ความทรงจำสะท้อน...ใจคน
8.7
1) สะท้อนใจคน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสะท้อน...ใจคน
...รู้สึกคิดถึงวันเก่าๆทุกที ครั้งนี้ก็เป็นอย่างเคย ผมไปนั่งดูหนังเรื่องหนึ่ง มันทำให้นึกย้อนถึงวันเก่าๆ ไม่รู้ว่าเกิดความรู้สึกอะไร ทำไมผมถึงรู้สึกเหงาเสียเหลือเกิน....
...ประมาณ 6 ปีที่แล้ว...
...ชีวิตในช่วงความรักในวัยเด็กเป็นอะไรที่น่ารักที่สุด แสนจะประทับใจ
...เพื่อนๆคงเคยมีความรักครั้งแรก ไม่ว่าใครก็ต้องมีภาพประทับใจติดตราตรึงในหัวใจ..
ทุกคนย่อมมีคนทีแอบปลื้ม ผมก็เช่นกัน เธอเป็นหญิงที่ดูเรียบร้อยในสายตาทุกๆคน แต่ในสายตาผมเธอทำให้หัวใจผมชุ่มชื้นขึ้นวันใดที่ผมไม่ได้เห็นหน้าเธอ มักจะเกิดความรู้สึกเหงา ผมแอบเขียนจดหมายเป็นกระดาษแผ่นเดียวตั้งไว้ที่ใต้โต๊ะเธอ แอบเก็บรูปเธอ ไปดูงานที่เธอเข้าร่วมด้วย เธอเป็นนักแสดงของโรงเรียน แต่ด้วยชื่อเสียงของห้องเธอทำให้ไม่ค่อยมีใครสนใจการแสดงครั้งนี้มากนัก มีแต่ผมคนเดียวที่ยังคอยแอบดูเธออยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าไปแสดงความยินดีกับเธอเลยสักครั้งเดียว
...ในใจมันอยากจะเข้าไปบอกเหลือเกินว่า “ คุณคือคนเก่งสำหรับผม” ไม่มีเลย ไม่มีสักครั้งที่ใจจะกล้าพอ
...ด้วยเหตุกาลหนึ่งทำให้พวกเราได้มาเจอกัน วันนั้นเป็นวันที่ฝนตก ผมติดฝนอยู่ที่โรงเรียน โดยธรรมดาผู้ชายอย่างผมคงไม่พกพาร่มไปโรงเรียนหรอก ไม่งั้นโดนเพื่อนล้อแย่เลย ผมนั่งหัดเล่นกีต้าร์อยู่คนเดียวที่โรงอาหารของโรงเรียน ที่มีคนอยู่เป็นคู่ๆ นั่งจู๋จี๋กันทำเอาผมอดอิจฉาพวกเขาไม่ได้ แต่ตอนนั้นในใจผมเพียงแค่อยากเล่นดนตรีให้เป็น โดยมีเธอเป็นแรงบันดาลใจอยู่ห่างๆโดยที่เจ้าตัวก็ไม่เคยรู้หรอกว่า เธอคือคนที่ทำให้ผมตั้งใจทำอะไรหลายๆอย่าง เพื่อเธอ
... แต่แล้วครั้นเมื่อ รู้สึกล้าจึงมองไปรอบๆ !!! หัวใจผมเต้นแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อหันไปเห็นเธอกำลังซ้อมการแสดงที่กำลังจะมีจัดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์...
... พี่คะ ....พี่... เอ่อ....ขอโทษค่ะ พี่คะ...
เสียงนั้นทำเอาจิตใจผมที่หลุดลอยไปกลับสติสตางค์กลับคืนมา เธอคนนั้นมายืนอยู่ตรงหน้าผม โดยผมไม่ทันตั้งตัว
...น้องจำพี่ได้นะ พี่ชอบมาดูน้องแสดงละคร ไม่ทราบว่าพี่ชื่ออะไรหรอคะ..
...พี่ชื่อ....ต้น ครับ....
