้วยความตื่นเต้นจนฉายออกทางแววตาเห็นได้ชัด
"อ๋ออ คนนั้นอ่าหรอ อื้มม ใครว่ะแก "
ฝนเล่นทำเอาผมหน้าหงอยไปทันทีทันใด
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นน่าไอบ๊อง ผู้หญิงคนที่สวยๆ พูดจาไพเราะดูเรียบร้อยแต่เรียนเก่งคนนั้นใช่ม่ะ"
ฝนสาธยายพร้อมทำไม้ทำมือประกอบเชิงสร้างอรรถรส
" ใช่ๆๆ คนนั้นแหละ"
ผมว่าพลางทำตาเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ฝนรู้จักเธอ
"เค้าชื่อซาเดียร์อ่ะ เห็นคนอื่นพูดกันว่าพ่อแม่เค้าดุมากทีเดียวแถมผู้ชายคนอื่นก็รุมขายขนมจีบกันเยอะ ทำไมอ่ะแกชอบเค้าหรอ"
คำถามนี้เล่นเอาผมเขินจนบ่ายเบี่ยงทำเป็นเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น
" อื้ม ก็ชอบอ่ะดูเค้าเป็นคนจิตใจดี สายตาของเค้าดูไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ดูๆไปแล้วน่าจะเป็นคนดีที่แอบเหงาไม่มากก็น้อย"
ผมอธิบายความรู้สึกของตนเองให้เพื่อนตัวดีได้รู้
" แล้วแกเคยบอกชอบเค้ารึยังล่ะ"
ฝนถามพร้อมกับหยิบน้ำขึ้นมาดูด
" จะบ้าหรอ จะให้เดินไปสารภาพรักกับเค้าอ่ะน่ะเอ่ออ.. ซาเดียร์ครับ คือผมชอบคุณมานานแล้วอ่ะครับ คุณพอจะรับความรู้สึกดีๆนี้ไว้ได้รึเปล่าครับ ยังงี้อ่ะหรอ ดูหน้าเพื่อนแกด้วยสิ จะแหกมากแหกน้อยก็ไม่รู้"
ผมโต้เถียงกันจนถึงด้านหลังมหาลัย เสียงดนตรีป๊อบร็อคแว่วเข้ามาจนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้แถวด้านหน้า
"เออฝนวงนี้เล่นนานยังอ่ะ"
ผมถามใคร่รู้
" ก็คงสักพักแล้วล่ะ เพราะวงดนตรีเริ่มแสดงตั้งแต่สี่โมงครึ่ง แล้วนี่มันห้าโมงแล้วน่ะ เรามาไม่ทันวงแรกแต่ก็ไม่เป็นไรหรอก วงไหนจะสำคัญเท่าวงนี้ล่ะ"
วงดนตรีที่กำลังแสดงอยู่เป็นวงโปรดของผมและฝนเพื่อนซี้ ทันทีที่กำลังเคลิ้มกับเสียงเพลงอยู่นั้นสายตาผมดันไปเห็นซาเดียร์เข้า เธอกำลังยืนฟังเพลงเดียวกับผมอยู่พร้อมกับเพื่อนอีกสองคนพูดคุยสนุกสนานหยอกล้อกันตามประสาผู้หญิง ผมละสายตาจากหน้าเวทีอย่างตัดขาดโดยสิ้นเชิงแล้วหันมามองหน้าซาเดียร์แทน
"เอ้า ปลายฟ้าแกมองอะไรอยู่อ่ะ อ๋อ... กำลังมองซาเดียร์สุดที่รักอยู่นั่นเอง เดี๋ยวชั้นตะโกนเรียกเค้าให้เอามั้ย"
นี่ฝนอย่าน่ะผมยกมือทำบ่ายเบี่ยง
" ซาเดียร์ ซาเดียร์ "
ยุ่งล่ะสิเพื่อนตัวดีของผมมันดันตะเบงสุดเสียงหวังให้ได้ยินจนได้ล่ะ จะว่าโชคเข้าข้างรึปล่าวก็ไม่รู้ เธอหันมาสบตาผมอีกเป็นครั้งที่สอง หัวใจผมเต้นดังก้องกังวานยิ่งกว่าเสียงดนตรีที่กำลังแสดงอยู่บนเวทีเสียอีก เธอจ้องผมตาไม่กระพริบ ผมจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ ตื่นเต้นตัวสั่นไปหมดแล้ว ผมอยากเดินเข้าไปทักทายเธอเหลือเกินแต่กำลังแรงมันหมดไปเพราะความตื่นเต้นมันเข้ามาครอบครองเต็มประดา เธอจ้องมองผมเหมือนต้องการหาคำตอบ นี่เธอจะรู้หรือปล่าวน่ะว่าผมแอบชอบเธออยู่ ผมได้แต่พูดในใจคนเดียว นี่ผมมีความสามารถเท่านี้เองเหรอ
