เพื่อนฉันคนนี้ ดีที่สุดเลย
8.8
1) ไอซียู
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เรื่องของเรื่องคือเพื่อนสาวรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่มีอะไรน่ารักในนิสัย และเป็นต้นแบบทางความคิดดีๆต่อเราเสมอ เลยไม่อยากละเลยไป จึงด้านหน้าโทรฯไปขอนำเรื่องบางเรื่องบางอย่างมานำเสนอแนวซีรีย์สั้นๆจบในตอน ซึ่งพี่แกก็แสนดีอนุญาตและบอกว่าจะอ่านบ้างล่ะ เลยทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ดังจะท้าวความหลังไปณ บัดนี้.... แท๋น แทน แท๊น.....
บ้านหลังสวยในซอย15 มีลักษณะเป็นดงและป่ากลายๆ เจ้าของบ้านเป็นผู้กว้างขวางทั้งน้ำใจและชื่อเสียงในทิศทางที่ทั้งน่าปลื้มและน่าสงสารเป็นบางครั้ง ที่น่าสงสารเป็นเพราะความใจดีของพี่เขา มักมีเรื่องน่าตื่นเต้นมาเล่าเองบ้าง และผู้อยู่รอบๆข้างเล่าให้ฟังบ้างตามโอกาสต่างๆที่มันมีมากมายหลากหลายรสเหลือเกิน ดังที่เราจะเอ่ย(เขียน)ถึงต่อไปในเวลาอันใกล้นี้ และคงลงเป็นบทความก็ไม่รู้ใช่ นวนิยายไม่เชิงนัก แต่ไม่รู้จะลงเป็นอะไรดีค่ะเลยเอามาลงแบบนี้ล่ะค่ะแล้วแต่ผู้อ่านจะคิดเอาเน้าะ แต่ ทุกเรื่องย่อมมีคำสอนและบอกเล่าได้อย่างดีเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่อยู่ในความ"ดี" และ "มองโลกในแง่ดี" เสมอ
เรื่องแรกเลยคือเรื่องนี้ค่ะ.....
...เรารู้จักกันได้อย่างไร?? พื้นฐานชีวิตอะไรแทบไม่เหมือนกันเลย จากผู้หญิงแท้ๆมาจากครอบครัวที่แสนธรรมดากับเพื่อนสาว(ประเภทสอง)รุ่นพี่ที่มีอะไรมากมายมายจนเราแอบคิดไม่ได้ว่า "นี่ชั๊นมีเพื่อนเป็นเศรษฐีกะเค้าด้วยเหรอเนี้ย" (ในความมีน้ำใจมากๆของเธอค่ะ) ความคิดนี้มันก่อเกิดมาหลังจากที่พี่เขาพาเราไปเที่ยวบ้านหลังจากคบกันมานานพอสมควร.
ซึ่งนาทีแรกที่พบกัน กับการมาพบบ้านเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ มันต่างกันสุดขั่ว!... มา(ฟัง) อ่านต่อค่ะ ช่วงนั้นผู้เขียนทำงานเป็นรีเชฟชั่นของโรงแรมแห่งหนึ่งแถวสีลม เป็นโรงแรมระดับสี่ดาวและชั้นล่างของโรงแรมมีสถานที่เที่ยวยามราตรีด้วย
ด้วยความที่งกหนึ่งล่ะ และจนหนึ่งล่ะ ทำให้ผู้เขียนควบงานที่ทางผู้จัดการโรงแรมเห็นแววอึด! ของผู้เขียน ท่านเลยถามผ่านๆและแบบไม่ค่อยตั้งใจนักว่า "คุณจะรับงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกเลาจ์ได้มั๊ย?" ..(เลาจ์นะคะ ไม่ใช่เล้า...ฮา.) มีหรือจะพลาด เราตกปากรับคำแบบไม่คิด (อิอิ.. .ก็กลัวท่านเปลี่ยนใจนี่นา)ทันทีทันใด งานเริ่มสองทุ่มค่ะแต่กว่าจะหมดงานคือตีสี่ แต่งานหน้าเคาท์เตอร์ฟ้อนท์ของโรงแรมเริ่มแปดโมงเช้าเลิกห้าโมงเย็น จากที่บ้านกับที่ทำงานไกลกันมาก เราเลยยึดห้องพักพนักงานเป็นห้องส่วนตัวกลายๆ แบบเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำแต่งตัว อ่านหนังสือ ทำรายงานทำ..