...น้องชื่อ....ปาล์ม ค่ะ..ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ
..ผมกับน้องเขาห่างกันหนึ่งชั้นปี ผมเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 6 น้องปาล์มเขาอยู่ ม. 5 เย็นวันนั้นผมมีความสุขมากที่เป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกัน ถ้าไม่นับวันที่ผมได้แอบปลื้มเธอก็คงเป็นวันแรกที่เราได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ มันช่างสุขใจเสียเหลือเกิน
...หลังจากวันนั้นผมก็ผลันตัวเองไปเป็นเด็กหลังเวที ช่วยงานการแสดงเพื่อที่จะได้เข้าใกล้น้องปาล์มเขา เป็นเวลาแห่งความสุขที่ผมได้เก็บมันไว้ทุกวินาทีที่ได้ใกล้กัน สัมผัสอบอุ่นแม้เพียงมองเธออยู่ใกล้ๆ โดยที่น้องเขาไม่เคยรู้เลยว่ามีใครกำลังแอบมองเธออยู่ เราสนิทกันมากยิ่งขึ้น ผมได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการอยู่ใกล้เธอทุกฝีก้าว เริ่มไปไหนมาไหนด้วยกัน ...
...จนวันหนึ่งความรู้สึกนั้นก็ต้องน้อยลง บวกกับตอนที่ผมมีความในใจจะบอกน้องเขาผมเดินไปหาน้องปาล๋มที่หลังเวทีตอนที่น้องเขากำลังเตรียมบทแสดงอยู่หลังฉาก ไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยคำพูดอะไรออกไป มีเสียงดังร้องทักขึ้นมาก่อนหน้าผม เสียงนั้นเป็นไอบาสเพื่อนร่วมห้องเดียวกันกับผมที่พยายามขอน้องปาล๋มป็นแฟน...
...วันนั้นทำให้ผมรู้สึกว่า การตัดสินใจอะไรบางอย่าง เวลาทุกวินาทีมันช่างมีค่าเสียเหลือเกิน ผมได้แต่โทษความลังเลในจิตใจของผมเอง แต่อีกนัยหนึ่งก็คิดว่า คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว หากผมพูดมันออกไป อาจเสียเธอไปเลยก็เป็นได้ ได้แต่เก็บมันเอาไว้อยู่ในใจต่อไป...
...ถ้าชีวิตมันช่างเหมือนบทละครเสียเหลือเกิน ผมอาจถูกสวมบทตัวร้ายไปโดยปริยาย วันวาเลนไทน์มาถึง พร้อมกับความรู้สึกตัวร้ายเข้าครอบงำ มันเป็นความรู้สึกที่เหงาปนกับความเห็นแก่ตัวที่ผมกำลังจะพูดมันออกไป...
...หลังเลิกเรียนผมไปดักรอเธออยู่ตรงหน้าประตูโรงเรียน เพราะใจผมมันไม่กล้าเสียทีกับการให้ดอกกุหลาบดอกนึงกับเธอ เวลามาถึงน้องปาล์มมาคนเดียว..
...เอ่อ.. น้องปาล์ม พี่มีอะไรจะบอก...เอ่อ...คือ...
...อะไรหรือคะ... พี่ดูหน้าซีดจัง เป็นอะไรรึป่าว..
...คือ..พี่ (แอบชอบน้องปาล์มมานานแล้ว) ไปส่งมั๊ย ได้แต่เก็บความรู้สึกของชายที่ไม่กล้าพอที่จะบอกมันออกไป บวกกับผมเหลือบไปเห็นดอกกุหลาบช่อใหญ่ที่อยู่ในมือของน้องปาล์ม เป็นของไอบาสเพื่อนร่วมห้องที่ขอน้องเขาเป็นแฟน ผมคงไม่มีหน้าไปพบเธออีกแล้ว เพราะใจผมแทบสลาย
...ที่บ้านของต้น...
...ต้น แม่ว่าเราก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว แม่จะส่งต้นไปเรียนต่อที่เมืองนอกนะ ดูผลการเรียนแล้วแม่ว่าเราคงไปได้อีกไกล แม่อยากให้เราเรียนสูงๆจะได้กลับมาช่วยพ่อแม่ทำงานต่อ..
