สามศพ
1) สาวไส้ศพที่หนึ่ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความน้ำค้างหลังฝนตกหยดใส่กระท่อมปลายนาดัง ติ๋ง ติ๋ง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เกิดพายุพัดถล่มทางตอนเหนือของประเทศไทย ฝนห่าใหญ่ได้ชะล้างลิ่มเลือดด้วยเวลาอันรวดเร็วก่อนศพจะส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งรบกวนโสตประสาทของชาวบ้านในละแวกนั้น หากแต่อะไรที่อยู่ในกระท่อมที่ปลูกไว้สุดลูกหูลูกตาไม่ส่งเสียงร้องขอความเป็นธรรมในรูปของกลิ่น ก็คงไม่อาจมีใครรู้ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นที่นั่น ?
" เก็บไว้เป็นหลักฐานให้หมดนะ ทั้งรองเท้า เสื้อผ้า ชุดชั้นในนั่นด้วย " ผู้กองชี้นิ้วสั่งลูกน้องยศน้อยกว่าตัวเองไม่กี่ขั้นให้รวบรวมหลักฐานทุกชิ้นที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุให้หมด เพราะนอกจากจะไม่มีรอยนิ้วมือแล้วศพก็ยังอยู่ในสภาพ ที่หน้าตาถูกกรีดเละจนไม่สามารถแยกแยะชิ้นส่วนว่าส่วนไหนเป็นอะไร ตรงอวัยวะเพศยังได้ถูกมีดผ่าเป็นแผลลึกยาวเลยขึ้นมาจนถึงสะดือ หลายคนที่เห็นก็อยากจะโก่งคออาเจียนกับสภาพศพและกลิ่นที่คาวเสียยิ่งกว่าปลาเน่าตายมาหลายวัน แต่ด้วยหน้าที่แล้วพวกเขาไม่อาจทำได้ นอกจากจะกลั้นหายใจเป็นระยะเพื่อไม่ให้กลิ่นเข้าสู่ปอดในปริมาณที่มากจนเกินไป
" นี่มันเป็นพื้นที่ของใคร ลองเช็คดูสิหมวด แล้วเรียกเจ้าของเข้ามาสอบปากคำด้วย " ผู้กองยังคงสั่งต่อ
" ผู้กองครับ ดูนี่สิครับ บนตัวเหยื่่อมีรอยสักด้วยครับ ผมว่าเหมือนผมเคยเห็นที่ไหน " เลิศตำรวจรุ่นน้องพลิกศพเกลี่ยเนื้อที่เริ่มเน่าออกถ่ายรูปรอยสักขนาดเล็กเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ผลการชันสูตรพลิกศพออกมา ปรากฏประวัติผู้ตายชื่อ นางสาว เดือนแรม ร่มเย็น อายุ 28 ปี เป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ลูกสาวคนเล็กของนายตุ่ม และนางชบา ร่มเย็น โดยได้คบหาดูใจกับแฟนหนุ่มชื่อ โป้ง มาเป็นเวลาครึ่งปี และเขาก็เป็นพนักงานบริษัทเดียวกันกับผู้ตายด้วย นอกจากนั้นไม่ปรากฏข้อมูลใดๆที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งผิดกฏหมายทุกชนิด อาญชากร ลักทรัพย์ หรือเล่นไพ่ไฮโล จัดได้ว่าเป็นบุคคลที่มีประวัติใสสะอาดคนหนึ่ง ทว่า รูปสี่นิ้วที่ติดอยู่หน้าแฟ้มประวัติ เธอ...อยู่ในข่ายของสาวประเภทสองที่รูปร่างหน้าตาดีทีเดียว ชื่อเก่าของนางสาวเดือนแรมนั้น คือ นายประวุทธ ร่มเย็น ได้ผ่าตัดแปลงเพศเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2535 โดยศัลยแพทย์ธนา ชูกำปั้น หมอประจำโรงพยาบาลผ่าตัดเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่ง