สารพัดค่ะ( ตอนนั้นเรียนป.ตรีไปด้วยค่ะ)ไปด้วย ใช้เป็นที่นอนพักช่วงระยะเวลาสั้นๆ นานๆเข้าเลยไม่มีใครมาแหย๋มค่ะ ยกให้เราเพียงผู้เดียวเพราะสงสาร(เขากลัวเราตื่นมาเจอตอนเปลี่ยนชุดพนักงาน ..มั๊ง!) เลยถือว่าเป็นบุญคุณมากๆ กับพี่ๆน้องๆที่ทำงานร่วมกันในตอนนั้นและรำลึกถึงมาเสมอในวันนี้ คืนที่ได้พบเพื่อนสาวคนนี้ ผู้เขียนทำงานควบยอดสองต่อเช่นเดิม แต่เพราะความเหนื่อยและง่วงมาก และเห็นว่าแขกที่มาเที่ยวบางตาลงบ้างแล้ว อีกอย่างผู้จัดการไม่อยู่แล้ว(แล้วตรูจะอยู่ไม? อิอิ.) เลยบอกน้องคนที่เป็นรองเราอีกทีว่า "พี่ขอไปนอนก่อนนะ มีอะไรก็มาเรียกได้เลย"
น้องเค้าก็บอกว่า "ครับ..ไม่มีอะไรแล้วล่ะพี่..ใกล้ลงอาหารเช้าแล้วด้วย พี่ไปนอนได้เลย" ค่ะ ไปถึงห้องพักเปิดพัดลมหลับตรงโซฟานั่นล่ะค่ะ ยังไม่ได้ฝันถึงใครเล้ย ก็มีเสียงรุ่นน้องมาเรียกใกล้ๆ "พี่จันๆมาช่วยพวกผมหน่อยพี่ ทำอะไรไม่ได้เลย.!"
เราตั้งสติ และเดินออกไปแบบสง่าผ่าเผยค่ะ เพราะกฎของคนทำงาน(โรงแรมหรืองานด้านบริการอื่นๆ) ห้ามงัวเงียเด็ดขาด ยิ่งมีปัญหาเฉพาะหน้าเกิดขึ้นมา เรายิ่งต้องดูกระฉับกระเฉงที่สุด! เหอๆ...ไม่อยากอธิบายมากกับภาพที่เห็น...โฮ่ะๆๆ .. หนุ่มหล่อม้ากก นอนตัวยาวววว...ไปตามพื้น..บนโต๊ะมีขวดเบียร์ไฮเนเก้นสองขวดที่ดื่มไม่หมดทั้งสองขวดวางอยู่ แถมมีเม็ดมะม่วงหิมพานต์วางอยู่จาน พร้อมซองหนังพับอย่างดีที่ทางโรงแรมใช้แนบบิลรายการค่าใช้จ่ายวางอยู่อัน เราเปิดดูมูลค่าความเสียหาย540บาทถ้วน ....เราก็ปลุกสิคะ... "คุณคะ..คุณ..ตื่นก่อนค่ะ"
หนุ่มผมยาวรูปหล่อโงหัวมาดูแป๊ปนึง แล้วสลบลงไปอีกรอบ เราจัดแจงปากว่ามือถึงทันที.."คุณคะ ลุกก่อนค่ะ" พลางเขย่าตัวปลุก เสียงบอกมาด้านหลังว่า "พี่จัน พวกผมปลุกตั้งนานแล้ว ไม่ขยับเลย นี่เค้าลงอาหารเช้าแล้วด้วย ทำไงดี?..เดี๋ยวผู้จัดการมาโดนแน่เลย แขกก็ใกล้ลงแล้วด้วยสิ" เออ..ชั๊นรู้แล้ว (โว้ย) เราคิดหาวิธีทำให้คนเมาขนาดหนักตื่นไม่ได้ และกำลังคิดๆอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงจากปากหนุ่มหล่อ (ในตอนนั้น)ว่า"ภู๊ชายยย มันสาละเลววววกันทู้กค๊นนนนน" ...555 ค่ะ เลยเพิ่งได้มาสังเกตุว่า พี่แก นอกจากหน้าหล่อมากแล้ว การแต่งกายก็สำอางค์มากๆด้วย ทองมาสเตอร์โกลด์ ที่ตอนนั้นแพงมาก แค่บาทเดียวยังเป็นหมื่น แต่พี่แกเล่นล่อใส่ทั้งข้อมือ(สามบาท) คออีกสอง แหวนอีกสองวง นี่ยังไม่รวมมือถือที่โคตะระแพงอีกเครื่องที่ตอนนั้นราคากว่าสี่หมื่น เราเลยสั่งให้น้องๆผู้ชายที่เป็นทั้งเวตเตอร์และบั๊ดบอยกว่าห้าคน(มีแต่คนตัวเล็กๆและแบบบางทั้งน้าน) มาช่วยกันยกร่างหนุ่มหน้าตาดี(สังเกตุค่ะ ว่าเปลี่ยนจากหนุ่มหล่อมาแล้ว) เอาไปเก็บในห้องพักส่วนตัวเรา พอวางเธอได้กับโซฟา เธอก็หลับปุ๋ยไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป....