"นี่ปลายฟ้าลองเข้าไปทำความรู้จักกับเค้าหน่อยสิอย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่ง"
ฝนพูดให้กำลังใจผมยกใหญ่ เอาไงดีล่ะปลายฟ้าเอ๋ย เอ้า..เป็นไงเป็นกัน ผมก้าวขาออกไปแล้วสาวเดิน หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ผมนับในใจเพื่อปลอบความตื่นเต้นตนเอง
" สวัสดีครับ ผมชื่อปลายฟ้าน่ะครับ เรียนอยู่ห้องเดียวกับคุณ "
" ค่ะ ซาเดียร์เคยเห็นคุณมาแล้วเหมือนกัน"
เค้าจำเราได้ด้วยหรอเนี้ยดีใจจัง
" ว่าแต่ปลายฟ้ามากับเพื่อนคนที่ตะโกนเรียกซาเดียร์ม่ะกี้สองคนหรอค่ะ " เธอถามพร้อมกับสบตาจนผมเองทำตัวไม่ถูก
" ครับเรามากันแค่สองคนนี่แหละครับ"
ผมตอบพลางสบตาเธออย่างเขินอาย
" เรามาดูด้วยกันก็ได้น่ะค่ะ ดูกันเยอะๆสนุกดีออก"
เธอชักชวนด้วยสีหน้าเป็นมิตรอ่อนอะมุน
พวกเรายืนดูวงดนตรีกับซาเดียร์ตามคำเชิญชวน ผู้คนหนาแน่นยิ่งขึ้น ช่องว่างระหว่างผมกับซาเดียร์จึงมีน้อยลง ตัวเราสองคนแนบชิดกัน ผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอความหอมของเธอมือของผมกับเธอใกล้กันจนสามารถจับกันได้อย่างง่ายดาย คนเบียดเข้ามาอีกจนซาเดียร์เริ่มมองหน้าผม เราสบตากันเหมือนมีความในใจอยากจะพูดคุยกับเธอ มันใกล้เสียจนลมหายใจของผมกับเธอแลกเปลี่ยนอย่างพัลวัน ทุกครั้งที่เธอหายใจออกผมจะนำพาลมหายใจของเธอนั้นต่อชีวิตผม เธอคิดยังไงกับผมกันแน่น่ะ สายตาของเธอมันทำให้ผมแอบคิดเข้าข้างตัวเอง
" ปลายฟ้าค่ะ" ซาเดียร์เรียกผมอย่างแผ่วเบาเชิงกระซิบข้างหู
"ครับ" ผมประสานสายตาพร้อมเอ่ยตอบเธอ
" คุณรู้สึกยังไงกับคนที่เค้าแอบรักคนอื่นข้างเดียวบ้างค่ะ"
ผมยังไม่ตอบเธอ คำถามเมื่อสักครู่สร้างความสับสนกับตัวผมเองยิ่งนัก ทำไมเธอถึงถามผมแบบนี้น่ะ หรือว่าเธอรังเกียจความรู้สึกของผม
" คงจะรู้สึกเจ็บปวดไม่มากก็น้อยเพราะใจนึงอยากจะเอ่ยความในใจให้เธอได้รู้แต่อีกใจนึงก็กลัวว่าความจริงจะหวนกลับมาทำร้ายตัวเราเพราะเราไม่ใช่สำหรับเค้า"
ผมพูดพร้อมกับบ่ายเบี่ยงสีหน้าของตนเอง
" ค่ะ" เธอยิ้มบางๆ
"วันนี้ซาเดียร์กลับบ้านกี่โมงล่ะครับ"
ผมถามอย่างมีหวัง
" ไม่เกินหกโมงเย็นค่ะ"
ซาเดียร์พูดพลางดูนาฬิกาข้อมือสีชมพูงั้นให้ผมไปส่งได้มั้ยครับ" ผมพูดเสนอไปส่งเธอกลับบ้าน
" ค่ะ" เธอยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยแววตาอ่อนโยน ผมดีใจยิ่งนักที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอเป็นครั้งแรก
"บ้านคุณอยู่ไหนหรอครับ"
ผมเริ่มบทสนทนาขึ้นระหว่างเราสองคนเดินออกจากมหาลัย" อยู่ไม่ไกลจากแถวนี้หรอกค่ะ"
