ต้อยติ่งซินโดรม
เขียนโดย jundee
วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14.43 น.
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 15.54 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
12) เก็บเป็นระเบียบ ต้อยก็ทำได้ครับ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากเรื่องต้อยฯ ได้ห่างหายไปนานกว่าสองเดือน มาคราวนี้เพิ่งมีข้อมูลใหม่ส่งตรงมาจากปากเพื่อนชาวญี่ปุ่น(ทาโร่ซัง)และน้องชาย(โจ) มาหมาดๆ "ทำไมไม่เขียนเรื่องเก็บเอกสารล่ะ?" เอาล่ะค่ะ เพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้เขียนเรื่องนี้ ได้กฤษ์เขียนอีกทีแล้วซีคะ...(555+)
มีอยู่ช่วงนึง ที่ทาโร่ซังต้องไปต่างประเทศเป็นเวลาสองเดือนและได้ฝากบ้านให้เรากับทุกคนช่วยดูแลให้บ้างตามโอกาสอันควร คือแค่คอยดูว่ามีเอกสารอะไรส่งมาบ้าง แล้วช่วยเก็บไว้ให้เขาหน่อย บิลค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ที่ทาโร่ซังจะส่งเงินผ่านบัญชีเราเอาไว้ทุกเดือนเพื่อใช้จ่ายในการนี้โดยเฉพาะ แต่เพราะทุกคนต่างมีงานเยอะ ด้วยเหตุนี้เจ้าต้อยเลยมีหน้าที่คอยเดินไปดูหน้าบ้านของทาโร่ซังทุกวันหลังเลิกงาน หากมีเอกสารหรือ จดหมาย แม้แต่บิลอะไรต่างๆต้อยจะเอามากองแหมะไว้โต้ะทีวีจุดเดิมทุกครั้ง และมันเริ่มมีมากขึ้นๆอย่างช่วยไม่ได้ เพราะนอกจากบิลต่างๆที่ว่ามาแล้ว ทาโร่ซังยังเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์ภาษาญี่ปุ่น(นิฮงซิมบุ้ง)ที่มีมาส่งทุกวัน และนิตยสารหนึ่งฉบับซึ่งเดือนหนึ่งออกสองครั้ง และเธอก็ย้ำนักย้ำหนาว่า "เก็บให้ข่อยแน้เด้อ..." (แฮ่ะๆ..เอาภาษาบ้านเรามาปนๆไปด้วยเดี๋ยวลืมชาติ ฮา..) หน้าที่ง่ายๆแบบนี้ แน่นอนว่า ต้อยคือผู้(ถูกบังคับ)ประมูลไปได้เพียงผู้เดียวแบบไม่มีคู่แข่ง ทาโร่ซังให้ค่าน้ำมันหยอดโซ่กันสนิมรถจักรยานของต้อยเดือนละ500บาท โดยที่ต้อยเองก็เต็มใจ(หน้าด้าน)รับ เพราะไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เดินไป-กลับไม่เกิน50ก้าว ก็ได้ตังค์ใช้แล้วตั้งเดือนละ500บาท สองอาทิตย์ค่อยเปิดประตูบ้านเข้าไปดูทีว่า ขี้ฝุ่นมันหนาถึงสองนิ้วยัง หากไม่ถึงก็สะสมไว้ก่อนรอให้ถึงค่อยกวาดทีเดียว นี่คือหลักการทำงานของต้อย เพียงเดือนแรกหนังสือพิมพ์รายวันที่ทาโร่ซังรับทุกวันก็วางซ้อนจนล้นเอียงกะเท่เร่ทำท่าเหมือนหอเอนปิซ่าที่พร้อมจะ*โหง่ยตั้ม! ..ลงมาทุกวินาที ทำเอาระยะนั้น ทุกคนที่บ้านเดินเป็นจ้าวเป็นนายกันทุกคน คือค่อยๆเดิน และเดินแบบเงียบๆ เกรงใจกองหนังสือพิมพ์จะล้มลงมาค่ะ ครั้นจะบอกให้ต้อยวางจัดเรียงดีๆ ก็คร้านจะบอก เพราะมันฟังแล้วเฉยๆ เราคนบอกต้องพลอยเกรงใจเขาไปด้วย เออ... มันไม่ฟังแล้วเราจะด้านหน้าบอกทำไมเน้าะ...อิอิ...