แต่เราสิคะ ต้องมาเขียนรายการทรัพย์สินของพี่แกทั้งหมดรวมทั้งเปิดกระเป๋าตังค์ของแกต่อหน้าน้องๆทุกคนด้วย และให้ทุกคนลงลายมือชื่อเป็นผู้ร่วมรับรู้ ว่าเราค้นพบและยึดอะไรเอาไว้บ้าง แหมๆ ก็แค่ทองที่มี ไม่กี่บาทจะถึงแสนแล้วกะมือถือที่มีแต่คนมีกะตังค์เท่านั้นจะใช้ได้กะเงินสดนิดหน่อย7,350บาท แล้วสลิปบัตรเครดิตอีกอื้อซ่า แล้วเขียนโน๊ตใส่กระดาษใหญ่ๆขนาดเอ4 แปะตรงหน้ากระจกว่า"คุณเมามาก ดิฉัน....(.ชื่อพร้อมนามสกุลและหน้าที่การงานแผนกติดต่อเสร็จสรรพ) ได้เก็บทรัพย์สินของคุณไว้ หากคุณตื่นแล้ว เรียกเพจเจอร์ได้ที่เบอร์......" บางคนอาจไม่รู้จักเพจเจอร์แล้วมั๊งคะ ที่เขาบอกว่ากด151-152น่ะค่ะแล้วฝากข้อความหรือเบอร์โทรฯกลับ(หากจะถามว่า ทำไมไม่ส่งให้ผู้จัดการ ก้อเราทำหน้าผู้ช่วยนี่ค่ะ เรื่องแบบนี้เราจัดการได้เราก้อต้องทำไป อย่าไปกวนงานท่านมาก) ค่ะ ตอนบ่ายวันนั้น
"เรา" เลยได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ...
*เหตุการณ์ต่อไปจะลงมาเรื่อยๆค่ะ
หมายเหตุ ..หากอ่านตอนนี้แล้วอยากทราบว่าต่อไป"เรื่องราวจะเป็นอย่างไร" แนะนำให้อ่านเรื่อง All about us ตอน see us ค่ะ เพราะเป็นตอนต่อกัน ผู้เขียนลงผิดแต่แรก เลยยุ่งไปนิดค่ะ .
ขอบคุณ และขอโทษมา ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ
jundee.
บ้านหลังสวยในซอย15 มีลักษณะเป็นดงและป่ากลายๆ เจ้าของบ้านเป็นผู้กว้างขวางทั้งน้ำใจและชื่อเสียงในทิศทางที่ทั้งน่าปลื้มและน่าสงสารเป็นบางครั้ง ที่น่าสงสารเป็นเพราะความใจดีของพี่เขา มักมีเรื่องน่าตื่นเต้นมาเล่าเองบ้าง และผู้อยู่รอบๆข้างเล่าให้ฟังบ้างตามโอกาสต่างๆที่มันมีมากมายหลากหลายรสเหลือเกิน ดังที่เราจะเอ่ย(เขียน)ถึงต่อไปในเวลาอันใกล้นี้ และคงลงเป็นบทความก็ไม่รู้ใช่ นวนิยายไม่เชิงนัก แต่ไม่รู้จะลงเป็นอะไรดีค่ะเลยเอามาลงแบบนี้ล่ะค่ะแล้วแต่ผู้อ่านจะคิดเอาเน้าะ แต่ ทุกเรื่องย่อมมีคำสอนและบอกเล่าได้อย่างดีเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่อยู่ในความ"ดี" และ "มองโลกในแง่ดี" เสมอ
เรื่องแรกเลยคือเรื่องนี้ค่ะ.....
...เรารู้จักกันได้อย่างไร?? พื้นฐานชีวิตอะไรแทบไม่เหมือนกันเลย จากผู้หญิงแท้ๆมาจากครอบครัวที่แสนธรรมดากับเพื่อนสาว(ประเภทสอง)รุ่นพี่ที่มีอะไรมากมายมายจนเราแอบคิดไม่ได้ว่า "นี่ชั๊นมีเพื่อนเป็นเศรษฐีกะเค้าด้วยเหรอเนี้ย" (ในความมีน้ำใจมากๆของเธอค่ะ) ความคิดนี้มันก่อเกิดมาหลังจากที่พี่เขาพาเราไปเที่ยวบ้านหลังจากคบกันมานานพอสมควร.