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง ผมกับซาเดียร์เดินมาจนถึงสี่แยกแถวมหาลัย แต่ทันใดนั้นเองรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งฝ่าไฟแดงมาทำท่าจะเฉี่ยวชน ผมรู้สึกตัวเร็วกว่าเธอจึงใช้มือตนเองฉุดดึงปกป้องเธอให้พ้นจากอันตราย เธอบีบมือผมแน่นความรู้สึกกลัวยังคงไม่หายไปจากสีหน้าของเธอที่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัด มือเราสองคนยังประสานกันอยู่เสมือนมือทั้งสองข้างนี้โหยหามานานแสนนาน
สายลมพัดเอื่อยๆ เรียกเส้นผมของเธอให้พริ้วไหวไปตามแรงลม ต้นไม้สีเขียวเข้มสูงตระหง่านรับลมรอบด้านที่ถาโถมเข้ามา ท้องฟ้าถูกขับออกด้วยแสงอาทิตย์ยามอัสดงสีส้มแกมเหลืองอ่อน บัดนี้พระอาทิตย์กำลังเคลื่อนตัวลงอย่างช้าๆ ความมืดค่อยบดบังทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ผมหยุดเดินแล้วหันไปสบตากับซาเดียร์
"คราวหน้าอย่าใจลอยแบบนี้อีกน่ะครับ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
" อะไรๆมันไม่แน่นอนนักหรอก คนเรามักอยากทำความปรารถนาของตนเองด้วยกันทั้งนั้น เรื่องความถูกต้องมีน้อยนิดนัก "
เธอรับฟังผมอย่างเข้าใจ
" ขอบคุณมากน่ะค่ะถ้าม่ะกี้ไม่ได้คุณช่วยไว้คงแย่แน่เลย ซาเดียร์ค่อนข้างกลัวการข้ามถนนน่ะค่ะ ม่ะกี้เลยทำอะไรไม่ถูกได้แต่กลัวเท่านั้น"
เธอพูดพร้อมกับหลบสีหน้าที่ดูเป็นกังวลใจ
" ดูนั่นสิครับ"
ผมพูดพร้อมกับชี้ให้เธอดูสิ่งที่สวยงามจับใจ มันกำลังเคลื่อนตัวอยู่ด้านหลังของเธอ ซาเดียร์หันไปดูทันทีที่ผมกล่าวบอก ภาพเบื้องหน้าเราสองคนเป็นพระอาทิตย์ฉายแสงสีส้มอ่อนโยนบางๆ กำลังลาลับขอบฟ้าอย่างช้าๆ หัวใจผมกำลังพองโต ภาพเบื้องหน้าสวยงามจับใจเหลือเกินเมื่อมีเธออยู่ข้างกายผม ผมคิดคนเดียวพลางหันไปหาซาเดียร์ที่กำลังดูอย่างสงบนิ่ง ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอยิ่งขึ้น ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากทำที่สุดคือได้สัมผัสแก้มเธอเบาๆด้วยริมฝีปากควบคู่กับเครื่องช่วยหายใจของผม ผมเข้าไปใกล้เธอยิ่งขึ้น จูบแก้มเธออย่างแผ่วเบาเสมือนกลัวแก้มเธอจะมีริ้วรอย เธอหันหน้ามาสบตากับผม ความรู้สึกนี้ยากที่จะลืมเลือนได้ยิ่งนัก หัวใจผมเต้นถี่เร็วไม่เป็นจังหวะ ลมหายใจเข้าออกอย่างไม่เป็นปกติ มือไม้ผมไม่อาจสงบนิ่งอยู่เฉยได้ เธอยังคงจ้องมองผมไม่ลดละสายตา แววตาเธอดูน่าถนุถนอมยิ่งนัก เธอจะว่าอะไรผมมั้ยน่ะ เธอรู้สึกอะไรไปบ้างในสิ่งที่ผมทำเมื่อสักครู่นี้ "ปลายฟ้าค่ะ"เธอเรียกผมด้วยน้ำเสียงเบาบาง
"ครับ" ผมตอบเธอเสียงสั่นเครือ
" คุณรู้สึกยังไงกับซาเดียร์ค่ะ "
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