...เป็นเพียงเส้นทางเดียวที่ผมจะหลบหลีกเธอไปให้ไกลที่สุด เพียงหวังว่าจะลบความทรงจำในช่วงนี้ไปได้ คงไปพบเจออะไรใหม่ๆ กับการเรียนที่ต่างประเทศต่อไป...
... 6 ปีต่อมา...
...ผมเรียนจบและได้กลับมาทำงานอยู่ที่บ้านของตนเอง ที่บ้านได้เปิดธุรกิจส่วนตัวที่กำลังไปได้ดี ผมจึงต้องมารับหน้าที่ต่อจากทางครอบครัว...
..เย็นวันหนึ่ง ในขณะที่รับประทานอาหารเย็น...
...แม่ของผมทำท่าเหมือนมีอะไรจะบอก ผม โดยที่แม่ไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ผมเลยยิงคำถามไปก่อน...
...แม่เลยเดินไปหยิบสมุดเล่มสีขาว ที่มีรูปหัวใจเล่มใหญ่มาให้ พร้อมกับบอกว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งเขามาฝากไว้ตอนที่ลูกขึ้นเครื่องไปเรียนต่อวันนั้น ลูกคลาดกันพอดีกับเขาเพียง 5 นาที เขาบอกว่าเอามาให้ลูก แม่ก็เลยเก็บไว้จนเดี๋ยวนี้
...คืนนั้นผมก็เร่งทำงานให้เสร็จจนง่วงนอนและกำลังจะหลับลง แต่สายตาเหลือบไปเห็นสมุดเล่มสีขาวใหญ่เล่มนั้นที่แม่ได้มอบไว้ให้ตอนรับประทานอาหารเย็น ในใจคิดไม่ออกจริงๆว่าคงเป็นพวกส่งของผิด หรือเอามาให้ผิดไว้แน่ๆ
...สมุดได้ถูกเปิดออก พร้อมน้ำตาที่หลั่งรินออกมาจากดวงตาน้อยๆของผม เป็นน้ำตาแห่งความรู้สึกเสียใจปนดีใจ ที่มีรูปผมทุกฉากทุกตอน ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีคนติดตามชีวิตในวัยมัธยมของผมด้วย ความรู้ดีใจยิ่งเปี่ยมล้นขึ้นเมื่อดูชื่อของเจ้าของสมุดสีขาวรูปหัวใจเล่มใหญ่เล่มนี้ เป็นชื่อของเธอคนนั้น น้องปาล์ม รุ่นน้องม. 5 ที่ผมได้แอบชอบเธอมานาน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เธอก็ชอบผมเหมือนกัน ในตอนท้ายของสมุดได้มีข้อความฝากไว้....
...ไม่รู้ว่าสายไปรึป่าวที่ ผู้หญิงคนหนึ่งจะบอกความในใจออกไป รู้สึกอายจังไม่เคยบอกความรู้สึกให้ใครได้ฟัง แต่ปาล์มคิดว่า ถ้าไม่ได้บอกมันออกไป คงจะเสียใจตลอดชีวิต วันนี้ปาล์มเลยเขียนความรู้สึกในใจที่มีต่อพี่ต้นค่ะ..
...พี่จำได้มั๊ย วันนั้นที่ฝนตก แล้วพี่ติดฝนอยู่ที่โรงอาหาร หนูพยายามแอบมองพี่ แล้วหาทางใกล้ชิดพี่ให้ได้ เพราะปาล์มอยากรู้จักพี่ ไม่รู้จำทำอะไรดีเพือจะได้เข้าหาพี่เลยแกล้งทำเป็นซ้อมการแสดง เชื่อมั๊ย จริงๆปาล์มมีร่มแต่ไม่รู้ทำไม ปาล์มถึงเก็บมันไว้ เพื่อจะได้นั่งคุยกับพี่ เป็นความรู้สึกดีๆครั้งแรกและประทับใจมากที่ได้นั่งคุยกับพี่ในวันนั้น...