ซึ่งนาทีแรกที่พบกัน กับการมาพบบ้านเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ มันต่างกันสุดขั่ว!... มา(ฟัง) อ่านต่อค่ะ ช่วงนั้นผู้เขียนทำงานเป็นรีเชฟชั่นของโรงแรมแห่งหนึ่งแถวสีลม เป็นโรงแรมระดับสี่ดาวและชั้นล่างของโรงแรมมีสถานที่เที่ยวยามราตรีด้วย
ด้วยความที่งกหนึ่งล่ะ และจนหนึ่งล่ะ ทำให้ผู้เขียนควบงานที่ทางผู้จัดการโรงแรมเห็นแววอึด! ของผู้เขียน ท่านเลยถามผ่านๆและแบบไม่ค่อยตั้งใจนักว่า "คุณจะรับงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกเลาจ์ได้มั๊ย?" ..(เลาจ์นะคะ ไม่ใช่เล้า...ฮา.) มีหรือจะพลาด เราตกปากรับคำแบบไม่คิด (อิอิ.. .ก็กลัวท่านเปลี่ยนใจนี่นา)ทันทีทันใด งานเริ่มสองทุ่มค่ะแต่กว่าจะหมดงานคือตีสี่ แต่งานหน้าเคาท์เตอร์ฟ้อนท์ของโรงแรมเริ่มแปดโมงเช้าเลิกห้าโมงเย็น จากที่บ้านกับที่ทำงานไกลกันมาก เราเลยยึดห้องพักพนักงานเป็นห้องส่วนตัวกลายๆ แบบเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำแต่งตัว อ่านหนังสือ ทำรายงานทำ..สารพัดค่ะ( ตอนนั้นเรียนป.ตรีไปด้วยค่ะ)ไปด้วย ใช้เป็นที่นอนพักช่วงระยะเวลาสั้นๆ นานๆเข้าเลยไม่มีใครมาแหย๋มค่ะ ยกให้เราเพียงผู้เดียวเพราะสงสาร(เขากลัวเราตื่นมาเจอตอนเปลี่ยนชุดพนักงาน ..มั๊ง!) เลยถือว่าเป็นบุญคุณมากๆ กับพี่ๆน้องๆที่ทำงานร่วมกันในตอนนั้นและรำลึกถึงมาเสมอในวันนี้ คืนที่ได้พบเพื่อนสาวคนนี้ ผู้เขียนทำงานควบยอดสองต่อเช่นเดิม แต่เพราะความเหนื่อยและง่วงมาก และเห็นว่าแขกที่มาเที่ยวบางตาลงบ้างแล้ว อีกอย่างผู้จัดการไม่อยู่แล้ว(แล้วตรูจะอยู่ไม? อิอิ.) เลยบอกน้องคนที่เป็นรองเราอีกทีว่า "พี่ขอไปนอนก่อนนะ มีอะไรก็มาเรียกได้เลย"
น้องเค้าก็บอกว่า "ครับ..ไม่มีอะไรแล้วล่ะพี่..ใกล้ลงอาหารเช้าแล้วด้วย พี่ไปนอนได้เลย" ค่ะ ไปถึงห้องพักเปิดพัดลมหลับตรงโซฟานั่นล่ะค่ะ ยังไม่ได้ฝันถึงใครเล้ย ก็มีเสียงรุ่นน้องมาเรียกใกล้ๆ "พี่จันๆมาช่วยพวกผมหน่อยพี่ ทำอะไรไม่ได้เลย.!"