ที่นี้มีอยู่หนเป็นวันหยุดของทุกคน และพากันนั่งดูหนังที่เช่ามาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ต้อยก็อยู่ด้วย อากาศร้อนจัดมาก เลยเปิดพัดลมเพดานแรงไปหน่อย ช่วงที่พัดลมมันทำงานอย่างซื่อสัตย์นั้น บิลค่าไฟใบน้อยก็ลอยขึ้นบ้างลงบ้างตามจังหวะลมที่พัดผ่าน ทำให้บรรยากาสของการดูหนังที่น้องชายเราเช่ามาไม่สนุก เดี๋ยวบิลใบเล็กๆก็ปลิวว่อนท่องเที่ยวไปทั่วบ้าน รบกวนสายตาและโสตประสาทมาก อีกอย่างเราเกรงว่าจะหาย เลยเดินไปที่ร้านผัดไทยยอมสละเสาเสียบบิลที่ร้านเอามาให้อันนึงแล้วบอกต้อยว่า "เอ๊า!..เอาไปเสียบบิลไว้ซะ แล้วทีหลังนะ เวลามีบิลมีกระดาษอะไรๆของทาโร่ซังมาก้อเสียบไว้แบบนี้ล่ะ มันจะได้ไม่หายไม่ปลิว" ค่ะ ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย ไม่เห็นจะยากเล้ยยย ..จริงมั๊ยคะ?... เหอๆ ..แต่..ต้อยเรา เขาได้สร้างปรากฎการณ์ที่ทุกคนต่างทั้งทึ้ง ทั้งอึ้ง ทั้งงง ให้กับทุกคนจนได้ วันอังคารต่อมา เราไม่เห็นกองหนังสือพิมพ์"นิฮงซิมบุ้ง"ที่เอนได้อีกต่อไป แถมเสาที่เสียบบิลได้มีกระดาษหลากหลายมากมายมาแทนที่ เช่น ใบปลิวKFC , ใบแจ้งการลดสินค้าของห้างใหญ่ๆแถวๆบ้านสามห้างดัง, ใบรายการพิซซ่าพร้อมส่วนลดต่างๆ เราลองเปิดๆดูก็เห็นว่าไม่เป็นไรหรอกหากต้อยจะเก็บเอาไว้ เพราะหากอันไหนไม่จำเป็นก็ค่อยทิ้งก่อนที่ทาโร่ซังจะมาเห็นก็พอ แต่ที่ข้องใจคือหนังสือพิมพ์กว่าสามสิบกว่าฉบับมันหายไปไหนนั่นสิคะ ด้วยความอดทนไม่ไหว และเกรงว่าเพื่อนจะว่าเราได้ว่า วานแค่นี้ก็ไม่ได้ เราเลยต้องตามล่าหาความจริง "ต้อย..หนังสือพิมพ์ของทาโร่ซังอยู่ไหน?" ต้อยยิ้มอมภูมิ แบบภูมิใจมากๆ แล้วพูดกับเราทางสายตาว่า "พี่จันนี่โง่จัง.." ...คือเราไม่ได้คิดเอาเองนะคะ มันส่อออกมาทางสายตาต้อยแบบนั้นเลยค่ะ จริงๆ หากต้อยกอดอกเชิดหน้าพูดได้เหมือนในละครทีวีน้ำเน่า มันต้องออกมาแนวนั้นล่ะค่ะ
แทนที่ต้อยจะตอบ กลับบอกเราว่า "พี่จันไปดูนี่กับผมเร็ว" พลางเดินนำหน้าเราไปที่บ้านของทาโร่ซัง ไขกุญแจประตูเหล็กออก พอประตูบังตาเปิดมาเท่านั้นล่ะค่ะ... ก๊ากๆๆ... ขำแบบลืมสวยไปเลย...ฮ่า ฮ่า.. มีแท่งเหล็กเงาๆยาวแหลมๆประมาณศอกเศษๆชี้โด่พ้นกองหนังสือพิมพ์ที่หนาปึ๊ก!..วางอยู่ที่พื้นข้างประตูขวามือติดกับตู้ใส่รองเท้าพอดิบพอดี วางได้ดีเป็นระเบียบม้ากกก... อย่าลืมนะคะ36ฉบับ ของ36วัน และยังจะมีต่อมาอีกเรื่อยๆทุกวัน...
"ผมให้พี่ที่ทำงานแผนกเชื่อมแกทำให้พี่ เจ๋งป่าว?..(ยิ้มแบบภาคภูมิใจ)..ต่อไปนี้ ที่บ้านโน้น (หมายถึงบ้านที่เราอยู่)ไม่ต้องมาว่าผมอีกแล้ว ไม่หาย ไม่ปลิวด้วย ดีมั๊ยล่ะพี่? ไม่ล้มอีกตะหาก กิ๊กๆ" เราพูดไม่ออกค่ะ ได้แต่นึกว่า ต้อยช่างมีความพยายามเหลือเกิน กว่าจะเอาหนังสือพิมพ์เสียบลงเสาทีละฉบับจนกว่าจะครบ36ฉบับ แล้วยังต้องมาเสียบต่อไปอีกอย่างน้อย24ฉบับ หากไม่ใช่ต้อย คงไม่มีใครทำได้แน่ๆ และพาลคิดไปอีกอย่างคือเรื่อง.. "สีหน้าทาโร่ซัง" ตอนที่เขามาเจอ "ของแปลก"ในบ้านแบบนี้ เขาจะว่าอย่างไรน้อ??
* โหง่ยตั๊ม! = ล้มครืนลง, หงายหลังล้มลง, ล้มไปด้านหลัง (ภาษาอีสาน)
ปล. หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป ทาโร่ซังหากล่องใบใหญ่มาใส่หนังสือพิมพ์แทนค่ะ ส่วนที่เสียบบิลใหญ่ที่สุดนั้น กลายสภาพเป็นที่เขี่ยถ่านเตาไก่ย่างของพี่ทันไปแล้ว และยังใช้ได้ดีอยู่มาจนบัดนี้.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