" สวยกว่าผู้หญิงอีกนะเนี่ยหมวด นี่ถ้าไม่รู้ประวัตินะ ยังไง๊ ยังไง ก็ดูไม่ออกว่าเป็นกะเทย เน๊อะ จ่าดูดิ " จ่าสิบเอก รังสรร ยื่นกระดาษที่ถ่ายซีร็อครูปผู้ตายให้จ่าอีกคนดู
" หยุดวิจารณ์กันได้แล้ว แล้วที่ผมสั่งให้ไปสืบชื่่อเจ้าของที่ล่ะ เป็นไงบ้าง ได้เรื่องบ้างมั้ย " เลิศหมุนเก้าอี้รอฟังคำตอบ
" ไปสืบมาแล้วครับ แต่เราไม่พบชื่อผู้รับผิดชอบหรือเจ้าของตัวจริง เจอแต่คนดูแลที่ตรงนั้นน่ะครับ เขาบอกว่ามีนายทุนใหญ่จ้างให้เฝ้าพื้นที่ไว้ อย่าให้ใครเข้ามายุ่มย่าม เพราะถัดไปก็เป็นสวนลิ้นจี่เกือบร้อยไร่แน่ะครับ สงสัยเจ้าของเขาคงกลัวโจรมาโขมยพวกลิ้นจี่ไปขาย และแถวนั้นก็ไม่ค่อยมีบ้านคนหรือหมู่บ้านเท่าไหร่ เขาว่า...ในวันเกิดเหตุ ฝนมันตกหนักทั้งคืน ไม่ได้ยินเสียงคนร้องหรืออะไรเลยครับ หมวดลองคิดดูขนาดรถคนร้ายมันยังไม่ขับเข้ามาเลย แหม~ ฉลาดจริงๆ อุ้มศพใส่กระสอบแบกเดินเข้ามา คงกะว่าน้ำฝนมันจะช่วยชะล้างรอยเท้าแล้วก็โคลนที่ติดให้สะอาดหมดจด ไร้ร่องรอย วิธีการแนบเนียนไม่ธรรมดา ก็ถ้าเป็นโจรกระจอกทั่วไป มันก็คงต้องรนบ้างล่ะ อย่างน้อยก็ต้องทิ้งหลักฐานไว้บ้างแต่นี่ดูสิ... ไ่ม่มีแม้กระทั่งรอยนิ้วมือ หรืออะไรไว้เลย แล้วทีนี้งานหนักก็มาตกอยู่ที่พวกเรา ต้องมาคอยสืบทีละนิดๆ " จ่ารังสรรบ่นร่ายยาว พาลให้เขาคิดอะไรออก
ที่ตลาดเดินเท้าใจกลางเมืองเชียงใหม่ มีร้านขายของจำพวกสแตนเลสรืออะไรก็ตามที่เป็นเครื่องเงินทุกชนิดวางขายให้เกลื่อน เดินลึกเข้าไปอีกก็มีร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นในแบบต่างๆ ทั้งรองเท้า เสื้อเชิ้ต เข็มขัด นาฬิกา จิปาถะ ที่พ่อค้าแม่ค้าจะสรรหามาวางขาย ระหว่างทางที่ตำรวจหนุ่มผ่านไปนั้นก็ทำให้คนในพื้นที่ที่อยู่มาช้านานต่างมองเป็นตาเดียวกัน เพราะความอยากรู้อยากเห็น ไม่ว่าใครก็รู้ว่าเขาเป็นตำรวจที่ทั้งดุ ทั้งเก่ง และเอาจริงกับผู้ก่อการร้ายโดยไม่สนใจผู้มีอิทธิพล หรือใครหน้าไหนทั้งนั้น และยังรู้อีกด้วยว่า เขาเข้ามาในนี้เพื่อจุดประสงค์หลักอย่างเดียว " คือสืบอะไรบางอย่างแน่นอน ! "
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