...ในช่วงนั้นปาล์มมีความสุขมาก ที่เราได้ใกล้ชิดกันแม้ ว่า เพื่อนปาล์มเค้าจะแอบชอบพี่ก็ตาม แต่ปาล์มก็รู้สึกดีที่ได้ใกล้ชิดกับพี่...
...และอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้ปาล์มรู้สึกน้อยใจเหลือเกิน ปาล์มได้เตรียมดอกไม้ช่อใหญ่จะมอบให้พี่แต่กลับไม่เจอพี่เลยในวันวาเลนไทน์ กะไว้ว่าจะบอกความในใจให้พี่ได้รับรู้ แต่กลับไม่กล้าบอกไปกลัวพี่จะห่างกันไป ความสัมพันธ์อาจเปลี่ยนไปกลายเป็ฯคนไม่รู้จักกัน
... แต่วันนี้ปาล์มก็รู้สึกดีแล้ว แม้ว่าความรู้สึกนั้นจะสมหวังหรือไม่ แ ต่ครั้งหนึ่งก็ได้บอกออกไปให้ชายคนนั้นได้รับรู้ว่า ปาล์มได้แอบปลื้ม ชอบพี่เขามาก สุดท้ายขอให้พี่เดินทางโดยสวัสดิภาพ รักและคิดถึงเสมอนะคะ....ปาล์ม...
...ความรู้สึกเสียใจปนดีใจทำให้ผมน้ำตาไหลออกมา ผมเหลือบไปเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่ฝากไว้ในสมุดเล่มนี้ จึงโทรไป อยากรู้ข่าวคราวของปาล์ม...
...สิ้นสุดเสียงโทรศัพท์ มีคนรับเป็นเสียงของคนคุ้นเคย...
...สวัสดีค่ะ...
...เอ่อ..น้องปาล์มรึป่าวครับ
...ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่านั้นใครพูดคะ
...เอ่อ....พะ พี่ต้นพูดครับ
...พี่ต้น???... อ๋อ พี่ต้นรุ่นพี่ รึป่าวคะ
...ใช่ครับ เป็นงัยบ้างสบายดีมั๊ย
... สบายดีค่ะ พี่ต้นเป็นงัยบ้างตอนนี้เรียนจบแล้วล่ะสิ
...ใช่ครับ แล้วปาล์มล่ะ สบายดีมั๊ญ
...สบายดี พี่กลับมาเมืองไทยแล้วหรอ
...ใช่ครับ... แล้ว....ปาล์ม...??
...ยังไม่ทันได้ตั้งคำถามสิ้นสุด เสียงนั้นก็ไม่รีรอคำถามให้จบก็ตอบโดยพลัน
...ยังหรอกค่ะ ปาล์มก็รอคนไกลคนนั้นกลับมา ปาล์มไม่รู้หรอกว่าเขาคนนั้นจะมีใครแล้วหรือยัง แต่ปาล์มเชื่อมั่นว่าสักวันคงไดเจอกันอีก
...พี่ ยังอดคิดถึงวันเก่าๆไม่ได้เลย พี่อยากบอกว่าพี่แอบชอบปาล์มมานานแล้วเหมือนกัน พี่รู้แล้วว่าพี่ไมได้เพ้อเจ้อไปแต่เพียงคนเดียว ขอบคุณสำหรับการรอคอยที่ยิ่งใหญ่
...คำหนึ่งคำที่พี่ไม่เคยได้พูดออกไป เพราะความไม่กล้าพอ บัดนี้พี่เชื่อมั่นในตัวเองแล้วว่าพี่ไม่อยากปล่อยเวลาให้หลุดลอยไปอีกแล้ว...
...พี่รักปาล์ม..
...พี่ต้นอย่าลืมไปเติมในสมุดเล่มสีขาวนั้นด้วยนะว่าตอนจบเป็นเช่นไร
ความผูกพัน ความทรงจำดีๆ วันคืนบรรยากาศ ของความรักครั้งแรก และจะเป็นครั้งสุดท้าย การเดินทางที่แสนยาวไกล ไม่เคยแปรผลันเปลี่ยนไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว
...แล้วเพื่อนๆว่าอยากให้เป็นเช่นไร...............
...รู้สึกคิดถึงวันเก่าๆทุกที ครั้งนี้ก็เป็นอย่างเคย ผมไปนั่งดูหนังเรื่องหนึ่ง มันทำให้นึกย้อนถึงวันเก่าๆ ไม่รู้ว่าเกิดความรู้สึกอะไร ทำไมผมถึงรู้สึกเหงาเสียเหลือเกิน....
...ประมาณ 6 ปีที่แล้ว...
...ชีวิตในช่วงความรักในวัยเด็กเป็นอะไรที่น่ารักที่สุด แสนจะประทับใจ
...เพื่อนๆคงเคยมีความรักครั้งแรก ไม่ว่าใครก็ต้องมีภาพประทับใจติดตราตรึงในหัวใจ..
ทุกคนย่อมมีคนทีแอบปลื้ม ผมก็เช่นกัน เธอเป็นหญิงที่ดูเรียบร้อยในสายตาทุกๆคน แต่ในสายตาผมเธอทำให้หัวใจผมชุ่มชื้นขึ้นวันใดที่ผมไม่ได้เห็นหน้าเธอ มักจะเกิดความรู้สึกเหงา ผมแอบเขียนจดหมายเป็นกระดาษแผ่นเดียวตั้งไว้ที่ใต้โต๊ะเธอ แอบเก็บรูปเธอ ไปดูงานที่เธอเข้าร่วมด้วย เธอเป็นนักแสดงของโรงเรียน แต่ด้วยชื่อเสียงของห้องเธอทำให้ไม่ค่อยมีใครสนใจการแสดงครั้งนี้มากนัก มีแต่ผมคนเดียวที่ยังคอยแอบดูเธออยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าไปแสดงความยินดีกับเธอเลยสักครั้งเดียว
...ในใจมันอยากจะเข้าไปบอกเหลือเกินว่า “ คุณคือคนเก่งสำหรับผม” ไม่มีเลย ไม่มีสักครั้งที่ใจจะกล้าพอ
...ด้วยเหตุกาลหนึ่งทำให้พวกเราได้มาเจอกัน วันนั้นเป็นวันที่ฝนตก ผมติดฝนอยู่ที่โรงเรียน โดยธรรมดาผู้ชายอย่างผมคงไม่พกพาร่มไปโรงเรียนหรอก ไม่งั้นโดนเพื่อนล้อแย่เลย ผมนั่งหัดเล่นกีต้าร์อยู่คนเดียวที่โรงอาหารของโรงเรียน ที่มีคนอยู่เป็นคู่ๆ นั่งจู๋จี๋กันทำเอาผมอดอิจฉาพวกเขาไม่ได้ แต่ตอนนั้นในใจผมเพียงแค่อยากเล่นดนตรีให้เป็น โดยมีเธอเป็นแรงบันดาลใจอยู่ห่างๆโดยที่เจ้าตัวก็ไม่เคยรู้หรอกว่า เธอคือคนที่ทำให้ผมตั้งใจทำอะไรหลายๆอย่าง เพื่อเธอ
... แต่แล้วครั้นเมื่อ รู้สึกล้าจึงมองไปรอบๆ !!! หัวใจผมเต้นแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อหันไปเห็นเธอกำลังซ้อมการแสดงที่กำลังจะมีจัดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์...
... พี่คะ ....พี่... เอ่อ....ขอโทษค่ะ พี่คะ...
เสียงนั้นทำเอาจิตใจผมที่หลุดลอยไปกลับสติสตางค์กลับคืนมา เธอคนนั้นมายืนอยู่ตรงหน้าผม โดยผมไม่ทันตั้งตัว
...น้องจำพี่ได้นะ พี่ชอบมาดูน้องแสดงละคร ไม่ทราบว่าพี่ชื่ออะไรหรอคะ..
...พี่ชื่อ....ต้น ครับ....
...น้องชื่อ....ปาล์ม ค่ะ..ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ
..ผมกับน้องเขาห่างกันหนึ่งชั้นปี ผมเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 6 น้องปาล์มเขาอยู่ ม. 5 เย็นวันนั้นผมมีความสุขมากที่เป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกัน ถ้าไม่นับวันที่ผมได้แอบปลื้มเธอก็คงเป็นวันแรกที่เราได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ มันช่างสุขใจเสียเหลือเกิน
...หลังจากวันนั้นผมก็ผลันตัวเองไปเป็นเด็กหลังเวที ช่วยงานการแสดงเพื่อที่จะได้เข้าใกล้น้องปาล์มเขา เป็นเวลาแห่งความสุขที่ผมได้เก็บมันไว้ทุกวินาทีที่ได้ใกล้กัน สัมผัสอบอุ่นแม้เพียงมองเธออยู่ใกล้ๆ โดยที่น้องเขาไม่เคยรู้เลยว่ามีใครกำลังแอบมองเธออยู่ เราสนิทกันมากยิ่งขึ้น ผมได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการอยู่ใกล้เธอทุกฝีก้าว เริ่มไปไหนมาไหนด้วยกัน ...
...จนวันหนึ่งความรู้สึกนั้นก็ต้องน้อยลง บวกกับตอนที่ผมมีความในใจจะบอกน้องเขาผมเดินไปหาน้องปาล๋มที่หลังเวทีตอนที่น้องเขากำลังเตรียมบทแสดงอยู่หลังฉาก ไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยคำพูดอะไรออกไป มีเสียงดังร้องทักขึ้นมาก่อนหน้าผม เสียงนั้นเป็นไอบาสเพื่อนร่วมห้องเดียวกันกับผมที่พยายามขอน้องปาล๋มป็นแฟน...
...วันนั้นทำให้ผมรู้สึกว่า การตัดสินใจอะไรบางอย่าง เวลาทุกวินาทีมันช่างมีค่าเสียเหลือเกิน ผมได้แต่โทษความลังเลในจิตใจของผมเอง แต่อีกนัยหนึ่งก็คิดว่า คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว หากผมพูดมันออกไป อาจเสียเธอไปเลยก็เป็นได้ ได้แต่เก็บมันเอาไว้อยู่ในใจต่อไป...
...ถ้าชีวิตมันช่างเหมือนบทละครเสียเหลือเกิน ผมอาจถูกสวมบทตัวร้ายไปโดยปริยาย วันวาเลนไทน์มาถึง พร้อมกับความรู้สึกตัวร้ายเข้าครอบงำ มันเป็นความรู้สึกที่เหงาปนกับความเห็นแก่ตัวที่ผมกำลังจะพูดมันออกไป...
...หลังเลิกเรียนผมไปดักรอเธออยู่ตรงหน้าประตูโรงเรียน เพราะใจผมมันไม่กล้าเสียทีกับการให้ดอกกุหลาบดอกนึงกับเธอ เวลามาถึงน้องปาล์มมาคนเดียว..
...เอ่อ.. น้องปาล์ม พี่มีอะไรจะบอก...เอ่อ...คือ...
...อะไรหรือคะ... พี่ดูหน้าซีดจัง เป็นอะไรรึป่าว..
...คือ..พี่ (แอบชอบน้องปาล์มมานานแล้ว) ไปส่งมั๊ย ได้แต่เก็บความรู้สึกของชายที่ไม่กล้าพอที่จะบอกมันออกไป บวกกับผมเหลือบไปเห็นดอกกุหลาบช่อใหญ่ที่อยู่ในมือของน้องปาล์ม เป็นของไอบาสเพื่อนร่วมห้องที่ขอน้องเขาเป็นแฟน ผมคงไม่มีหน้าไปพบเธออีกแล้ว เพราะใจผมแทบสลาย
...ที่บ้านของต้น...
...ต้น แม่ว่าเราก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว แม่จะส่งต้นไปเรียนต่อที่เมืองนอกนะ ดูผลการเรียนแล้วแม่ว่าเราคงไปได้อีกไกล แม่อยากให้เราเรียนสูงๆจะได้กลับมาช่วยพ่อแม่ทำงานต่อ..
...เป็นเพียงเส้นทางเดียวที่ผมจะหลบหลีกเธอไปให้ไกลที่สุด เพียงหวังว่าจะลบความทรงจำในช่วงนี้ไปได้ คงไปพบเจออะไรใหม่ๆ กับการเรียนที่ต่างประเทศต่อไป...
... 6 ปีต่อมา...
...ผมเรียนจบและได้กลับมาทำงานอยู่ที่บ้านของตนเอง ที่บ้านได้เปิดธุรกิจส่วนตัวที่กำลังไปได้ดี ผมจึงต้องมารับหน้าที่ต่อจากทางครอบครัว...
..เย็นวันหนึ่ง ในขณะที่รับประทานอาหารเย็น...
...แม่ของผมทำท่าเหมือนมีอะไรจะบอก ผม โดยที่แม่ไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ผมเลยยิงคำถามไปก่อน...
...แม่เลยเดินไปหยิบสมุดเล่มสีขาว ที่มีรูปหัวใจเล่มใหญ่มาให้ พร้อมกับบอกว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งเขามาฝากไว้ตอนที่ลูกขึ้นเครื่องไปเรียนต่อวันนั้น ลูกคลาดกันพอดีกับเขาเพียง 5 นาที เขาบอกว่าเอามาให้ลูก แม่ก็เลยเก็บไว้จนเดี๋ยวนี้
...คืนนั้นผมก็เร่งทำงานให้เสร็จจนง่วงนอนและกำลังจะหลับลง แต่สายตาเหลือบไปเห็นสมุดเล่มสีขาวใหญ่เล่มนั้นที่แม่ได้มอบไว้ให้ตอนรับประทานอาหารเย็น ในใจคิดไม่ออกจริงๆว่าคงเป็นพวกส่งของผิด หรือเอามาให้ผิดไว้แน่ๆ
...สมุดได้ถูกเปิดออก พร้อมน้ำตาที่หลั่งรินออกมาจากดวงตาน้อยๆของผม เป็นน้ำตาแห่งความรู้สึกเสียใจปนดีใจ ที่มีรูปผมทุกฉากทุกตอน ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีคนติดตามชีวิตในวัยมัธยมของผมด้วย ความรู้ดีใจยิ่งเปี่ยมล้นขึ้นเมื่อดูชื่อของเจ้าของสมุดสีขาวรูปหัวใจเล่มใหญ่เล่มนี้ เป็นชื่อของเธอคนนั้น น้องปาล์ม รุ่นน้องม. 5 ที่ผมได้แอบชอบเธอมานาน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เธอก็ชอบผมเหมือนกัน ในตอนท้ายของสมุดได้มีข้อความฝากไว้....
...ไม่รู้ว่าสายไปรึป่าวที่ ผู้หญิงคนหนึ่งจะบอกความในใจออกไป รู้สึกอายจังไม่เคยบอกความรู้สึกให้ใครได้ฟัง แต่ปาล์มคิดว่า ถ้าไม่ได้บอกมันออกไป คงจะเสียใจตลอดชีวิต วันนี้ปาล์มเลยเขียนความรู้สึกในใจที่มีต่อพี่ต้นค่ะ..
...พี่จำได้มั๊ย วันนั้นที่ฝนตก แล้วพี่ติดฝนอยู่ที่โรงอาหาร หนูพยายามแอบมองพี่ แล้วหาทางใกล้ชิดพี่ให้ได้ เพราะปาล์มอยากรู้จักพี่ ไม่รู้จำทำอะไรดีเพือจะได้เข้าหาพี่เลยแกล้งทำเป็นซ้อมการแสดง เชื่อมั๊ย จริงๆปาล์มมีร่มแต่ไม่รู้ทำไม ปาล์มถึงเก็บมันไว้ เพื่อจะได้นั่งคุยกับพี่ เป็นความรู้สึกดีๆครั้งแรกและประทับใจมากที่ได้นั่งคุยกับพี่ในวันนั้น...
...ในช่วงนั้นปาล์มมีความสุขมาก ที่เราได้ใกล้ชิดกันแม้ ว่า เพื่อนปาล์มเค้าจะแอบชอบพี่ก็ตาม แต่ปาล์มก็รู้สึกดีที่ได้ใกล้ชิดกับพี่...
...และอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้ปาล์มรู้สึกน้อยใจเหลือเกิน ปาล์มได้เตรียมดอกไม้ช่อใหญ่จะมอบให้พี่แต่กลับไม่เจอพี่เลยในวันวาเลนไทน์ กะไว้ว่าจะบอกความในใจให้พี่ได้รับรู้ แต่กลับไม่กล้าบอกไปกลัวพี่จะห่างกันไป ความสัมพันธ์อาจเปลี่ยนไปกลายเป็ฯคนไม่รู้จักกัน
... แต่วันนี้ปาล์มก็รู้สึกดีแล้ว แม้ว่าความรู้สึกนั้นจะสมหวังหรือไม่ แ ต่ครั้งหนึ่งก็ได้บอกออกไปให้ชายคนนั้นได้รับรู้ว่า ปาล์มได้แอบปลื้ม ชอบพี่เขามาก สุดท้ายขอให้พี่เดินทางโดยสวัสดิภาพ รักและคิดถึงเสมอนะคะ....ปาล์ม...
...ความรู้สึกเสียใจปนดีใจทำให้ผมน้ำตาไหลออกมา ผมเหลือบไปเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่ฝากไว้ในสมุดเล่มนี้ จึงโทรไป อยากรู้ข่าวคราวของปาล์ม...
...สิ้นสุดเสียงโทรศัพท์ มีคนรับเป็นเสียงของคนคุ้นเคย...
...สวัสดีค่ะ...
...เอ่อ..น้องปาล์มรึป่าวครับ
...ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่านั้นใครพูดคะ
...เอ่อ....พะ พี่ต้นพูดครับ
...พี่ต้น???... อ๋อ พี่ต้นรุ่นพี่ รึป่าวคะ
...ใช่ครับ เป็นงัยบ้างสบายดีมั๊ย
... สบายดีค่ะ พี่ต้นเป็นงัยบ้างตอนนี้เรียนจบแล้วล่ะสิ
...ใช่ครับ แล้วปาล์มล่ะ สบายดีมั๊ญ
...สบายดี พี่กลับมาเมืองไทยแล้วหรอ
...ใช่ครับ... แล้ว....ปาล์ม...??
...ยังไม่ทันได้ตั้งคำถามสิ้นสุด เสียงนั้นก็ไม่รีรอคำถามให้จบก็ตอบโดยพลัน
...ยังหรอกค่ะ ปาล์มก็รอคนไกลคนนั้นกลับมา ปาล์มไม่รู้หรอกว่าเขาคนนั้นจะมีใครแล้วหรือยัง แต่ปาล์มเชื่อมั่นว่าสักวันคงไดเจอกันอีก
...พี่ ยังอดคิดถึงวันเก่าๆไม่ได้เลย พี่อยากบอกว่าพี่แอบชอบปาล์มมานานแล้วเหมือนกัน พี่รู้แล้วว่าพี่ไมได้เพ้อเจ้อไปแต่เพียงคนเดียว ขอบคุณสำหรับการรอคอยที่ยิ่งใหญ่
...คำหนึ่งคำที่พี่ไม่เคยได้พูดออกไป เพราะความไม่กล้าพอ บัดนี้พี่เชื่อมั่นในตัวเองแล้วว่าพี่ไม่อยากปล่อยเวลาให้หลุดลอยไปอีกแล้ว...
...พี่รักปาล์ม..
...พี่ต้นอย่าลืมไปเติมในสมุดเล่มสีขาวนั้นด้วยนะว่าตอนจบเป็นเช่นไร
ความผูกพัน ความทรงจำดีๆ วันคืนบรรยากาศ ของความรักครั้งแรก และจะเป็นครั้งสุดท้าย การเดินทางที่แสนยาวไกล ไม่เคยแปรผลันเปลี่ยนไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว
...แล้วเพื่อนๆว่าอยากให้เป็นเช่นไร...............
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