เราตั้งสติ และเดินออกไปแบบสง่าผ่าเผยค่ะ เพราะกฎของคนทำงาน(โรงแรมหรืองานด้านบริการอื่นๆ) ห้ามงัวเงียเด็ดขาด ยิ่งมีปัญหาเฉพาะหน้าเกิดขึ้นมา เรายิ่งต้องดูกระฉับกระเฉงที่สุด! เหอๆ...ไม่อยากอธิบายมากกับภาพที่เห็น...โฮ่ะๆๆ .. หนุ่มหล่อม้ากก นอนตัวยาวววว...ไปตามพื้น..บนโต๊ะมีขวดเบียร์ไฮเนเก้นสองขวดที่ดื่มไม่หมดทั้งสองขวดวางอยู่ แถมมีเม็ดมะม่วงหิมพานต์วางอยู่จาน พร้อมซองหนังพับอย่างดีที่ทางโรงแรมใช้แนบบิลรายการค่าใช้จ่ายวางอยู่อัน เราเปิดดูมูลค่าความเสียหาย540บาทถ้วน ....เราก็ปลุกสิคะ... "คุณคะ..คุณ..ตื่นก่อนค่ะ"
หนุ่มผมยาวรูปหล่อโงหัวมาดูแป๊ปนึง แล้วสลบลงไปอีกรอบ เราจัดแจงปากว่ามือถึงทันที.."คุณคะ ลุกก่อนค่ะ" พลางเขย่าตัวปลุก เสียงบอกมาด้านหลังว่า "พี่จัน พวกผมปลุกตั้งนานแล้ว ไม่ขยับเลย นี่เค้าลงอาหารเช้าแล้วด้วย ทำไงดี?..เดี๋ยวผู้จัดการมาโดนแน่เลย แขกก็ใกล้ลงแล้วด้วยสิ" เออ..ชั๊นรู้แล้ว (โว้ย) เราคิดหาวิธีทำให้คนเมาขนาดหนักตื่นไม่ได้ และกำลังคิดๆอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงจากปากหนุ่มหล่อ (ในตอนนั้น)ว่า"ภู๊ชายยย มันสาละเลววววกันทู้กค๊นนนนน" ...555 ค่ะ เลยเพิ่งได้มาสังเกตุว่า พี่แก นอกจากหน้าหล่อมากแล้ว การแต่งกายก็สำอางค์มากๆด้วย ทองมาสเตอร์โกลด์ ที่ตอนนั้นแพงมาก แค่บาทเดียวยังเป็นหมื่น แต่พี่แกเล่นล่อใส่ทั้งข้อมือ(สามบาท) คออีกสอง แหวนอีกสองวง นี่ยังไม่รวมมือถือที่โคตะระแพงอีกเครื่องที่ตอนนั้นราคากว่าสี่หมื่น เราเลยสั่งให้น้องๆผู้ชายที่เป็นทั้งเวตเตอร์และบั๊ดบอยกว่าห้าคน(มีแต่คนตัวเล็กๆและแบบบางทั้งน้าน) มาช่วยกันยกร่างหนุ่มหน้าตาดี(สังเกตุค่ะ ว่าเปลี่ยนจากหนุ่มหล่อมาแล้ว) เอาไปเก็บในห้องพักส่วนตัวเรา พอวางเธอได้กับโซฟา เธอก็หลับปุ๋ยไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป....
แต่เราสิคะ ต้องมาเขียนรายการทรัพย์สินของพี่แกทั้งหมดรวมทั้งเปิดกระเป๋าตังค์ของแกต่อหน้าน้องๆทุกคนด้วย และให้ทุกคนลงลายมือชื่อเป็นผู้ร่วมรับรู้ ว่าเราค้นพบและยึดอะไรเอาไว้บ้าง แหมๆ ก็แค่ทองที่มี ไม่กี่บาทจะถึงแสนแล้วกะมือถือที่มีแต่คนมีกะตังค์เท่านั้นจะใช้ได้กะเงินสดนิดหน่อย7,350บาท แล้วสลิปบัตรเครดิตอีกอื้อซ่า แล้วเขียนโน๊ตใส่กระดาษใหญ่ๆขนาดเอ4 แปะตรงหน้ากระจกว่า"คุณเมามาก ดิฉัน....(.ชื่อพร้อมนามสกุลและหน้าที่การงานแผนกติดต่อเสร็จสรรพ) ได้เก็บทรัพย์สินของคุณไว้ หากคุณตื่นแล้ว เรียกเพจเจอร์ได้ที่เบอร์......" บางคนอาจไม่รู้จักเพจเจอร์แล้วมั๊งคะ ที่เขาบอกว่ากด151-152น่ะค่ะแล้วฝากข้อความหรือเบอร์โทรฯกลับ(หากจะถามว่า ทำไมไม่ส่งให้ผู้จัดการ ก้อเราทำหน้าผู้ช่วยนี่ค่ะ เรื่องแบบนี้เราจัดการได้เราก้อต้องทำไป อย่าไปกวนงานท่านมาก) ค่ะ ตอนบ่ายวันนั้น
"เรา" เลยได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ...
*เหตุการณ์ต่อไปจะลงมาเรื่อยๆค่ะ
หมายเหตุ ..หากอ่านตอนนี้แล้วอยากทราบว่าต่อไป"เรื่องราวจะเป็นอย่างไร" แนะนำให้อ่านเรื่อง All about us ตอน see us ค่ะ เพราะเป็นตอนต่อกัน ผู้เขียนลงผิดแต่แรก เลยยุ่งไปนิดค่ะ .
ขอบคุณ และขอโทษมา ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ
jundee.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